หลางเสวี่ยพละกำลังถดถอยลงเรื่อย ๆ รวมถึงเสียเลือดไปมากทำให้นางเริ่มรับมือกับสมุนไม่ไหว หางตาเหลือบไปเห็นเนินทรายอยู่ไม่ไกล จึงต่อสู้พลางถอยร่นมาจนถึงเนินทราย เมื่อได้จังหวะก็ยอบกายลงกอบกำทรายเต็มกำมือสาดไปยังเหล่าสมุนที่กำลังจะเงื้อดาบฟาดฟันนาง
ทรายละเอียดสาดเข้าเต็มเบ้าทำให้ทั้งหมดชะงักไปชั่วขณะแล้วร้องโอดโอยกันด้วยความเจ็บลูกตา ลืมตามาอย่างยากลำบากก็เห็นแผ่นหลังของหมาป่าสีขาวกระโจนหนีไปอีกแล้ว
หัวหน้าสมุนครางต่ำด้วยความเจ็บใจ วิ่งตามไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหวี่ยงเชือกในมือเข้าใส่ร่างที่กำลังหลบหนี
เชือกถูกเหวี่ยงมาจนรัดเข้าใส่ขาหน้าของหลางเสวี่ยที่บาดเจ็บพอดี หัวหน้าสมุนกระตุกปลายเชือกอย่างแรงจนเชือกบีบรัดแขนของนางจนเจ็บปวดเกินทน ร่างกายถูกกระชากไปตามแรงจนกระเด็นหงายหลังกลิ้งลงพื้น ปีศาจสาวน้อยในร่างมนุษย์ร้องครางด้วยความเจ็บปวด แผลเหวอะหวะเสียจนเลือดแทบจะไหลหมดตัว
นางถูกจับได้เสียแล้ว!!!
"โธ่….คุณหนู ถ้ายอมไปดี ๆ กับพวกข้าแต่แรกคงไม่ต้องมาเจ็บตัวเยี่ยงนี้หรอก" เสียงแหลมแหบเอ่ยอย่างลิงโลด
สองมือก็ใช้เชือกมัดแขนทั้งสองของนางเข้าด้วยกันเพื่อไม่ให้หนีรอดไปได้อีก
ตอนนี้นางหมดแรงจะสู้แล้วจึงยอมโดนจับด้วยท่าทีสงบนิ่ง พลันสายตาสะดุดกับแขนของสมุนคนหนึ่งที่ด้วนไป
นางยิ้มเย็นออกมาดวงตาฉายความพอใจ
คงจะต้องวิ่งมาด้วยสองขาของมนุษย์เลยสินะ? แค่หักแขนต้องถึงกับตัดแขนทิ้งเลยหรือ ถือว่าใจกล้าไม่เบา
อีกฝ่ายจ้องมองมาอย่างอาฆาตขบฟันดังกรอด ๆ แต่นางไม่สะทกสะท้านกับรังสีพิฆาตที่ทิ่มแทงมาแม้แต่น้อย ทำเพียงสบตานั้นอย่างไม่กลัวเกรงและส่งยิ้มเย็นตอบกลับไป สมุนที่แขนด้วนสะบัดหน้าไปทางอื่นเพื่อข่มอารมณ์ที่อยากจะสับคุณหนูเป็นชิ้น ๆ ร้องเสียงในคอฮึ่มฮั่ม
ส่วนหัวหน้าสมุนที่โดนฟันกลางหลังก็ทำการใส่ใบไม้ห้ามเลือดปิดแผลเรียบร้อยแล้ว น่าเสียดายที่นางกำลังไม่พอ
ไม่เช่นนั้นเจ้าสมุนนี่คงจะได้ตัวขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว!!
นางเริ่มหัวเสียเล็กน้อยกับการอ่อนด้อยกำลังวรยุทธ์ของตนทำให้ดวงตาเปล่งประกายสีแดงจาง ๆ
คุณหนูหลางเสวี่ยก้าวเดินมั่นคงอยู่ในวงล้อมของเหล่าสมุนปีศาจหมาป่า บาดแผลฉกรรจ์ที่แขนนางได้ทำการใส่ยาพันผ้าเรียบร้อยแล้ว อาการเจ็บปวดก็ค่อยทุเลาลง
ระยะเวลาที่วิ่งกับระยะเวลาที่เดินนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นไม่รู้ว่ากว่าจะกลับไปถึงแดนของชนเผ่าปีศาจหมาป่าต้องใช้เวลากี่วัน ขืนให้วิ่งไปเช่นขามาคงไม่ไหว อีกอย่างเดี๋ยวเจ้าหมาป่าน้อยตนนี้อาจหนีรอดไปได้อีก
เดินทางมากว่าสองชั่วยามทั้งหมดจึงนั่งพักที่ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง นางเลือกนั่งบนก้อนหินใหญ่สะอาดก้อนหนึ่งที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พอพิงได้ เมื่อนางนั่งแล้วก็เอนหลังพิงต้นไม้แล้วหลับตาลงราวกับต้องการขอนอนพักผ่อนก่อน
สมุนทั้งหมดเดินเลี่ยงออกไปไกลระยะหนึ่งที่สามารถจับตามองคุณหนูที่กำลังหลับอยู่ได้ แล้วพูดคุยกันเสียงเบา
ทว่าไม่อาจเล็ดลอดหูของคนที่หลับอยู่ได้
สมุนแบ่งคนเฝ้าคุณหนูน้อยสองคน ส่วนที่เหลือจะไปช่วยกันล่าอาหาร ทั้งสองคนที่เฝ้าหนึ่งในนั้นเป็นปีศาจที่แขนด้วน ส่วนอีกคนคือเจ้าปีศาจหมาป่าเสียงแหลมผู้ที่มัดมือของนาง ทั้งสองนั่งหันหลังห่างจากนางสามจั้งคนละฝั่งด้วยเพราะคิดว่านางคงจะเหนื่อยมาก ไม่มีแรงจะต่อสู้หรือวิ่งหนีตอนนี้ได้ แถมระยะห่างแค่นี้ก็สามารถหันกลับมาเห็นได้สบาย
แต่นั่นก็คือความคิดอันประมาทของสมุนทั้งสอง
หลางเสวี่ยลอบลืมตาเล็กน้อยคอยสังเกตอยู่เป็นระยะเมื่อใดที่สมุนตนไหนหันกลับมานางก็จะหลับตาลงทันที
ถ้าสู้กับทั้งสองตอนนี้ก็มีโอกาสไม่ถึงครึ่ง เพราะอีกฝ่ายมีคนนึงที่แขนด้วนส่วนอีกคนมีกำลังเต็มเปี่ยม ส่วนนางยังพอมีกำลังเหลืออยู่แต่คงไม่สามารถเอาชนะได้เป็นแน่ หรือจะหนีไปตอนนี้?.....…นางคงวิ่งได้ไม่ถึงไหนก็ต้องโดนจับแน่
ปีศาจหมาป่าน้อยคิดวุ่นไปมาจนเผลอหลับเข้าจริง ๆ ในห้วงนิทรานางก็ยังคิดหาแผนการต่าง ๆ จนสามารถหนีไปจากเหล่าสมุนของท่านอารองได้ แต่นั่นก็เป็นความฝัน ลืมตามาอีกทีก็เห็นอาหารอันโอชะวางอยู่เบื้องหน้าแล้ว
"คุณหนู...….เชิญกินเนื้อหมูป่าก่อนเถิด" เสียงทุ้มต่ำของหัวหน้าสมุนกล่าว
ปีศาจหมาป่าน้อยเมื่อเห็นอาหารอยู่ตรงหน้าท้องก็ร้องโอดครวญกันเกรียวกราว ทว่าเพื่อความมั่นใจนางลองสูดดมกลิ่นที่ปะปนลอยมาในอากาศ
อืม......ไม่มีพิษ มีแต่กลิ่นคาวเลือดสด ๆ
นางกลายเป็นร่างหมาป่าและกัดกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจสายตาจับจ้องทั้งหกคู่ที่มองอยู่แม้แต่น้อย เห็นท่าทีว่าง่ายของคุณหนูพวกตนค่อยวางใจหน่อย แล้วหันมาจัดการหมูป่าอีกตัว
เดินทางมาจนรอบกายมืดมิดอาศัยเพียงแสงนวลลออจากจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าแต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหากับปีศาจหมาป่าทั้งเจ็ดตัวที่ย่างก้าวกันท่ามกลางเงามืดของหมู่แมกไม้เลย
หมาป่าร่างเพรียวสีขาวกระจ่างเดินเป็นจังหวะอยู่ตรงกลางวงล้อมของหมาป่าสีเทาร่างยักษ์ตัวอื่น ๆ ตัวหนึ่งที่เดินนำหน้าสุดมีรอยบาดแผลที่กลางหลัง แต่มันยังคงเดินราวกับไม่เจ็บปวดอะไร น่าแปลกที่มีมนุษย์อยู่ในกลุ่มนั้นด้วยเป็นชายหน้าเข้มแขนขาดด้วนคนหนึ่ง หารู้ไม่ว่านั่นก็เป็นปีศาจหมาป่าเช่นกัน
เดินมาได้ระยะหนึ่งหมาป่าที่เดินนำหน้าก็หยุดเดินกะทันหันแล้วหันกลับมาในร่างมนุษย์พลางเอ่ยเสียงเรียบ
"เราจะค้างกันที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ"
หมาป่าร่างเพรียวกลับร่างมาเป็นมนุษย์แล้วไม่เอ่ยอะไร ร่างบางเดินดูพื้นที่แถวนั้น เจอพื้นที่แห่งหนึ่งพอเป็นที่หลับนอนได้ จึงทรุดตัวนั่งพิงกับต้นไม้ แล้วปิดเปลือกตาลง ปีศาจหมาป่าที่เหลือต่างมองการกระทำของคุณหนูอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นนางหลับสนิทดีแล้วก็หาที่ทางของตนเพื่อนั่งเฝ้าเวรยาม
ดึกสงัดเสียงนกกลางคืนและเสียงแมลงบางชนิดร้องกันก้องป่า ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวมิน้อย ดวงตาสีน้ำเงินทอประกายแสงสดใสหรี่มองไปรอบทิศเพื่อลอบสังเกตการณ์ สมุนของท่านอาบางคนก็นั่งสัปหงกอยู่ข้างดงหญ้า บางคนอยู่ในร่างหมาป่านอนกับพื้น หัวหน้าสมุนในร่างหมาป่านั่งนิ่งจดจ้องไปยังป่าเบื้องหน้าอย่างแน่วแน่ราวกับจะมีตัวอะไรกระโจนออกมา หลางเสวี่ยลองขยับเขยื้อนกายเพื่อหยั่งเชิง หัวหน้าสมุนหัวขวับมาทางต้นเสียงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
นางจำต้องเก็บสายตาแสร้งหลับต่อ รอจนความรู้สึกที่โดนจับจ้องหมดไปก็เปิดเปลือกตาบางขึ้นอีกครั้ง
คนที่รับมือยากที่สุดเห็นจะเป็นหัวหน้าสมุนนี่แหละ นางเชื่อว่าพวกมันไม่สังหารนางหรอกในเมื่อกระบี่หิมะจันทรานั้นอยู่กับนาง เช่นนั้นแล้วนางควรทำอย่างไรดีจึงจะสามารถหนีรอดจากการจับกุมนี้ได้?......…
หัวคิ้วเรียวยาวขมวดมุ่นครุ่นคิดตลอดคืนจนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย............…
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านกิ่งไม้สาดส่องมายังผืนดินเบื้องล่าง หลางเสวี่ยค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งเพราะที่ ๆ
นางนั่งอยู่นั้นแสงแดดส่องมาเต็มตาพอดี สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือร่างกายกำยำของหัวหน้าสมุนที่ยืนหันหลังให้อยู่ ส่วนลูกน้องทุกคนก็พากันยันกายขึ้นยืนตรงแน่วดังเช่นหัวหน้าตน เห็นดังนั้นนางจึงหยัดกายขึ้นปัดเศษดินเศษใบไม้ที่ติดตามชายกระโปรงขาวออกจนหมดแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
"ข้าต้องการล้างแผลที่ลำธาร" เหล่าสมุนทุกคนหันมาอย่างพร้อมเพรียงแล้วทำท่าทางพูดคุยกันโดยไม่ออกเสียง
สักพักก็มีชายคนเดิมสองคนที่เคยเฝ้านางก้าวเข้ามาหาแล้วพานางไปยังลำธารที่ใกล้ที่สุด ส่วนอีกสี่คนที่เหลือก็ไปล่าอาหารเช่นเคย
ทั้งสองนำคุณหนูปีศาจหมาป่ามายังลำธารแห่งหนึ่งที่ไม่กว้างใหญ่มากสามารถแช่น้ำได้ถึงเข่า ร่างบางเดินมาหยุดริมลำธารตรวจดูสภาพน้ำแล้วใช้มือรองน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นก็ล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
พลันนั้นมีเสียงต้นหญ้าเสียดสีกันที่ป่าด้านข้างบริเวณที่พวกเขาอยู่ไม่ไกล นั่นไม่ใช่เสียงของลมที่พัดผ่านไป
และไม่ใช่เสียงเหยียบย่ำของสัตว์ตัวใหญ่ จมูกนางได้กลิ่นบางอย่างโชยมาจาง ๆ
นางเหลือบไปมองด้านหลังเห็นสมุนสองนายคนที่แขนด้วนยืนหันหลังให้ส่วนอีกคนที่หน้าตาเสี้ยนแหลมกำลังจ้องนางตาไม่กะพริบราวกับกำลังจับผิดนางอยู่
"ข้าอยากได้สมุนไพรใส่บาดแผล" นางพูดเสียงเย็น
"ได้เลยขอรับคุณหนู รอพวกข้าประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ข้าจะรีบไปเก็บมาให้เดี๋ยวนี้" เสียงแหลมของคนที่เมื่อครู่จ้องนางอยู่เอ่ยพร้อมกับพยักพเยิดหน้าใส่ชายที่แขนด้วนให้ไปช่วยกันหาสมุนไพรมาให้แก่คุณหนูที่กำลังจะล้างแผล
นางผุดลุกขึ้นยืนแล้วทว่าเสียงแหลมนั้นยังไม่จากไป "แต่ทว่าข้าต้องขออภัย...….."
ไม่ทันตั้งตัวนางก็รู้สึกถึงความชาที่แผ่ลามไปทั้งร่างกายร่างกายแข็งทื่อขยับไม่ได้
นางโดนสกัดจุดไม่ให้เคลื่อนไหว!!!
ดวงตานางฉายแสงวาบสีแดงครู่หนึ่งตัดกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม จ้องสมุนปีศาจหมาป่าหน้าตาเจ้าเล่ห์ด้วยความอำมหิต
"โถ.....…คุณหนูได้โปรดอย่าโทษกันเลย เป็นเพราะท่านเองนั่นแหละที่ลื่นไหลยิ่งกว่าปลา ถ้าหากท่านหนีไปได้อีกพวกข้าก็คงแย่พอดี" กล่าวจบก็หัวเราะอย่างพอใจกับสมุนแขนด้วนอีกตนแล้วพากันเดินเข้าป่าไป ทิ้งคุณหนูหมาป่าน้อยยืนแข็งทื่อหน้าลำธารอย่างเดียวดาย
สาวน้อยปีศาจพยายามทลายจุดด้วยตนเองแต่ก็ไร้ผลเพราะวรยุทธ์กำลังภายในนางยังไม่มากพอ แต่นางไม่ละความพยายามยังคงเกร็งลมปราณเพื่อจะทลายจุดจนผุดเหงื่อที่กรอบหน้าและหน้าแดงไปหมด
แซก ๆ ๆ ......เสียงนั้นอีกแล้ว......….ยังไม่มาอีกหรือ?...….
ร่างในชุดขาวยืนนิ่งรอดูสถานการณ์ จากการฟังเสียงแล้วไม่ใช่สัตว์ตัวใหญ่และไม่ใช่สัตว์มีพิษ แถมยังมีกลิ่นของ
ปีศาจอีกด้วย
ฟุ่บ!...หน้ากระต่ายตัวน้อยสีขาวโผล่ออกมา ดวงตาดำขลับสบกับดวงตาสีน้ำเงิน ทั้งสองต่างสงบนิ่งไม่มีใครเอ่ยอะไร กระต่ายน้อยเอียงหน้าอย่างสงสัย แล้วเอ่ยด้วยเสียงของสัตว์ถามนางว่า "เจ้าเป็นปีศาจหรือ?"
ได้รับความเงียบเป็นคำตอบรวมถึงสายตาเย็นชา......…..
เจ้ากระต่ายสีขาวขนปุกปุยเหลียวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะกระโดดหย็องแหย็งออกมาจากที่ซ่อนตรงเข้ามายังร่างมนุษย์ที่ยืนนิ่งอยู่ มาถึงแล้วอีกฝ่ายดูไม่แยแสนางเท่าใดนักแถมยังไม่พูดอะไรสักคำ
" เจ้าเป็นหมาป่าหรือ?"
คำตอบก็ยังเป็นเช่นเดิมคือความเงียบ
เห็นท่าทีแปลกประหลาดของนางกระต่ายน้อยจึงยืดกายกลายเป็นร่างมนุษย์บอบบางในชุดสีขาวหน้าตาจิ้มลิ้ม
น่ารัก อีกฝ่ายปรายสายตามามองแล้วหันไปมองลำธารดังเช่นเดิม
"เจ้าโดนสกัดจุดนี่เอง" ปีศาจกระต่ายน้อยเดินวนรอบกายของคนที่ยืนแข็งทื่อ แต่หมาป่าน้อยก็ยังไม่ตอบอันใด
"ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่...."
สิ้นเสียง แววตาที่เย็นชาไม่สนใจเมื่อครู่กลับเบิกกว้างเปลี่ยนเป็นสีส้มหมุนขวับมายังปีศาจกระต่ายน้อยทันที
ปีศาจกระต่ายน้อยตะลึงกับสีตาของอีกฝ่ายยิ่งนักที่แปรเปลี่ยนไปอีกสีทำให้เผลอจ้องตานั้นจนลืมตัว
"ว่ามา" เสียงเย็นเยียบเอ่ยมาจากปากของคนตรงหน้า
อ้าว!....นางไม่ได้โดนสกัดจุดใบ้นี่!