"ฟรืด ครึ้กครึ้ก ฟรืด"
"ฟรืด ครึ้กครึ้ก ฟรืด"
"ฟรืด ครึ้กครึ้ก ฟรืด"
เสียงเครื่องถ่ายเอกสารกำลังพิมพ์ข้อความเดิม ๆ เพื่อแจกเอกสารซ้ำ ๆ ให้แก่ผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษา เสียงดังเสมอทุกครั้งขณะที่พัฒน์เรียน พัฒน์ได้ยินชัดตลอด เขาสังเกตว่าบางคนมักจะหาที่อุดหูมาด้วยถ้าอยู่ข้างหน้าต่าง มันเสียงดังมาก แค่ทุกคนทำเป็นไม่ได้ยิน นักเรียนในห้องต่างพูดคุยเรื่องอื่นและยุ่งกับการหาทางอยู่ในระบบ เพื่อจะบอกว่าเสียงจากห้องปกครองไม่ใช่ปัญหาของพวกเขา การไม่พูดถึงปัญหาไม่ใช่การแก้ปัญหา แค่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในปัญหา น่าจะเป็นเพียงแค่มันยังดังไม่พอที่จะเดือดร้อนคนทั้งห้อง ปัญหายังไม่เป็นปัญหาถ้ายังไม่เดือดร้อนตัวเองเสมอ สำหรับพัฒน์ตอนนี้ห้องเรียนในโรงเรียนเป็นเหมือนระเบิดเวลา
ติ้ก! ติ้ก! ติ้ก! ติ้ก!
นาฬิกาเริ่มเดินถอยหลังแล้ว
การคิดเรื่องนี้ทำให้พัฒน์นึกถึงเพื่อนที่เคยอยู่ในโรงเรียนนี้ เพื่อนคนนั้นชื่อว่าพัค เขาเป็นหนึ่งในเพื่อนพัฒน์สามารถพูดคุยอะไรด้วยได้ในวัยเด็ก พัคเป็นคนเรียนได้ดีตั้งแต่ประถม เมื่อ "วัฒนธรรมกระดาษ" มอบเอกสารที่ต้องเขียนแล้วส่งกลับไปมากขึ้น
พัคเลือกจะเก็บค่าเรียนพิเศษไว้เป็นค่าเทอมมหาลัย เขาแค่ซื่อสัตย์มากเกินไป ไม่ลอกการบ้าน ไม่ลอกข้อสอบเพื่อน เขาจมอยู่กับกองกระดาษ ก้อนความฝัน ความเชื่อและคุณค่า ถูกเครื่องถ่ายเอกสาร ที่พิมพ์แบบเดียวกันซ้ำ ๆ วันหนึ่งตัวตนกับความภูมิใจเขาหายไป ความสิ้นศรัทธาในตัวเองหายไปก่อนที่จะตามด้วยลมหายใจ พัฒน์เดินออกจากห้องปกครอง ไปกลุ่มติวหนังสือ เตรียมสอบปลายภาค
เจนชวนพัฒน์ มาติวในกลุ่มเตรียมสอบ เขาเก่งที่สุดในวิชาชีวะ เจนพูดเปิดประเด็น "วิธีการเก็บอาหาร"
พัฒน์อธิบายต่อ "การเก็บความสดของอาหาร เกิดจากการ โพแทสเซียมไนเตรท ช่วยทำให้เนื้อสัตว์ แปรรูปมีสีสด และมีคงตัว มีอายุการเก็บที่ยาวนาน ใน ไส้กรอก แฮม กุนเชียงสสารกลุ่มนี้ยังสามารถยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้ผลิตภัณฑ์ มีสีชมพู มีกลิ่น และรสชาติเฉพาะ มันก็ไม่มีกลิ่นกับละลายน้ำได้ดี"
"แล้วก็ก็ยังมีคนเอาไปใช้เป็นพลุด้วยนะ มันคือดินประสิว" ภวัตน์เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งตอบ
พัฒน์พยักหน้าตอบเห็นด้วย "ใช่ มันเรียกว่า กระจายความร้อนฉับพลันได้"
