นักสืบจอนไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง ทีมของเขาใช้เวลาอยู่ราวสองวันครึ่งก็ย้อนกลับมาพร้อมข่าวดีติดมือมาด้วย
"ผมได้ทั้งแผนที่และข้อมูลเกี่ยวกับทางเข้าอีกทางมาครับ" จอนว่าขณะที่ยื่นแผนที่เก่า ๆ ให้ผม
"เก่งแฮะ"
บอกตามตรงว่าผมไม่ได้คาดหวังไว้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจอนจะไปสำรวจชุมชนเก่าของชาวเมืองที่อยู่ใกล้ ๆ ที่นี่เพื่อหาแผนที่ภายในเหมือง นอกจากนั้นเขายังไปยืนยันให้เห็นกับตาแล้วด้วยว่าทางเข้าที่ว่ายังสามารถใช้การได้
"พะ พวกเรายังไม่ได้สำรวจละเอียดครับ แล้วก็ยืนยันไม่ได้ด้วยว่าเส้นทางนั้นปลอดภัยมากกว่าทางเข้าปกติ" บิลลีอธิบาย
"เอาแบบนี้ดีไหมคะ ให้พวกเราเข้าไปสำรวจเพิ่มเติมก่อน"
อลิซาเบธพยายามโน้มน้าวให้ผม แอนและแคทรออยู่ข้างนอกด้วยการให้เหตุผลแบบเดิม ๆ ว่าคาแรคเตอร์อย่างพวกเธอต่อให้พลาดพลั้งก็สามารถคืนชีพได้ แต่คนเป็น ๆ อย่างพวกผมมีชีวิตเดียวและโอกาสแค่ครั้งเดียว
ผมเคยปฏิเสธวิธีที่เธอเสนอและยืนกรานว่าตอนนี้จะปฏิเสธเหมือนเดิม ผมไม่ชอบที่จะให้ใครไปเสี่ยงโดยที่ตัวเองเอาแต่หลบอยู่ข้างหลัง ไม่ชอบเวลาที่เห็นคาแรคเตอร์ที่ผมไม่ได้มองว่าเป็นแค่ตัวเบี้ยบาดเจ็บหรือล้มตาย นี่ยังไม่นับเรื่องที่แน่ใจว่าตัวเองอาจไม่รอดมาถึงป่านนี้ถ้าขาดพวกเขาไป
"พวกเราจะบุกเข้าไปด้วยกัน" ผมยืนกรานอีกครั้ง "แต่สำหรับแอนกับแคท…"
"หยุดเลย! ให้มาด้วยจนถึงนี่แล้วจะไม่ให้เข้าไปเรอะ แล้วจะให้มาด้วยทำไมแต่แรก"
"ใช่ค่ะ ถ้าคุณคามิลไป ฉันก็จะไปด้วยค่ะ"
"แล้วก็อย่าอ้างว่าให้รอข้างนอกจะใช้ได้แฟมิลีพอร์ทอลตอนฉุกเฉินด้วยนะ"
"อา เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วละ ไปกันหมดนี่แหละ ผมจะดูแลทุกคนเอง"
เส้นทางที่จอนหาพบไม่ใช่เส้นทางลึกลับพิสดาร มันเป็นแค่ทางเข้าออกเก่าที่เล็กกว่าและอยู่ห่างจากชุมชนจึงเป็นเส้นทางที่ไม่ได้ถูกใช้งาน มีหลายคนในกลุ่มเรากังวลเรื่องความปลอดภัยของเส้นทางที่ถูกทิ้งให้ร้าง แต่ผมคิดว่ามันไม่ได้แตกต่างกันมาก เหมืองนี้คือเหมืองที่ถูกทิ้งร้างมาหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางหลักหรือทางรองมันก็ไว้ใจไม่ได้ไม่แตกต่างกัน
"ตรงนี้ไม่มีซอมบีจริงด้วย" มายากระซิบกับน้อง ๆ
"แคบไปหน่อยไหม"
"พอเดินสวนกันได้ ไม่แคบเท่าไหร่หรอก"
"ไม่ชอบที่ถูกบังคับให้เดินเป็นแถวแบบนี้เลย"
ไม่ได้ตั้งใจฟังมายาและน้อง ๆ คุยกัน แต่ผมเห็นด้วยกับเธอ พวกเราเริ่มเดินลึกเข้าไปจนถึงจุดที่ทุกคนที่ไม่มีสกิลพิเศษใกล้จะมองไม่เห็นทางข้างหน้า พอกำลังคิดจะบอกทุกคนว่าให้เตรียมใช้กล้องมองในที่มืด ผมก็ต้องตกใจ
ภาพรอบตัวหมุนคว้างชั่วขณะ มันเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเท่านั้น พริบตาที่ตั้งสติได้ ผมก็พบว่าสมาชิกกลุ่มเราเหลืออยู่แค่ราวหนึ่งในสาม นอกจากนั้นหากสังเกตโดยรอบให้ดี ที่นี่ไม่ใช่ทางแคบ ๆ ที่พวกเราเดินเข้ามาจนถึงเมื่อครู่นี้ พวกเราอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ตัวเลยสักนิด
"เกิดอะไรขึ้น! เมย์และไมราล่ะ"
