webnovel

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์ : ตอนที่ 23 ท่านเทวฑูตทั้งสี่

หลังจากที่จิตทิพย์แห่งอริยะสงฆ์ ผู้เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ใหญ่

ของเธอในชาตินี้ ได้เมตตาส่งกระแสจิตมาบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า

นิมนิม ก็ยิ่งอดทนต่อทุกขเวทนาทั้งทางกายและทางใจของเธอเองมากขึ้น

โดยไม่ปริปากบอกญาติคนใดให้ต้องวิตกกังวลต่อการเฝ้าดูแล

มารดาผู้พิการ และนอนติดเตียง ในระยะสุดท้าย

" อีกไม่นาน..... ? หมายถึง 1 ถึง 3 เดือนหรือเปล่าหนอ? "

นิมนิม ครุ่นคิดถึงคำพูดจากทางจิตของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เงียบ ๆ ทุก ๆ ครั้งที่เหล่าครูบาอาจารย์มีเมตตาส่งกระแสจิต

ทางทิพย์มาบอกเหตุใด ๆ แก่เธอนั้น แน่นอนว่าจะมีเหตุดีหรือร้ายเรื่องนั้น ๆ

เกิดขึ้นในอนาคตอย่างมิต้องสงสัย!! แต่.. ทุก ๆ ความลับของสวรรค์นั้น

จะมีกฎอยู่ว่า : ไม่ให้ล่วงรู้วันเวลาที่ชัดเจน แน่นอนแบบตายตัว

เพราะนิมนิม หาใช่บุคคลซึ่งเป็นพระอริยะเจ้าผู้หมดจากกิเลสนานา ไม่!!

วันหนึ่ง หลังการรับประทานอาหารเหลวผ่านทางสายยาง ไหลลงคอ

ไปสู่กระเพาะอาหาร ของผู้เป็นมารดา ในขณะที่นิมนิมยืนอยู่ตรงหัวเตียงพยาบาล

ที่ซึ่งมีร่างผอมแห้งของมารดานั่งอยู่ในท่าเอนประมาณ 60 องศา ตามระดับ

การปรับเตียงสำหรับผู้ป่วยที่กำลังย่อยอาหาร

" มื้อคืนนี้ ก่อนไก่ขัน แม่เห็นผู้ชายแต่งชุดตำรวจ

ย่างเข้ามาในห้องเฮานี้ตั้งสี่คน ตั้ว! "

(แปลจากอีสาน : เมื่อคืนนี้ ก่อนไก่ขัน แม่เห็นผู้ชายแต่งตัวชุดตำรวจ

เดินเข้ามาในห้องของเรานี้ถึงสี่คน นะ! )

จู่ ๆ คุณแม่ก็เอ่ยขึ้น และเอียงหน้ามามองลูกสาวคนกลาง ผู้ที่เธอรัก

และห่วงใยมากที่สุด ซึ่งกำลังถือถุงยางอาหารเหลวและกำลังเทน้ำอุ่นลงไป

ในถุงนั้น ก่อนที่จะยกถุงขึ้นห้อยไว้บนเสา ในระดับที่แพทย์กำหนดให้

เพื่อให้น้ำดื่มหลังจากทานอาหารเหลวหมดลงแล้วแก่ผู้ป่วยนอนเตียง

" ติจ้า แล้วเขาพากันเข้ามาเฮ็ดอีหยังจ้าแม่? "

( แปลจากอีสาน : หรือคะ แล้วเขาพากันเข้ามาทำอะไรคะแม่? )

นิมนิม รีบตอบมารดาเพื่อแสดงความใส่ใจต่อสิ่งที่ท่านกำลังพูด

" เขาย่างเข้ามายืนล้อมเตียงแม่นี่หละ ข้างละสองคน เขาบอกว่า

เขามาจับไพ่เอาไปปรับ พะนะ "

( แปลจากอีสาน : เขาเดินเข้ามายืนล้อมเตียงของแม่นี่แหละ

ข้างละสองคน เขาบอกว่าเขามาจับไพ่เพื่อเอาไปเสียค่าปรับ )

