webnovel

บทเพลงอารีรัง - Song of Arirang

作者: Voirunefleur
歴史
連載中 · 1.6K ビュー
  • 1 章
    コンテンツ
  • レビュー結果
  • N/A
    応援
概要

Chapter 1การจากลา

โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดของแคว้นฮันซอง เป็นแหล่งรวมตัวของบุรุษและสตรีมากหน้าหลายตา ทำให้มีลูกค้าเนืองแน่นตั้งแต่รุ่งเช้าจนถึงค่ำมืดดึกดื่น และยังเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลและแหล่งข่าวจากทั่วทุกสารทิศที่มาบรรจบอยู่ที่นี่ กีแซงนางหนึ่งวิ่งเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยความร้อนรน หน้าตาตื่นตระหนกราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในยามนี้

'ถ้าหากจะมีสงครามพวกข้าก็คงได้ยินเสียงกลองบุกแล้วละ'

เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกเมื่อเห็นท่าทีที่รีบร้อนของกีแซงคนเดิมที่นางมักจะวิ่งมาที่โรงเตี๊ยมด้วยท่าทีเช่นนั้นอยู่เสมอและนางก็มักจะเปรยถึงการเกิดสงครามระหว่างแคว้น แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเท่าที่ควร

"เกิดขึ้นแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ"

หลังจากที่นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงกลองและเครื่องดนตรีอื่นๆ บรรเลงเพลงอารีรังขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังใช้ชีวิตกันอย่างรื่นรมย์สนุกสนานในยามพลบค่ำเช่นนี้ กีแซงเด็กโซยอนมีหันไปมองทางต้นเสียงที่บทเพลงถูกบรรเลงขึ้นแล้วนางก็ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพียงแค่นางคนเดียวที่ตื่นตระหนกตกใจ แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมเองก็ต่างพากันวิ่งหนีกันอลหม่าน

โซยอนมีวิ่งหนีออกมาจากโรงเตี๊ยมเพื่อกลับไปที่หอกีแซงและเก็บของมีค่าติดตัวไปด้วย ยามนี้แคว้นฮันซองคงไม่รอดจากเงื้อมมือของศัตรูเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงทำให้ปล่อยวางจากสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

เพลงอารีรังดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศของแคว้น ทุกคนต่างก็พากันหาที่หลบซ่อนตัว บ้างก็พากันวิ่งหนีตายแต่ก็ไม่วายถูกฆ่าทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ผู้คนที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นทุกคนกลับไม่ได้นึกอยากจะมีชีวิตรอดเพราะต่างก็รู้ตัวดีไม่ว่าอย่างไรแคว้นฮันซองก็คงจะต้องแตกพ่ายอย่างแน่นอนด้วยการที่ถูกโจมตีโดยไม่รู้ล่วงหน้า เสียงเครื่องดนตรียังคงบรรเลงพลงไม่หยุดเมื่อพวกเขาจะต้องแยกจากกับคนที่รักในเหตุการณ์เช่นนี้

ทหารของแคว้นชอลลาบุกรุกคืบเข้ามาถึงในใจกลางเมืองและเข่นฆ่าผู้คนไปมากกว่านับร้อยคนแล้ว อีซอยองเองก็กำลังต่อสู้ถ่วงเวลาอยู่ที่ทางใต้ของแคว้นเพื่อให้ชาวบ้านได้หนีไปหลบในที่ที่ปลอดภัย ทุกคนต่างก็ตกใจและไม่คาดคิดกับเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

ลูกธนูไฟที่ถูกยิงมาจากทางแดนหลังของนักดาบเพื่อเป็นการสนับสนุนกองกำลังระยะประชิด ทำให้ทหารของแคว้นฮันซองนั้นมีความยากลำบากต่อการสู้รบกับศัตรู ไฟที่กำลังลุกโชนเผาไหม้บ้านเรือนและร้านค้ารอบๆ ทำให้บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นว่าศัตรูกำลังรุกคืบเข้ามาจากทิศทางใดบ้าง

"อีซอยอง…!"

ซองฮันแทดึงแขนของซอยองให้ตามเขาไป เพราะดูจากสถานการณ์ยามนี้แล้วมันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่พวกเขาจะต่อสู้กับทหารของแคว้นชอลลาเพียงลำพัง เสื้อผ้าที่ดูสกปรกและบาดแผลบนใบหน้านั้นมันหนักหน่วงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือกับมันได้ นางพยายามสะบัดมือเขาออกเพราะในทุกๆ นาทีนั้นมีค่าถ้าหากไม่สู้ตอนนี้ แคว้นฮันซองจะต้องดับสิ้นลงอย่างแน่นอน

"ปล่อยข้า! ซองฮันแท!"

