บทที่ 46 คุณชายมาถึง
“คุณหนู ท่านก็อย่ามัวแต่ซาบซึ้งในบุญคุณเลย รีบไปดูเด็กเถิด” แม่หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
เหยียนหรูอวี้รีบตรงไปยังหน้าเตียง
ในเมื่อมารดามาแล้ว อวี๋หวั่นก็ไม่เหมาะจะขวางอยู่ตรงนี้ต่อ จึงรีบลุกขึ้นยืนเดินไปอยู่ข้างไป๋ถัง
เหยียนหรูอวี้นั่งลงบนหัวเตียง มองเด็กน้อยทั้งสามอย่างเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับยื่นมือออกไปสอดชายผ้าห่มให้พวกเขาทันที แต่กลับพบว่าเครื่องแต่งกายของเหล่าเด็กๆ นั้นไม่ปกติ
นางขมวดคิ้วในทันใดแล้วกล่าวด้วยความโกรธเคือง “พวกแม่นมทำอะไรกันอยู่? เหตุใดจึงแต่งตัวให้เด็กๆ เยี่ยงนี้?”
อวี๋หวั่นจึงกล่าวตอบ “มิใช่ฝีมือของแม่นมหรอก พวกโจรต้องการตบตาจึงเปลี่ยนชุดเดิมออกเจ้าค่ะ”
ใช่แล้ว ผู้ชายที่สวมใส่ชุดผ้าดิบกลุ่มหนึ่งอุ้มเด็กสามคนที่สวมใส่ชุดผ้าแพรเครื่องหยกเดินไปมาในเมือง ไม่ว่าใครก็มองออกว่าผิดปกติ
เหยียนหรูอวี้พยักหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงค่อย “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ข้าโทษแม่นมไปเสียได้ แม่หลิน ท่านไปหยิบชุดในรถม้ามาหน่อย”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
แม่หลินไปหยิบชุดที่สะอาดและอุ่นบนรถม้ามาหลายชุด ทั้งหมวกหัวเสือ รองเท้าหัวเสือ เสื้อผ้าฝ้ายกางเกงผ้าแพร อะไรที่ควรมีก็มีหมด
สมกับเป็นบุตรของตระกูลร่ำรวย แค่ชุดเพียงตัวเดียวก็พอให้ประชาชนคนธรรมดากินใช้ไปได้หลายปีแล้ว
แม่หลินเริ่มเปลี่ยนชุดให้เด็กคนหนึ่ง เหยียนหรูอวี้ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงหยิบชุดขึ้นมา
ยังเหลือชุดสุดท้ายอยู่ อวี๋หวั่นรับมาอย่างชำนิชำนาญ
ไป๋ถังทำเรื่องละเอียดอ่อนอย่างดูแลเด็กน้อยไม่เป็น อีกอย่างก็ไม่มีเด็กคนที่สี่ให้นางช่วยแต่งตัว
นางจึงยืนมองอยู่ด้านข้างเงียบๆ
ใครจะคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
เด็กที่แม่หลินและเหยียนหรูอวี้กอดไว้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงดิ้นไปมาในอ้อมอกทั้งสองคนไม่หยุด แขนเล็กและขาเล็กเตะต่อยมั่วซั่วพักหนึ่ง ราวกับอยากจะผละออกไป
แต่พอมองในอ้อมอกของอวี๋หวั่น เด็กน้อยถูกอวี๋หวั่นถอดชุดจนเหลือแต่กางเกงในตัวจิ๋วแล้ว ศีรษะเล็กถูกขยับไปมาแต่กลับยังคงหลับสนิทเหมือนหมูตัวน้อย
จนสุดท้ายแม่หลินกับเหยียนหรูอวี้เหงื่อผุดออกมาไม่หยุด ก็ยังถอดแม้แต่กางเกงของคนโตกับคนรองไม่ได้ ส่วนด้านนี้ อวี๋หวั่นแต่งตัวให้คนสุดท้องได้เรียบร้อยแล้ว
“ข้าจัดการเองแล้วกัน” อวี๋หวั่นเอ่ยบอกทั้งสอง
แม่หลินเหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก ใครจะคิดว่าฝ่ามือเด็กนั้นเล็กแต่เรี่ยวแรงกลับไม่ได้น้อยเลย
เมื่อก่อนนั้นเหล่าแม่นมมักจะบ่นว่าเด็กๆ นั้นปรนนิบัติดูแลยาก นางกับคุณหนูก็มิได้นำมาใส่ใจ คิดเพียงว่าเป็นความเกียจคร้านของแม่นมเท่านั้น พอได้มาเจอกับตาตัวเองถึงได้รู้ว่าเหล่าแม่นมนั้นพูดจาไว้หน้าแล้ว
มิรู้เลยว่าเหตุใดแม่นางอวี๋จึงจัดการได้ง่ายดายนัก
หรือเป็นเพราะคนทำไร่ทำนาแรงเยอะ?
ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแน่!
แม่หลินส่งชุดในมือไปให้ “เช่นนั้นต้องรบกวนแม่นางอวี๋แล้ว”
อวี๋หวั่นอุ้มคนรองขึ้นมา
พูดแล้วก็แปลก คนรองที่เดิมเตะต่อยมั่วซั่วอยู่ พอมาอยู่ในอ้อมแขนของอวี๋หวั่นก็ว่าง่ายไม่ขยับเขยื้อน หากไม่ใช่ว่าเขายังกรนอยู่ เกรงว่าหลายคนคงคิดว่าเขาหมดสติไปแล้ว
หลังจากคนรองแต่งตัวเรียบร้อย อวี๋หวั่นก็หันไปมองเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้ฝืนใจส่งชุดในมือตนไปให้
อวี๋หวั่นก็แต่งตัวให้คนโตเรียบร้อยแล้ว
ราบรื่นจนไม่อาจจินตนาการได้
หากไม่ใช่ว่าเห็นกับตาตัวเอง เหยียนหรูอวี้กับแม่หลินก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
จอมมารตัวน้อยสามคนนี้ เดือนเดือนหนึ่งก็ทำให้แม่นมหัวเสียไปเจ็ดถึงแปดคน กระทั่งตอนนอนก็ยังเอาแต่ใจ เหตุใดจึงเชื่องในอ้อมแขนของสาวชาวบ้านคนหนึ่งเช่นนี้...
“ได้ยินมาว่าถูกโจรป้อนยาให้กิน เกรงว่าผลจะยังคงอยู่ถึงได้สะลึมสะลือเช่นนี้” แม่หลินเอ่ยเสียงเบา
เหยียนหรูอวี้ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่มองอวี๋หวั่นนิ่งๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นางกระซิบเสียงเบาข้างหูของแม่หลินไปสองสามประโยค แม่หลินเบิ่งตาโพลงทันทีแล้วก้าวไปคุยกับอวี๋หวั่น “แม่นางอวี๋ ข้าเห็นว่าเจ้ามีชะตาต้องกับเด็กสามคนนี้ มิทราบว่าเจ้ายินดีเข้ามาดูแลพวกเขาในจวนของเราไหม”
ไป๋ถังไม่พอใจแล้ว “ได้อย่างไร? พวกท่านอยากให้แม่นางอวี๋ไปเป็นแม่นมของนายน้อยบ้านท่านหรือ? นางไม่มีน้ำนมเสียหน่อย!”
แม่หลินเข้าใจผิดว่าไป๋ถังไม่ยินยอมให้อวี๋อวั่นเข้าไปทำงานรับใช้ในจวน จึงเอ่ยอย่างมีท่าทีอ่อนโยน “นายน้อยเลิกดื่มนมมานานแล้ว แต่พวกเราจะให้พวกนายน้อยคิดว่าแม่นางอวี๋เป็นแม่นม ในอนาคตเมื่อพวกนายน้อยโตขึ้นก็จะดูแลแม่นางอวี๋เป็นอย่างดี”
ในรัชสมัยต้าลี่ ตำแหน่งแม่นมนั้นสูงกว่าคนทั่วไป หลายตระกูลก็จะดูแลแม่นมจนกระทั่งแก่เฒ่า
ในสายตาของแม่หลิน สาวชาวบ้านที่อาศัยการขายเนื้อพะโล้ดำรงชีพ ทั้งชีวิตไม่มีทางได้พบกับโอกาสที่ดียิ่งกว่านี้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางคัดเลือกแม่นมอย่างเคร่งครัดมาก แต่เมื่อดูจากบุญคุณที่แม่นางอวี๋ช่วยชีวิตนายน้อยไว้และยังจัดการได้เช่นนี้ พวกนางก็ยอมฝืนละเว้นสักครั้งหนึ่ง
แม่หลินเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เรื่องเงินเดือนนั้นต้องทำให้แม่นางอวี๋พอใจแน่นอน อนาคตเมื่อถึงเวลาสมควร ยังจะหาคู่ครองที่ดีให้แม่นางอวี๋ได้ด้วย”
สาวใช้ในตระกูลใหญ่ยามออกไปข้างนอกล้วนแต่มีคนหมายปอง มิต้องกล่าวถึงสาวใช้ที่ปรนนิบัติดูแลนายน้อยเลย ต่อให้เป็นนายท่านขุนนางขั้นเก้าก็ยังแต่งงานด้วยได้
“แม่นางอวี๋ เจ้าเห็นว่าอย่างไร” แม่หลินเอ่ยถามอย่างพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว
“ไม่เห็นว่าอย่างไร” อวี๋หวั่นสาดน้ำเย็นใส่นางหนึ่งกะละมัง เธอชอบเด็กสามคนนี้ไม่ผิด แต่ให้เธอไปรับใช้ในจวนตระกูลเหยียนนั้นเธอทำไม่ได้
รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่หลินแข็งทื่อทันที
เหยียนหรูอวี้เปิดปากเอ่ยเสียงเบา “หากแม่นางอวี๋มิชอบที่ตำแหน่งแม่นมนั้นต่ำต้อย เป็นครูหญิงของเด็กๆ เป็นอย่างไรเล่า?”
ครูหญิงมีหน้ามีตากว่าแม่นมมาก อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนรับใช้ เงินเดือนก็อู้ฟู่มากทีเดียว
นี่เป็นขีดสุดที่เหยียนหรูอวี้มอบให้อวี๋หวั่นได้ ตำแหน่งมารดาแท้ๆ นางคงมอบให้ไม่ได้กระมัง
อวี๋หวั่นมองเหยียนหรูอวี้อย่างเย็นชา “คุณหนูเหยียน ท่านไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่าแต่ละคนมีความปรารถนาที่ต่างกันหรือ? มิใช่เพราะข้าชาติกำเนิดค่อนข้างต่ำต้อยก็จำต้องประจบประแจงบ้านพวกท่าน สิ่งที่ท่านจะทำทานให้ข้า ไม่มีค่าอะไรสำหรับข้าเลย หากท่านอยากขอบคุณข้าจริงๆ เป็นเงินทองจริงๆ ไม่ดีกว่าหรือ ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการมากเท่าไร พันทองคำ หมื่นเงินขาวเป็นเช่นไร? เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายเยี่ยนคงมีค่าพอกับจำนวนเท่านี้”
เหยียนหรูอวี้ถูกพูดย้อนใส่จน...พูดไม่ออกทันที
เดิมคิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว ผู้ใดจะคาดคิดว่ากลับอ้าปากกว้างราวราชสีห์เช่นนี้
พันทองคำ หมื่นเงินขาว นางยังมียางอายอยู่หรือไม่? ยังมีอยู่หรือไม่?!
หากรับคำไป ตนจะไปหาเงินทองมากมายขนาดนั้นมาจากที่ใด
แต่หากไม่รับคำ มิได้หมายความว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายเยี่ยนไม่มีค่าเท่านี้รึ?!
