webnovel

สนทนากับตำหนักกลาง

หลานหลวงมังสามเกียดรู้สึกโล่งอก ผ่อนคลายพระทัยที่อย่างน้อยการเรียนการสอนของพระองค์ก็มิได้จำกัดเพียงแค่ดรุณศึกษาหรือวิชาการท่องจำ แน่นอนที่สุดว่าบุรุษผู้มาสอนวิชาซึ่งพระองค์หมายใจนั้นทรงหมายตาเสด็จน้ามินเลตยา หลังจากเรื่องในท้องพระโรงหลานหลวงก็ต้องใจไปพบเจ้าตัวอีกครั้ง ทว่าระหว่างทางขบวนของพระองค์ก็พบขบวนผู้หนึ่งรั้งรออยู่

'พระองค์ เจ้าชายน้อยตำหนักกลาง' นาถะยากระซิบโดยที่ตนไม่ได้ออกมาโลดแล่นนอกกาย สองพระองค์สบพระเนตรกันอีกครั้งหลังเรื่องในท้องพระโรง หากเจ้าชายผู้นี้เห็นนาถะยาแล้วไปพูดให้ใครอื่นฟังจริงอยู่คงไม่มีใครเชื่อ แต่ข่าวลืออาจจะทำให้แผนการพระองค์เสียหายขึ้นก็ได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจจึงควรสืบเสาะให้ทราบ

แต่ก่อนอื่นเจ้าชายมาดักรอพระองค์ทำไม

"...ไฉนพระองค์จึงเสด็จมาถึงที่นี่ได้ เจ้าอาสังขทัต"

เจ้าชายน้อยฉายแววเนตรจดจ้องมังสามเกียด คลี่รอยยิ้มสมวัยเยาว์ เดินเข้ามาหาฉันท์มิตร

"เรียกว่าสังข์เถิด มิต้องข้าเรียกว่าเจ้าอา ในตำหนักกลางก็เรียกกันเช่นนั้น...ข้าเองก็จะขอเรียกว่าเจ้าสามนะ" เจ้าชายสังขทัตตรัสเสียงอ่อนโยนกับมังสามเกียด "ยินว่าเจ้าสามร่ำเรียนกับท่านครูได้นอกเหนือจากขนบหงสา แลยังออกนอกวังได้ เป็นความจริงฤๅ"

"จริงพระเจ้าค่ะ"

"น่าสนุก ขอข้าร่วมกับเจ้าสามด้วยคนซิ"

"...ข้าไม่ขัด แต่มีความหนึ่งที่ข้าสงสัยว่าพระองค์ทรงเห็น..."

"น้องสังข์...มาทำกระไรที่นี่"

เสียงหวานเอ่ยแทรกก่อนคำถามของมังสามเกียดจะเอ่ยจบ มิใช่ใครอื่น เป็นเจ้าหญิงยาซาตาตูนั่นเอง มังสามเกียดเบี่ยงสายพระเนตรไปทางอาหญิง

"น้องสังข์...มาหาหลานหลวง...มังสามเกียดฤๅ" เจ้านางน้อยถาม เสียงเนิบช้า ผินพักตร์มองน้องและผู้มีศักดิ์เป็นหลาน

'อายุน้อยกว่าแต่เป็นน้องชายพ่อ เฮ้อ...ราชวงศ์หงสาดูลำดับญาติงุนงงนัก' นาถะยาพูดขณะสิงอยู่ภายในจิตใจ 'ทรงเล่าให้นาถะยาฟังได้หรือไม่ ว่าเรื่องราวพระองค์กับเจ้านางผู้นี้เป็นเช่นไรเป็นมาอย่างไร'

'ข้าไม่อยากเล่า...' เจ้าชายรับสั่งตัดบทอย่างรวดเร็ว

'ฮึ...ตามใจ หากถามความเห็นแล้วเรื่องวุ่นวาย นาถะยาก็ช่วยไม่ได้'

'เจ้าน้อยใจกระไรนาถะยา'

เจ้าชายเค้นถามแต่ดวงจิตในใจไม่โต้ตอบอีก เป็นว่าในสายตาชาวตำหนักกลาง หลานหลวงกำลังทำหน้าบึ้ง ๆ นิ่ง ๆ ไม่ได้พูดจาว่าความอันใด

"คือสังข์กำลังตามไปเรียนวิชานอกวังกับเจ้าสาม" เจ้าชายน้อยเอ่ยพลางเดินไปหลบหลังของมังสามเกียด กอดแน่นแล้วเกาะแขนไว้

"ทั้งสอง...จักออกนอกวัง...ด้วยกันหรือ?" องค์หญิงตรัสก่อนขยับเข้ามาใกล้น้องชาย คนน้องหลบไปทาง คนพี่หันกายไปอีกด้านพ่อสังข์ก็เขยิบหลีก โดยมีหลานชายอยู่ระหว่างกึ่งกลางประหนึ่งเขาพระสุเมรุ มังสามเกียดจึงแข็งทื่อพักหนึ่งก่อนชะงักงันเมื่อเจ้าหญิงน้อยถามในระยะใกล้ "หลานชาย เป็นอันใดฤๅ?"