จอนยังยืนอยู่ข้าง ๆ ผม เขาตั้งสติได้เร็วกว่าคนอื่นเล็กน้อย จอนเปิดไฟฉายแล้วสาดไปรอบ ๆ บริเวณนี้มืดกว่าปากทางเข้าที่ผ่านเข้ามาแต่ไม่มีซอกหลืบหรือหลุมพรางที่ไหนให้คนอีกเป็นสิบคนไปซ่อนตัวอยู่ได้ บริเวณนี้มีแค่ ผม มายา จอน และคนอีกสามสี่คน
"คุณแอนกับคุณแคทไม่อยู่" เสียงอลิซาเบธดังแว่วมา
ผมไม่ดีใจเลยสักนิดที่อลิซาเบธยังอยู่ตรงนี้ จอน มายาและอลิซาเบธคือคาแรคเตอร์ระดับมิทธิคอลแรร์เพียงสามคนที่ผมมี การที่ทั้งสามอยู่กันครบ นั่นหมายความว่าไม่มีคนที่โดดเด่นด้านการต่อสู้คอยอยู่ช่วยกลุ่มของแอนหรือแคท
…อย่าเพิ่งแตกตื่นไป… ผมเตือนสติตัวเอง ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบสถานการณ์ให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจสอบ
"ไม่มีสัญญาณ"
"เป็นไปไม่ได้ โทรศัพท์นี่เป็นสกิลของยูโกะ มันไม่เคยอับสัญญาณสักครั้ง"
จอนพูดความจริง สมาร์ตโฟนของยูโกะไม่ได้ใช้ระบบเครือข่ายที่มีอยู่จริง มันเป็นพลังที่เหมือนกับเวทมนตร์ ไม่ว่าจะอยู่ในที่อับสัญญาณก็ไม่เคยเป็นปัญหา
ผมลองใช้อีกหลายสกิลดูจึงพบว่ามันมีทั้งสกิลที่ยังทำงานได้และทำงานไม่ได้ สกิลที่เกี่ยวกับการสื่อสาร สกิลแฟมิลีพอร์ทอล หรือแม้แต่การเรียกการ์ดออกมาเพิ่มถูกผนึกด้วยพลังปริศนา สกิลที่ยังทำงานดีอยู่เหลือแค่สกิลที่ทำงานอัตโนมัติ
…อย่างน้อยค่าสถานะก็ยังมีผลอยู่…
กึก กึก กึก
เสียงย่ำเท้าใกล้เข้ามาจากทางทิศหนึ่ง ทุกคนหันขวับไปทางต้นเสียงโดยไม่ต้องนัดหมาย มายาเริ่มจากการกระซิบเรียกอีกฝ่าย ไม่มีเสียงเรียกขานกลับมา มายาจึงเริ่มส่งเสียงดังขึ้น
เสียงย่ำเท้ายังคงเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น จนในที่สุด เจ้าของฝีเท้าก็ปรากฏตัว
"มีแต่คนอยากอยู่ให้ห่างจากที่นี่ เพิ่งเห็นนี่แหละคนที่เข้ามารนหาที่ด้วยตัวเอง"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยคือเสียงของมาร์ติน แต่ไม่มีใครในกลุ่มเราที่คิดว่านั่นคือมาร์ตินที่เรารู้จัก ยิ่งได้เห็นเขาเต็มสองตาก็ยิ่งมั่นใจเพราะมาร์ตินของฝ่ายเราไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดเหมือนนักวิจัยแบบนั้น
อลิซาเบธเล็งปืนไปที่หัวของมาร์ติน มายาชักดาบแล้วมายืนข้าง ๆ ผม ส่วนจอน ยูจีนและเจมส์กำลังเคลื่อนที่เพื่อหาโอกาสโอบล้อม
"ไม่ต้องทำท่าทางขึงขังแบบนั้นก็ได้ ผมไม่มีอาวุธด้วยซ้ำ" มาร์ตินพูดพร้อมกับยกไม้ยกมือขึ้น เขาน่าจะพูดจริงเรื่องที่ไม่มีอาวุธ แต่ผมไม่ได้รู้สึกคลายกังวลเลยสักนิด
เจ้ามาร์ติน พอไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วดูกวนประสาทขนาดนี้เลยเหรอ ผมรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มอีกฝ่ายจนอยากตะบันหน้าเข้าให้สักหมัด
"นายกับคอลเลคเตอร์ของนายมาทำอะไรที่นี่ ที่คนหายตัวไปแถวนี้บ่อย ๆ ก็ฝีมือนายใช่ไหม" จอนยิงคำถามแรก
"เฮ้ เล่นถามตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ"
"ยังไงก็ไม่คิดจะปล่อยให้หนีไปได้ใช่ไหมล่ะ"
มาร์ตินแสยะยิ้ม "ไม่ต้องห่วง หลังจากนี้ก็จะได้รู้เองว่าพวกเราทำอะไรกันที่นี่"