webnovel

บทที่ 12

หลังจากที่เราเดินรอบๆ มหาลัย ก็พอจะรู้ได้ว่าที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก มีตึกเรียนใหญ่แค่ตึกเดียว ที่เหลือรอบๆ จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ทรงไทย คล้ายๆ บ้านทรงไทยของคนรวยสมัยก่อน เราเดินดูแปบเดียวก็กลับ

สิ่งที่ผมแปลกใจมากคือที่นี่ไม่มีสัตว์แม้แต่ตัวเดียว ไม่ว่าจะนก หรือหนู ผมก็ไม่เห็นเลยตั้งแต่มาถึง ทั้งๆ ที่นอกรั้วมหาลัยก็เป็นป่า

ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ คิดว่าเดี๋ยวจะถามพี่วายุ

แต่ก่อนกลับบุปผากับลำธารสองคนนี้ตกลงกันว่า ภาพลักษณ์ของผมตอนนี้ดูแย่มาก เธออยากขอตัดผมให้ผม

ผมไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับการอ้อนของผู้หญิงครั้งแรก ผมตอบตกลงไปแบบ งงๆ พวกเธอพาผมและเมฆาไปที่หอ แต่การจะเข้าไปห้องพักของผู้หญิงมันก็ดูแปลกๆ เลยตกลงกันว่าจะตัดผมตรงลานหน้าหอแทน

สาวๆ พากันไปหยิบของที่ห้องและออกมาตัดผมให้กับผม ระหว่างตัดทุกคนดูจริงจังกับการพยายามแก้ภาพลักษณ์ทาร์ซานของผมมาก ลำธารบอกว่าบุพผาตัดผมเก่งมาก สมัยอยู่ที่บ้านเธอมักจะเป็นคนตัดผมให้พวกเด็กๆ ผมเองก็พึ่งรู้ว่าสองคนนี้มาจากหมู่บ้านเดียวกัน

ตอนนี้เสร็จแล้ว เมฆาหยิบกระจกมาให้ผมดูตัวเอง ผมเองก็ตกใจอยู่นะไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้ (ผมไม่หลงตัวเอง พวกเพื่อนๆ ก็บอกว่าตัดผมแล้วดูดีมาก)

ตอนนี้ผมของผมสั้นลงมาก ด้านข้างไถเกือบเกรียนเปิดหู ด้านบนไว้ยาว ด้านหน้าเป็นทรงหน้าม้าลงมาจรดคิ้ว สาวๆ บอกว่ามันเรียกว่าทรง ทูบล็อค อะไรสักอย่าง ผมว่ามันเข้ากับหน้าของผมนะ หน้ารูปไข่ คิ้วเข้ม ถึงผมจะสีผิวออกแทนๆ หน่อยก็เถอะ

หลังจากตัดผมเสร็จเราก็พากันไปกินข้าวที่โรงอาหาร แล้วก็แยกย้ายกลับห้องพัก

วันนี้เป็นวันแรกของการเรียน โดยสถานที่เรียนวันนี้เป็นบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง ยกสูง พอขึ้นบันไดมาก็เจอกับป้ายตรงประตูว่า

'สาขาวิญญาณวิทยา' แค่ชื่อก็ว้าวแล้วใช่ไหมล่ะครับ พอเดินประตูเข้าไป เราเจอหุ่นขี้ผึ้งมากมาย ปั้นเป็นคนในอิริยาบถต่างๆ บางคนก็ยืน บางคนก็นั่ง พูดตามตรงน่าขนลุกมาก เวลาเราเดินผ่านหุ่นเหล่านั้นก็เหมือนจะมองตามเรา กลิ่นธูปเทียนลอยคลุ้งเตะจมูก

หลังจากเดินมาตามทางก็จะเจอกับประตูไม้เก่าโบราณ ที่เปิดรอไว้ เราเดินเข้าไปก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์ที่จะสอนเราในวันนี้

อ.คนนี้ชื่อน้ำค้าง เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผมยาวสีดำเงา ใบหน้าขาวใส ปากนิดจมูกหน่อย ตากลมโต (เพราะเธอใส่บิ๊กอายบุปผาบอกผม)

"วิชานี้เป็นวิชาพื้นฐานที่ทุกคนต้องเรียนนะ อาจารย์จะอธิบายคร่าวๆ ก่อน" อ.น้ำค้างเริ่ม

"วิชานี้พวกเธอจะต้องรู้จักการรับมือกับภูตผีและวิญญาณ อาจจะยาวหน่อยแต่ตั้งใจฟังให้ดี"

