หน้ากากซอมบีสีขาวคือสิ่งแรกที่ผมสะดุดตา จากนั้นก็เป็นเสื้อคลุมแบบมีฮูดสีดำที่ยาวลงมาจนเลยช่วงเข่า ชุดหน้ากาก กางเกง รองเท้า หรือแม้แต่ถุงมือ ผมรู้สึกได้ว่าของทุกชิ้นที่เขาสวมใส่เหมือนกับขุดสูทเจ้าชายขาวดำที่ผมกำลังสวมอยู่ ทุกชิ้นคือไอเท็มระดับสูงที่มีพลังพิเศษ
"โมแรน" ผมลองเรียกดู เขาหันกลับมา ถึงจะไม่เห็นใบหน้าแต่ผมคิดว่าเขากำลังสนใจ
"รู้จักกันด้วยเรอะ"
จากรูปร่างที่ไม่สูงใหญ่และน้ำเสียง เขาเป็นผู้ชาย ผมเดาว่าเขาอาจจะเด็กกว่าผมอยู่หลายปี
"คามิล ดี. แคลริเน็ต" ผมแนะนำตัว
ชายสามหน้ากากไม่ทักทายตอบ เขาเลิกสนใจผมแล้วกลับไปมองแคทอีกครั้ง
"ถอยออกมาจากตรงนั้น"
"ถอยก็โง่แล้ว"
แคทเธอรีนทำตรงกันข้ามกับที่อีกฝ่ายสั่ง เธอเดินเข้าใกล้ถังกระจกที่ร่าง ๆ หนึ่งถูกเก็บไว้ ผมเพิ่งมองเห็นชัด ๆ ว่าในห้องนี้มีถังแบบนี้อยู่หลายใบ แต่มีแค่ใบเดียวเท่านั้นที่มีร่างถูกใส่ไว้อยู่
"อย่าลองของจะดีกว่า ฉันหักคอเธอได้ก่อนที่เธอจะกะพริบตาเสร็จ"
"แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงใช่ไหมละ" แคทชูรีโมตขึ้นขู่ ดูเหมือนว่าเธอติดตั้งระเบิดไว้ที่ถังแก้วเรียบร้อย
ผมพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์โดยที่ไม่เข้าไปแทรกอย่างไม่ระวัง จากที่ฟังทั้งสองฝ่ายพูด ผมคิดว่าแคทน่าจะมาที่ห้องนี้แล้วพบกับข้อมูลสำคัญ ผมไม่แน่ใจว่าร่างที่อยู่ในถังกระจกคือใครหรือตัวอะไร บางทีอาจเป็นซอมบีตัวใหม่ที่โมแรนพยายามสร้าง บางทีอาจเป็นงานวิจัยเกี่ยวข้องกับห้องที่น่าขนลุกนี้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนน้อยกว่านั้นอย่างเช่น เธอคือคนสำคัญของโมแรน
ปัญหาคือมันจะใช้ข่มขู่ศัตรูได้นานแค่ไหน เจ้ามัมมี่ยังมีความเร็วระดับเสียง ถ้าโมแรนเก่งกว่านั้น เขาจะเร็วได้ขนาดไหนกัน
…ต้องทำอะไรสักอย่าง…
แม้จะมองไม่เห็นทางชนะ แต่ผมก็ตัดสินใจพุ่งออกไปพร้อมกับเงื้อดาบฟัน โมแรนไม่ได้หันกลับมามองแต่เขาจับสัมผัสของอากาศที่เคลื่อนไหวได้ เขาเบี่ยงตัวแค่พอให้พ้นระยะดาบ
ชั่วพริบตาที่เบี่ยงออกไปทางซ้าย เจ้าเด็กหนุ่มหน้ากากซอมบีก็ปรากฏตัวที่ด้านขวาของผมแทน ไม่เหมือนการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่เขาเร็วราวกับว่าเขาหายตัวจากที่หนึ่งมาอีกที่หนึ่งได้
มือของโมแรนเกือบจะถึงคอผม สัญชาตญาณบอกผมว่าเขาไม่ต้องออกแรงก็สามารถบิดหัวผมหลุดติดมือออกมาได้ แต่ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ด้วยซุปเปอร์ฮิวแมนรีเฟลคผมขยับตัวก่อนหน้านั้น
พูดไม่ได้เต็มปากว่าหลบพ้น นิ้วของอีกฝ่ายเฉียดคอของผมไปพร้อมกับเนื้อส่วนหนึ่งที่หลุดติดมือไปด้วย
เลือดพุ่งออกมาจากปากแผลราวกับเปิดก็อก ผมใช้มืออุดปากแผลเอาไว้และเผลอใช้สกิลรักษาโดยลืมไปว่าสกิลที่ต้องเปิดใช้งานไม่ควรทำงานได้
น่าแปลกที่มันได้ผล แผลไม่ได้หายสนิท แต่อย่างน้อยที่สุดเลือดก็หยุดไหล
หมายความว่าถึงจะแต่ชั่วพริบตา สกิลที่ถูกผนึกกลับมาทำงานได้หรือเปล่านะ
"หรือว่า… จะใช้วิธีเปิดปิดการผนึกสกิล"
"..."
