webnovel

บทที่ 14

"วันนี้คือวันนรกเปิด พวกมนุษย์ปกติเรียกว่าวันสารทจีน วันนี้พวกวิญญาณมากมายในนรกจะสามารถขึ้นมาที่โลกมนุษย์ได้" อาจารย์น้ำค้างตอบ

"และที่นี่ก็เป็นสถานที่ ที่คนมี จิต แข็งแกร่งรวมตัวกัน พวกภูตผีหรืออสุรกายมักจะมุ่งมาที่นี่ทุกปี เราจึงต้องรวมตัวกันอยู่ที่นี่" อาจารย์ภัทรพูดเสริม

ฟังแล้วจะรู้สึกยังไงดีครับ ผมคิดว่าที่นี่คือสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผม ทำไมอยู่ดีๆ กลายเป็นสถานที่ล่อเป้าของพวกภูตผี อสุรกายซะอย่างนั้น

"วันนรกเปิดปีที่แล้ว มีนิสิตตายไป5คน" อาจารย์น้ำค้างพูดด้วยเสียงสั่นเครือ มือของเธอกำหมัดแน่น

"เมื่อก่อนเด็กปี 2 มีทั้งหมด 8 คน พวกเขาตายเพราะวันนรกเปิด5 คน" ผมที่ได้ยินอาจารย์เล่าแบบนี้ก็เสียวสันหลัง

"ขนาดพวกอาจารย์อยู่กันขนาดนี้ ยังมีคนตายอีกเหรอครับ" ผมถามต่อไปด้วยความกังวล

"ปกติเราจะมีปิดเทอม ให้นิสิตกลับบ้าน แต่ปีที่แล้ววันนรกเปิดตรงกับวันปิดเทอม และพวกนิสิตกลับมาที่นี่ไม่ทัน" อาจารย์น้ำค้างตาแดง ผมเลือกที่จะไม่ถามต่อ เพราะพอจะเข้าใจเรื่องราว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา จึงสั่งห้ามนิสิตทุกคนออกจากมหาลัยอย่างเด็ดขาด

"มันมากันแล้ว" อาจารย์ภูมิพูดขึ้นมาในขณะที่ยังหลับตานั่งสมาธิอยู่

เสียงฟ้าร้องและเสียงลมหวีดหวิว ถ้าฟังดีๆ จะมีเสียงเหมือนเสียงของคนลอยมาตามลม เสียงโหยหวนเริ่มดังขึ้น

"กูหิว"

"พวกมึงได้ยินพวกกูใช่ไหม"

"พวกมึงเห็นพวกกูใช่ไหม"

"พวกมึงหอมเหลือเกิน"

"มาอยู่กับพวกกูไหม"

ทุกคนนิ่งเงียบ เพราะสิ่งแรกที่เราเรียนรู้จากที่มหาลัยแห่งนี้ คือหากได้ยินเสียงแปลกๆ ตอนกลางคืนห้ามขานรับ

"เด็กๆ เตรียมพร้อมต่อสู้นะ อาคมของอาจารย์ภูมิน่าจะกันได้ไม่หมด" พี่วายุหันมาบอกพวกเรา นี่น่าจะเป็นศึกแรกผมและเพื่อนๆ ทุกคนต่างมองหน้ากันทำอะไรไม่ถูก

เป็นบุปผาที่ตั้งสติได้คนแรก เธอหยิบเทียนออกมาสองเล่มแล้วจุดมัน ตั้งไว้ตรงหน้า เธอนั่งลงพนมมือ สิ่งที่น่าแปลกคือไม่ว่าลมจะแรงแค่ไหน แต่เทียนของบุปผาและอาจารย์ภูมิกลับไม่ดับ

"อาคมกำแพงแก้ว 7 ชั้น" บุปผาหลับตาแล้วเริ่มสวดมนต์

มีแสงสว่างขึ้นรอบๆ ก่อเกิดกำแพงโปร่งใส เหมือนกระจกบานใหญ่ๆ มาครอบโดยมีบุปผาเป็นจุดศูนย์กลาง มันค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละชั้น จนครบ 7 ชั้น

"ว้าววว สมกับเป็นลูกสาวของหมอธรรมชื่อดังแฮะ อายุเท่านี้ใช้กำแพงแก้ว 7 ชั้นได้แล้ว อาจารย์ภัทรนี่ได้ศิษย์ดีจริงๆ" พี่วายุพูดพลางเดินมาหาอาจารย์ภัทร

อาจารย์ภัทรยิ้มอย่างอ่อนโยน "เธอมีพรสวรรค์ด้านการช่วยเหลือมาก อาคมยากๆ เธอก็จำได้อย่างรวดเร็ว"

"ข้างบน!!!" เมฆาตะโกน

ผมมองตามขึ้นไป นี่อาจเป็นภาพที่ทำให้ผมฝันร้ายไปอีกหลายคืน ภาพที่เห็นคือมีภูตผี วิญญาณมากมายมายืนออกันอยู่ที่บนกำแพง บางตนก็ลอยอยู่ ทั้งวิญญาณที่ร่างกายโปร่งแสง ทั้งผีที่เป็นมนุษย์แต่อยู่ในแบบผิดรูปผิดร่าง เช่น แขนมาอยู่แทนขา บางตนก็ไม่มีหัว นอกจากนี้ยังได้เห็นอสุรกายต่างๆ ทั้งที่มีหัวเป็นสัตว์แต่ตัวเป็นมนุษย์

"มันทะลุอาคมบงกช ของอาจารย์ภูมิมาได้เยอะเลยแฮะ" พี่วายุพูด

ตอนนี้สีหน้าอาจารย์ภูมิดูไม่ดีเท่าไหร่ เหงื่อผุดออกมาจากใบหน้าเป็นเม็ดๆ

"ตอนนี้มันฝ่าอาคมเข้ามาเยอะเลย ผมจะตั้งสมาธิไปที่อาคมบงกช ยังไงช่วยคุ้มกันให้หน่อยนะ" อาจารย์ภูมิบอก

เจ้าพวกที่ฝ่าเข้ามาตอนนี้มันตรงมาทางพวกเรา

แต่พวกมันเข้ามาไม่ได้เพราะติดกำแพงแก้วของบุปผา แต่พวกมันก็ยังพยายามใช้แขนทุบ บางตนก็เอาหัวโขก ตอนนี้กำแพงชั้นแรกเริ่มมีรอยร้าวแล้ว

"แบบนี้กันไม่อยู่แน่ เดี๋ยวผมจะออกไปลดจำนวนพวกมันลงหน่อย" พี่วายุหันมาบอกทุกคน

อาจารย์ภัทรดึงมือพี่วายุไปและเอาสายสิญจน์มาผูกที่ข้อมือของพี่วายุ พนมมือสวดคาถาแล้วเป่าไปที่หน้าผากของพี่วายุ สายสิญจน์เรืองแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง

พี่วายุพนมมือขึ้น 'ชะ หะ ปะ ตา วิง วิง กัง หะ จิต ตะ จุ ติ '

"ตื่นได้แล้วเจ้าลิงลม" แสงสีเขียวอ่อนสว่างขึ้นที่รอยสัก

จิต ของพี่วายุแผ่ออกมาเป็นแสงสีเขียว มันค่อยๆปกคลุมร่างกายของเขาทั้งตัว ผมว่าผมได้ยินเสียงของลิงร้องคำรามด้วย

พี่วายุชักมีดลงอาคมออกมา กระโดดตีลังกา แล้วพุ่งทะลุกำแพงแก้วออกไป....

次の章へ