"วิญญาณ คือมนุษย์ที่ตายไปแล้วไม่มีกายหยาบ โดยปกติเมื่อมนุษย์ตายไปวิญญาณก็จะไปสู่ภพภูมิที่กำหนดไว้ แต่จะมีบางคนที่มีความอาวรณ์อยู่ แบ่งเป็นสองอย่าง คือความรักและความแค้น โดยวิญญาณที่ยังมีอาวรณ์ จะไม่สามารถไปจากโลกนี้ได้ ถ้าเป็นอาวรณ์แห่งความแค้น วิญญาณดวงนั้นก็จะตามติดคนที่เขาแค้น ส่วนอาวรณ์แห่งรัก เขาก็จะตามดูแลคนที่เขารักจนกว่าจะหมดห่วง" ฟังมาถึงตรงนี้ ผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมแม่เสือถึงไม่หวนกลับสู่ธรรมชาติ

"แต่วิญญาณนั้นแทบจะทำอะไรมนุษย์ไม่ได้เลย เพราะเขาไม่มีกายหยาบ อาจจะมีบางครั้งที่ตามติดแล้วสูบพลังชีวิตมนุษย์ทำให้มนุษย์เจ็บป่วยหรือหมดเรี่ยวแรง แต่หากวิญญาณที่อยู่นานเกินไปจนจิตอาวรณ์แก่กล้าก็อาจกลายเป็นพวกภูตผีได้" อ.น้ำค้างพูด

"ส่วนภูตผี คือวิญญาณที่อยู่มานานจนจิตอาวรณ์แก่กล้า หรือวิญญาณที่โดนอาคมของผู้ใช้คุณไสยทำให้มีกายหยาบ อาจจะสะกดลงหุ่น ตุ๊กตา หรือสิ่งของอื่นๆ เดี๋ยวอ.จะทำให้ดู"

พูดจบ อ.น้ำค้างก็หยิบตุ้กตาขี้ผึ้งที่เป็นรูปเด็กชายผมจุกขึ้นมา เธอพนมมือท่องอะไรบางอย่างแล้วก็โยนหุ่นออกไป

หุ่นเรืองแสงค่อยๆ ขยายกลายเป็นเด็กชาย ตัวอ้วนผิวขาวแก้มแดงใส่กางเกงตัวเดียว มัดผมจุก

"นี่คือกุมารทอง ของอ.เอง ชื่อไอ้แดง" ไอ้แดงยิ้มพร้อมโบกมือทักทาย

"ผู้ใช้คุณไสยสายควบคุมวิญญาณ จะเลี้ยงวิญญาณไว้ เวลาใช้งานก็จะเสกให้ไปสถิตในสิ่งของตามสไตล์ของแต่ละคน"

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ยังพูดเรื่องวิญญาณไปอีกเป็นชั่วโมง ผมฟังอย่างตั้งใจเพราะมันเหมือนจะเป็นพลังที่ผมเคยทำให้แม่เสือมีกายหยาบขึ้นมา

ช่วงบ่ายอาจารย์สอนเกี่ยวกับการท่องคาถา เธอให้การบ้านโดยการไปท่องคาถาสะกดวิญญาณมา

วันแรกของการเรียนจบลงเท่านี้...

ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้อง เพราะอาจารย์บอกว่าพรุ่งนี้ถ้าใครท่องไม่ได้ จะโดนลงโทษ

วันต่อๆ มาเราก็ยังคงเรียนวิชาพื้นฐานต่อไปทุกวัน หลักๆ ก็จะมี

-การควบคุมจิตฝึกโดยนั่งสมาธิ (ซึ่งมันยากมากเลยนะ)

-การทำความรู้จักกับอาคมรักษาหรืออาคมแก้คุณไสย (แน่นอนว่าผมทำไม่ได้เลย คนเดียวที่ใช้อาคมพวกนี้ได้คือบุปผา เธอสามารถห้ามเลือดได้ด้วยการท่องคาถาไม่กี่คำ)

-การสักอักขระอาคม โดยทุกคนจะได้รับการสักยันต์มหาอุด ประโยชน์ของมันคือเมื่อเราตั้งสมาธิเพิ่งจิตไปที่รอยสัก มันจะทำให้ผิวหนังของเราแข็งแกร่ง กระทั่งกระสุนยังยิงไม่เข้า

และที่สำคัญเราได้เรียนรู้การใช้อาวุธลงอาคม โดยเราได้รู้จักกับสิ่งของที่ใช้ลงอาคมมากมาย ทั้งขวดแก้วที่ไว้ใส่วิญญาณ น้ำมนต์ที่ใช้รักษาพิษและห้ามเลือด (ที่พี่วายุเคยใช้ตอนไปช่วยผม)

และมีอีกหนึ่งวิชาที่ผมไม่ถนัดเลยจริงๆ คือวิชาป้องกันตัว ซึ่งสอนโดย อาจารย์วายุ....

次の章へ