นิมนิม ห้อยถุงอาหารไว้บนเสาข้างเตียงแล้ว จึงหันมาพูดคุยกับแม่

ผู้ให้กำเนิดของเธอด้วยความรักและสนใจ เธอก้มหน้าลงมองหน้าแม่

และยกมือของเธอขึ้นมาลูบเบา ๆ บนหลังมือผอมแห้งของผู้ให้กำเนิด

เพื่อแสดงความรัก และเป็นการถ่ายเทความอบอุ่นให้กับผู้ป่วย

" แล้วแม่ ว่าจั่งได๋กับเพิ่นจ้า? "

( แปลจากอีสาน : แล้วแม่ พูดว่าอย่างไรกับท่านคะ? )

" แม่กะย่านแฮง!! ย่านเพิ่นพากันเอาโตแม่ไปมื้อนี้

แม่กะเลยฟ้าวบอกเพิ่นว่า : ข้อยสวดอิติปิโสซูมื้อ ๆ ละ 108 เทือ

แล้วกะลูกสาวของข้อยผู้นั้น : แม่ชี้ไปทางที่โตกำลังนอนหลับอยู่กับน้องณิว

เขากะสวดมนตร์นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้ข้อยอยู่ซุมื้อ บ่ เคยขาด

อย่าฟ้าวมาเอาข้อยไปเถาะ เจ้านายเอ๊ย! เหลือโตนฉันแน

ฉันยังอยากอยู่กับลูกกับหลานไปอีก "

( แปลจากอีสาน : แม่ก็กลัวมาก!! กลัวท่านเอาตัวแม่ไปวันนี้

แม่จึงรีบบอกท่านไปว่า : ฉันสวดอิติปิโส ทุกวัน ๆละ 108 จบ

และลูกสาวของฉันคนนั้น : แม่ชี้มือไปทางที่นิมนิมกำลังนอนหลับอยู่กับน้องณิว

เขาก็สวดมนตร์นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้ฉันทุกวัน ไม่เคยขาดเลย

อย่าพึ่งมาเอาฉันไปเลยนะคะ เจ้านาย เอ๊ย! )

แม่ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและหวาดกลัว พร้อมยกมือซ้าย

ซึ่งใช้ได้เพียงข้างเดียว ตั้งแต่เส้นเลือดในสมองของแม่แตก!!

ในครั้งที่สองเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากแม่ผ่าตัดและฟื้นชีวิตขึ้นมา

แม่ก็กลายเป็นผู้ป่วยอัมพฤกษ์ด้านขวาตลอดทั้งร่าง!!!

แม่ชี้นิ้วมือไปทางปลายเตียงด้านที่เป็นที่นอนของนิมนิมกับลูกชายคนเล็ก

คือน้องณิว ซึ่งปูอยู่บนพื้นห้องอย่างเรียบง่ายตามแบบวิถีชีวิตชาวอีสาน

" แล้วแม่กะฟ้าวซี้มือไปทางโตนอนอยู่กับน้องณิว นั่นแหล่ว!

เพิ่นกะหันไปเบิ่งทางนั้นกับมือแม่ แล้วเพิ่นผู้หนึ่งทรงสิเป็นหัวหน้าหมู่

เพิ่นกะหันหน้ามาเหลียวเบิ่งแม่ "

(แปลจากอีสาน : แล้วแม่ก็รีบชี้มือไปทางที่ลูกนอนอยู่กับน้องณิว เลยสิ!

ท่านก็หันไปมองทางนั้นตามมือของแม่ แล้วท่านหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทีม

ท่านก็หันหน้ามามองดูแม่ )

นิมนิม เชื่อทุกสิ่งที่คุณแม่ของเธอกำลังเล่าให้เธอฟัง เพราะแม่ของเธอ

คือผู้ป่วยนอนเตียงในระยะสุดท้าย ผู้ซึ่งมีอาการเจ็บป่วยเข้าขั้นโคม่ามา

หลายต่อหลายครั้งแล้วในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ดังนั้น "จิตของผู้ป่วย"

จะอยู่ครึ่งๆระหว่าางภพภูมิของคนเป็น (เชื่อมต่อกับกายเนื้ออยู่) กับ

ภพภูมิของคนตาย (เชื่อมต่อกับโลกทิพย์ด้วยจิต ) ที่มีการเข้าและออก

จากร่างเป็นบางเวลา เช่น ในเวลาที่นอนหลับลึก หรือสลบ เป็นต้น)

" นางเซื่อแม่จ้า "

นิมนิม มองสบตามารดาด้วยความรักและเข้าใจอย่างสุดหัวใจ พร้อม ๆ กับ

ลูบบนหลังมือและแขนของแม่ไปด้วยเบา ๆ เพื่อปลอบโยนจิตใจของมารดา

" บาดนี่! ผู้เป็นหัวหน้าหมู่่กะเลยเว้ากับแม่ว่า" :

" เอาหละนางสวาทเอ๋ย!

