ฮาวเวอร์ถอนเครื่องหมายทาสออกมาจากร่างของสัตว์อสูรเวทย์หมื่นดาราและรักษาให้หายเป็นปรกติ ขนฟูฟ่องของมันหยาบกร้านเนื่องจากขาดสารอาหารระหว่างที่อยู่ในกรง หลังจากฮาวเวอร์จัดการอาบน้ำ ให้อาหารและที่พักเรียบร้อยก็ปล่อยให้สัตว์ตัวนั้นนอนอย่างสบายอารมณ์ในเต็นท์ของตัวเอง
'เจ้าชอบหมาสินะ'
'เปล่า ข้าแค่สงสารสัตว์ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้' ทั้งที่พูดปฏิเสธ แต่มืออีกข้างก็ลูบหัวสัตว์อสูรไปมาอย่างเอ็นดู
หลังจากจัดการงานภายในค่ายเรียบร้อย ฮาวเวอร์ก็เตรียมของที่ต้องใช้ในการเดินทางพรุ่งนี้เช้า ทั้งอาหาร น้ำ เต็นท์นอน และอาวุธ เมื่อจัดทุกสิ่งไว้ในห่อผ้าเรียบร้อยก็หันไปมองสัตว์อสูร กองผ้าที่สัตว์อสูรเคยมุดนอนเป็นกองใหญ่ ตอนนี้เหลือเพียงกองเล็กๆ ไร้ร่างของสัตว์อสูร
'เจ้านั่นหายไปไหนวะ' ฮาวเวอร์รีบวิ่งออกไปนอกเต็นท์แล้วถามทหารนอกค่าย
"เจ้าเห็นสัตว์อสูรออกไปข้างนอกบ้างรึเปล่า"
"ไม่เลยนะขอรับ ข้าเฝ้าอยู่ตลอด ไม่มีอะไรเข้าออกเลยระหว่างที่ท่านอยู่ข้างใน"
ฮาวเวอร์ยิ่งงงหนักกว่าเดิม 'ถ้าไม่ได้ออกแล้วจะหายไปไหนได้วะ? '
"สั่งคนออกลาดตระเวน ตอนนี้สัตว์อสูรไม่ได้อยู่กับข้าแล้ว ให้พวกสู้ไม่เป็นไปหลบซ่อน ส่วนทหารเตรียมอาวุธให้พร้อมเพื่อป้องกันตัว"
"ขอรับนายท่าน"
นายทหารรีบวิ่งออกไปแจ้งข่าว ฮาวเวอร์เดินกลับมาที่เต็นท์อีกทีเพื่อหาเบาะแสกับทิศทางที่มันหายไป สองเท้าเดินรอบห้องมองร่องรอยการหลบหนีแต่ก็ไร้วี่แวว ในเมื่อหาจากรอบนอกไม่เจอก็เปิดค้นกองผ้าออกเผื่อว่าสัตว์ตัวนั้นจะมุดดินหนีออกไป ฮาวเวอร์รื้อผ้าออกจนหมด ไม่เจอร่องหลุมแต่กลับเห็นสตรีเปลือยร่างนอนอยู่ในกองเสื้อผ้า
"ท่านฮาวเวอร์"
พรึบ!
ฮาวเวอร์เอากองผ้าคลุมอย่างเดิมก่อนจะหันไปมอง
"ข้าได้ยินว่าสัตว์อสูรหายไป ตอนนี้คนทั้งค่ายกำลังออกลาดตระเวน ถ้าหากหามันพบแล้วจะให้จับเป็นหรือจับตายขอรับ"
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน สัตว์อสูรที่จับมามันสามารถกลายร่างได้รึเปล่า"
"เรื่องนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ เดิมทีสัตว์อสูรเวทย์หมื่นดาราเป็นสัตว์อสูรที่จับตัวได้ยากอยู่แล้ว เรื่องเกี่ยวกับมันก็ไม่เป็นที่เล่าขานมากนัก รู้แค่ว่ามันรวดเร็ว ว่องไว และกรงเล็บคมแต่ก็เทียบกับดาบไม่ได้"
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็เดาไม่ยากว่าสิ่งที่อยู่ในกองผ้าคืออะไร แต่ถ้ายังไม่กระจ่างก็ต้องควบคุมสถานการณ์เอาไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท ฮาวเวอร์เปิดกองผ้าดูอีกครั้งแต่ครั้งนี้เปิดให้เห็นเพียงใบหน้า เส้นผมสีครามมีประกายละอองสีขาวตามเส้นผม ใบหน้ารูปไข่สมส่วน คิ้วคางจมูกปากเรียวเล็กสอดรับกันอย่างดี จัดว่าสวยอย่างกับรูปปั้นสตรี
"ข้าคิดว่าข้าเจอแล้ว"
"ขอรับ? "
ฮาวเวอร์พยักพเยิดให้เขาดูสตรีหลับตาพริ้มในกองผ้า แม้ใบหน้าจะงดงาม แต่รูปร่างใหญ่โตเทียบกับน็อลได้เลย ถึงอย่างนั้นมวลร่างกายก็ไม่ได้หนาแน่นอย่างชายชาตรี
"นั่นมัน… นายท่านเพิ่งอายุ 10 ปีเองไม่ใช่หรือขอรับ หากจะแต่งงานล่ะก็ อาจต้องรอเวลาอีกหน่อย หรืออย่างน้อยอายุ 15 ก็หมั้นหมายก่อน…"
"ข้าไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นร่างจำแลงของสัตว์อสูร ดูจากเส้นผมของนางสิ มีสีและละอองแสงไม่ต่างจากสัตว์อสูรเลย"
แม่ทัพน็อลถอนหายใจอย่างผิดหวัง เขานึกว่าฮาวเวอร์หาคู่ครองได้ตั้งแต่ยังเด็กแล้วเสียอีก
"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะกลับไปบอกทุกคนให้หยุดการค้นหานะขอรับ"
หลังจากแม่ทัพน็อลเดินออกไป ฮาวเวอร์ก็นั่งมองเธอก่อนจะนึกอะไรออก ในระหว่างที่นางนอนอยู่ก็หาเชือกมาวัดสัดส่วน หยิบผ้าขึ้นมาสร้างแบบเสื้อก่อนจะตัดและเย็บเป็นเสื้อออกมา
"อื้มมมมมม หลับสนิทเลยแฮะ"
สตรีงามในกองผ้าบิดขี้เกียจลืมตาพลางมองไปรอบห้อง ก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง
"เจ้า! เจ้าล้างตัวให้ข้า! เจ้าคนชั่ว"
ฮาวเวอร์มองนางหน้ามึน นางลุกขึ้นนั่งอย่างไม่อายในรูปร่างแต่กลับด่าว่าเขาไปล้างตัวให้ การกระทำนั้นย้อนแย้งจนเขาอดถามไม่ได้
"พวกเรามนุษย์ล้างตัวกันเป็นปรกติอยู่แล้ว เจ้าเป็นสัตว์อสูรของข้า ข้าล้างตัวให้เจ้าก็ถือเป็นเรื่องปรกติ ถ้าเจ้าไม่ชอบ ครั้งหน้าข้าจะไม่ล้างตัวให้อีก" นางบุ้ยหน้าหนีก่อนจะพูดงึมงำในลำคอ