ภวัตน์ออกความเห็น "เหมือนระเบิดใช่มั้ย"
พัฒน์นิ่งคิด ขยับริมฝีปาก ขมวดคิ้ว "ประมาณนั้น"
ขณะเดียวกันที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
เบนต้องการสร้างความภูมิใจให้กับตัวเองบางอย่างเพื่อกลับไปมีความมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง เขาอยากมีเรื่องให้คนรอบตัวดีใจบางอย่างที่มีตัวเองอยู่
นอกจากการทำอวัยวะกับพัฒน์ เขาควรหาความมั่นใจอย่างอื่นที่มั่นคงและสามารถพูดกับคนอื่นได้เขาหาโอกาสการกลับตัวกลับใจ มีตัวตนในสังคม ใส่สูทใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเดินทางไปสมัครงาน
บริษัทเอกชน ที่สมัครงาน ฝ่ายบุคลากร เบนมาสมัครเป็นโปรแกรมเมอร์
เบนใช้มือหยิบกระดาษประวัติส่วนตัววางไว้บนโต๊ะให้ เขาพยายามรวบรวมความมั่นใจ สายตานั้นยังโลเลอยู่ "อันนี้ใบสมัครงานผมครับ"
"ผมเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยบราวน์ ถึงแม้วุฒิการศึกษาจะเป็นมัธยมศึกษา แต่ผมยินดีที่จะได้ทำงานที่นี่" เบนอธิบายต่อ
วรกรหัวหน้าฝ่ายบุคคลตอบ "เราดีใจนะที่ได้คนอย่างน้องมาสมัครงาน" เขาเกรงใจที่คนแบบนี้มาสมัครงาน
"แล้วก็ผมมีประสบการณ์ด้านงานขายกับการนำเสนอ ถ้าให้ผมคุยกับลูกค้ารับรองว่าผมทำได้ไม่ยากเลยครับ"
"เอ่อ เอายังงี้ พี่ว่า น้องไปเรียนให้จบก่อนนะ" เขาถอนหายใจไปด้วยพูดไปด้วย วรกรไม่กล้ามองตา
"แล้วค่อยมาหาพี่ ถ้างานที่น้องพอทำได้ พี่ไม่ได้เหยียดนะ คือฝึกงานกับชงกาแฟ น้องอยากทำเหรอ"
เบนเอามือลูบหน้าตัวเอง เขาคิดมากและผิดหวังกับตัวเองอีกครั้ง เบนลูบคาง มองไปที่วรกร เขาเข้าใจสิ่งที่วรกรพูด
ร่างกายเขาหนักขึ้นตอนลุกออกจากห้องสัมภาษณ์ เบนพยายามมากกว่าเดิมที่จะใช้ชีวิตให้เป็นปกติ เขาเปิดประตูแล้วเดินผ่านโต๊ะทำงาน จุดต่าง ๆ ในคอกทำงานเขาเดินผ่านคนที่กำลังทำบางอย่าง ไม่ได้สนใจคนอย่างเบน
"เบน" เสียงตามหลังเบนมา จากกลุ่มคนที่ทำงาน เบนหันกลับมามอง แถวโต๊ะทำงาน เขาหันไปเห็นพนักงานออฟฟิศผูกเนกไท คล้องป้ายตำแหน่งไว้ที่คอ
รอยยิ้มคุ้นตานั้น "ดิวเหรอ?" เบนถามกลับ
ดิวลุกขึ้นจากโต๊ะ สีหน้าตกใจปนดีใจ แล้วยื่นมือมาตบไหล่เบน เขาเดินเข้ามาทักทายดิวชวนเป็นไปยืนคุยที่ระเบียงพนักงานส่วนใหญ่จะมานั่งพักที่นี่เป็นพื้นที่สูบบุหรี่ พวกเขาเลยมาสูบบุหรี่ที่นี่ ดิวหยิบบุหรี่ให้เบน ช่วงนี้เบนไม่ค่อยได้สูบบุหรี่มาสักพักแล้ว
