ผมไม่ลังเลสักนิด คนพวกนี้เข่นฆ่าผู้ที่รุกล้ำมาในเขตของตนเองอย่างไม่ลังเลเช่นกัน ผมรู้ว่าถ้าผมใจดีกับพวกเขา ฝ่ายที่ต้องลงไปนอนจมกองเลือดก็คือตัวเอง โดยเฉพาะพวกที่ทำหน้าที่เป็นเวรยามแบบนี้ผมจะปล่อยให้เขาเตือนคนอื่นไม่ได้
คนพวกนี้หละหลวมมาก พวกเขาคงย่ามใจว่าแถบนี้ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องกับตน แม้จะมีเวรยามอยู่เจ็ดคนแต่ไม่มีคนไหนเลยที่รู้สึกผิดปกติทั้งที่เพื่อนที่ทำหน้าที่เดียวกันหายตัวไป มันทำให้ผมสามารถเก็บคนทั้งเจ็ดได้แบบที่ไม่มีใครรู้ตัวก่อน
ในห้องที่ถูกใช้เป็น 'โรงเชือด' ผมได้เห็นสิ่งที่ยิ่งทำให้ความเห็นใจเล็กน้อยของผมหมดสิ้นลง ผมเห็นภาพพฤติกรรมเลวร้ายที่มนุษย์ไม่ควรทำกับมนุษย์ด้วยกัน
…น่าเสียดาย หากผมไปถึงเร็วขึ้นอีกสักก้าว บางทีอาจมีคนรอดสักคนก็เป็นได้…
"เฮ้ย แกเข้ามาจากทางไหนวะ อ๊ะ หรือว่าคือเสบียงใหม่ที่หัวหน้าเพิ่งเจอวันนี้" นักชำแหละพูดพร้อมกับชี้นิ้วใส่หน้าผม
"ที่เขาลือกันว่าพวกแกกินคนนี่จริงสินะ"
"เฮ้ย พวกเราถูกบุก" นักชำแหละตะโกนเรียกพวก โชคไม่ดีที่ห้องชำแหละนี้อยู่ห่างจากส่วนอื่นของอาคารและพวกลาดตระเวนก็ถูกผมเก็บกวาดไปแล้ว
ต่อให้มีคนได้ยิน กว่าจะมาถึงที่นี่ เจ้าหมอนี่ก็คงกลายเป็นเนื้อสับไปแล้ว
…แบบเดียวกับที่มันทำกับคนอื่น…
ศัตรูเป็นช่างร่างใหญ่กับมีดเล่มโต แม้ร่างจะไม่ใหญ่โตถึงขั้นผิดปกติแบบในหนังสยองขวัญ แต่เขาก็ถือว่าตัวใหญ่กว่าคนทั่วไปพอสมควร แรงของหมอนี่น่าจะมากกว่า 'เจ้าบ้ากล้ามชอบอวดสาว' ด้วยซ้ำ
ผมปลดมีดศัตรูด้วยการสับสันมือไปที่ข้อมืออีกฝ่าย
เสียงกระดูกนักชำแหละหักดังเปาะชัดเจนเต็มสองหู การโจมตีครั้งเดียวนี้แทบจะเป็นข้อสรุปของการต่อสู้แต่ผมจะไม่ประมาทปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสแก้มือ กำปั้นที่ผมปล่อยตามมารุนแรงจนเกือบจมหายไปในร่างของเจ้านักชำแหละ
มันไม่ใช่เทคนิคการต่อสู้ ผมเอาชนะได้ด้วยความเร็วและพละกำลังที่เหนือกว่าลิบลับ นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์ธรรมดา ๆ ที่มีเพียงข้อได้เปรียบด้านรูปร่าง กับผมซึ่งมีค่าสเตตัสและสกิลเกื้อหนุนจากระบบ
ก็ไม่ได้คิดว่าตนเองจะแข็งแกร่งขนาดถูกกระสุนปืนแล้วจะไม่เป็นอะไรหรอก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีทางแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ที่คิดจะใช้แค่มีดแน่นอน
