webnovel

เอาตัวรอดบนเกาะทางทะเล

作者: Mekumi_G18
ファンタジー
連載中 · 4.5K ビュー
  • 4 章
    コンテンツ
  • レビュー結果
  • NO.200+
    応援
概要

อะไรคือการที่นอนอยู่ดีๆก็โผล่มาเกาะกลางทะเล ดีหน่อยที่มีระบบไลฟ์สดที่พอออกอากาศ จะสามารถใช้ค่าชื่อเสียงซื้ออาหารได้ แต่ช่างมันเถอะผมอยากกลับบ้าน

Chapter 1บทนำ

ในเวลาเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนมกราคมเป็นวันที่ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงสุดในรอบ 50 ปี เกิดอาการป่วยประหลาดกับประชาชนมากกว่าหมื่นคนนอนหลับไม่ได้สติ ผ่านมานานนับเดือนก็ไม่มีใครฟื้นขึ้นมา อีกทั้งจำนวนคนที่ป่วยยังจะเพิ่มขึ้นไปแตะหลักแสนคน เกิดข้อสันนิษฐานในโซเชียลว่าอาการอาจเกิดจากความร้อนของสภาพอากาศในช่วงนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเห็นว่าการสลบร่วมเดือนของโรคปริศนาไม่น่าจะเกี่ยวกับสภาพอากาศเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อไม่มีข้อสรุปจากทางภาครัฐ ก็เกิดความคิดเห็นขัดแย้งกันไปมาของประชาชนที่กำลังกังวลถึงภัยร้ายที่ไม่ทราบวิธีกำจัด ทำให้ทางหน่วยงานทางการแพทย์จำเป็นต้องประกาศข้อควรปฏิบัติในการดูแลตัวเองอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติปัญหาทั้งหมด โดยหนึ่งในข้อปฏิบัติคือ หากไม่มีเหตุจำเป็นประชาชนก็ไม่ควรออกจากบ้าน คนส่วนใหญ่เมื่อได้ทราบคำแถลงก็พากันงดการเดินทางเพื่อความปลอดภัย

บ้านเรือนหลายหลังล้วนตุนเสบียงเพื่อกักตัวอยู่แต่ภายในบ้าน ร้านค้าปิดกิจการเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศชุมชนค่อนข้างเงียบเหงา ทุกคนเมื่อได้อยู่ภายในบ้านก็คิดว่าคงปลอดภัยแล้ว แต่ความย่ามใจก็อยู่ได้เพียงไม่นาน ทางสื่อกระแสหลักก็เริ่มพูดถึงโรคปริศนาที่กำลังเกิดในโซนยุโรปว่ามีอาการคล้ายคลึงกับในประเทศไทยถึง 80% หมายความว่ามีการแพร่กระจายของคนป่วยโรคปริศนาในหลายประเทศ

จากการสำรวจในเดือนมิถุนายนปีนี้ตามสถิติของกรมอนามัยโลกมีผู้ป่วยโรคปริศนาจากทั่วโลกจำนวน 20 ล้านคน แม้ว่าที่ที่คนนั้นอาศัยอยู่อุณหภูมิจะติดลบก็ตาม ผู้นำทั่วโลกจำเป็นต้องปิดประเทศเพื่อปกป้องและรักษาชีวิตของประชาชน พวกเขาทุ่มเงินจำนวนมากกับงานวิจัยทางการแพทย์ในการบรรเทาปัญหา แต่นับวันผู้หลับใหลมีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 100 ล้านคนในครึ่งปี พูดได้เต็มปากว่าเป็นวิกฤตใหญ่ของคนทั้งโลก

เศรษฐกิจของไทยได้รับผลกระทบหนักจากการขาดแรงงาน ทำให้รัฐบาลต้องหาวิธีบรรเทาปัญหาของประเทศให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตามระบบของราชการมักมีความล่าช้า บริษัทหลายแห่งปิดตัวลงจากการขาดการเยียวยา บริษัทที่คิมหันต์ทำงานอยู่เองก็เริ่มมีปัญหาหลังพยุงมาได้ประมาณ 1 ปี บริษัทก็ล้มละลาย หนุ่มออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่งวัย 27 ปีจึงกลายเป็นผู้ตกงาน หลังจากวันที่ทราบข่าวยกเลิกสัญญาจ้าง ชายหนุ่มก็เข้ามาเก็บของที่โต๊ะทำงานในออฟฟิคในวันต่อมา

