webnovel

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์ : ตอนที่ 4 มรสุมลูกแรก

"คนเรามักจะเผลอคิดเอาเองว่า เราจะมีความสุข

เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อบางอย่างเป็นเช่นนี้

แต่ในความเป็นจริงของชีวิตที่ดำเนินไปนั้น

ถ้าตัวเราเองพอใจในสิ่งที่ตนเองเลือกกระทำ

และเชื่อมั่นว่าเรากำลังทำมันทุกขณะอย่างมีความสุข

ความสุขในตอนนี้ มันก็เกิดขึ้นได้ ณ ตอนนี้ เช่นกัน"

นิมนิมพยายามคิดในเชิงบวก ก่อนทอดถอนหายใจ

ด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะที่เดินแกมวิ่งไปตามสะพานเชื่อมตึก

ซึ่งทอดยาวหลายร้อยเมตรระหว่างตึกผู้ป่วยในชายกับตึกอายุรกรรมพิเศษ

ของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน

ในช่วงสองปีมานี้ คุณพ่อกับคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

มักจะเข้ามานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลพร้อมๆกัน หรือไล่ๆ ตามกันมาเสมอ

จึงถือเป็นภาระสำคัญที่สุดในครอบครัวที่นิมนิมต้องมาอยู่โยง

เป็นตัวหลักในโรงพยาบาลเกือบตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวัน เนื่องจากทุกคน

ในครอบครัวต่างทำมาหากินตามบทบาทหน้าที่ซึ่งเป็นงานประจำ

ไม่สามารถมาอยู่เฝ้าบุพพการีที่โรงพยาบาลตลอดเวลาได้ เช่นนิมนิม

การสลับเข้าเยี่ยมผู้ป่วยใน สองคนซึ่งอยู่คนละตึก

คนละแผนกของโรค ที่มีระยะห่างของตึกไกลกันเช่นนี้

ญาติของผู้ป่วยจะต้องพร้อมทั้งร่างกายจิตใจและเวลา

เมื่อพบแพทย์ประจำตัวของผู้ป่วยแต่ละคน ญาติจะต้องรอฟังผล

การตรวจรักษาและเรียนรู้การปฎิบัติตนเพื่อดูแลพยาบาลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด

จากพยาบาลวิชาชีพ นั่นคือสิ่งที่นิมนิมเลือกกระทำด้วยความเต็มใจ

และเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับทุกสภาพปัญหาภาระ

หน้าที่ ๆ จะเกิดขึ้นในอนาคต! อันมิอาจคาดเดาได้เอง

เธอจึงตัดสินใจยื่นใบลาออกจากการทำงานเป็นฝ่ายบริหารของบริษัท

(มหาชน)แห่งประเทศไทย แห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ เมื่อ 6 ปีก่อน

หลังจากเธอประสบอุบัติเหตุตกรถเมล์จนเลือดคั่งในสมองซีกซ้ายด้านหลังครึ่งซีก!!

"แม่จ๋า แม่เป็นจั่งได๋แนจ้า? มีคนเบิ่งแม่ดี บ่?"

#แปลภาษาอีสาน: (แม่จ๋า แม่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ มีคนดูแลแม่ดีไม๊จ๊ะ)

นิมนิม สนทนากับคุณแม่ผ่านมือถือจากกรุงเทพฯ มาที่ขอนแก่น

"ดีอยู่หละลูกหล่า ถ่าเฮามีเงินจ้างเขาๆกะมาเบิ่งมาดูแลเฮาดีอยู่ แต่ว่า

แม่ว่าอยากสิให้นางกลับมาอยู่บ้านเฮากับลูกๆสา โตสิว่าจั่งได๋ หือ นางเอ๊ย?"

#แปลภาษาอีสาน: ( ดีอยู่จ้ะลูกรัก ถ้าเรามีเงินจ้างเขาๆก็มาดูแลเราดีอยู่ แต่ว่า

แม่ว่าอยากจะให้ลูกกลับมาอยู่บ้านเรากับลูกๆเสีย ลูกจะว่ายังไง หือ ลูกเอ๊ย)

"นางกะอยากกลับบ้านเฮาไปเบิ่งแยงพ่อกับแม่คือกันจ้า

เทิ้งนางคิดฮอดลูกหลายแฮงๆนางฮ้องไห่ซุมื้อยามคิดฮอดลูก

แต่เฮาสิเอาอีหยังมาซื้อกินซื้ออยู่หล่ะจ้าแม่ มันจั่งสิพอ

สำหรับเลี้ยงลูกน้อยทั้งสามคนของนาง ไหนสิค่าฮักษาโตนางอีก

หมอทางสมองเพิ่นบอกนางว่า นางสิต้องพักฟื้นสมอง

บ่เฮ็ดเวียกหลายเกินไป นอนให้หลายๆเพื่อให้สมองมันฮักษาโตเอง

จนกว่าสิหายจากอาการลมชักในสมอง ใช้เวลา บ่ ต่ำกว่า2 ปีขึันไปจ้าแม่

นางคิดยากหลาย บ่ฮู้คือกันจ้า ว่าสิเอาจั่งได๋ดี?"