อีกฝ่ายไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ ถึงจะยังไม่เข้าใจการทำงานของสกิลที่ทำให้สกิลอื่นถูกผนึกก็เถอะ แต่ของแบบนั้นคงไม่ได้ถูกเปิดใช้ตลอดเวลาแน่นอน อย่างน้อยที่สุดโมแรนเองก็ยังจำเป็นต้องใช้การ์ดจากคลัง มันน่าจะเปิดและปิดได้ตามความตั้งใจของเจ้าของ
จังหวะที่จำเป็นต้องใช้สกิลอื่น หมอนี่ถึงจะปิดการใช้การผนึกสกิล และหลังจากนั้นเขาก็จะเปิดมันอีกครั้ง
โมแรนเหลือบมองแคทอีกครั้ง เขาคงกำลังลังเลว่าควรจัดการทางไหน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจได้ ผมชิงลงมืออีกครั้ง
ศัตรูเร็วกว่าผมหลายเท่าตัว ทั้งยังเต็มไปด้วยสกิลที่เป็นปริศนา แต่ผมมั่นใจว่าสกิลที่อุตส่าห์ตายวนเวียนหลายรอบเพื่อเก็บมาไม่มีทางด้อยกว่า ขอแค่จังหวะการใช้ให้ได้ โอกาสย่อมต้องมีแน่นอน
ผมมองเห็นมัน จังหวะที่โมแรนปิด 'ผนึกสกิล' ก่อนที่เขาจะใช้สกิลใหม่ มันคือช่องเวลาเสี้ยววินาทีที่สกิลของผมสามารถทำงานได้ก่อน
"เธิร์ดเพอร์เซินวิว"
เธิร์ดเพอร์เซินวิว สกิลที่ต่อยอดมาจากเฟิร์สเพอร์เซินวิว เปลี่ยนจากการเข้าสิงคาแรคเตอร์เพื่อทำมิชชัน กลายเป็นการเฝ้ามองอดีตของใครสักคน สกิลนี้ไม่มีผลประโยชน์อะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้ทำให้มีมิชชันขึ้นมาและไม่ได้มีรางวัลให้โดยตรง แต่มันไม่ได้ไร้ประโยชน์
…อย่างที่กล่าวไว้ในตำราพิชัยสงครามที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง…
เพื่อที่จะเอาชนะเจ้าหน้ากากซอมบี ผมจำเป็นต้องรู้จักเขาให้มากกว่านี้
ภาพตรงหน้าวูบหายไป ผมไม่ได้กังวลใจเพราะนี่คือเรื่องปกติของสกิลนี้ หลังจากนี้ผมจะได้เข้าไปอยู่ร่วมกับเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโมแรน แล้วไม่ยังไม่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เฝ้ามองเพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนี้จะกลายเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาของเวลาจริง
ผมเห็นเด็กหนุ่มรายหนึ่ง… ถึงรูปร่างจะแตกต่างจากที่เห็นในตอนนี้ แต่ผมมั่นใจว่าเขาคือโมแรนเมื่อหลายปีก่อน
โมแรนอาศัยอยู่กับคุณแม่ผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและน้องสาวฝาแฝดของเขา ชีวิตไม่ได้สบายแต่ก็ไม่ได้ลำบาก โมแรนในตอนนั้นใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน เขาไปเรียนหนังสือ ทำงานพิเศษ เที่ยวเล่นกับเพื่อน โดดเรียนบ้าง ทะเลาะวิวาทบ้าง ก่อเรื่องจนที่บ้านปวดหัวบ้าง แต่ก็แค่เป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ธรรมดาจนน่าตกใจ
จนกระทั่งวันที่เกิดจุดพลิกผันในชีวิต โมแรนถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยสักนิด
โมแรนก็แค่อยู่ผิดที่ผิดเวลา เขาก็แค่โชคไม่ดีที่รถที่เขาใช้และซื้อมาอย่างถูกต้องเป็นอดีตรถของพวกมาเฟีย เพราะการทำงานอย่างไม่รอบคอบของตำรวจแค่ไม่กี่คน การตัดสินโดยปราศจากความเห็นอกเห็นใจของผู้พิพากษา มันทำให้ชีวิตของเขาไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม