"คนเรามักจะเผลอคิดเอาเองว่า เราจะมีความสุข
เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อบางอย่างเป็นเช่นนี้
แต่ในความเป็นจริงของชีวิตที่ดำเนินไปนั้น
ถ้าตัวเราเองพอใจในสิ่งที่ตนเองเลือกกระทำ
และเชื่อมั่นว่าเรากำลังทำมันทุกขณะอย่างมีความสุข
ความสุขในตอนนี้ มันก็เกิดขึ้นได้ ณ ตอนนี้ เช่นกัน"
นิมนิมพยายามคิดในเชิงบวก ก่อนทอดถอนหายใจ
ด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะที่เดินแกมวิ่งไปตามสะพานเชื่อมตึก
ซึ่งทอดยาวหลายร้อยเมตรระหว่างตึกผู้ป่วยในชายกับตึกอายุรกรรมพิเศษ
ของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน
ในช่วงสองปีมานี้ คุณพ่อกับคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยเรื้อรังที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
มักจะเข้ามานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลพร้อมๆกัน หรือไล่ๆ ตามกันมาเสมอ
จึงถือเป็นภาระสำคัญที่สุดในครอบครัวที่นิมนิมต้องมาอยู่โยง
เป็นตัวหลักในโรงพยาบาลเกือบตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวัน เนื่องจากทุกคน
ในครอบครัวต่างทำมาหากินตามบทบาทหน้าที่ซึ่งเป็นงานประจำ
ไม่สามารถมาอยู่เฝ้าบุพพการีที่โรงพยาบาลตลอดเวลาได้ เช่นนิมนิม
การสลับเข้าเยี่ยมผู้ป่วยใน สองคนซึ่งอยู่คนละตึก
คนละแผนกของโรค ที่มีระยะห่างของตึกไกลกันเช่นนี้
ญาติของผู้ป่วยจะต้องพร้อมทั้งร่างกายจิตใจและเวลา
เมื่อพบแพทย์ประจำตัวของผู้ป่วยแต่ละคน ญาติจะต้องรอฟังผล
การตรวจรักษาและเรียนรู้การปฎิบัติตนเพื่อดูแลพยาบาลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด
จากพยาบาลวิชาชีพ นั่นคือสิ่งที่นิมนิมเลือกกระทำด้วยความเต็มใจ
และเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้วสำหรับการเผชิญหน้ากับทุกสภาพปัญหาภาระ
หน้าที่ ๆ จะเกิดขึ้นในอนาคต! อันมิอาจคาดเดาได้เอง
เธอจึงตัดสินใจยื่นใบลาออกจากการทำงานเป็นฝ่ายบริหารของบริษัท
(มหาชน)แห่งประเทศไทย แห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ เมื่อ 6 ปีก่อน
หลังจากเธอประสบอุบัติเหตุตกรถเมล์จนเลือดคั่งในสมองซีกซ้ายด้านหลังครึ่งซีก!!
"แม่จ๋า แม่เป็นจั่งได๋แนจ้า? มีคนเบิ่งแม่ดี บ่?"
#แปลภาษาอีสาน: (แม่จ๋า แม่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ มีคนดูแลแม่ดีไม๊จ๊ะ)
นิมนิม สนทนากับคุณแม่ผ่านมือถือจากกรุงเทพฯ มาที่ขอนแก่น
"ดีอยู่หละลูกหล่า ถ่าเฮามีเงินจ้างเขาๆกะมาเบิ่งมาดูแลเฮาดีอยู่ แต่ว่า
แม่ว่าอยากสิให้นางกลับมาอยู่บ้านเฮากับลูกๆสา โตสิว่าจั่งได๋ หือ นางเอ๊ย?"
#แปลภาษาอีสาน: ( ดีอยู่จ้ะลูกรัก ถ้าเรามีเงินจ้างเขาๆก็มาดูแลเราดีอยู่ แต่ว่า
แม่ว่าอยากจะให้ลูกกลับมาอยู่บ้านเรากับลูกๆเสีย ลูกจะว่ายังไง หือ ลูกเอ๊ย)
"นางกะอยากกลับบ้านเฮาไปเบิ่งแยงพ่อกับแม่คือกันจ้า
เทิ้งนางคิดฮอดลูกหลายแฮงๆนางฮ้องไห่ซุมื้อยามคิดฮอดลูก
แต่เฮาสิเอาอีหยังมาซื้อกินซื้ออยู่หล่ะจ้าแม่ มันจั่งสิพอ
สำหรับเลี้ยงลูกน้อยทั้งสามคนของนาง ไหนสิค่าฮักษาโตนางอีก
หมอทางสมองเพิ่นบอกนางว่า นางสิต้องพักฟื้นสมอง
บ่เฮ็ดเวียกหลายเกินไป นอนให้หลายๆเพื่อให้สมองมันฮักษาโตเอง
จนกว่าสิหายจากอาการลมชักในสมอง ใช้เวลา บ่ ต่ำกว่า2 ปีขึันไปจ้าแม่
นางคิดยากหลาย บ่ฮู้คือกันจ้า ว่าสิเอาจั่งได๋ดี?"
#แปลภาษาอีสาน: (ลูกก็อยากกลับบ้านเราไปดูแลพ่อกับแม่เหมือนกันจ้ะ
ทั้งลูกเองก็คิดถึงลูกๆมากๆ ลูกร้องไห้ทุกวันเวลาคิดถึงลูกๆ
แต่เราจะเอาอะไรมาซื้อกินซื้ออยู่คะแม่ขา มันถึงจะพอ
สำหรับเลี้ยงดูลูกน้อยทั้งสามคนของลูก ไหนจะค่ารักษาตัวของลูกอีก
แพทย์ทางสมองเขาบอกลูกว่า ลูกจะต้องพักฟื้นสมอง
อย่าทำงานหนักเกินไป นอนให้ได้เยอะ ๆ เพื่อให้สมองมันรักษาตัวเอง
จนกว่าจะหายจากอาการลมชักในสมอง ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไปจ้ะแม่
ลูกคิดหนักมากๆ ไม่รู้เหมือนกันจ้ะว่าควรจะทำอย่างไรดี)
"ลูกหล่าเอ๊ย เป็นตาเหลือโตนหลายฮ้ายเนาะ
แม่หล่ะเหลือโตนโตกับหลานน้อยสามคนของแม่ล๊ายหลาย ฮือ ๆ ๆ ๆ
จั๊ก บ่ ฮู้ว่าเป็นกรรมเป็นเวรอีหยัง จั๊งมาเกิดขึ้นแต่กับโคผู้เดียว
บ่ แล้ว บ่ เหมิดจักเทือ!! เทวดาฟ้าดินผู้เพิ่นเบิ่งแยงคนอยู่เทิ้งฟ้า
เพิ่นกะสิ บ่ เบิ่ง บ่ แยงเฮาแนตี๊ เฮาคือเป็นคนดีฮ้ายแท๊ อีหยังกะยอมให้เขาเหมิด
อีหยังกะอดทนสู้มาตลอด กะสิ บ่ ให้ลูกหลานได้เห็นแสงดาวแสงเดือน
นำเพิ่นแนตี๊ ฮือ ๆ ๆ ๆ แม่เหลือใจฮ๊ายลูกเอ๊ย"
เสียงแม่สะอึกสะอื้น!!!!! จนต้องหยุดพูด......
#แปลภาษาอีสาน: (ลูกรักเอ๋ย แสนสงสารเป็นที่สุด
แม่สงสารเจ้ากับหลานน้อยทั้งสามคนของแม่มากที่สุดเลย ฮือๆๆๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรรมหรือเวรอันใด จึงเกิดเรื่องแต่กับเจ้าผู้เดียวเสมอ
ไม่รู้จักหมดจักสิ้น!! เทวดาฟ้าดินท่านผู้คอยเฝ้ามองอยู่บนฟ้า
ท่านจะไม่ดูแลเราบ้างหรือ? เราคือเป็นคนดีที่สุดแล้ว อะไรก็ยอมให้เขาทั้งหมด
อะไรก็อดทนสู้มาตลอด ก็จะไม่ให้ลูกหลานได้เห็นแสงดาวแสงเดือน
กับเค้าบ้างหรือ ฮือๆๆๆ แม่น้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกินลูกเอ๊ย)
น้องชายคนเดียวซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่อายุห่างจากนิมนิม 5 ปี
เป็นผู้มารับสายและสนทนาต่อ.........