เบนพูดยิ้ม ๆ มองชุดไปด้วย "เท่ชิบเป๋งเลย แต่งตัวออฟฟิศขนาดนี้"
"ขอบใจ เพื่อน"
"ยังเล่นดนตรีอยู่มั้ย?" เบนถาม
"ไม่ค่อยได้เล่นแล้ว ตั้งแต่ทำงานประจำ ไม่มีเวลาว่างให้งานอดิเรกหรอก"
"เฮ้ย จำได้ว่าตอนนั้นเล่นเบสเก่งไม่ใช่เหรอ"
ดิวถอนหายใจ "ใช่ ๆ แต่มันก็ดูแลตัวเองยาก ถึงแม้จะอยากกลับไปเล่นนะ" ดิวทำท่าดีดเบสกลางอากาศราวกับสายคล้องพาดที่ตัวและเบสอยู่กับตัวเขา พร้อมกับทำเสียงเหมือนเพลงโรลลิ่ง สโตน ของวงดนตรี เดอะ บีเทิล
เบนเห็นแล้วก็ยิ้ม ๆ
"ใช่ ๆ นายเล่นโคตรเก่งเลย เล่นหลังห้องประจำ"
ดิวยิ้มเต็มไปด้วยความภูมิใจ นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ดิวเคยมีตัวตนที่โรงเรียน
"ขอบคุณที่แบ่งบุหรี่ให้นะ" เบนบอก
"ไม่ต้องคิดมาก" ดิวถามต่อ "เอ่อ นายยังทำอะไรเกี่ยวกับอวัยวะอยู่มั้ย"
เบนตกใจสงสัยกับคำถาม "ทำไมเหรอ"
"เปล่า เดี๋ยวนี้มันมี การพิมพ์อวัยวะแล้วนะ จริง ๆ นายมาเขียนโค้ดอัลกอริทึมกับฉันได้นะ"
"อะไรนะ" เบนตกใจกับคำชวน
"แบบนายกับฉันทำงานด้วยกันได้นะ"
"ฉันไม่ได้ยุ่งแล้ว"
"ทำไมเหรอ"
"ฉันเคยทำแล้วนะ ตับ กับไต"
"เฮ้ย! จริงเหรอ" ดิวมีสีหน้าสนใจ
"ทำกับน้องที่รู้จักอ่ะ"
"คิปป์ทีมเหรอ?" ดิวตาลุกวาวกับเรื่องราวของคนในคิปป์ทีม "แม่ฉันยังเก็บหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวนายกับคิปป์ทีมอยู่เลยนะ ตอนนั้นนายโคตรเจ๋งอ่ะ"
"แต่เลิกทำล่ะนะ… เอางี้คือพวกไฮโดรเจล เอ่อ..พวกวัสดุชีวภาพในการพิมพ์แพงกว่าค่าเครื่องพิมพ์อีก"
"ฉันพอมีเส้นสายอยู่นะ นายกับฉันทำงานด้วยกันได้นะ แบบหุ้นกัน มีตลาดกระจกตาอยู่ อาจสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องวัสดุชีวภาพได้ เอางี้ ๆ เก็บไปคิดดู ฉันไม่กดดัน" ดิวดูตั้งใจ แต่ก็ไม่อยากกดดันเบน ดิวก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง "งั้นฉันไปก่อนนะ หมดเวลาพักแล้ว"
ดิวเอาบุหรี่กดไปที่เขี่ยทรายในถาดเซรามิกสีเทาบนระเบียง แล้วกลับเข้าไปในออฟฟิศ เบนทำหน้าเฉยแล้วก็มองออกไปนอกระเบียง กำลังคิดเรื่องทำงานกับดิวอยู่
เบนพาดิวมาที่เรือสำราญ ที่ท่าเทียบเรือ ใช่ เบนกับดิวเช่าเรือสำราญเหมาลำมา บนเรือถูกตกแต่งด้วยผ้าม่านปิด โต๊ะ เก้าอี้ กับ แจกันและดอกไม้
"เยี่ยม เขียนโปรแกมบนเรือเหรอ โคตรเจ๋ง"
"… ใช่ มันเจ๋ง" เบนตอบ
ดิวชี้ไปทางเครื่องจักรใหญ่ ๆ ในเรือ "อันนี้คืออะไรเหรอ?"
"เครื่องพิมพ์สามมิติไง" เบนตอบ
ดิวดูท่าทีตื่นตาตื่นใจ
การทำงานเริ่มขึ้นผ่านการเรียนโครงสร้างเซลล์ในกับการเขียนโปรแกรมลงในอัลกอริทึมผ่านคอมพิวเตอร์ เบนพยายามสอนงานให้กับดิว แต่บางทีดิวก็ทำได้ไม่ดีนัก ดิวเอาแต่เล่น ในที่สุดเบนเขียนโค้ดกับดิวสำเร็จ เครื่องพิมพ์สามมิติเริ่มทำงาน ผลลัพธ์ของโครงสร้างเซลล์เริ่มขึ้นรูป และประเมินผ่านผู้ทำทั้งสอง กระจกตาสวยงามและดูใช้ได้สำหรับดิว เบนใช้ตัวคีบหยิบฐานกับดูพื้นผิวของรูปทรงกระจกตาที่ขึ้นเป็นรูป
ดิวเอ่ยชม "นี่มันโคตรเจ๋งเลย อย่างกับพระเจ้า" เขาประทับใจกับสิ่งที่เบนทำได้
"ขอบใจ มันแค่การเรียงตัวของข้อมูล"
"นายเก่งเกินไปล่ะ เบนนายสามารถขอรางวัลหรือเอาส่งโรงพยาบาลได้เลยนะเว้ย"
"….." เบนไม่ได้ตอบแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ เอาเลนส์กระจกตามาให้ดูใกล้ พอเบนสังเกตรูปทรงหลังจากพิมพ์อีกครั้งอย่างตั้งใจ "ไม่มันยังไม่ได้วะเซลล์ตั้งต้น (stemcell) เรียงตัวกันผิด มันขึ้นไม่เป็นรูป" เบนเดินออกมานอกเรือปากระจกตาที่พิมพ์สามมิติ โยนทิ้งนอกเรือกระจกตาชิ้นนั้นแหวกว่ายอากาศก่อนลงไปบนผิวทะเลไกลจากตัวเรือสำราญ ดิวงุนงงแล้วตามออกมานอกเรือ
"นายจะทิ้งทำไม!! แค่อันนั้นก็แสนกว่าล่ะนะ"
เบนกลับเข้ามาและทะเลาะกับดิวในเรือ
"มันยังไม่ได้ ไม่เข้าใจเหรอ มันมีเรื่องภาวะอิมมูนอีก"
"อิมมูนอะไรอีก!" ดิวเถียง
เบนไม่พอใจแขนเหวี่ยงปัดแจกันบนโต๊ะลงบนพื้น แล้วก็ตะคอกดิว ก่อนออกจากตัวเรือ ทิ้งดิวให้อยู่ที่เรือสำราญคนเดียวเบนกลับมานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในแลปคอนเทนเนอร์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นโจเป็นคนโทรมา เรื่องคนที่โจสามารถแนะนำได้ โจแค่อยากช่วยเบน เป็นเรื่องที่โจรู้ว่าเบนอยากขายไฟล์ไตโจรู้แค่นั้น
พัฒน์กับเบนเคยตกลงไว้ว่าถ้าสามารถขายไฟล์แล้วเอาเงินก้อนได้ตั้งแต่ทำไฟล์เราเริ่มผลิตอวัยวะได้ พวกเขาจะเอามาแบ่งกัน มันเป็นเงินก้อนที่ดี ก่อนที่ราคาอวัยวะจะถูกห่วงโซ่อุปสงค์ดึงราคาขึ้น
เบนคิดว่าเงินก้อนพวกนี้อาจจะช่วยให้พัฒน์จัดการการเงินตัวเองได้ดีขึ้น อีกเหตุผลเป็นเพราะไตสามมิติรุ่นที่ใช้อยู่เป็นแบบพัฒนาที่ยี่สิบสอง เบนตัดสินใจจะขายตัวอย่างข้อมูลไตสามมิติรุ่นที่สิบสี่อย่างน้อยตัวโปรแกรมก็ถูกพัฒนามาประมาณหนึ่งแล้ว
"ว่าไงเป็นไงบ้าง" เบนถาม
"ใช่ ๆ ยังสนใจอยู่"
"ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"2 ทุ่ม โรงแรมวิลเลจ"
เบนกดวางมือถือ ยิ้มกว้าง โจหาคนซื้อข้อมูลไตสามมิติได้แล้ว
ตอนเย็น ที่โรงแรมวิลเลจ ขณะเบนยืนอยู่หน้าโรงแรม
กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเจอกับโจและเข้ามาติดต่อที่พื้นที่รับรองของโรงแรม มีคนตัวใหญ่ใส่สูทสองคนลงมารับทั้งโจและเบน เขาสองคนถูกค้นตัวและหิ้วแขนราวกับเป็นเด็กตั้งแต่พื้นที่รับรองชั้นล่าง ทั้งเบนและโจขึ้นลิฟต์มาพร้อมชายใส่สูทตัวใหญ่ล้อมหน้าล้อมหลังทั้งสองคนถูกเข้ามาในห้อง ก่อนเข้ามาเบนถูกค้นร่างกาย เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองคนโจและเบนไม่ได้พกอาวุธ
โจเข้ามานั่งเก้าอี้ เบนยืนอยู่ด้านหลัง เก้าอี้อีกฝั่งยังว่างเปล่าอยู่ เสียงล้างมือดังออกมาจากในห้องน้ำ
โจพูด "ไม่ต้อง เรากับลีซี้กัน"
โจเข้ามาทักทาย ลีดูซัมเดินเข้ามาจากด้านหลัง เช็ดมือตัวเองเดินไปที่นั่งตรงข้ามใบหน้าของโจและเบนที่ยืนอยู่
ร่างชายสูงอายุนั่งลง เขาตัวใหญ่ใส่สูทสีเทาใบหน้ารับรู้หลายอย่าง ภายในช่วงเวลาพริบตาเดียวทั้งสองคนต่างรู้ว่าคนตรงหน้าถืออำนาจที่สุดในห้องคือชายที่บนโต๊ะเรียงยาเสพติดอยู่ และลีดูซัมคือชื่อของชายที่ใช้เสพสารกระตุ้นประสาทที่อยู่บนโต๊ะไม้ของตัวเอง คนพวกนี้ชอบลงทุนชอบความเสี่ยงเห็นการลงทุนที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งน่าสนใจจุดใหม่ที่จะเกิดรายได้ขององค์กร
หลังจากที่เขาใช้สารกระตุ้นประสาท มือขวาของลีหยิบโทรศัพท์แล้วกดปุ่ม สองสามครั้งมีเสียงจากคนไทย เขาแนะนำตัวผ่านมือถือ จะเป็นผู้แปลในบทสนทนานี้ ลีดูซัมถามเป็นภาษาเกาหลีไปทางโจ "นั้นเด็กแกเหรอ"
"ใช่ คนนี้คือคนที่เล่าให้ฟัง" โจพูดให้ลีดูซัมฟัง เบนเดินเข้ามาในพื้นที่และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามลีดูซัม
ลีดูซัมทำท่าทางอยากคุย "ไหนเอาของมาดูซิ" เขาเอ่ย ทั้งยังกวักมือตามน้องชายลีดองโฮของตัวเองที่ใส่แว่น มานั่งข้าง
เบนยื่นของให้ ลีดองโฮมาตรวจดูไฟล์ข้อมูล เบนสีหน้ากังวล มองไปทางโจ เบนกำลังดูความปลอดภัยต่าง ๆ และระแวงกับสถานะการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ
ลีดองโฮพยักหน้า ว่าไฟล์นี้ใช้ได้ ลีดูซัมหัวเราะเสียงดังในความสามารถเรื่องที่ทำได้
ปรบมือให้แล้วสั่งให้คนอื่นตบมือ เอ่ยพลางเอื้อมหยิบซิการ์
"ถามว่าเอามาจากไหน? ใครเป็นคนทำ?"
"ผมเป็นคนทำ" เบนตอบ
"ไม่มีทาง นายทำงานให้ใคร?"
"ไม่มีใครหรอก ผมกับคู่หูทำงานด้วยกัน แค่นั้นแหละ"
"ก็ได้ ๆ เรารับข้อเสนอ" ลีดูซัมตอบ ลีดองโฮออกจากห้องไปแล้ว
"เห็นมั้ย ลีรับแน่" โจพูดต่อให้กำลังใจเบน
"ฉันยังไม่ได้บอกราคาเลย"
ลีดูซัมดูสงสัย "เท่าไหร่? บอกมา"
"สิบล้าน" เบนตอบ
ลีดูซัมไม่พอใจ กำลังคิด "โอเคได้ ๆ งั้นไปได้ แล้ว"
"แล้วเงินหล่ะ" เบนถาม
เขาปัดมือออกมา"เดี๋ยวแกก็ได้ นี่แค่เอาของมานำเสนอ"
เบนหันหน้าไปทางโจด้วยความกังวล "จะให้เอาของไปโดยที่ฉันยังไม่ได้เงินเหรอ?"
ลีดูซัมมองหน้าเบน
"ไม่เชื่อผมเหรอ"
"ไม่ ๆ ผมแค่ไม่ได้ทำธุรกิจแบบนี้"
"หุบปาก เราตกลงกันแล้ว" ลีดูซัมตะคอกเบน
"ไหนนายบอกไม่มีอะไรไง ไฟล์ข้อมูล กับเงินสด" เบนหันหน้าไปคุยกับโจ
"อย่าเครียดไปเลยน่า ลี" โจบอกเบน
มีคนเข้ามาประชิดข้างหลัง ตะคอกบอกให้โจหุบปาก
"งั้นที่ตกลงไว้ ยกเลิก" เบนดึงทรัมไดร์ฟ รีบยกตัวขึ้นจากเก้าอี้ จะหนีออกไปทางด้านหลังของตัวเอง ลูกน้องตัวใหญ่ของลีดูซัมทั้งสองคนขวางทาง และจับเบนไว้ให้นั่งกับที่เก้าอี้ตัวเดิม
"แกเอาไฟล์ข้อมูลไตมาให้ฉันแล้วคิดว่าจะได้เงินสดทันทีเหรอ" ลีดูซัมกำลังลองใจมองดูแววตาเบน ก่อนที่จะมีท่าทางเข้าใจหันหลัง ลีดูซัมเอาเงินในเซฟมาโชว์ใส่ถุงผ้าที่ห่อก้อนเงินไว้ แล้วยื่นให้มาทางเบน
เบนไม่ไว้ใจท่าทางตื่นกลัว แต่อยากจะรับเงินทำท่าจะรับถุงใส่เงิน
ทันใดนั้น ลีดูซัมเอาถุงเงินมาทุบเบน เบนล้มลงไปนอนกับพื้น ลีดูซัมเตะเบนเข้าไปที่ซี่โครงซ้ำ ๆ "ไอ้เด็กเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ นี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุยกับผู้ใหญ่ก็มีมารยาทหน่อยสิ" ลีดูซัมกำลังโมโหเอาเงินในตู้ใส่ถุง แขนแกว่งถุงน้ำหนักเงินเป็นปึก ๆ ตีลงบนตัวเบนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เบนร้องโหยหวนเจ็บปวดก่อนที่จะสลบไปพร้อมรอยยิ้มที่ผยองบนใบหน้าของคนเกาหลีที่ยืนเหนือร่างกาย