ครั้งนี้ถือว่าพวกเรามาเยี่ยมก็แล้วกัน พวกเราจะยังไม่เอาตัวเจ้า

ไปเสียค่าปรับก็ได้ เพราะท่านนั้น! "

แม่ว่าเพิ่นคือสิหมายถึงโตนั่นหล่ะหล่า เพราะเสียงของเพิ่น

เป็นทรงเกรงอกเกรงใจโตหล๊ายหลายเด๋!

" ได้สวดมนตร์ รักษาสมาทานศีล ทำสมาธิ แผ่เมตตาจิตให้เจ้าอยู่ทุกวัน

พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องให้ความเคารพท่านเช่นกัน แต่ ครั้งหน้า

พวกเราจะกลับมาใหม่!! ขอให้เจ้าเตรียมตัวเอาไว้ด้วย "

( แปลจากอีสาน : คราวนี้! ผู้เป็นหัวหน้าทีมจึงพูดกับแม่ว่า

"เอาหล่ะนางสวาท เอ๋ย! ครั้งนี้ถือว่าพวกเรามาเยี่ยมก็แล้วกัน

พวกเราจะยังไม่เอาตัวเจ้าไปเสียค่าปรับก็ได้ เพราะท่านนั้น!"

แม่ว่าท่านคงจะหมายถึงลูกนั่นแหละหล่า เพราะเสียง

ของท่านดูท่าทางเกรงอกเกรงใจลูกมากๆเลย!

" ได้สวดมนตร์ รักษาสมาทานศีล ทำสมาธิ แผ่เมตตาจิตให้เจ้าอยู่ทุกวัน

พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องให้ความเคารพท่านเช่นกัน แต่ ครั้งหน้า

พวกเราจะกลับมาใหม่!! ขอให้เจ้าเตรียมตัวเอาไว้ด้วย " )

แม่ของนิมนิม มีแววตาที่ดูตื่นตระหนกหวาดกลัวมาก ๆ

ในขณะที่กำลังเล่าเรื่องที่ตนเองมองเห็น ให้บุตรสาวคนกลางรับฟัง

" พอเว้าแล้ว เพิ่นสี่คนกะพากันมองไปทางที่โตนอนหลับอยู่

แล้วกะพากันย่างออกจากประตูห้องทางนี้ หายไปเลย!!

จั่งวาหายไปไส? หมาเฮือนเฮานอนเฝ้าอยู่ทางนอกตั้งหลายโต กะบ่เห่าจั๊กแอะ!!

โอ๊ย!! แม่ว่าเพิ่น บ่ แม่นตำรวจดอกหล่า เพิ่นต้องปลอมโตมาเว้ามาบอกแม่ซือ ๆ

แม่ย่านแฮงหลายกะเลยนอน บ่ หลับอีกเลย แม่เลยนอนสวด :

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ฯ

ตามที่โตเคยสอนแม่ไว้ ไปเรื่อย ๆ จนว๊า!! โดนเติบ!!

แม่จั๊งหลับไปแต่ยามได๋? แม่กะ บ่ ฮู้ ? "

(แปลจากอีสาน : " พอพูดจบ ท่านสี่คนก็พากันหันไปมองด้านที่ลูกนอนหลับอยู่

แล้วก็พากันเดินออกจากประตูห้องทางนี้ หายไปเลย!!! ไม่รู้ว่าหายไปไหน?

สุนัขบ้านเรานอนเฝ้าอยู่ด้านนอกตั้งหลายตัวก็ไม่เห่าสักแอะ!!

โอ๊ย!! แม่ว่าท่านไม่ใช่ตำรวจหรอกลูก ท่านต้องแปลงกายมาพูดมาบอกแม่เฉย ๆ

แม่กลัวมาก ๆ ก็เลยนอนไม่หลับอีกเลย แม่เลยนอนสวด

: อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ฯ

ตามที่ลูกเคยสอนแม่ไว้ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง!! นานพอควร!!

แม่จึงเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน? แม่ก็ไม่รู้ " )

次の章へ