ฮันแทไม่ยอมฟังเสียงจากนาง เขาดึงแขนของซอยองให้เดินตามเขาไปอย่างไม่ผ่อนแรง ควันสีดำลอยคละคลุ้งทั่วทั้งบริเวณทำให้ยากต่อการมองเห็น ความอึดอัดและความโกรธแค้นของนางที่มีมันสามาส่งผ่านมาทางน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี เขารู้ดีว่านางรู้สึกเช่นไร แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว หากไม่หนีเอาชีวิตรอดไปตอนนี้เขาเกรงว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายขึ้นกว่าเดิม

"เจ้าบาดเจ็บงั้นรึ?!"

สายตาแข็งกร้าวของซอยองสังเกตเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากด้านในแขนเสื้อของชายหนุ่มจนมาถึงข้อมือ นางกัดฟันแน่นด้วยความไม่ชอบใจแล้วถามเขาด้วยความโมโห แต่ซองฮันแทกลับไม่สนใจแถมยังเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ลูกธนูถูกยิงมาทางที่พวกเขาอยู่จนนับไม่ถ้วน มือข้างขวาของเขาเขาที่ถือดาบอยู่แกว่งไปมาเพื่อทำลายลูกธนูพวกนั้น

"ซองฮันแท!"

เมื่อเขาไม่ยอมสนใจสิ่งที่นางพูด ซอยองก็ทำได้แค่ตะคอกเสียงดังใส่เขาเพราะดูเหมือนเจ้าตัวกำลังบาดเจ็บอยู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของนางแล้วจ้องมองหน้าของหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง ในยามนี้จะมีผู้ใดสนกันเล่าว่าแคว้นของเราจะเป็นเช่นไร ขอเพียงแค่คนที่รักแคล้วคลาดปลอดภัยก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึ

ก่อนที่นางจะได้พูดคำใดออกไป ทหารของแคว้นชอลลาก็วิ่งกรูกันมาทางนี้นับสิบ ซอยองที่เห็นว่าท่าไม่ดีจึงจับดาบตั้งท่าเตรียมจะสู้กับพวกมัน แต่ฮันแทกลับไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เขารีบพานางวิ่งหนีไปตามซอกหลืบแคบๆ ที่พอจะมีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้ หลังจากที่สองแคว้นสู้รบกันมาได้เกือบหนึ่งชั่วยาม เสียงเพลงอารีรังก็เงียบหายไป เปลี่ยนไปเป็นเสียงเครื่องเป่าชนิดหนึ่งที่คอยส่งสัญญาณให้กับพวกของตนได้รับรู้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหน

ทั้งสองขี่ม้าตัวเดียวกันออกมาจากแคว้นฮันซองไปตามทางที่ทุรกันดาร ความแห้งแล้งและพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีแม้แต่ที่จะหลบซ่อนตัว ศพของชาวบ้านนอนตายเกลื่อนทำให้น่าทรหดใจยิ่งนัก ซอยองเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากเสื้อของฮันแทแล้วก็ได้แต่อดทนเอาไว้ เพราะนางคาดหวังว่าตนและบุรุษผู้เป็นที่รักจะสามารถหนีรอดออกไปจากสงครามนี้ได้ แม้สถานการณ์จะบีบคั้นเพียงใดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวอยู่ภายในใจ ยิ่งได้เห็นอาการบาดเจ็บที่ไม่อยากเห็นยิ่งทรมานหัวใจ

"เจ้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ"

นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขาถึงอาการบาดเจ็บ แขนสองข้างกอดรอบเอวฮันแทเอาไว้แน่นด้วยความหวาดหวั่น ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในยามค่ำคืนที่ยากต่อการมองเห็น แต่ถึงอย่างนั้นพระจันทร์เต็มดวงในคืนนี้ก็ยังสว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้บ้างนิดหน่อย

ลูกธนูถูกยิงมาจากระยะไกลมาโดนคอของม้าที่พวกเขากำลังขี่อยู่ เสียงร้องเจ็บปวดของม้าตัวผู้ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ซอยองกับฮันแทตกลงมาจากบนหลังม้าแล้วกลิ้งไปบนทุ่งหญ้า เมื่อได้สตินางก็รีบลุกขึ้นอย่างไม่รีรอ แต่ทว่าซองฮันแทนั้นดูเหมือนจะบาดเจ็บหนักกว่าที่นางคาดเอาไว้

นางพยุงให้ฮันแทลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไปจากจุดนี้ พวกมันมีนักธนูที่ทั้งแม่นและสามารถยิงในระยะไกลได้ แถมอาวุธยังครบมืออีก ยังไงก็อยากที่จะสู้ได้ถ้าหากมีกันเพียงแค่สองคน ร่างกายของสตรีเช่นนางแม้จะเทียบเท่าไม่ได้กับร่างกายของบุรุษแต่ก็ยังแข็งแร็งพอที่สามารถพยุงฮันแทให้ลุกขึ้นมาเดินอยู่แบบนี้ได้

"ใยเจ้าไม่รีบหนีไป"

ซอยองอดทนอดกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุดเพราะไม่ว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงใด นางก็จะไม่มีวันทิ้งฮันแทเอาไว้ที่นี่เพียงลำพัง ในทุกๆ การก้าวเดินของพวกเขานั้นมันทั้งลำบากยากเย็นและมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่นี้จะไปสุดที่ตรงไหน หากพวกเขาหนีรอดไปได้จะเร่ร่อนไปอยู่ที่ใด และถ้าหากหนีรอดจากทหารของแคว้นชอลลาไปไม่ได้จะทำอย่างไร ความคิดที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัวมันบีบคั้นนางเหลือเกิน

"ทุ่งหญ้าแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน…"

แม้นางจะรู้สึกเศร้าสลดอยู่ในใจลึกๆ แต่คำพูดและน้ำเสียงก็ยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมย่อท้อ ไม่มีหยดน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ ซอยองก็ยังคงใจแข็งอยู่ราวกับหินผา

"เมื่อบทเพลงอารีรังดังขึ้นอีกครั้งข้าจะไปหาเจ้า"

ซอยองชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระเช่นนั้นออกมาจากปากของฮันแท ความหมายของบทเพลงอารีรังคือคู่รักสองคนต้องแยกจากกันเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ใช่เป็นการบอกว่าเขาจะรอดชีวิตไปได้ ฮันแทถอดแหวนสีเขียวหยกทิ้งเอาไว้ให้กับซอยองแล้วแย่งดาบมาจากมือของนาง สายตามุ่งมั่นเช่นนั้นทำให้นางร้องไห้ออกมาอย่างทุกข์ทรมานใจ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็คงไม่สามารถห้ามอะไรเขาได้แล้ว

"หากเพลงอารีรังดังขึ้นอีกครั้งแล้วเจ้าไม่มาตามที่กล่าวเอาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้อภัยเจ้า"

あなたも好きかも

จารใจรัก

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เซี่ยฟางหวา บุตรสาวของจวนจงหย่งโหว ยอมสละตนเองไปเข้าร่วมการฝึกฝนกับองครักษ์เงาที่ภูเขาไร้นามตั้งแต่อายุเจ็ดขวบเพื่อค้ำจุนวงศ์ตระกูลในภายภาคหน้า ผ่านไปแปดปี นางทำลายภูเขาไร้นามจนสิ้น ปลอมตัวกลับเข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลกให้นางต้องพบกับเขา อ๋องน้อยแห่งจวนอิงชินอ๋อง พบกันเพียงครั้งนางกลับสลัดเขาไม่หลุด ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะดั้งเดิมของตนได้ ทั้งยังต้องไปเป็นหญิงใบ้คอยรับใช้ข้างกายเขาอีก กลยุทธ์ วิชาแพทย์ นางล้วนฝึกฝนจนแตกฉาน แต่กับ ฉินเจิง ผู้นี้ นางกลับจนปัญญาที่จะต่อกรด้วยจริงๆ

ซีจื่อฉิง · 歴史
レビュー数が足りません
1231 Chs

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง

เฉิงเจียวเหนียงก็เป็นแค่เด็กสติไม่สมประกอบคนหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่เหตุใดนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่เฉิงเจียวเหนียง?' ภาพความทรงจำประหลาดมากมายปรากฏขึ้นมาในหัวของเด็กสาวคนหนึ่ง... ภาพของเฉิงเจียวเหนียง คุณหนูที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในวัดเต๋า แต่จู่ๆ กลับมีเหตุการณ์ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ใจกลางวัดจนทำให้นางสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าแม้ร่างกายจะหายดีเป็นปกติ แต่ความทรงจำของนางกลับหายไปหมดสิ้น นางจึงตัดสินใจกลับมายังบ้านตระกูลเฉิงเพื่อตามหาความทรงจำที่แท้จริงของตัวเอง และระหว่างทางกลับบ้าน นางก็ค้นพบความสามารถพิเศษในการรักษาคน กระทั่งใช้ทักษะนี้ รักษาคนไข้จนเลี้ยงตัวเองได้และกลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะ 'หมอเทวดา' ทว่าทันทีที่คนในตระกูลทราบข่าวการกลับมาของนาง พวกเขากลับมิได้ยินดีแม้แต่น้อย ...แต่ถึงอย่างไร ก็อย่าหวังว่านางจะเป็นเหยื่อให้ใครกลั่นแกล้งเหมือนเมื่อก่อน! และหากจะมีศึกใดที่น่าตื่นใจ... สำหรับนางแล้วก็เห็นจะเป็นศึกในบ้านตระกูลเฉิงหลังนี้นี่แหละ!

ซีสิง · 歴史
レビュー数が足りません
766 Chs

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

จินเฟยเหยาคิดว่าตนเองเป็นคนที่เอาใจใส่ที่สุด ใจกว้างที่สุด และจิตใจบริสุทธิ์ที่สุดในโลกนี้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดคนในโลกนี้จึงชอบรังแกนาง... คิดไม่ถึงว่าน้องชายที่นางดูแลมาจนโตจะทรยศนางเพื่ออนาคตของตัวเอง คิดจะส่งนางไปเป็นเตาหลอมมนุษย์ บังคับให้นางต้องทรยศและเป็นศัตรูกับทั้งตระกูลเพื่อปกป้องชีวิตน้อยๆ ของตน นางเข้าสู่สำนักเซียนอย่างยากลำบาก ทว่าเพราะมีพลังบำเพ็ญต่ำต้อย จึงมักจะถูกคนเอาเปรียบ ถึงแม้โชคร้ายจะกลายเป็นดี ได้ตำราลับบำเพ็ญเซียนพิเศษเฉพาะมาก็ตาม เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเซียนยังอีกยาวไกล ก่อนที่จะเดินสู่จุดสูงสุดต้องป้องกันตนเองให้ได้ก่อน! เซียนไม่ล่วงเกินนาง นางไม่ล่วงเกินเซียน หากเซียนล่วงเกินนาง นางก็จำเป็นต้องร้าย... อ้อไม่ใช่สิ พยายามสู้กลับเพื่อปกป้องตนเอง ดังนั้นนางจึงไร้ยางอายมากขึ้นทุกที...นางสาบานได้ ทั้งหมดเป็นเพราะนางถูกบีบบังคับจริงๆ นะ...

เจิ้งเยวี่ยชูซื่อ · 歴史
レビュー数が足りません
725 Chs

แม่สื่อกำมะลอ

ในฐานะที่ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในโลกนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ เฉินเจียหลิงคิดว่าเธอคงนับได้ว่าเป็นนางเอกคนหนึ่งเหมือนกัน นางเอกทะลุมิติหลายคนไม่มีพลังวิเศษก็เกิดมาในตระกูลสูงส่ง ไม่เป็นหมอหญิงที่เก่งกาจเกิดปลูกผักค้าขายจนร่ำรวย แต่เฉินเจียหลิงเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ มีความสามารถธรรมดา ๆ เธอจึงต้องลงเอยด้วยอาชีพที่อาศัยฝีปากและคารมคมคายที่พอจะมีอยู่บ้าง...แม่สื่อ! เฉินเจียหลิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอจะมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่เหมือนกัน ว่าแต่ว่า...จับคู่ให้คนอื่นไปก็มาก แล้วเธอจะมีโอกาสเจอพระเอกของตัวเองกับเขาบ้างไหมนะ? โอวหยางฮ่าวหรานเคยคิดว่าชีวิตของตนปราศจากสิ้นแล้วซึ่งความสดใสและสีสันอันงดงาม เสมือนละครฉากหนึ่งที่เริ่มต้นด้วยความเจ็บปวด ดำเนินเรื่องด้วยความรวดร้าว และจบลงด้วยความชืดชา เขาตั้งใจจะใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจวบจนวันสุดท้าย เพียงเฝ้ามองโลกอันสวยงามของผู้อื่นจากที่ห่างไกล ดุจเมฆาที่เคลื่อนคล้อยผ่านไปตามกาลเวลา วันที่โอวหยางฮ่านหรานได้พบเฉินเจียหลิงเป็นวันท้องฟ้าสดใส ปราศจากหมู่เมฆ และเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงตอนจบของละครฉากนี้ไปตลอดกาล

ChenNa · 歴史
レビュー数が足りません
4 Chs