" เอ้อ! ทางบ้านเฮาปรึกษาเว้ากันแล้วเด้อว่า อยากให้เอื้อยลาออกจากงาน
กลับมาอยู่ที่บ้านเฮาสา มาดูแลลูก ๆ ไปฮับไปส่งลูก ๆ ไปโรงเรียน
ได้ให้ความอบอุ่นแก่เค้า ๆ ยังเล็กกันนัก พ่อกะ บ่ มี เด็กน้อยสิมีปัญหาทางใจ
ยามใหญ่โต แล้วกะสิได้ดูแลเฮ็ดกับเข้ากับน้ำ เบิ่งเฮือนเบิ่งซาน ซักเสื้อผ้า
ปัดกวาดดูแลบ้านให้พ่อกับแม่ ยามที่เฮาไปทำงานหรือว่าไปต่างจังหวัด
กะสิได้ บ่ ต้องเป็นห่วงหลาย ส่วนการจ้างคนมาดูแลเพิ่นนั้น กะสิให้เซาสา
เพราะเฮา บ่ มี เงินจ้างแล้ว เดือนละตั้งหมื่นนึง สู้เฮาเอาเงินนี้เก็บไว้เลี้ยงหลาน ๆ
ส่งหลาน ๆ เรียน สิดีกว่า พ่อกับแม่เพิ่นบอกว่า ถ้าเพิ่นสิตายมื้อได๋ อย่างน้อย ๆ
กะสิได้เห็นกันอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เพิ่นกะสิเหมิดห่วงตัดใจจากไปได้
ส่วนค่าใช้จ่ายของเอื้อยค่ากินค่าอยู่ซุอย่างกับหลานๆ เฮากะสิเอาเงินเดือนของเฮา
ซ่อยไปตลอดจนเฮาเกษียณพู้นหละ! เอื้อยเอาไปตัดสินใจเบิ่งเด้อ
แล้วจั่งค่อยโทรมาบอก ทางนี้พ่อกับแม่เพิ่นกะเป็นห่วงเอื้อยกับหลาน ๆ หลายแฮง
ฮ้องไห่แทบซุมื้อ ถ่าเว้าเรื่องหลานขึ้นมา ให้เอื้อยปรึกษาหมอโรงพยาบาลเพิ่น
เบิ่งนำ ว่าสิย้ายโตมาฮักษาสมองที่เอาเลือดคั่งออกจากสมองแล้ว ทางบ้านเฮา ได้บ่?"
#แปลภาษาอีสาน: (เอ้อ!ทางบ้านเราปรึกษาหารือกันแล้วนะว่า อยากให้พี่ลาออก
จากงานกลับมาอยู่ที่บ้านเราเสียมาดูแลลูกๆ ไปรับไปส่งลูกๆไปโรงเรียน
ได้ให้ความอบอุ่นแก่เค้าๆยังเล็กกันนัก พ่อก็ไม่มีเด็กน้อยจะมีปัญหาทางใจเมื่อเติบโต
แล้วก็จะได้ดูแลทำข้าวปลาอาหารดูแลบ้านเรือน ซักเสื้อผ้า ปัดกวาด
ดูแลบ้านให้พ่อกับแม่ เวลาที่เราไปทำงานหรือไปต่างจังหวัดก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก ส่วนการจ้างคนมาดูแลพ่อแม่นั้น ก็จะให้หยุดเสียเพราะเราไม่มีเงินจ้างอีกแล้ว
เดือนละตั้งหนึ่งหมื่นบาท สู้เราเอาเงินนี้เก็บไว้เลี้ยงหลานและส่งหลานเรียนจะดีกว่า
พ่อกับแม่บอกว่าถ้าหากท่านจะตายเมื่อใด อย่างน้อย ๆ ก็จะได้เห็นกันอยู่กันพร้อมหน้า
พร้อมตา ท่านก็จะหมดห่วงตัดใจจากไปได้ ส่วนค่าใช้จ่ายของพี่ค่ากินค่าอยู่ทุกอย่าง
กับหลาน ๆ เราก็จะเอาเงินเดือนของเราช่วยไปตลอดจนเราเกษียณนู่นหละ
พี่เอาไปตัดสินใจดูนะ แล้วจึงค่อยโทรมาบอก ทางนี้พ่อกับแม่ท่านก็เป็นห่วง
พี่กับหลาน ๆ มาก ๆ ร้องไห้แทบทุกวันถ้าพูดเรื่องหลานขึ้นมา ให้พี่ปรึกษาแพทย์
ที่โรงพยาบาลทานั้นด้วย ว่าจะขอย้ายตัวมารักษาสมองที่เอาเลือดคั่ง
ออกจากสมองแล้ว ทางบ้านเรา ได้ไหม?)
นิมนิม จับมือถือรับฟังเสียงของน้องชายสุดที่รักคนเดียวอย่างสงบ
น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินอาบแก้ม เธอพยายามเช็ดน้ำตาเบา ๆ
โดยไม่ให้มีเสียงดังเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ ชีวิตในวันนี้
กำลังเผชิญมรสุมครั้งใหญ่ถล่มซ้ำอย่างหนักอีกระลอก!!!
เธอพยายามบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งและเดินผ่านมันไปอีกครั้งให้จงได้!!
เพราะชีวิตของเธอหนึ่งชีวิตนี้ ยังมีชีวิตน้อยๆอีกถึง 3 ชีวิต
รวมทั้งชีวิตของบุพพการีที่รักเคารพบูชาสูงสุดทั้งสองชีวิต
ผู้ที่ให้เธอได้เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมาแล้วได้เรียนรู้การสร้างความดีงาม
มากมายต่อทุกสรรพชีวิตในโลกใบเดียวกันนี้
มรสุมลูกแรกพัดกระหน่ำ!!!! ลงสู่ครอบครัวที่ดูสวยสดงดงาม
น่าอิจฉาของคนภายนอก ณ วันที่เธอตัดสินใจขอหย่าร้างกับสามี
ชาวไทยมุสลิมเมื่อเกือบ 4 ก่อน เพราะมีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องศาสนา
แทบทุกวันตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา 10 ปีเต็ม แม้ว่าเธอ
ได้ให้กำเนิดบุตรชายตัวน้อย ๆ แสนน่ารักทั้ง3คน ซึ่งได้กลายมาเป็น
ทุกสิ่งทุกอย่างดุจดั่งลมหายใจในชีวิตของนิมนิมแทนคำว่า "สามีสุดที่รัก"
แต่ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งจากเหตุผลความขัดแย้งเรื่องศาสนา
ที่ไปด้วยกันทางเดียวกันไม่ได้ แม้ว่าทั้งสองผัวเมียต่างพยายามหาหนทาง
ทุกวิธีเพื่อที่จะรักษาความรักและครอบครัวอันเป็นทั้งหมดของความรักเอาไว้
จนถึงวินาทีสุดท้าย ทว่า!! ผลจากปัญหามันขยายตัวใหญ๋ขึ้นจนเกินกว่า
ที่นิมนิมจะรับไหว เพราะส่งผลกระทบรุนแรงแบบเงียบ ๆ ต่อบุตรชายคนแรก
ของนิมนิม เด็กชายตัวน้อย ๆ หน้าตางดงามทุกส่วนราวกับปั้นขึ้นมา
จากภาพของเทพบุตรกรีกวัยเพียง 6 ขวบ เขาผู้เป็นอัจฉริยะภาพด้านศิลปะ,
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่กลับต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเงียบ!!
แบบไม่มีใครล่วงรู้ จนกระทั่งครูประจำชั้นประถมหนึ่งสังเกตุเห็นอาการผิดปกติ
และตัดสินใจโทรศัพท์เรียกผู้ปกครองคือนิมนิมไปพบที่โรงเรียน
นิมนิม รีบพาลูกชายคนแรกไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านจิตใจ
เพื่อรีบทำการรักษา โดยในช่วงเวลานั้นเธอพึ่งคลอดบุตรชายคนที่ 2
ได้เพียง 1 ปีด้วยวิธีคลอดธรรมชาติ
เธอเลี้ยงลูกเองให้น้ำนมแม่แก่ลูกทั้งสองจนครบ 8 ถึง 9 เดือน
ของอายุขัยของนมแม่ จากร่างกายของเธอ
นิมนิม ทุ่มเทสุดชีวิตจิตใจ เพื่อคำว่าครอบครัว สามี และลูกๆ สุดที่รัก
ทว่า!! ต่อมาเพียง 1 ปีกว่าๆ นิมนิมเองกลับป่วยหนักแบบไม่รู้ตัว
เธอเป็นโรคซึมเศร้าระยะที่ 3หลังจากคลอดบุตรคนที่ 3 ด้วยวิธีธรรมชาติ
และกำลังอยู่ในช่วงให้นมแม่แก่บุตรชายตัวน้อย ได้เพียง 6 เดือน
การเอ่ยคำว่า "รัก"
ของคนแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน
สำหรับฉัน ๆ ตัดสินใจเอ่ยถึงความรักของฉันเอง
......ต่อคนๆนั้น.... ลงในนิยายของตนเอง
เพราะมันจะคงอยู่ในเว๊บบอร์ดตลอดไป
ทุกๆครั้งที่มีคนเข้ามาอ่าน เมื่อได้ซาบซึ้ง
ถึงความรักอันสะอาดงดงามและลึกซึ้งตรึงใจนี้...
ดวงจิตของฉันที่ไม่รู้ว่า ตอนนั้น
สถิตย์อยู่ ณ ที่ตรงไหนของจักรวาล.....
ก็จะปิติสุขนิรันดร์
ชื่อผู้เขียน : " เพนกวินรักโลมา"