[สมาชิกกลุ่มเรดสคาร์ฟถูกสังหาร คุณได้รับ 3 คะแนน]
[กวาดล้างกลุ่มเรดสคาร์ฟ (8/24)]
[บอดีการ์ดสุดเซ็กซี่ยกนิ้วโป้งให้กับคุณ]
ผมจัดการกับพวกเรดสคาร์ฟไปได้แล้วถึงหนึ่งในสาม นอกจากนั้นผมยังเก็บอาวุธของพวกมันมาได้อีกไม่น้อยเพราะพวกเวรยามต่างก็ถือปืนกันทุกคน ยังไม่นับที่แอบย่องกลับไปเก็บข้าวของอีกส่วนหนึ่งจากคลังอาวุธของกลุ่มด้วย
ความจริงแล้วจะหนีไปทั้งแบบนี้ก็ได้ แต่ผมก็ใจดีย้อนกลับไปหาพวกกลุ่มสี่คนนั้นอีกครั้ง
"นี่อาวุธ แล้วก็เสบียงที่เจ้าพวกนั้นชิงไป" ผมส่งต่อสิ่งที่ได้มาให้กับทุกคน แน่นอนว่าส่วนที่คิดจะเก็บไว้เองผมก็เก็บไว้แล้วเรียบร้อย
"นี่นาย… กลับมาช่วยพวกเราจริง ๆ ด้วย" เสียงของชายกล้ามโตอ่อนโยนกว่าเดิม ผมเดาว่าไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ เขายังเชื่อว่าผมจะไม่ย้อนกลับมาตามที่สัญญาไว้
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริง ๆ" หญิงสาวสวยยิ้มให้
ผมพยายามจะไม่จ้องหน้าเธอจนเกินไปโดยที่ไม่รู้เหตุผล
[ลุงยามวัยดึกรู้สึกหัวใจพองโต]
[นักกายกรรมหนุ่มยิ้มบางอย่างมีเลศนัย]
"ผมจัดการกับพวกที่เดินลาดตระเวนหมด แต่พวกมันรู้ตัวแล้วละ รีบเข้าเถอะ" ผมเร่งพวกเขา
พูดไม่ได้ว่าเส้นทางสะดวก พวกเราถูกดักโจมตีสองสามครั้งระหว่างทาง ผมไม่อยากแสดงพลังให้ใครเห็นแต่มันเลี่ยงได้ยาก สุดท้ายผมก็พาทุกคนไปถึงทางออกหลังจากจัดการซัดพวกที่มาขวางจนสลบ
"สุดยอด นายทำได้ยังไงเนี่ย" ชายร่างผอมมองผมแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"นั่นสิ เป็นพวกหน่วยพิเศษอะไรแบบนั้นรึเปล่า" ชายกล้ามโตเดาไปเรื่อย
"ไม่ใช่หรอกค่ะ ระดับนี้เกินมนุษย์ไปแล้ว คุณต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโรแน่ ๆ เลย"
"ผมจะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ จากนี้ไปน่าจะปลอดภัยแล้ว"
"เดี๋ยวสิคะ ทำไมพูดเหมือนจะไม่ไปด้วยกัน"
ผมไม่ได้ให้คำตอบ เพราะเชื่อว่าจากนี้ไปพวกเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
[นักสืบตาเดียวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย]
ผมไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมของพวกคาแรคเตอร์ที่กำลังจับตาดูอยู่ จึงไม่รู้ตัวว่าในพวกเขามีคนที่มองออกว่าผู้หญิงคนนั้นจะดื้อด้านกว่าที่ผมคิดไว้ แทนที่เธอจะหนีไปพร้อมกับเพื่อนทั้งสามคน ผู้หญิงคนนั้นตัดสินใจย้อนกลับเข้ามาในฐานอีกครั้ง
อะไรของเธอกันนะ