"ข้าก็ชอบอยู่หรอก แต่ว่า…"
"อะไรรึ? "
"ถึงข้าเล่าไปเจ้าก็คงไม่อยากจะฟังอยู่ดี ข้าเป็นทาสเจ้าแล้วนี่ คงขังข้าเอาไว้ดูเล่น หรือไม่ก็เอาข้าไปสู้กับสัตว์ตัวอื่นไว้ดูสนุกอยู่ดี ข้าไม่เล่าเรื่องของตัวเองให้เป็นจุดอ่อนหรอก"
"จุดอ่อนหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับจิตใจว่าโอนอ่อนต่อสิ่งไหน ตั้งแต่เจ้ามาข้าเคยทำร้ายเจ้าหรือยัง? ข้ากักขังเจ้าหรือไม่? ข้าให้อาหารและที่พักกับเจ้าแถมยังทำลายเครื่องหมายทาสในตัวเจ้า เจ้าคิดว่าข้าต้องการอะไรจากเจ้า" นางส่ายหน้าไม่รู้ก่อนฮาวเวอร์จะเฉลย "ข้าต้องการให้เจ้ากลายร่างกลับไปเป็นหมาป่าแล้วทำตัวฟูฟ่องให้ข้าจับ ข้าต้องการเท่านั้น"
นางพยักหน้าเข้าใจและพยายามแปลงร่างกลับ "ข้าทำไม่ได้อะ ตอนนี้ท้องข้ากำลังอิ่มเลยไม่อยู่ในสภาพออกล่า"
เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการฮาวเวอร์ก็หน้าหงอยไปสองวิก่อนจะโยนเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จไปให้นาง
"สวมใส่ซะ ร่างมนุษย์ของเจ้ามันอุจาดตาข้าจนไม่อยากจะมอง"
นางหยิบเข้าสวมอย่างทุลักทุเล ฮาวเวอร์เดาว่านางคงกลายร่างไม่บ่อยเท่าไหร่ จึงใส่เสื้อมนุษย์ไม่เป็น
"เจ้าดูข้า เจ้าหยิบเสื้อขึ้นมาอย่างนี้ แหวกช่วงคอออกแล้วก็สวมหัว" นางทำตามแล้วหัวก็สวมเข้าไปในเสื้อ "จากนั้นก็สอดแขนเข้าหนึ่งข้าง แล้วก็อีกหนึ่งข้าง" นางก็ทำตามอีก จนตัวเองสวมใส่เสื้อได้ "เก่งมากเด็กดี"
ด้วยความลืมตัวฮาวเวอร์ก็เข้าไปขยี้หัวนางและนางก็ยอมก้มให้ลูบหัวก่อนทั้งคู่จะตั้งสติได้แล้วนั่งเจรจากันอีกหน
"เจ้ามีชื่อหรือเปล่า"
"ไม่มีหรอก ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อ ยังไงเสียข้าก็ออกล่าผู้เดียวอยู่แล้ว"
"แม่ของเจ้าก็ไม่ตั้งให้รึ? "
"แม่ข้าก็ไม่มีชื่อ นางไม่จำเป็นต้องใช้ พวกเราล้วนเกิดและเติบโตมาเพื่อใช้ชีวิตเพียงลำพัง"
"แต่ตอนนี้เจ้าต้องอยู่กับข้า เพราะเจ้าเป็นของข้า แม้จะไม่มีสัญญาทาสคอยกักขัง แต่เจ้าต้องอยู่ใช้หนีที่ข้าปลดปล่อยอิสรภาพให้"
"ต้องใช้เวลาอีกนานไหม ข้าต้องออกตามหาลูกน้อยของข้า เขาเพิ่งอายุ 6 ปี ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และเพราะเจ้าล้างตัวให้ข้า กลิ่นเดิมที่เคยติดตัวข้ามันหายไปแล้ว ลูกข้าอาจจำกลิ่นข้าไม่ได้แล้ว และคงตามตัวข้าไม่เจอ"
"แล้วลูกเจ้าตอนนี้อยู่ที่ไหนเจ้าพอจะรู้รึเปล่า"
"ข้าพลัดหลงกับเขาเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนที่ลูกข้าเข้าไปติดกับดักพวกนักล่าสัตว์ ข้าเข้าไปช่วยเขาออกมาได้ แต่ตัวเองต้องถูกจับไปแทน ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเขาจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง"
"เดิมทีเจ้าอาศัยในแถบใดกัน เผื่อว่าข้าจะให้ทหารช่วยออกตามหา"
"เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นทหารนับพันยังอยากที่จะเข้า ที่นั่นคือป่าอาถรรพ์ที่พวกเจ้าเรียกกัน"
"ฮืม? ถ้าเป็นป่าอาถรรพ์ แล้วทำไมนักล่าสัตว์ถึงเข้าไปได้กันล่ะ"
"ข้าไม่ได้บอกว่าพวกนักล่าเป็นมนุษย์นี่ บางทีนักล่าก็เป็นพวกอมนุษย์ในป่านั่นแหละ พวกมันบางกลุ่มไม่อยากอยู่ใต้อาณัติของมารหรือปีศาจแต่กลับมารับใช้พวกมนุษย์ทำเรื่องต่ำช้า ไม่รู้ว่าอย่างไหนเลวกว่ากันแต่พวกมันก็เอาชีวิตผู้อื่นมาแลกกับชีวิตตัวเองไม่ต่างกันเลย"
"ในป่าเจ้าคงแข็งแกร่งมากเลยสินะ ถึงอยู่รอดเพียงลำพังได้"
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า"
คนถูกชมหัวเราะชอบใจ ฮาวเวอร์วิเคราะห์ข้อมูลที่เพิ่งได้ งั้นหมายความว่าอาณาจักรนี้ก็มีอมนุษย์คอยรับใช้อยู่เบื้องหลังด้วยสินะ ไม่แน่ใจว่าเป็นอมนุษย์ประเภทไหน แต่คงไม่ได้แข็งแกร่งมากถึงขนาดกลับเข้าไปอยู่ในป่าได้ ก็แค่รู้ที่ทางเท่านั้น
"งั้นก็พอดีเลย ข้ากำลังเดินทางไปสำรวจพื้นที่ในป่าอาถรรพ์เสียหน่อย เจ้าเองก็ตั้งใจจะตามหาลูกน้อยด้วยใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นพวกเราก็เดินทางไปพร้อมกันเลยก็ได้นี่"
"เจ้าแน่ใจนะ ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่มนุษย์จะเข้าไปได้ หากว่าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาข้าไม่รับผิดชอบด้วย"
"เรื่องนั้นยังต้องห่วงอีกรึ" ฮาวเวอร์แผ่พลังเวทย์ออกมาจากร่าง สัตว์อสูรก็ขนลุกทันที "นับจากนี้ไปเจ้ามีนามว่าลิลลี่ จงเดินทางไปพร้อมข้าสู่ป่าอาถรรพ์ หากข้ากลับมายังอาณาจักรแห่งนี้อีกเมื่อใด เจ้าก็ได้อิสรภาพเมื่อนั้น"
"เข้าใจแล้ว"
วันต่อมาฮาวเวอร์พร้อม แอดดี้และลิลลี่กำลังออกเดินทางเข้าเขตป่าอาถรรพ์ แม่ทัพน็อลเดินเข้ามาหาพร้อมยื่นม้วนกระดาษให้เขาเอาไว้
"นี่เป็นจดหมายรับรองจากข้าแม่ทัพน็อล ว่าท่านเป็นเจ้าชายจากอาณาจักรริลกลิม หากว่าท่านเข้าไปในป่าแล้วพบอมนุษย์ที่มีเกศาสีแดงเพลิงกับใบหูสามเหลี่ยมอย่างแมวป่าแล้วล่ะก็ นั่นคือกลุ่มอมนุษย์ที่เข้าสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรเราและเขาจะให้ความช่วยเหลือท่านหากท่านแสดงตัวว่าเป็นเจ้าชายของเมือง"
