"หนิงเฉิง เจ้าดูนี่ เจ้าอัปลักษณ์กลายเป็นโจรไปแล้ว!"
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในสวนตระกูลเวยอันสงบสุข พร้อมภาพวาดประกาศจับจากทางการ เวยหนิงเฉิงที่กำลังเพลิดเพลินกับการตกปลา ถึงกับตาโตมองภาพวาด
"พวกชาวบ้านเล่าว่า เจ้านั่น ปล้น สังหารใต้เท้าฝูกับภรรยา วางเพลิงเผาจวน กวาดของมีค่าไปหมด คุณหนูฝูไปวัด เลยรอด 3 วันมานี้ ทั่วทั้งเมืองมีแต่พวกมือปราบ รื้อค้นทุกซอกมุมไม่เว้นแม้แต่ตุ่มเก็บน้ำ วุ่นวายยกใหญ่"
"เจ้าขี้ขลาดนั่นหรือ กล้าทำ! ข้าทั้งล้อ ทั้งเหยียดหยามใส่หน้าเจ้านั่นทุกวัน ก็เดินหนีตลอด ไม่น่าเชื่อ"
"ใครจะไปกล้าทำเจ้า ในโรงหนังสือ ขนาดอาจารย์ยังไม่กล้าแตะ หนิงเฉิง เจ้านั่นหลบหนีทางการ ดีไม่ดีอาจมาแก้แค้นเจ้าด้วยก็ได้"
"หุบปากน่า!! ขืนเจ้านั่นเข้ามา พี่ข้าไม่เก็บชีวิตมันไว้แน่"
เวยหนิงเฉิงกล่าวภาคภูมิใจถึงฝีมือการต่อสู้ของเวยหนิงหลง พี่ชายคนโตผู้เก่งกาจทั้งตำราอาวุธ แล้วจึงขยำภาพของเซี่ยหยาง ปาลงพื้น
"ข้าจะไปหาอะไรกิน ไม่ต้องตามข้ามา"
เพราะเกรงว่าสหายจะแย่งของกิน เวยหนิงเฉิงถึงเอ่ยดักไว้ ก่อนจะเดินทอดน่องสบายใจเข้าครัวตระกูลเวย อันอุดมไปด้วยอาหารมากมาย ไม่เคยพร่อง
"ซาลาเปาไส้เนื้อตุ๋นของข้า ซาลาเปา ซาลาเปา หืม..."
เด็กชายหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงแปลกคล้ายลมหายใจหอบของคน เขาตะแคงหูฟังจนแน่ใจทิศทางว่ามาจากเตาไฟในครัว จึงค่อยๆย่องเบาเข้าหา ทันใดนั้น เวยหนิงเฉิงก็หน้าถอดสี เมื่อเห็นเซี่ยหยางก้มหน้าก้มตากินซาลาเปาของเขาจนหมดเข่ง
"คนร้าย!! คนร้ายบุกเข้ามาในจวน ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า!!!!"
เวยหนิงเฉิงแหกปากร้องดังลั่น สองเท้าก็วิ่งหนีออกนอกครัวสุดชีวิต ด้วยกลัวถูกทำร้าย เซี่ยหยางที่หิวโซก็สะดุ้งสุดตัว รีบกวาดเนื้อทอดในจานใส่สาบเสื้อ แล้วเคลื่อนไหวรวดเร็วออกจากบ้านตระกูลเวย แต่ทว่า หนนี้เขากลับช้ากว่าใครคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้ครองอาภรณ์เหลืองนวล หน้าตาหมดจดงดงาม ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ส่องสว่างทั้งตัวดังเทพสวรรค์ ชายผู้นั้นตวัดดาบขวางหน้าการเคลื่อนไหวในพริบตาของเขา
"!!"
เซี่ยหยางสะดุ้งสุดตัว แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะมีผู้ใดเคลื่อนไหวว่องไวไปกว่าพลังจากศิลาวิเศษ เขาล้มลงกลางหญ้า พาเนื้อทอดในสาบเสื้อกระจายเต็มพื้นสวน สายตาตับจ้องดาบคมกริบสลับกับผู้ขัดขวาง ดวงตาสีเปลือกไม้ฉายแววหวั่นไหว แต่ก็เชิดหน้า ทำทีกล้าหาญ
"ปานแดงกลางหน้าผาก เจ้าคือเซี่ยหยาง เด็กที่ทางการตามหาอยู่หรือ"
เวยหนิงหลง บุตรชายคนโต ตระกูลเวย เอ่ยถามขณะมองสบดวงตาสีสว่างอย่างประเมิน เซี่ยหยางไม่ตอบ ทำเพียงหยิบเนื้อทอดบนพื้นหญ้ากินต่อเท่านั้น
"เนื้อของข้า!!"
เวยหนิงเฉิงตะโกนลั่น ก่อนจะรีบก้มหน้างุดเมื่อถูกสายตาดุของพี่ชายปรามไว้
"พ่อบ้าน จับเขาไปขังคุกใต้ดิน รอคนของทางการมารับไป"
"พี่ใหญ่! เจ้าอัปลักษณ์นั่นทำร้ายข้า ท่านดู แขนข้าแดงไปหมด ท่านฆ่ามันเลย!"
เวยหนิงเฉิงรีบร้องบอก ด้วยกลัวว่าเซี่ยหยางจะหาทางกลับมาทำร้ายตัวเอง เวยหนิงหลงกลับใช้สายตาเย็นเยียบจ้องนิ่งเงียบ มองจนน้องชายคนเล็กผู้เอาแต่ใจก้มหน้าหนี ไม่พูดอะไรอีก พ่อบ้านประจำตระกูลจึงพยักหน้าให้คนในจวนสองคนช่วยกันจับเซี่ยหยาง เด็กหนุ่มรีบเก็บเนื้อทอดบนพื้นให้หมด ถึงยอมโดนจับไป สีหน้าของเขาเศร้าหมอง สะกิดใจของเวยหนิงหลงอยู่ครู่
"พ่อบ้าน ท่านให้คนจัดสำรับอาหาร ของคาวหวาน ไปให้เจ้าหนูนั่นด้วย"
"คุณชายใหญ่ เด็กคนนั้นเป็นคนร้าย ท่านจะให้จัดสำรับจริงหรือขอรับ"
"ข้าอยากคุยกับเจ้าหนูเซี่ยสักหน่อย ถือว่าจัดสำรับให้ข้าแล้วกัน"
กล่าวจบ เวยหนิงหลงก็เดินตามหลังเซี่ยหยางที่ถูกคุมตัวไป พ่อบ้านมองท่วงท่าสง่างาม วาจาสุขุม และน้ำใจงดงามของคุณชายใหญ่อย่างปลาบปลื้มใจ
"สมกับเป็นรองแม่ทัพเสียจริง"
-----------------------------------
เซี่ยหยางมองสำรับบนโต๊ะใหญ่เบื้องหน้า มีทั้งข้าวสวยร้อนๆ ซุปอย่างดี กับข้าวมากมายนับสิบอย่าง พร้อมทั้งน้ำผลไม้ น้ำชา ขนม ให้เลือกกินแทบไม่ถูก สลับมองใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผู้สั่งให้คนจับเขาโยนใส่คุกใต้ดินแห่งนี้ คำถามมากมายอยู่ในหัวของเด็กชาย บอกผ่านสายตาออกไป เวยหนิงหลงที่ระวังตัว ยืนอยู่ด้านนอกห้องขัง ก็หัวเราะในคอ ตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกัน เขาหยิบหมั่นโถวกินแกล้มกับซุปข้น เซี่ยหยางถึงยอมหยิบชามข้าว เริ่มกินอาหารในสำรับ
ความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่ม ผู้ที่รอบกายมีไอร้อนแปลกประหลาด ซ้ำยังเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม หากไม่เพราะทำเนื้อหล่นไปตลอดทาง เขาไม่มีทางดักทันแน่ เหล่านั้นนสร้างความฉงนใจแก่เขานัก ด้วยไม่คิดว่าเด็กชายเบื้องหน้าจะลงมือสังหารผู้ใดได้ อย่าว่าแต่คนเลย หนูสักตัวคงไม่กล้าทำ
"เจ้าหิวโซเช่นนี้ คงไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน"
"ตั้งแต่ออกจากบ้านลุงผอม ข้าดื่มแค่น้ำในลำธารเท่านั้น.....!!!"
เซี่ยหยางแทบอยากตบปากตัวเองเมื่อเอ่ยชื่อผู้มีพระคุณออกไป เขามองเวยหนิงหลงอย่างกังวลใจ ชายหนุ่มส่ายหน้าตอบ
"ข้าไม่รู้จักผู้ใดในเมืองฝูที่ชื่อลุงผอม ถือว่าไม่ได้ยิน"
ฟังวาจาเยือกเย็นแต่นุ่มนวล ท่วงท่าสุขุม รวมกับแววตาดุขรึมเด็ดขาด เซี่ยหยางรู้สึกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าดูเชื่อถือได้หลายส่วน แต่ทว่า ภาพของหญิงสาวผู้งดงาม วาจาอ่อนหวาน ก็ฉายชัดในความคิด...ผู้ที่กลายเป็นอสูรร้าย ป้ายสีเขาอย่างเลือดเย็น เด็กหนุ่มจึงก้มหน้าก้มตากิน ไม่พูดอะไรอีก
"บ้านข้ามีอาหารมากมาย เจ้ากินได้เท่าที่ต้องการเถิด"
เวยหนิงหลงกล่าวพลางสะกิดใจที่อยู่ๆเด็กชายก็เปลี่ยนท่าที ก่อกำแพงปิดกั้นชัดเจน แรกเริ่ม เขาคิดว่าเซี่ยหยางใจคอโหดเหี้ยมนัก แต่เมื่อพบกับเด็กชายเบื้องหน้า เวยหนิงหลงก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเรื่องราวทั้งหมด ยังไม่ทันได้ไต่ถาม พ่อบ้านก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน
"คุณชาย คุณหนูฝูขอเข้าพบขอรับ"
"!!!"
เซี่ยหยางหน้าถอดสี ดวงตาสีเปลือกไม้ฉายแววหวาดกลัวสุดชีวิต จ้องมองเวยหนิงหลงอย่างขอความช่วยเหลือ แต่คิดอีกที เขาก็ก้มหน้าลง หยิบถ้วยน้ำชาดื่ม หยุดกินอาหารทั้งหมด ราวกับยอมจำนนในชะตากรรม กริยานั้นเปลี่ยนสายตาของเวยหนิงหลงนิ่งขรึมทันใด
"พ่อบ้าน ท่านบอกคุณหนูฝูทีว่าข้าอยากสอบสวนเจ้าหนูเซี่ยเสียก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่"
"ขอรับ"
พ่อบ้านฝูนึกเห็นด้วยในใจเพราะท่าทางน่าเวทนาของเด็กหนุ่มเช่นกัน คล้อยหลังพ่อบ้านไปแล้ว เวยหนิงหลงจึงเอ่ยกับเซี่ยหยางอีกครั้ง
"เจ้ากินให้อิ่มเถิด วันนี้จะยังไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น"
การกระทำของเวยหนิงหลง เรียกรอยยิ้มโล่งอกของเซี่ยหยาง ราวกับในใจที่มืดมนพลันสว่างไสว ฉับพลัน ไออุ่นซ่านแปลกประหลาดดังแสงตะวันก็โอบล้อมรอบคุกใต้ดิน บดบังความหนาวเหน็บ เวยหนิงหลงขมวดคิ้วมองรอบกาย สายตาก็เหลือบเห็นแสงสว่างแปลกประหลาดในสาบเสื้อของเซี่ยหยาง
"ถ้าเจ้าอยากให้ข้าช่วย เจ้าต้องเล่าความจริงทั้งหมด"
เวยหนิงหลงกล่าวตามตรง เซี่ยหยางกลับส่ายหน้าตอบ หยิบขนมกินโดยไม่พูดอะไร
"เช่นนั้นตามใจ วันพรุ่งนี้คงต้องส่งเจ้าให้คุณหนูฝู"
"ข้าสังหารท่านน้าฝูโดยไม่ตั้งใจ"
เซี่ยหยางยอมเปิดปากเล่า เวยหนิงหลงกลับเลิกคิ้วสูง สายตาบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อเขา เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว
"แต่หากเล่าไป ท่านคงไม่เชื่อข้า จึงไม่มีประโยชน์อันใด ท่านส่งข้าให้นางเถอะ"
"ต้องการเช่นนั้นจริงหรือ"
เวยหนิงหลงถามย้ำ จับจ้องเซี่ยหยางนิ่งเงียบ เด็กหนุ่มรับรู้เจตนาดีของชายเบื้องหน้า แต่คงไม่อาจช่วยเหลือเขาได้ อย่างไรเสีย ก็ดีกว่าเก็บงำไว้ในใจ จึงยอมเปิดปากเล่า
"ท่านน้าฝูเป็นปีศาจหมี"
ทันทีที่เด็กหนุ่มเล่า เวยหนิงหลงก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที กระนั้นก็ยั้งใจไว้ ฟังอย่างเงียบสงบ
"นางจู่โจมข้ากะทันหัน ข้าไม่ตั้งใจ จึงเผาร่างปีศาจของนาง ทำให้นางสิ้นใจ ส่วนท่านลุงฝู....ท่านลุงฝู...พี่หลันเป็นผู้สังหารเอง....นางเป็นปีศาจเช่นกัน"
เซี่ยหยางพูดเสียงเบาในคอ จ้องมองสีหน้าไม่เชื่อถือ คล้ายต่อว่าเขาในใจ เด็กหนุ่มก้มหน้าลง
"ท่านไม่เชื่อข้า"
"เจ้าเผาร่างปีศาจของนางอย่างไร"
ถึงไม่เชื่อ เวยหนิงหลงก็ไต่ถามต่อ เขาลังเลเพราะเด็กชายเบื้องหน้าไม่ได้โกหกต่อเขา แต่จะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้จริงหรือ ในเมื่อมันเป็นเพียงความเชื่องมงายของชาวบ้าน
ฝ่ายเซี่ยหยาง ชั่งใจอยู่ครู่ จึงผายฝ่ามือเหนือจานเป็ดตุ๋น พลันแสงสว่างในสาบเสื้อก็ลุกวาบ ปรากฏเปลวเพลิงถ่ายทอดผ่านฝ่ามือ เผาเป็ดตุ๋นในจานไม่เหลือแม้ผุยผง เวยหนิงหลงตกตะลึงงัน จ้องมองเด็กชายสลับกับจานเป็ดตุ๋น มือของเขาก็คว้าจับด้ามดาบ ขยับถอยหลังทันที
"ข้าเพิ่งค้นพบวิธีนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน นอกจากมองเห็นในความมืด กับเคลื่อนไหวรวดเร็ว ศิลาชิ้นนี้ยังให้พลังไฟแก่ข้าอีกด้วย"
เซี่ยหยางหยิบสร้อยคอตนเองยื่นให้เวยหนิงหลงดู ชายหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่ จึงรับมาถือไว้ เขาสัมผัสกับความอุ่นซ่านดังหินอังไฟจากจี้สร้อยของเด็กหนุ่ม พลิกดูไปมา ไม่เห็นสิ่งแปลกนอกจากความร้อนที่แผ่ออกมาเท่านั้น
"ข้าขอยืมดาบของท่านหน่อยเถิด"
เซี่ยหยางเอ่ยขอ เวยหนิงหลงจึงยื่นส่งให้ เด็กหนุ่มกลับเฉือนข้อมือลึกเป็นแผลยาวต่อหน้าเขา แล้วคว้าสร้อยคืน
"เจ้า!.....????"
ทันใดนั้น แผลลึกฉกรรจ์ก็ค่อยๆจางหายไป เวยหนิงหลงนิ่งอึ้ง มองเด็กหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครู่หนึ่ง เขาจึงคิดบางอย่างได้ เขามองเซี่ยหยางที่มีสีหน้าเศร้าระคนหวาดกลัว สายตาครุ่นคิดของเวยหนิงหลง พาให้เซี่ยหยางใจหาย ก้มหน้าลงอีกครั้ง
"ท่านคงนึกว่าข้าเป็นปีศาจเสียเอง"
"เจ้าได้ของวิเศษชิ้นนี้มาจากผู้ใด"
เวยหนิงหลงถามไปเรื่องอื่น เซี่ยหยางพยายามอ่านท่าทีของชายหนุ่มว่ารู้สึกเช่นใด เห็นเพียงความใคร่รู้ ชั่งใจอยู่ครู่ จึงยอมตอบ
"พ่อกับแม่เล่าว่า เมื่อข้าเกิด มีบัณฑิตผู้หนึ่งจงใจเดินทางมาหา ทำทีตกเขา ให้พ่อแม่ข้าสร้างหนี้บุญคุณ เพื่อมอบของสิ่งนี้ให้"
เล่าไปแล้ว เซี่ยหยางก็กล้าๆกลัวๆมองเวยหนิงหลง เห็นอีกฝ่ายเงียบกริบน่าใจหาย เขาก็ก้มหน้างุด
"เป็นลูกผู้ชาย อย่าก้มหน้า เงยหน้าขึ้น"
เวยหนิงหลงเอ็ดดุ เด็กหนุ่มก็เผลอเงยขึ้นทันที ด้วยวิธีพูดคล้ายคลึงกับบิดาหลายส่วน
