หลังจากที่แม่กลับไปแล้ว โชก็กลับเข้าบ้านมาหายาย ด้วยความคิดที่โตกว่าอายุจริงของเขา เขาก็ทำทีแกล้งถามยายเพื่อให้ดูสมจริง ว่าตัวของเขานั้นยังเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย..
" ยายครับ.. ผมควรต้องเอาของในกระเป๋าไปเก็บที่ไหนหรือครับ ? " โชแกล้งทำท่าทางลุกลี้ลุกลนหันซ้ายหันขวา แต่จริงๆแล้วเขารู้ว่ายายจะตอบว่าอะไร และของๆเขาต้องเอาไปไว้ที่ไหน
" ถ้าเป็นเสื้อผ้า ก็พับเอามาวางไว้ที่ชั้นอันนี้ก็ได้ลูก " ยายหยิบของใช้กระจุกกระจิกที่วางไว้ที่ชั้นเหล็กในตอนแรกออกจนหมด แล้วเอาไปเก็บไว้ที่ตู้เสื้อผ้าไม้สักที่อยู่ข้างๆกัน โชรีบลุกขึ้นไปช่วยยายถือของและจัดเรียง
" ไปเก็บของๆเอ็งเถอะ ของยาย ยายจะเก็บเอง " โชยิ้มให้ยาย เขารู้จักยายดีว่ายายของเขาเป็นคนเช่นไร เขาเก็บของใช้และเสื้อผ้าของเขาอย่างดี พับแบบเรียบร้อยจนไม่น่าเชื่อว่า เด็กผู้ชายจะทำอะไรแบบนี้ได้ ของๆโชมีไม่มากนักมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเท่านั้น ยายมองและนึกชมหลานชายอยู่ในใจ
' ดูท่าจะเป็นเด็กที่มีระเบียบวินัยในตนเองนะ เข้าท่าๆ '
ภายในบ้านของยาย ณ ชั้นที่ 1 พอเข้าประตูหน้าบ้านเข้ามาจะเจอห้องกว้างว่างๆ ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ใดๆ มีแต่ชั้นหนังสือวางเรียงรายอยู่ ทางด้านขวามือจะมีห้องแบบมีประตูปิดเพราะห้องนั้นจะเป็นห้องนอนของยาย ถ้าเดินถัดไปข้างหลังอีกนิดหน่อย จะเป็นห้องครัว และมีห้องน้ำ 2 ห้องเล็กๆ ห้องครัวมีประตูสามารถเปิดออกไปข้างหลังบ้านได้มีพื้นที่หลังบ้านนิดหน่อยพอที่จะตากเสื้อผ้าได้อย่างเดียว คนภายนอกไม่สามารถเดินเข้ามาทางหลังบ้านได้เลย..นอกจากแมวเท่านั้น!! เพราะข้างๆบ้าน ซ้าย ขวา และหลังบ้านจะติดกับกำแพงบ้านอื่นทั้งหมด ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงห้องครัวจะมีบันไดเพื่อใช้ขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งในตอนนี้ยายสั่งห้ามขึ้นไปวุ่นวาย แต่โชเค้าก็รู้อยู่แล้วว่าข้างบนเป็นอย่างไร
ที่นี่ในตอนเย็น ๆ จะมีเด็ก ๆ ข้างบ้านไปรวมตัวเล่นกันที่ลานกว้างในวัด บ้างก็ไปถีบจักรยาน บ้างก็ไปวิ่งไล่จับกัน แต่โชในตอนนี้ไม่ได้คิดจะวิ่งเล่นไล่จับกับใครทั้งนั้น ( เพราะจริงๆแล้วเขาเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก ) เขายังคงนั่งอยู่ในบ้านพร้อมด้วยสมุดกับปากกาและความคิดที่ว่าจะเริ่มต้นทำอะไรต่อไป
' อีกเพียงไม่ถึงเดือน โรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว เดี๋ยวยายก็คงพาเราไปฝากเรียนแน่ ๆ ' เขานั่งทบทวนลำดับก่อนหลังนับจากนี้
' อย่างน้อย ๆ เราก็ยังพอมีเวลาเหลือเฟือ จะเริ่มจากอะไรก่อนดีนะ ' เขาคิดไปด้วยมือก็จับปากกาขีดเขียนบนสมุดไปด้วย
1. เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะอยู่ในอดีตของเราไปนานได้แค่ไหน ?
2. แต่เรารู้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นเช่นไร
3. เรายังสามารถเปลี่ยนอนาคตได้จริงๆหรือเปล่า ?
4. ถ้าเปลี่ยนอนาคตแล้วจะมีผลลัพต่อเรายังไง ?
' นั่นสิ แบบนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ ? มันคงไม่ง่ายสำหรับเราแฮะ!! ไม่มีในตำราเรียนซะด้วยสิ ต้องเดาซะล่ะมั้ง ? '
' คิดถึงความน่าจะเป็นสิโช!! '
1. ในเมื่อไม่รู้ระยะเวลาเราต้องรีบ และร่นเวลาให้ไวที่สุด
2. เหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถ้าไม่ดีเราต้องตัดไฟแต่ต้นลม
3. ลองกับเหตุการณ์ที่ง่ายๆและไกล้จะเกิดขึ้นก่อน
4. อยากรู้ต้องลองเลย
' ใช่!! ถ้าเผื่ออยู่ดีๆแล้วหายกลับไปตอนปัจจุบันอีกล่ะ.. หรือถ้ากลับไปไม่ได้อีก.. เราจะเอายังไงดี.. มันจะเหมือนกับในหนังไหม ? หรือจะเป็นแบบในการ์ตูนกันล่ะเนี่ย.. ไม่เคยมีประสพการณ์ซะด้วยสิ ทำไมมันยากจัง.. '
...
" นั่งทำอะไรอยู่.. ไม่หิวหรอ มากินข้าวได้แล้ว ยายหิวข้าวแล้ว ไปดูในครัวซิป้าสะใภ้เอ็งเค้าทำอะไรเสร็จรึยัง ถ้าเสร็จแล้วก็ตั้งสำรับเลย ยายต้องกินข้าวให้ตรงเวลาเพราะต้องกินยา "
" ครับยาย "
โชลุกขึ้นเดินไปที่ครัว เขาเห็นป้าสะใภ้กำลังตักกับข้าวที่อยู่ในกะทะใส่จานพอดี ป้าสะใภ้เหลือบมองมาเห็นหน้าโชพอดี
" เสร็จแล้วล่ะ เปิดตู้กับข้าวแล้วยกไปวางที่ห้องรับแขกเลย " ป้าสะใภ้ของเขาคงหมายถึงพื้นที่กลางบ้านที่กว้างๆไร้โต๊ะและเก้าอี้ ซึ่งเขาในเมื่ออดีตไม่รู้จักจริงๆว่าห้องรับแขกคืออะไร ? ' ห้องรับแขกอยู่ที่ไหนหรือครับ ? ' เค้ายังคงนึกขำขันในคำพูดและความคิดเด๋อๆด๋าๆของเขาในวัยเด็ก โชยกสำรับกับข้าวมาวางเรียงรายและถ้วยชามช้อนพร้อมกับยกหม้อข้าวมาวางจัดไว้อย่างเรียบร้อย ป้าสะใภ้ถือจานที่ใส่ผัดพริกแกงหน่อไม้เดินตามมา มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประทับใจ
" โอ้โฮ.. เก่งนี่.. อย่างนี้ช่วยผ่อนแรงป้าได้เยอะเลยนะจ๊ะ "
ป้าเพ็ญคือชื่อของป้าสะใภ้คนดีของโช ทำไม ? ทำไมถึงเรียกว่าป้าสะใภ้คนดี.. เพราะอีกหน่อยเขาจะมีป้าสะใภ้ที่ไม่ใช่คนดีเท่าที่ควร แค่คิดโชก็อดสงสารป้าเพ็ญเสียมิได้
" ใช่ครับป้า..ผมเก่งมากเลย ป้าเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ " โชยิ้มกว้างทำให้ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ด้วยเพราะเค้ายังเป็นเด็กจึงทำให้เค้าดูน่ารักน่าเอ็นดูไปโดยปริยาย โชมัดใจป้าสะใภ้คนดีได้เสียแล้ว
' ดูเป็นเด็กดี และสุภาพเสียด้วยนะ '
ทุกๆคนในบ้านนั่งล้อมกันเป็นวงเพื่อรับประทานอาหาร ในทุกๆวันตอนเย็นเป็นเวลา 06.30 น. ไม่เกินหนึ่งทุ่มที่บ้านของยายจะรับประทานอาหารเย็นเป็นเวลาประมาณนี้ ไม่เคยเกินเวลาเลย เพราะยายเป็นคนตรงต่อเวลามากๆ และป้าเพ็ญก็รู้หน้าที่ดีมากๆคนนึง ส่วนลุงของเค้าในตอนนี้ยังคงไม่เอาอ่าวสักเท่าไหร่นัก.. คือทำงานมั่งเมื่อมีงาน และบางทีก็ขี้เกียจเอาซะดื้อๆ เลยไม่ทำ งานของลุงคืองานก่อสร้างทั่วๆไปที่ลุงชอบไปตกลงกับเจ้าของบ้านต่างๆ และรับเหมาในราคาถูกๆแถวๆบ้าน ทำไปเรื่อยๆ เพราะคนในชุมชนแถวนั้นเป็นบ้านไม้เก่าๆเกือบจะทั้งหมด เดี๋ยวไอ้นั่นผุ.. เดี๋ยวไอ้นี่พัง.. มันง่ายต่อการต่อรองราคา ถึงลุงของเขาจะเป็นคนไม่ได้เรื่องในตอนนี้แต่ลุงของเขาก็ทำงานออกมาดีพอควร จนทำให้คนในชุมชนมักจะเรียกใช้และจ้างลุงของเขาบ่อยๆ
ส่วนน้าสาวของโชในตอนนี้ ยังคงเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย น้าของโชเรียนไปทำงานรับจ้างสอนพิเศษตามบ้านไปด้วย แม้รายได้จะไม่มากเท่าไรนัก แต่ก็สามารถส่งตัวเองเรียนจนจบได้ เธอจึงไม่ค่อยมีเวลาในตอนนี้เท่าไหร่นัก และมักจะยุ่งอยู่เสมอๆ
หลังมื้ออาหารเย็น น้าของเขาขอตัวไปทำงานที่ค้างไว้และขึ้นห้องไป โชช่วยป้าเพ็ญเก็บถ้วยและล้างจาน
" ไม่เป็นไร ป้าล้างอยู่ทุกวันอยู่แล้ว "
" ครับ แต่ต่อไปนี้ป้าไม่ต้องล้างแล้วครับ แค่ทำกับข้าวอร่อยๆก็พอ ผมจะล้างจานเอง ผมล้างจานสะอาดมากเลยนะครับ ไม่เชื่อป้าลองจับดู "
" จ้า.. จ้า.. ป้าเชื่อแล้ว " เป็นครั้งแรกของวันที่ป้าเพ็ญหัวเราะคิกคักออกมา ป้าเพ็ญมักจะทำงานทุกๆอย่างภายในบ้าน ตลอดจนดูแลคนในครอบครัวนี้ดีทุกอย่าง ทั้งยังเปิดร้านขายของชำเล็กๆอยู่ใกล้ๆบ้าน ถ้าเวลาทำกับข้าวเธอจะปิดประตูร้านค้า และแขวนป้ายกระดาษไว้ ' จะซื้อของเรียกได้..บ้านลุงพุธ ' คนแถวๆนี้เค้ารู้จักกันทั้งนั้น แต่โดยมากลูกค้าจะรู้เวลาตอนทานข้าวเย็น พวกเขาก็จะไม่มารบกวนซื้อของเวลานี้เท่าไหร่นัก ป้าเพ็ญปิดร้านสามทุ่มตรงของทุกวัน โชรู้ดีว่าป้าเพ็ญเหนื่อยแค่ไหน แถมยังต้องมาคอยเอาอกเอาใจลุงพุธของเขาอีก ป้าเพ็ญอายุเยอะกว่าลุงถึง 10 ปี ( อายุลุงในตอนนี้ 35 ปี ป้าเพ็ญ 45 ปี ) และลุงยังงี่เง่าในบางเรื่องอีกด้วย ชอบทำตัวเป็นเด็กเรื่องมากกับป้าเพ็ญอยู่เสมอ ( ซึ่งโชในตอนนี้มองว่าน่ารำคาญมากกว่า ) แต่ป้าเพ็ญกลับยินดีทำทุกอย่างให้แก่ลุงของเขา
' ป้าแกคงรักลุงนั่นแหละ เฮ้อ… ' โชแอบถอนหายใจเล็กน้อย พร้อมกับนำถ้วยชามที่ล้างเรียบร้อยแล้วไปคว่ำไว้ที่ชั้น ในตอนนี้ป้าเพ็ญไปเฝ้าร้านขายของของแกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ยายกับลุงนั่งคุยกัน
" แม่จะให้มันเรียนที่ไหนล่ะ "
" ก็ใกล้ๆบ้านเรานี่ไง "
" แล้วจันทร์มันฝากเงินไว้ให้ลูกของมันไหมแม่ "
" สองร้อย.. มันก็ไม่ค่อยมี แต่.. อีกหน่อยมันก็ส่งมาเองแหละ "
" สองร้อย!! มันจะเอาไปทำอะไรได้ แค่กินวันเดียวก็หมดแล้ว เอาขี้มาทิ้งไว้ให้แท้ๆเลย "
ถ้าเป็นโชเมื่อ 20 ปีก่อนคงนั่งน้อยเนื้อต่ำใจ แอบร้องให้กระซิกๆแน่เลย แต่เป็นเขาในตอนนี้เลยทำให้เข้าใจลุงของเขามากขึ้น ในเมื่อเพิ่มจำนวนคนเข้ามาจะต้องมีภาระและค่าใช้จ่ายเพิ่มตามมาด้วย และอีกอย่างในตอนนี้ลุงยังไม่เคยมีบุตรเลยยังบกพร่องในเรื่องความรับผิดชอบต่อครอบครัว แถมทั้งป้าและยายดูจะตามใจลุงมากๆ แบบว่าลุงเป็นลูกชายคนโตเพียงคนเดียว จึงเป็นพี่ใหญ่ประจำบ้าน
" ลุงครับ ถ้ามีงานอะไรเอาผมไปช่วยได้นะครับ ผมจะช่วยลุงทำงานเอง "
" อย่างเอ็ง.. จะทำอะไรได้ ยกของไหวรึเปล่ายังไม่รู้เลย ผอมยังกับไม้เสียบผี "
" ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆนะครับ ตอนนี้ผมยังว่าง.. กว่าโรงเรียนจะเปิดเทอม "
" พ่อพุธก็เอาหลานมันไปช่วยเถอะ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็มีเพื่อนคุย "
" โธ่..! แม่.. เกะกะเปล่าๆ ให้มันอยู่เป็นเพื่อนคุยกับแม่เถอะ "
" งั้นก็ตามใจพ่อพุธเถอะ "
ลุงพูดจบ ก็ขอตัวขึ้นข้างบนไปเลย โชในตอนนี้เข้าใจลุงพุธของเขามาก ลุงคงเห็นตัวของเขาเป็นเด็กทำงานยังไม่เป็นและคงยังไม่อยากรับผิดชอบเด็กๆล่ะมั้ง..
" อืม.. งั้นเอ็งก็อยู่กับยายไปก่อนนะหลานเอ้ย.. "
...