"ขอบใจมากนะ"
ฮาวเวอร์รับมาด้วยท่าทางประหลาดก่อนแม่ทัพน็อลจะจับได้ว่านี่ไม่ใช่ฮาวเวอร์ แล้วเดินเข้าไปกระซิบใกล้ๆ "ท่านฮาวเวอร์ได้บอกเจ้าพวกนั้นรึยังว่าท่านมีสองจิตและอาจจะสลับเปลี่ยนกันไปมา"
"เหมือนจะยังไม่ได้บอกนะ"
"ข้าคิดว่าท่านควรบอกเขาก่อนจะมีใครเข้าใจผิดแล้วทิ้งท่านกลางทาง" แม่ทัพน็อลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
"เอาไว้ข้าจะหาโอกาสบอกก็แล้วกัน"
ทั้งสามคนเดินลับหายเข้าไปในป่า ที่ค่ายกองกำลังปฏิวัติก็เริ่มกลับไปทำงานที่ถูกสั่งต่อ แบบแปลนใหม่ถูกใช้ให้สร้างเริ่มพิสดารขึ้นเรื่อยๆ อาวุธมากมายถูกสั่งให้สร้างรวมถึงบอกวิธีใช้งานครบครัน แม้จะไม่รู้ว่าแบบแปลนอาวุธพวกนี้ฮาวเวอร์เอามาจากไหน แต่เดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องมาจากมิติก็โลกก้าวไกลไปมากกว่านี้แน่
ในป่ายิ่งลึกทางยิ่งรก อีคอนสร้างสัญลักษณ์ทิ้งไว้ตามประสาคนเคยอยู่ในป่ามาก่อน แม้แอดดี้กับลิลลี่จะไม่เข้าใจแต่ก็เดินตามเข้าเรื่อยๆ พอถึงเส้นทางธารน้ำก็เอากระบอกน้ำมากรอกก่อนจะกรองลงกระบอกไว้ดื่มระหว่างทาง บ้างก็แวะเด็ดใบสมุนไพรเก็บเข้ากระเป๋าไปตามทางอย่างเอ้อระเหย ไม่ตงิดใจเลยว่าทำไมป่านี้ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าอาถรรพ์ที่ไม่มีใครอยากเข้ามา
"ฮาวเวอร์ ข้าหิวแล้ว"
ลิลลี่พูดบ่นขึ้นมา อีคอนก็หยิบเอาอาหารให้คนทั้งคู่กิน แล้วนั่งพักสักครู่ เมื่อตะวันคล้อยบ่าย อีคอนจึงเริ่มตั้งเต็นท์นอน โดยพลัดเวลาเฝ้ายามกับทั้งสามคน กองไฟถูกก่อให้ลุกโชนจนควันลอยพุ่ง แต่ได้เพียงไม่นานก็ถูกลิลลี่เป่าให้ดับก่อน
"อย่าจุดไฟ เดี๋ยวจะเป็นเป้าสายตาของพวกอมนุษย์เผ่าอื่น"
"ถ้างั้นเราก็มองไม่เห็นกันพอดีน่ะสิ"
ลิลลี่เดินไปหาหินก้อนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะทุบจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีเพียงก้อนคริสทัลเล็กเท่านั้นที่ยังมีสภาพดีอยู่
"นี่เป็นหินเรืองแสง ถึงจะสว่างไม่เท่าไฟ แต่ก็ช่วยให้มองเห็นได้ดีกว่า แถมไม่ต้องเป็นเป้าสายตาให้นักล่าตัวอื่นอีก"
"เป็นอย่างนี้นี่เอง"
อีคอนพูดพร้อมจดจำข้อมูลลงในความทรงจำ เพราะเข้าป่ามาแล้วพกกระดาษมาไม่ได้เลยอดจดเป็นลายลักษณ์อักษรให้คนอื่นอ่าน
'ค่อยกลับไปเขียนตอนอยู่ค่ายก็ได้'
'อีคอน ข้าสัมผัสความผิดปรกติ' อีคอนมองไปรอบๆเพราะอาจเจออะไรบางอย่างที่ว่าผิดปรกติ 'อณูเวทย์ของข้าจับการเคลื่อนไหวได้ในระยะหนึ่งร้อยเมตร ดูเหมือนว่าต้นไม้ในป่าจะเคลื่อนที่เองได้'