"นานมาแล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่า ที่ยอดเขาทางทิศใต้ มีสำนักผู้บำเพ็ญพรต ออกบวช เพื่อบรรลุฌานสวรรค์ ผู้ทรงศีลเหล่านั้น ไม่แก่ ไม่ตาย มีพลังเหนือธรรมชาติ ในทุกๆปีจะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเลือกผู้มีวาสนาไปเป็นศิษย์ ข้าไม่เคยเชื่อถือ กระทั่งวันนี้...เจ้ากินให้อิ่มเถิด เมื่อถึงยามจื่อ ข้าจะพาเจ้าออกเดินทาง"
"ท่านจะพาข้าไปที่แห่งนั้นหรือ"
"ข้าจะพาเจ้าไปหาผู้ที่อาจรู้จักที่แห่งนั้น เจ้าหนูเซี่ย ข้าไม่อาจเชื่อถือว่าคุณฝูและฟูเหรินเป็นปีศาจ แต่ข้าไม่อาจปล่อยเจ้ากลับไปกับนางได้เช่นกัน ที่ข้าช่วยได้ คงมีเพียงเท่านี้ เจ้าเตรียมตัวเถิด เราต้องรีบสักหน่อย"
กล่าวจบ เวยหนิงหลงก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินออกจากห้องขัง เซี่ยหยางมองผู้มีพระคุณเบื้องหน้าอย่างซาบซึ้งใจ ส่งไออุ่นซ่านปะทะเบื้องหลังอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ
"ใต้เท้าเวย ขอบคุณท่านมากขอรับ"
เวยหนิงหลงหยุดชะงักฝีเท้า เมื่อรู้สึกถึงกำลังวังชาเพิ่มพูนขึ้นมา เขาสำรวมอาการ พยักหน้ารับโดยไม่หันหลังมอง แล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยหยางยิ้มร่า กินดื่มสำรับอาหารได้สบายใจมากขึ้น เขาจึงจัดการไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
-----------------------------------------
เวยหนิงหลงจับเซี่ยหยางสวมชุดคลุมดำสนิทตลอดร่าง พาขึ้นหลังม้า ก่อนจะปีนขึ้นนั่งซ้อนหลัง ทุกการกระทำเป็นไปโดยเงียบเชียบ และมีเพียงพ่อบ้านเท่านั้นที่ล่วงรู้ เซี่ยหยางรู้สึกซาบซึ้งใจพร้อมๆกับไม่สบายใจ สังหรณ์แปลกประหลาดว่าฝูกุ้ยหลันต้องติดตามมาเป็นแน่
"น้องชาย หากเจ้าแผ่ไอร้อนไปตลอดทางเช่นนี้ ผู้ไม่หวังดีคงตามเจอ สำรวมอารมณ์ไว้เถิด"
รองแม่ทัพเวยกล่าวพอให้ได้ยินกันสองคน เซี่ยหยางจึงพยักหน้ารับ รีบหลับตา ทำใจให้ว่าง ด้วยเหตุนั้น ไอร้อนจึงค่อยๆจางหายไป แทนที่ด้วยความหนาวยะเยือกจนพ่อบ้านต้องห่อไหล่
เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เวยหนิงหลงควบม้าทะยานไปข้างหน้า พาเซี่ยหยางฝ่าสายลมหนาวเหน็บของยามค่ำคืนไปยังจุดหมายปลายทาง
"เกาะไว้ให้แน่น เซียนน้อย หวังว่าเจ้าจะไม่ตกม้าก่อนถึงวัดจิ้นอัน"
"ใต้เท้า ท่านจะพาข้าไปที่แห่งใดนะขอรับ"
"วัดจิ้นอัน บนยอดเขา อาจารย์ของข้าออกบวชเป็นพระสงฆ์ ท่านอาจรู้จักเขาเซียน"
เวยหนิงหลงตอบเพียงเท่านั้น แล้วควบม้าสุดฝีเท้า เซี่ยหยางแม้สงสัยว่าเซียนคือสิ่งใด ก็ไม่เอ่ยถามอีก เขาจับบังเหียนม้าไว้แน่น นึกภาวนาให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วๆสักที แต่แล้ว กลิ่นสาปและคาวเลือดแปลกประหลาดก็โชยเข้าจมูกเสียก่อน เด็กหนุ่มใจหายวาบ เขาจดจำกลิ่นนี้ได้ดีว่าเป็นของผู้ใด
"พี่หลัน...."
ไม่ทันสิ้นวาจา สตรีผู้ครองอาภรณ์ขาวสะอาดตาก็ทะยานกายจากยอดไม้ ร่อนลงยืนขวางหน้า เวยหนิงหลงรีบหยุดฝีเท้าม้ากะทันหัน มือจับด้ามดาบไว้ทันที
"คุณชายเวย นึกไม่ถึงว่าท่านจะเห็นผิดเป็นชอบ พาคนร้ายหลบหนี ส่งเด็กนั่นมาให้ข้า!"
ฝูกุ้ยหลันพูดเสียงขึงขังพลางตวัดแส้หนังยาวราว 1 จั้ง หมายฟาดร่างเซี่ยหยาง เวยหนิงหลงรีบใช้ดาบปัด แล้วควบม้าทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
"เกาะไว้ เจ้าหนูเซี่ย"
เขาบอก เซี่ยหยางรีบหมอบต่ำ กอดคอม้าไว้ จนหินแนบไปกับหลังของมัน ฉับพลัน ม้าฝีเท้าดีที่วิ่งเร็วอยู่แล้วเป็นทุน กลับควบทะยานราวกับเหาะไปข้างหน้า เวยหนิงหลงจึงเชื่อสนิทว่าเด็กชายเบื้องหน้ามีวาสนากับที่ที่เขาจะพาไปโดยแท้จริง ในทางกลับกัน ผู้ที่เหาะทะยานตามหลังมาติดๆ ก็เป็นปีศาจอย่างที่เด็กชายกล่าวไม่ผิด
"เวยหนิงหลง! ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!!!"
ฝูกุ้ยหลันรีบเหาะทะยานตามหลังสุดกำลัง เมื่อใช้แส้คว้าจับเป้าหมายไม่ได้ จึงตวัดแส้ฟาดเวยหนิงหลงแทน
"!!"
เวยหนิงหลงอดทนกับความแสบร้อนดั่งกรงเล็บแหลมคมกรีดร่างกายทุกครั้งที่แส้กระทบหลัง รีบควบคุมบังเหียนไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง เขาถูกกระหน่ำฟาดเช่นนั้น เจ็บแสบจนสายตาพร่ามัว ทั่วทั้งหลังชื้นแฉะด้วยโลหิตคาว แม้แต่เซี่ยหยางยังได้กลิ่นชัดเจน เด็กหนุ่มไม่อาจทนเห็นผู้มีพระคุณเดือดร้อน จึงร้องบอก
"ใต้เท้าเวย ส่งข้าให้นางเถิด ข้าไม่ไปวัดจิ้นอันแล้ว"
"เหลวไหล เป็นลูกผู้ชาย จะยอมแพ้ง่ายๆไม่ได้ เกาะไว้!!"
เวยหนิงหลงเอ็ดเสียงพร่า ด้วยเจ็บปวดสุดชีวิตกับบาดแผล ความอดทนของรองแม่ทัพหนุ่ม ทำฝูกุ้ยหลันโมโหและเหนื่อยไปพร้อมๆกัน
"ดื้อด้าน!!"
นางกลายร่างเป็นอสูรหมี กระโดดข้ามยอดไม้รวดเร็วตามติด เวยหนิงหลงถึงกับเบิกตาโต เกือบลืมควบม้า แต่ก็รีบดึงสติกลับมาโดยเร็ว
"นางไม่ปล่อยข้าแน่ เจ้าหนูเซี่ย เจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่อาจถอยหลัง วันนี้ หากไม่ส่งเจ้าถึงวัดจิ้นอัน ข้าไม่ขอหันหลังกลับ"
น้ำใจของเวยหนิงหลงทำเซี่ยหยางน้ำตารื้น กอดคอม้าไว้แน่น หวังให้พลังวิเศษจากหินช่วยให้เขากับผู้มีพระคุณรอดพ้น แต่ทว่า อสูรหมีกลับคล่องแคล่ว เชี่ยวชาญในป่ากว่ามาก ในที่สุด นางก็ก้าวขวางหน้ากะทันหัน ทำม้าตกใจ สะบัดสองร่างร่วงลงกับพื้นทันใด
ฝูกุ้ยหลันกลับร่างเป็นมนุษย์ กางกรงเล็บดำสนิท กระโจนเข้าหาเซี่ยหยาง ไวกว่าความคิด เวยหนิงหลงรีบพุ่งร่างคว้าเด็กหนุ่มกอดปกป้องไว้ กรงเล็บทั้งห้าจึงจิกเข้ากลางหลังเขา ทะลุถึงแผ่นอกทันใด
"ใต้เท้าเวย!!!!"
เซี่ยหยางร้องลั่นป่า แผ่ไอร้อนผ่าวกระจายออกจากตัวเอง กระแสพลังนั้น ผลักฝูกุ้ยหลันลอยละลิ่ว กระแทกต้นไม้ใหญ่ ล้มฟุบลงกับพื้น เขารีบประคองผู้มีพระคุณนอนลงบนตัก เปิดสาบเสื้อมองบาดแผลฉกรรจ์ ก็รีบถอดสร้อยคล้องคอเวยหนิงหลงไว้ หากแต่พลังวิเศษนั้นไม่อาจสมานแผลของรองแม่ทัพหนุ่มได้
"ทำไม...ทำไมกัน แผลของท่าน"
"หึ...อย่างที่ข้าคิด...ศิลา...เป็นเพียงเข็มทิศ ชี้นำพลังของเจ้า...แท้จริงนั้น พลังวิเศษ...มาจากตัวเจ้าเอง"
ได้ฟังเวยหนิงหลง เด็กหนุ่มก็นิ่งอึ้ง สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบดึงสติกลับมา
"เช่นนั้นข้าจะรักษาแผลให้ท่าน"
เซี่ยหยางรีบตั้งสมาธิ จินตนาการให้แผลของอีกฝ่ายหายไป...กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาใจหาย หวาดกลัว และกำลังเต็มไปด้วยโทสะ หนำซ้ำ หินวิเศษกลับหรี่แสงลง และมอดดับไปในที่สุด
"ทำไม! ทำไมข้าทำไม่ได้!"
"เซี่ยหยาง...นางมารกำลังบาดเจ็บ...เจ้ารีบไป...ควบม้าไปข้างหน้า ไปตามทางที่ดวงดาวส่องสว่าง...เจ้าจะถึงวัดจิ้นอันก่อนรุ่งสาง"
"ไม่!! ข้าไม่ทิ้งท่านไว้ที่นี่แน่ ท่านเชื่อข้า ช่วยเหลือข้าอย่างจริงใจ ข้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน"
เด็กหนุ่มร้องเสียงแตกพร่า น้ำตานองหน้า เมื่อแผลบนอกกลายเป็นสีดำสนิท ส่งกลิ่นเน่าอย่างน่าใจหาย เวยหนิงหลงกระอักโลหิต ดวงตาเหม่อลอย กระนั้น เขาก็มองเห็นปานแดงบนใบหน้าเด็กหนุ่ม กลับกลายเป็นสัญลักษณ์เปลวเพลิงกลางหน้าผาก เขาคลี่ยิ้มอย่างยินดี
"ดวงตาไร้วาสนาของข้า...ได้มองเห็นเทพสวรรค์ก่อนตาย...ถือเป็นพรวิเศษแล้ว"
"ท่านพูดอะไร ใต้เท้าเวย ใต้เท้าเวย!! ท่านอย่าหลับ ข้าจะต้องช่วยท่านให้ได้ ใต้เท้าเวย!!"
เซี่ยหยางร้องตะโกนฟูมฟาย พยายามใช้พลังวิเศษของหิน แต่หินกลับเย็นเยียบ ไม่ปรากฏพลังอันใด หยดน้ำตาของเขารินไหลไม่ขาดสาย กระทบใบหน้าของเวยหนิงหลง ชายหนุ่มหรี่ดวงตาปิด กระนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น
"หยุดร้องไห้ ลูกผู้ชาย...ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ...เจ้าหนูเซี่ย..."
ขาดวาจา ร่างในอ้อมแขนก็แน่นิ่งไป ใจของเซี่ยหยางแทบหยุดเต้น เมื่อผู้มีพระคุณสิ้นลมหายใจตรงหน้า เพียงเพื่อปกป้องเขา ร่างกายของเซี่ยหยางชาดิกขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า สมองชาวาบ เขาจ้องฝูกุ้ยหลันด้วยโทสะมหาศาล ไม่อาจให้อภัยการกระทำของนางได้ เขาวางร่างของเวยหนิงลงกับพื้น ฉับพลัน เปลวเพลิงร้อนระอุก็ถ่ายทอดผ่านฝ่ามือ ลุกโชติช่วงมุ่งตรงสู่ร่างหญิงสาวทันใด
"!!"
นางรีบกระโจนหนี เซี่ยหยางก็ถ่ายพลังเพลิงผ่านฝ่ามือไล่ล่าทุกทิศทาง เผาผลาญป่าโดยรอบให้ลุกโชนดั่งทะเลเพลิง ในที่สุด ไฟนั้นก็ถูกแขนของฝูกุ้ยหลัน ทำนางร่วงลงจากยอดไม้ ฟุบลงกับพื้น ใบหน้าบิดเหยเกด้วยเจ็บปวดสุดชีวิต ก่อนแขนข้างนั้นจะสลายเป็นผุยผงไปต่อหน้าต่อตา
"ไม่ใช่...นี่ไม่ใช่พลังของปีศาจ....เจ้า...เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เซี่ยหยาง"
ฝูกุ้ยหลันร้องเสียงสั่น มองเด็กหนุ่มดวงตาแดงช้ำ แววตาดุร้ายกำลังจับจ้องนาง ยิ่งไปกว่านั้น ปานแดงบนหน้าผากกลับกลายเป็นรูปเปลวเพลิงชัดเจน
"เสียแรงที่ข้ารักเจ้าอย่างจริงใจ...เจ้าฆ่าท่านลุงฝู เจ้าฆ่าใต้เท้าเวย เจ้าสังหารผู้มีพระคุณของข้า!!"
น้ำเสียงตวาดก้อง พากองเพลิงยิ่งลุกโชนเทียบผืนฟ้า ฝูกุ้ยหลันตกอยู่ในความหวาดกลัว ปากสั่น มองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าที่ย่างสามขุมเข้ามาหา กลางฝ่ามือปะทุด้วยเปลวเพลิง
"ฝูกุ้ยหลัน เจ้าต้องชดใช้!!!"
เซี่ยหยางเงื้อมือหมายส่งเพลิงระอุเผาผลาญร่างตรงหน้า ทันใดนั้น สายลมกรรโชกแรงดั่งพายุก็พัดกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตาจนเซี่ยหยางต้องยกมือบังสายตาไว้ กระนั้น ความร้อนของเปลวเพลิงในฝ่ามือก็ลดระดับลง เด็กหนุ่มมองฝ่ากระแสลม พบว่าไฟลุกโชติช่วง เผาผลาญป่าเป็นวงกว้าง มอดดับลงเช่นกัน
กระแสลมดั่งมือล่องหน หยุดยั้งไม่ให้เขาก้าวขยับ พลันปรากฏสตรีผู้ครองอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ บางเบา พลิ้วไหล เปล่งประกาย คล้ายกับกลุ่มเมฆ ทะยานกายมาขวางหน้าเขาเอาไว้ เซี่ยหยางเห็นเพียงแผ่นหลังของนาง ประดับเส้นผมดำขลับ ยาวถึงช่วงเอว บนศีรษะมวยผมประดับปิ่นหยกขาวเพียงชิ้นเดียว ตลอดร่างแผ่ไอสดชื่น ปลอบประโลมความเจ็บปวดให้ผ่อนคลายลง และแขนเรียวยาว บอบบางคู่นั้น สะกิดใจของเด็กหนุ่มไม่น้อย
"ไป๋อวิ๋น!!"
คำเรียกนางของฝูกุ้ยหลัน บอกคำตอบแก่เซี่ยหยาง คนถูกเรียกเพียงเอามือไพล่หลัง
"ฝูกุ้ยหลัน....ไม่สิ หลันหลิง ข้าตามหาเจ้ามานานเกือบร้อยปี ที่แท้มาหลบอยู่ในร่างคุณหนูฝูนี่เอง"
น้ำเสียงกังวานใสของนาง ดั่งกระดิ่งต้องลม สะกดใจของเขาให้หยุดนิ่ง รู้ตัวอีกที เซี่ยหยางก็ทรุดลงนั่งคุกเข่า แทบหมดสติอยู่รอมร่อ
"วันนี้ ข้าจะพาเจ้ากลับสำนักเป่ยซานไปรับโทษให้ได้"
"ห้ามพานางไปเด็ดขาด...ข้าจะฆ่านาง!"