ร่างโปร่งของชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่สูงราว 180 ซม. เดินเข้ามาในบริษัท ในอ้อมกอดของเขามีลังกระดาษขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่า ใบหน้าธรรมดาของเขานิ่งเฉย ดวงตาสีดำสนิทจ้องไปข้างหน้าอย่างมั่นคง หางตาของชายหนุ่มเชิดขึ้นตอบรับกับเปลือกตาชั้นเดียวได้อย่างดี เขาเร่งตัวรีบเดินผ่านผู้คน

วันนี้คิมหันต์แต่งตัวเรียบร้อย ท่อนบนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปกดำส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงผ้ายืดสีดำกับใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว ขาของเขาเดินไปข้างหน้าโดยเร็ว พาตัวเองผ่านบันไดขึ้นมาถึงชั้น 3 สายตาของเขาก็พบห้องอยู่ 4 ห้อง ความเคยชินทำให้เขาเดินมาหยุดอยู่ห้องที่ 4 ที่อยู่ขวามือสุด มันเป็นแผนกของเขา

ชายหนุ่มจึงผลักประตูเข้ามาด้านใน พุ่งตรงมาที่โต๊ะทำงานหลังห้อง เขาเก็บของบนโต๊ะทำงาน รวมไปถึงเอกสารต่างๆ ที่เขาต้องนำกลับไปเพื่อส่งต่อให้เจ้านายเป็นครั้งสุดท้ายลงในลังกระดาษขนาดใหญ่ ในใจคิมหันต์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย บริษัทแห่งนี้เป็นที่ทำงานแรกของเขาหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนจะจากที่นี่ไปเร็วกว่าที่คิด

ผ่านเวลาเนิ่นนานนับชั่วโมงคิมหันต์ก็จัดเก็บทุกอย่างใส่ลังกระดาษขนาดใหญ่เรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเดินออกจากออฟฟิคลงมาสู่ลานจอดรถ เตรียมพร้อมจะกลับบ้าน เมื่อถึงรถของตัวเองก็เปิดประตูด้านหน้าคนขับเพื่อวางลังกระดาษ หลังจากจัดของให้เข้าที่แล้ว เขาก็ปิดประตูทางฝั่งนั้นแล้วเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ ก่อนที่จะขับรถออกไป ภายในรถที่เงียบสนิทคิมหันต์ได้ใช้เวลาในการทบทวนตัวเองไปมาเพื่อลดความรู้สึกแย่ของการตกงาน มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนสมัยเด็กที่ดูแลตัวเองไม่ได้

คิมหันต์เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยหลวงพ่อปราณ เจ้าอาวาสวัดหนองสำแดง เขาเป็นเด็กหัวไวจึงเป็นที่รักของชาวบ้าน สร้างความอิจฉาแก่เด็กวัดคนอื่นๆ ที่ไม่พอใจเด็กชาย มักด่าทอว่า คิมหันต์เป็นเด็กขี้ประจบ บวกกับคิมหันต์เป็นเด็กผิวคล้ำไม่น่ารักในสายตาของเหล่าเด็กวัด ทำให้เด็กพวกนั้นไม่อยากเล่นด้วย แถมยังกลั่นแกล้งจนเด็กชายได้รับบาดเจ็บ

คิมหันต์ไม่กล้าเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟัง เขารู้สึกว่ามันช่างอ่อนแอ แม้เด็กชายจะไม่มีเพื่อนแต่เขาก็มีสิ่งที่ชอบทำ ก็คือการร้องเพลง ในทุกวันคิมหันต์จะใช้เวลาในการแต่งเพลง เขามีความฝันที่อยากจะมีเพลงเป็นของตัวเอง เด็กชายรู้ว่าตนมีเสียงที่น่าฟังหลังจากไปประกวดชิงเงินรางวัลในงานต่างๆ แต่ความไม่มีเงินมันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขามีเพลงเป็นของตัวเอง

เด็กชายได้มีโอกาสทำงานร้องเพลงในร้านเล็กๆแห่งหนึ่งในตอนเย็น เขาได้เจอกับนักดนตรีที่ร้าน ชายคนนั้นชื่อว่า ชาติ ลุงชาติเป็นคนผอมแห้งที่ดูไร้สง่าราศี แต่เขาก็เล่นดนตรีเก่งมาก ทุกวันหลังเลิกงานลุงชาติจะสอนเด็กชายดีดกีตาร์ ลุงชาติเป็นคนใจดี เขาเล่าให้เด็กชายฟังว่า ตัวเขาเองก็เป็นคนมีความฝัน เขาอยากจะเป็นนักดนตรีระดับโลก การประกวดที่ไหนมีลุงชาติการพาตัวเองไปเข้าร่วม

ถึงแม้ในที่สุดลุงชาติจะได้รับชัยชนะแต่เสียงดูถูกการไม่มีการศึกษาของลุงชาติก็มากเช่นเดียวกัน ในเวลานั้นเด็กชายไม่เข้าใจว่าผู้คนจะต่อว่าลุงชาติทำไม ลุงชาติตอบเด็กชายว่า มันเป็นสิ่งที่คนในสังคมต้องการ ถึงมันจะไม่สำคัญกับลุงแต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำตามเสียงคนหมู่มาก สุดท้ายลุงชาติก็ลูบหัวของเด็กชายก่อนจะพูดว่า

"เธอต้องไปโรงเรียนนะ ตั้งใจเรียนล่ะ ไม่ใช่แค่ว่าลุงห่วงว่าใครจะดูถูกเธอ ลุงก็แค่อยากจะเห็นเธอมีชีวิตที่ดี"

เด็กชายได้ฟังก็พยักหน้า หลังจากวันนั้นเขาจึงพยายามเก็บเงินเพื่อให้ได้เรียนหนังสือตามคำพูดของลุงชาติ ด้วยความขยันที่เขามักจะไปรับจ้างที่ตลาดควบคู่ เด็กชายจึงสามารถเก็บเงินจนพอสำหรับเรียนมัธยมศึกษา คิมหันต์สอบเข้าได้ในโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง และทำงานพิเศษควบคู่ไปด้วย ทำให้เขาไม่มีเวลาให้กับการประกวดร้องเพลงอีก

แต่ไม่ใช่ว่าเขาทิ้งมันไป เขามักจะแต่งเพลงพร้อมอัดเสียงลงแพลตฟอร์มออนไลน์ในทุกอาทิตย์ หลังจากจบการศึกษาในมหาวิทยาลัย คิมหันต์ก็เข้าทำงานในบริษัทขนาดกลางแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เขาจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคง น่าเสียดายที่หลวงพ่อปราณไม่อาจรับรู้ความสำเร็จของชายหนุ่มได้ เพราะท่านมรณภาพไปตอนคิมหันต์เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่ชายหนุ่มก็ยังระลึกถึงพระคุณของท่านเสมอ

ในตอนนี้คิมหันต์อายุ 27 ปีแล้วค่อนข้างจะมีความสุขในชีวิต ถึงแม้ว่าเขาอาจไม่ได้หล่อเหลา แต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมองแล้วไม่รำคาญสายตา ผิวออกคล้ำสีน้ำผึ้งแต่ไม่หยาบกร้าน ค่อนข้างเรียบเนียน คิมหันต์ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นที่ทำเอาเขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย

รถของคิมหันต์พุ่งทะยานสู่ถนนที่เปิดโล่งในตอน 4 ทุ่ม การไม่มีอุปสรรคทำให้รถของเขาถึงอพาร์ทเม้นท์ได้ในเวลาเที่ยงคืน ด้วยความเหนื่อยจากระยะทางที่ไกลของที่ทำงานเมื่อมาถึงชายหนุ่มเลยทรุดตัวนอนบนโซฟาและหลับใหลไปโดยเร็ว เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ ที่ความเงียบงันในห้องแปรเปลี่ยนเป็นเสียงโกรธาของเกลียวคลื่น

ซ่าาาาา ซ่าาาาา

เสียงคลื่นซัดกระทบฝั่งทำให้ชายหนุ่มที่นอนบนหาดทรายกว้างรู้สึกตัว นัยน์ตาสีดำกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างโง่งม ภายในใจเกิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขามานอนอยู่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นการลักพาตัว หากใช่มันก็คงจะโหดร้ายเกินไปล่ะมั้งถึงมาปล่อยที่นี่ ที่มีแต่หาดทรายโล่งๆสุดลูกหูลูกตา ไม่สามารถพบอะไรเลยได้แม้แต่ต้นไม้เพียงต้นเดียว ชายหนุ่มรู้สึกบ้าคลั่ง

"นี่ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!!!" คิมหันต์ยืนขึ้นพร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง

"ฉันจะกลับบ้าน" เสียงเข้มเอ่ยถ้อยคำภาวนาออกมาไม่หยุดหย่อน

"มีใครอยู่ไหม มีก็ออกมาเถอะ"

"นี่!!!"

"เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!" หลังจากตะโกนอยู่ซักพัก ร่างโปร่งก็เหนื่อยหอบ ความท้อทำให้ในใจเกิดโทสะ เขาพูดระบายออกมาไม่หยุด

"เหนื่อย แม่เอ้ย สรุปไม่มีใครจริงๆใช่ไหม นี่ฉันวาร์ปมารึไง" ชายหนุ่มคิดกับตัวเองขำๆ จะว่าไปแล้วสถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นมันไม่เหมือนพลอตนิยายแฟนตาซีไปหน่อยรึไง ที่พวกนักเขียนชอบใช้หนุ่มหน้าตาบ้านๆทะลุมิติมาเกาะประหลาดแล้วมีระบบคอยช่วยเหลือ ถ้าในตอนนี้เขาเป็นแบบเดียวกันก็ช่วยให้มีระบบแบบพวกนั้นโผล่ได้ไหม เขายังไม่อยากตายแบบทรมานอย่างการอดอาหารหรอกนะ แต่เอ๊ะ ตอนนั้นอ่านเรื่องอะไรนะ ที่ตัวเอกได้รับระบบมาน่ะ ใช่การตะโกนเรียกรึเปล่า เขาควรจะลองทำตามดีไหม

"ระบบ!!!!!!!" คิมหันต์ตะโกนออกมาโดยหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์แปลกๆเกิดขึ้น ด้วยการเลียนแบบพระเอกนิยายชื่อดังติดท็อปของเว็บออนไลน์แห่งหนึ่ง แต่ตะโกนอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"......."

"ระบบ!!!!!!!!!!!!!!"

"..........."

"ระบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"............"

"ระบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"................"

"เฮ้! ระบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

"......................"

โอเค เขาถอดใจล่ะ ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสีย ทีหลังเขาจะไม่เชื่อทฤษฎีของพระเอกโลกสวยอีก มันน่านัก ชีวิตของเขามันจะไม่มีบุญวาสนาเลยหรืออย่างไร ดูเอาเถอะพระอาทิตย์จะตกอยู่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้เวลาเท่าไร ร่างโปร่งเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างท้อใจ ทำไมเขาต้องวาร์ปมาแบบไม่มีพวกมือถือด้วย ถึงเขาจะรู้ก็เถอะว่า มีแล้วก็ใช้ติดต่อใครไม่ได้ แต่เขาก็ยังพอดูเวลาได้นี่นา ชายหนุ่มสีหน้าบูดบึ้งทิ้งตัวนอนลงพื้นทรายอย่างไม่มีทางเลือก

"อยากกลับเว้ย!!!" พอตะโกนไปนานๆ คิมหันต์ก็เริ่มรู้สึกเจ็บคอ เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รอบตัวของเขามันไม่มีน้ำดื่มหรือผลไม้ที่พอจะให้เขาทานแก้กระหายได้ จึงได้แต่ต้องเดินตรงไปเอาน้ำทะเลมาดื่ม ทันทีที่น้ำทะเลไหลลงคอความเค็มของธรรมชาติก็ตีตื้น ชายหนุ่มสำลักน้ำทันที

"สัด แม่งเค็ม" เขาอดไม่ได้ที่จะบ่น แม้จะรู้แก่ใจว่ามันเค็มแต่ด้วยหิวที่มาพร้อมกับการเจ็บคอก็จำเป็นที่ต้องดื่มลงไป คิมหันต์รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ถึงชายหนุ่มจะเป็นเด็กกำพร้าหรือเป็นเด็กวัด เขาก็ไม่เคยต้องอดอยากขนาดต้องมาดื่มน้ำทะเลแก้กระหาย ห่าเอ๊ย เป็นช่วงตกต่ำสุดของเขา ชาตินี่เขาจะกลับแดนไทยได้ไหมเนี่ย ถ้ารอเรือช่วยเหลือจะมีใครขับมาที่นี่ไหมเน้อ เขาได้แต่ขอให้เทวดาดลบันดาลให้มีใครสักคนมาช่วยเขาก็เป็นพอ สาธุ

เหมือนเทวดาจะฟังคำขอของชายหนุ่ม หลังที่เขาพนมมืออธิษฐานจบ ก็เกิดหน้าจอสี่เหลี่ยมเด้งขึ้นมาบนอากาศ

ตึง

[ผู้ลงชื่อเข้าใช้คิมหันต์ ได้ลงชื่อเข้าใช้ระบบไลฟ์สด] เสียงหุ่นยนต์ดังขึ้นพร้อมกับปรากฏข้อความ เมื่อเห็นข้อความดังกล่าว ดวงตาสีดำก็สั่นระริก ความตื่นเต้นเต็มล้นหัวใจ ตัวของชายหนุ่มรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อที่ความคิดแปลกๆของตัวเอกโลกสวยจะเข้าท่าแบบนี้ ขอโทษที่เมื่อครู่ด่าทอก็แล้วกัน ไม่รู้ว่าที่ระบบมาที่นี่เป็นเพราะเสียงตะโกนของเขา หรือเทวดาเห็นใจชายผู้น่าอนาถาคนนี้กันแน่

"มีจริงดิ" ชายหนุ่มพึมพำออกมา เขามองข้อความภาษาไทยที่เรืองแสงสีฟ้าลอยบนอากาศที่อยู่เหนือหน้าจอสี่เหลี่ยม

[ระบบขอยืนยัน ว่าระบบเป็นเครือข่ายที่มีอยู่จริง โดยท่านเป็นผู้ลงชื่อเข้าใช้ล่าสุดของพวกเรา] ระบบตอบกลับยืนยันการมีอยู่ของเครือข่าย

"คุณระบบครับ ผมต้องเรียกคุณว่าอะไร" คิมหันต์ที่แม้จะอยากถามอะไรเยอะแยะจำเป็นต้องกดความอยากรู้ เพราะกลัวระบบที่ออกมาจากความว่างเปล่าจะเปลี่ยนคนทำสัญญา เลยพยายามถามอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

[ท่านสามารถตั้งชื่อให้ระบบได้ เพราะหลังการทำสัญญา ระบบจะต้องอำนวยความสะดวกแก่ท่านเพียงผู้เดียว] ระบบตอบกลับ

"ถ้าผมขอเรียกคุณระบบว่า พี่เทพ จะได้ไหมครับ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นมิตรคิมหันต์จึงกล้าขอมากขึ้น

[ผู้ลงชื่อเข้าใช้คิมหันต์ทำการเปลี่ยนชื่อระบบ 213754982 เป็น พี่เทพ เสร็จสิ้น] ระบบทำการเปลี่ยนชื่อตามคำสั่งของผู้ลงชื่อเข้าใช้

"ตอนนี้คุณผูกสัญญากับผมแล้วใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มถามระบบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

[ตอนนี้ท่านได้อยู่ในการดูแลของพี่เทพแล้ว] ระบบตอบกลับ คิมหันต์ได้ยินแล้วก็รู้สึกดีใจมาก ความหนักในใจเริ่มเบาบาง ถึงโดยรวมจะไม่รู้ว่าระบบที่ได้มาแบบนี้จะช่วยอะไรได้ไหม แต่มันก็คงดีกว่าที่รอความตายโง่ๆบนเกาะนี้ โดยไม่มีอะไรเลย

"พี่เทพครับ ช่วยอธิบายเกี่ยวกับตัวพี่ให้ผมฟังได้ไหมครับ แล้วก็พี่เทพเรียกผมว่าน้องคิมก็ได้นะครับ ผมรู้สึกเกร็งๆเวลาพี่เรียกผู้ลงชื่อเข้าใช้หรือเรียกผมว่าท่าน" คิมหันต์เอ่ยขอ ชายหนุ่มต้องการที่จะรู้ทุกอย่างในตอนนี้ และยังต้องการใช้สรรพนามที่ดูคุ้นเคยมากกว่าถ้อยคำที่แลดูทางการ

[พี่เทพจะทำตามที่น้องคิมต้องการ] ระบบตอบรับคำสั่ง

"พี่อธิบายเลยครับ ผมรอฟังอยู่" ชายหนุ่มนั่งรอระบบอธิบายอย่างตั้งใจ ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองหน้าจอที่ลอยบนอากาศอย่างเฝ้ารอ หวังว่าระบบจะอธิบายทุกอย่าง ให้เขาสามารถเข้าใจได้ เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับระบบให้มากกว่านี้

あなたも好きかも