"มิได้ ข้ามิได้เป็นอันใดเจ้าอาทั้งสอง"

พูดจบ มังสามเกียดก็แตะมือเจ้าชายน้อยตำหนักกลางให้ปล่อยพระองค์จากศูนย์กลางเช่นนี้ ก่อนเขยิบองค์หลีกจากในระยะอันเหมาะอันควร นาถะยาหัวเราะร่าจึงพระองค์นึกเคือง

'มิเป็น น่าขัน เห็นชัดว่าเป็น...ถ่านไฟเก่ามันร้อนรอวันรื้อฟื้น...' นาถะยาเยาะเย้ย เจ้าชายจึงแอบไขว้หลังแล้วหยิกแขน นาถะยาจึงหยุดอาการ

"ข้าเห็นว่าเจ้าชายยังอ่อนชันษา ต้องอายุมากกว่านี้สักหน่อยถึงจะออกนอกวังได้" หลานหลวงตรัสกับเจ้านางผู้พี่

"ข้ามิใช่เด็กแล้วนะพี่หญิง เจ้าสามยังออกไปนอกวังได้เลย ไยข้าจะออกไปไม่ได้เล่า?"

"เพราะหลานหลวงได้รับราชกิจจากพ่ออยู่หัวบาเยงนอง...แลพระนางอตุลมหาเทวีเจ้าอนุญาตจึงออกนอกวังได้" เจ้าหญิงรับสั่งก่อนโค้งศีรษะเล็กน้อยต่อพระโอรสเจ้าวังหน้า "เราต่างรบกวนเวลาหลานหลวงแล้วหนา ต้องขออภัย"

"มิได้...พระเจ้าค่ะ" เจ้าชายรับสั่งเสียงแผ่ว ไม่สบพระเนตรอีกฝ่าย

"เช่นนั้นเรื่องที่เจ้าสามเทียบเชิญเรียนดรุณศึกษาและศาสตร์ทั้งหลาย เราอยากขอเข้าร่วมด้วยในหนหน้า" เจ้าชายน้อยตำหนักกลางตรัสขึ้นไม่ยอมแพ้

"เช่นนั้นไว้วันพรุ่งพบกันที่สนามฝึก ข้าขอลา"

อย่างที่มังสามเกียดทรงเคยรับสั่งไปว่าข้อนี้ตนมิได้ขัด อย่างไรก็ตั้งพระทัยสานสัมพันธ์บรรดาเจ้าชายหรือลูกหลานขุนนางผู้ใหญ่อยู่แล้ว หากทรงผูกมิตรกับพระปิโยรสตำหนักกลางได้ ย่อมเป็นคุณมากกว่าโทษ เจ้าชายน้อยยินดียิ่งเมื่อได้ฟัง เขาจึงจากไปด้วยความร่าเริง พี่หญิงของเขาก้มคล้อยหลังแล้วตามไปหลังจากนั้น

'อยากให้ถึงวันพรุ่งจริงหนอ ขอแค่เฉียดมาใกล้ตัว นาถะยาจะหลอกเขา หากว่าเห็นนาถะยาจริงย่อมตกใจเป็นแน่' ดวงจิตในใจพูดเสริมขึ้นหลังจากทอดมองขบวนสองพี่น้องจากตำหนักกลางเสด็จกลับไปไกลลิบแล้ว

'เช่นนั้นจากนี้ก็ดีแล้ว ช่วงนี้จงอย่าระเห็จระเหินออกมาแล้วกัน' มังสามเกียดเอ็ดเสียงดุ

'เจ้าชาย...แต่คงถึงแก่เพลาแล้วกระมัง เจ้าชายพร้อมเล่าเรื่องรักของพระองค์ให้นาถะยาฟังเพื่อแก้ทางวุ่นวาย'

คำพูดนั้นทำให้ดวงเนตรแข็งกร้าว พระขนงค์ผูกกกลางหน้าผากเป็นปม ก่อนจะทรงถอนปัสสาสะออกมา จำยอมเจ้าผีร้ายในกายตนนี้

'ข้าเคยมีคู่หมั้นหมาย แต่ใจข้ามิได้รักนางผู้นั้น ข้าจำใจแต่งงาน เมื่อรู้ว่าใจอยู่ที่ใด จึงไปสู่ขออาหญิง แต่...'

เจ้าชายไม่พูดอะไร นาถะยาจึงเอ่ยต่อหลังนิ่งเงียบมานาน

'...เดาว่าสาวเจ้าคงไม่รับรัก และที่ทรงทำเช่นนี้ก็หักหลังคู่สมรสยิ่งนัก เลวร้ายนักเจ้าชาย นาถะยานึกออกได้เลยว่าผลลัพธ์การกระทำของท่านไม่โสภาเป็นแน่'

'ใช่ ความรักข้าไม่โสภา สุดท้ายก็ทอดทิ้งไม่ไยดีไม่มีใครเคียงข้างข้าสักคน รู้เรื่องแล้วพอใจเจ้าแล้วซิ'

'ความผิดของพระองค์นาถะยาไม่มีสิทธิให้อภัยหรอก แต่หากทรงอยากระบายกับนาถะยาก็ระบายมาเถิด---ครานี้กาลจะไม่เป็นดั่งเก่า ขอพระองค์โปรดตั้งหลักให้มั่น'

มังสามเกียดก็หมายใจให้เป็นเช่นนั้น หนทางสู่ชัยชนะเบื้องหน้านั้นช่างไม่ง่ายเลย

次の章へ