อวี๋หวั่นเอ่ยเสียงเย็นชา “คุณหนูเหยียนใจกว้างมากมิใช่หรือ? ไม่มีทางหาเงินจำนวนน้อยนิดเท่านี้มาไม่ได้หรอกกระมัง? ประเดี๋ยวก็เป็นแม่นม ประเดี๋ยวก็เป็นครูหญิง ข้าคิดว่าเงินทองในจวนของพวกท่าน...คงมากมายจนใช้ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว!”
เหยียนหรูอวี้จะกระอักเลือดแล้ว
แม่หลินขยิบตาให้นาง นี่เป็นผู้มีบุญคุณของนายน้อย ใจเย็นไว้ ต้องใจเย็นไว้
เหยียนหรูอวี้พยายามสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยอย่างกล้ำกลืนความอัปยศ “เป็นข้าบุ่มบ่ามเอง แม่นางอวี๋ได้โปรดอย่าถือสา ข้าขอคืนคำพูดก่อนหน้า เวลานี้ข้าควรพาเด็กๆ กลับได้แล้ว ของขวัญขอบคุณกับเงินค่าตอบแทนข้าจะไปมอบให้ถึงมือแม่นางอวี๋ด้วยตัวเอง”
อวี๋หวั่นเห็นนางยื่นมือไปหาเด็กน้อยบนเตียงก็ขมวดคิ้วทันที
ขณะนั้นเอง หอหยกขาวก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังเข้ามา
“คุณชายเยี่ยนมาถึงแล้ว!”
เหยียนหรูอวี้รีบเก็บมือกลับแล้วหันตัวออกไปพร้อมกับคนในห้อง
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินก้าวใหญ่เข้ามาเร็วมาก
ลุงวั่นเกือบจะตามไม่ทันเล็กน้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาในห้องแล้ว
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องอยู่ที่ตัวเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้พบเจอคุณชายเยี่ยนผู้เลื่องชื่อ เขาสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกเงิน รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำขลับดั่งหมึก ใบหน้าดั่งหยกประดับกวน มองแวบแรกดูตัวผอมบาง แต่เมื่อมองอย่างละเอียดเขากลับไหล่กว้างเอวสอบ สมบูรณ์แบบอย่างถึงที่สุด
เพียงแค่เขาก้าวผ่านธรณีประตู ทั้งห้องก็ราวกับสว่างไสวขึ้น
ไป๋ถังตกใจจนพูดไม่ออก มิแปลกที่คนผู้นี้ชื่อเสียงเลวร้าย กลับยังมีสตรีมากมายอยากแต่งงานกับเขาไม่ขาดสาย เป็นใบหน้าที่ล่มเมืองจริงๆ...
อวี๋หวั่นเองก็รู้สึกว่าเขาหน้าตาหล่อเหลาจนดูขี้โกงไปอยู่บ้าง ทว่าที่เธอสนใจไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นใบหน้านี้ที่เหมือนเคยรู้จัก เหมือนเคยพบที่ไหนมาก่อน
เหยียนหรูอวี้ที่เพิ่งถูกฉีกหน้ามา พอเห็นผู้ที่สนับสนุนตนได้ก็ตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ นางรีบทำความเคารพ “คุณ...”
เยี่ยนจิ่วเฉากลับเดินผ่านหน้านางไปโดยไม่มองด้วยซ้ำ
ร่างเหยียนหรูอวี้แข็งทื่อ
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปยังหน้าเตียง
ลุงวั่นก็ตามไปเช่นกัน
ทั้งสองมองเด็กน้อยที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ในหัวปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมา จมูกเล็กๆ ตาเล็กๆ นี้แทบจะถอดแบบมาจากเยี่ยนจิ่วเฉาทุกกระเบียดนิ้ว หากบอกว่าไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว...
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยออกมาอย่างไม่เปิดโอกาสให้คัดค้าน “พาไป”
................................................