#แปลภาษาอีสาน: (ลูกก็อยากกลับบ้านเราไปดูแลพ่อกับแม่เหมือนกันจ้ะ

ทั้งลูกเองก็คิดถึงลูกๆมากๆ ลูกร้องไห้ทุกวันเวลาคิดถึงลูกๆ

แต่เราจะเอาอะไรมาซื้อกินซื้ออยู่คะแม่ขา มันถึงจะพอ

สำหรับเลี้ยงดูลูกน้อยทั้งสามคนของลูก ไหนจะค่ารักษาตัวของลูกอีก

แพทย์ทางสมองเขาบอกลูกว่า ลูกจะต้องพักฟื้นสมอง

อย่าทำงานหนักเกินไป นอนให้ได้เยอะ ๆ เพื่อให้สมองมันรักษาตัวเอง

จนกว่าจะหายจากอาการลมชักในสมอง ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไปจ้ะแม่

ลูกคิดหนักมากๆ ไม่รู้เหมือนกันจ้ะว่าควรจะทำอย่างไรดี)

"ลูกหล่าเอ๊ย เป็นตาเหลือโตนหลายฮ้ายเนาะ

แม่หล่ะเหลือโตนโตกับหลานน้อยสามคนของแม่ล๊ายหลาย ฮือ ๆ ๆ ๆ

จั๊ก บ่ ฮู้ว่าเป็นกรรมเป็นเวรอีหยัง จั๊งมาเกิดขึ้นแต่กับโคผู้เดียว

บ่ แล้ว บ่ เหมิดจักเทือ!! เทวดาฟ้าดินผู้เพิ่นเบิ่งแยงคนอยู่เทิ้งฟ้า

เพิ่นกะสิ บ่ เบิ่ง บ่ แยงเฮาแนตี๊ เฮาคือเป็นคนดีฮ้ายแท๊ อีหยังกะยอมให้เขาเหมิด

อีหยังกะอดทนสู้มาตลอด กะสิ บ่ ให้ลูกหลานได้เห็นแสงดาวแสงเดือน

นำเพิ่นแนตี๊ ฮือ ๆ ๆ ๆ แม่เหลือใจฮ๊ายลูกเอ๊ย"

เสียงแม่สะอึกสะอื้น!!!!! จนต้องหยุดพูด......

#แปลภาษาอีสาน: (ลูกรักเอ๋ย แสนสงสารเป็นที่สุด

แม่สงสารเจ้ากับหลานน้อยทั้งสามคนของแม่มากที่สุดเลย ฮือๆๆๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรรมหรือเวรอันใด จึงเกิดเรื่องแต่กับเจ้าผู้เดียวเสมอ

ไม่รู้จักหมดจักสิ้น!! เทวดาฟ้าดินท่านผู้คอยเฝ้ามองอยู่บนฟ้า

ท่านจะไม่ดูแลเราบ้างหรือ? เราคือเป็นคนดีที่สุดแล้ว อะไรก็ยอมให้เขาทั้งหมด

อะไรก็อดทนสู้มาตลอด ก็จะไม่ให้ลูกหลานได้เห็นแสงดาวแสงเดือน

กับเค้าบ้างหรือ ฮือๆๆๆ แม่น้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินลูกเอ๊ย)

น้องชายคนเดียวซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่อายุห่างจากนิมนิม 5 ปี

เป็นผู้มารับสายและสนทนาต่อ.........

" เอ้อ! ทางบ้านเฮาปรึกษาเว้ากันแล้วเด้อว่า อยากให้เอื้อยลาออกจากงาน

กลับมาอยู่ที่บ้านเฮาสา มาดูแลลูก ๆ ไปฮับไปส่งลูก ๆ ไปโรงเรียน

ได้ให้ความอบอุ่นแก่เค้า ๆ ยังเล็กกันนัก พ่อกะ บ่ มี เด็กน้อยสิมีปัญหาทางใจ

ยามใหญ่โต แล้วกะสิได้ดูแลเฮ็ดกับเข้ากับน้ำ เบิ่งเฮือนเบิ่งซาน ซักเสื้อผ้า

ปัดกวาดดูแลบ้านให้พ่อกับแม่ ยามที่เฮาไปทำงานหรือว่าไปต่างจังหวัด

กะสิได้ บ่ ต้องเป็นห่วงหลาย ส่วนการจ้างคนมาดูแลเพิ่นนั้น กะสิให้เซาสา

เพราะเฮา บ่ มี เงินจ้างแล้ว เดือนละตั้งหมื่นนึง สู้เฮาเอาเงินนี้เก็บไว้เลี้ยงหลาน ๆ

ส่งหลาน ๆ เรียน สิดีกว่า พ่อกับแม่เพิ่นบอกว่า ถ้าเพิ่นสิตายมื้อได๋ อย่างน้อย ๆ

กะสิได้เห็นกันอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพิ่นกะสิเหมิดห่วงตัดใจจากไปได้

ส่วนค่าใช้จ่ายของเอื้อยค่ากินค่าอยู่ซุอย่างกับหลานๆ เฮากะสิเอาเงินเดือนของเฮา

ซ่อยไปตลอดจนเฮาเกษียณพู้นหละ! เอื้อยเอาไปตัดสินใจเบิ่งเด้อ

แล้วจั่งค่อยโทรมาบอก ทางนี้พ่อกับแม่เพิ่นกะเป็นห่วงเอื้อยกับหลาน ๆ หลายแฮง

ฮ้องไห่แทบซุมื้อ ถ่าเว้าเรื่องหลานขึ้นมา ให้เอื้อยปรึกษาหมอโรงพยาบาลเพิ่น

เบิ่งนำ ว่าสิย้ายโตมาฮักษาสมองที่เอาเลือดคั่งออกจากสมองแล้ว ทางบ้านเฮา ได้บ่?"

#แปลภาษาอีสาน: (เอ้อ!ทางบ้านเราปรึกษาหารือกันแล้วนะว่า อยากให้พี่ลาออก

จากงานกลับมาอยู่ที่บ้านเราเสียมาดูแลลูกๆ ไปรับไปส่งลูกๆไปโรงเรียน

ได้ให้ความอบอุ่นแก่เค้าๆยังเล็กกันนัก พ่อก็ไม่มีเด็กน้อยจะมีปัญหาทางใจเมื่อเติบโต

แล้วก็จะได้ดูแลทำข้าวปลาอาหารดูแลบ้านเรือน ซักเสื้อผ้า ปัดกวาด

ดูแลบ้านให้พ่อกับแม่ เวลาที่เราไปทำงานหรือไปต่างจังหวัดก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก ส่วนการจ้างคนมาดูแลพ่อแม่นั้น ก็จะให้หยุดเสียเพราะเราไม่มีเงินจ้างอีกแล้ว

เดือนละตั้งหนึ่งหมื่นบาท สู้เราเอาเงินนี้เก็บไว้เลี้ยงหลานและส่งหลานเรียนจะดีกว่า

พ่อกับแม่บอกว่าถ้าหากท่านจะตายเมื่อใด อย่างน้อย ๆ ก็จะได้เห็นกันอยู่กันพร้อมหน้า

พร้อมตา ท่านก็จะหมดห่วงตัดใจจากไปได้ ส่วนค่าใช้จ่ายของพี่ค่ากินค่าอยู่ทุกอย่าง

กับหลาน ๆ เราก็จะเอาเงินเดือนของเราช่วยไปตลอดจนเราเกษียณนู่นหละ

พี่เอาไปตัดสินใจดูนะ แล้วจึงค่อยโทรมาบอก ทางนี้พ่อกับแม่ท่านก็เป็นห่วง

พี่กับหลาน ๆ มาก ๆ ร้องไห้แทบทุกวันถ้าพูดเรื่องหลานขึ้นมา ให้พี่ปรึกษาแพทย์

ที่โรงพยาบาลทานั้นด้วย ว่าจะขอย้ายตัวมารักษาสมองที่เอาเลือดคั่ง

ออกจากสมองแล้ว ทางบ้านเรา ได้ไหม?)

นิมนิม จับมือถือรับฟังเสียงของน้องชายสุดที่รักคนเดียวอย่างสงบ

น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้ม เธอพยายามเช็ดน้ำตาเบา ๆ

โดยไม่ให้มีเสียงดังเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ ชีวิตในวันนี้

กำลังเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ถล่มซ้ำอย่างหนักอีกระลอก!!!

เธอพยายามบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งและเดินผ่านมันไปอีกครั้งให้จงได้!!

เพราะชีวิตของเธอหนึ่งชีวิตนี้ ยังมีชีวิตน้อยๆอีกถึง 3 ชีวิต

รวมทั้งชีวิตของบุพพการีที่รักเคารพบูชาสูงสุดทั้งสองชีวิต

ผู้ที่ให้เธอได้เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมาแล้วได้เรียนรู้การสร้างความดีงาม

มากมายต่อทุกสรรพชีวิตในโลกใบเดียวกันนี้

มรสุมลูกแรกพัดกระหน่ำ!!!! ลงสู่ครอบครัวที่ดูสวยสดงดงาม

น่าอิจฉาของคนภายนอก ณ วันที่เธอตัดสินใจขอหย่าร้างกับสามี

ชาวไทยมุสลิมเมื่อเกือบ 4 ก่อน เพราะมีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องศาสนา

แทบทุกวันตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 10 ปีเต็ม แม้ว่าเธอ

ได้ให้กำเนิดบุตรชายตัวน้อย ๆ แสนน่ารักทั้ง3คน ซึ่งได้กลายมาเป็น

ทุกสิ่งทุกอย่างดุจดั่งลมหายใจในชีวิตของนิมนิมแทนคำว่า "สามีสุดที่รัก"

แต่ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งจากเหตุผลความขัดแย้งเรื่องศาสนา

ที่ไปด้วยกันทางเดียวกันไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองผัวเมียต่างพยายามหาหนทาง

ทุกวิธีเพื่อที่จะรักษาความรักและครอบครัวอันเป็นทั้งหมดของความรักเอาไว้

จนถึงวินาทีสุดท้าย ทว่า!! ผลจากปัญหามันขยายตัวใหญ๋ขึ้นจนเกินกว่า

ที่นิมนิมจะรับไหว เพราะส่งผลกระทบรุนแรงแบบเงียบ ๆ ต่อบุตรชายคนแรก

ของนิมนิม เด็กชายตัวน้อย ๆ หน้าตางดงามทุกส่วนราวกับปั้นขึ้นมา

จากภาพของเทพบุตรกรีกวัยเพียง 6 ขวบ เขาผู้เป็นอัจฉริยะภาพด้านศิลปะ,

คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่กลับต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเงียบ!!

แบบไม่มีใครล่วงรู้ จนกระทั่งครูประจำชั้นประถมหนึ่งสังเกตุเห็นอาการผิดปกติ

และตัดสินใจโทรศัพท์เรียกผู้ปกครองคือนิมนิมไปพบที่โรงเรียน

นิมนิม รีบพาลูกชายคนแรกไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านจิตใจ

เพื่อรีบทำการรักษา โดยในช่วงเวลานั้นเธอพึ่งคลอดบุตรชายคนที่ 2

ได้เพียง 1 ปีด้วยวิธีคลอดธรรมชาติ

เธอเลี้ยงลูกเองให้น้ำนมแม่แก่ลูกทั้งสองจนครบ 8 ถึง 9 เดือน

ของอายุขัยของนมแม่ จากร่างกายของเธอ

นิมนิม ทุ่มเทสุดชีวิตจิตใจ เพื่อคำว่าครอบครัว สามี และลูกๆ สุดที่รัก

ทว่า!! ต่อมาเพียง 1 ปีกว่าๆ นิมนิมเองกลับป่วยหนักแบบไม่รู้ตัว

เธอเป็นโรคซึมเศร้าระยะที่ 3หลังจากคลอดบุตรคนที่ 3 ด้วยวิธีธรรมชาติ

และกำลังอยู่ในช่วงให้นมแม่แก่บุตรชายตัวน้อย ได้เพียง 6 เดือน

การเอ่ยคำว่า "รัก"

ของคนแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน

สำหรับฉัน ๆ ตัดสินใจเอ่ยถึงความรักของฉันเอง

......ต่อคนๆนั้น.... ลงในนิยายของตนเอง

เพราะมันจะคงอยู่ในเว๊บบอร์ดตลอดไป

ทุกๆครั้งที่มีคนเข้ามาอ่าน เมื่อได้ซาบซึ้ง

ถึงความรักอันสะอาดงดงามและลึกซึ้งตรึงใจนี้...

ดวงจิตของฉันที่ไม่รู้ว่า ตอนนั้น

สถิตย์อยู่ ณ ที่ตรงไหนของจักรวาล.....

ก็จะปิติสุขนิรันดร์

ชื่อผู้เขียน : " เพนกวินรักโลมา"

DaoistD7FIetcreators' thoughts
次の章へ