อีคอนรีบหันไปมองสัญลักษณ์ที่เคยทำเอาไว้แต่กับไม่พบ กลายเป็นต้นไม้ชนิดอื่นเข้าแทนที่
"ต้นไม้ที่นี่เคลื่อนที่ได้งั้นเหรอ" อีคอนถามทั้งสองคน
"ขอรับ ต้นไม้บางพวกจะเดินหาน้ำให้ตัวเอง ถ้าตรงไหนมีน้ำมันก็จะเข้าไปดูดซึม เพราะงั้นเส้นทางในป่านี้จึงคลาดเคลื่อนอยู่ตลอด"
'เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นสัญลักษณ์ที่ทำไปก็ไร้ความหมายสินะ'
"แอดดี้ เจ้าเป็นอมนุษย์แมลงสาบนี่ เจ้าอยากแวะไปหาครอบครัวหรือเปล่า ชนเผ่าของเจ้าอยู่ห่างจากที่นี่มากไหม? "
แอดดี้เริ่มทำสีหน้าอึดอัดใจก่อนตอบ "นายท่าน เผ่าข้าไม่ได้แข็งแกร่งพอจะเอาไปสู้รบหรือสอดแนมได้หรอกนะขอรับ หากจะจับไปเป็นทาส เจ้าพวกนั้นคงเปล่าประโยชน์"
"ข้าไม่ได้จะจับใครไปเป็นทาสเสียหน่อย ก็แค่อยากไปเห็นชนเผ่าอื่นบาง ข้าจะได้ทำความรู้จักเอาไว้ ถ้าเจ้าบอกว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ นั่นก็น่าจะไม่เป็นปัญหาเลยนี่ ยังไงข้าก็ไม่คิดจะจับพวกเขาอยู่แล้ว"
"ถ้านายท่านยืนยันข้าก็พอพาไปได้ แต่พวกเขาจะต้อนรับท่านหรือเปล่าข้าก็ไม่แน่ใจ"
คืนนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายกว่าที่คิด ทั้งสามคนผลัดกันเฝ้ายามจนถึงเช้า ก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยให้แอดดี้เป็นคนนำทาง ตลอดเส้นทางไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ที่ฮาวเวอร์จะตรวจจับได้ จนแอดดี้หยุดเดินที่ลานกว้างกลางป่าด้วยสีหน้าตกใจ
"หมู่บ้านของข้าเคยอยู่ตรงนี้นี่นา ทำไมตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลยล่ะ"
แอดดี้วิ่งไปตามบ้านเรือนร้างจนเถาวัลย์เลื้อยขึ้นเกาะอีคอนเดินตามหลังพร้อมลิลลี่เดินข้างตัวไม่ห่าง
"ดูเหมือนที่แห่งนี้จะถูกโจมตี แต่กลับไม่พบศพเลยสักร่าง บางทีคนที่นี่อาจหนีออกไปก่อนแล้วหมูบ้านนี้ก็ถูกทำลายด้วยฝีมือใครสักคน" ลิลลี่อธิบาย
"แล้วถ้าเขาหนีไปได้ พวกเขาจะหนีไปไหนกัน เดิมทีถ้าคนจะหนีก็ต้องหนีไปในที่ที่รู้จักมาก่อน หากว่าเผ่านี้มีเผ่าพันธมิตรหรือเพื่อนก็อาจจะไปอาศัยที่นั่นก็ได้"
"ไม่มีทางหรอกขอรับ เผ่าข้าขึ้นชื่อว่าอ่อนแอไร้ประโยชน์ เผ่าอื่นเลยไม่คบค้าเพราะมองว่าเป็นตัวถ่วง ถ้าหากจะมีใครสักคนปองร้ายคนของเผ่าข้า ก็คงเป็นมารแถวนี้ เพราะหากมีเผ่าไหนไม่รับใช้ตัวเองก็ต้องตาย"
"ถ้างั้นเผ่าเจ้าปฏิเสธการรับใช้มารงั้นเหรอ ถึงได้โดยกำจัด"
"นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้หรอก เผ่าอ่อนแอไม่มีทางต่อต้านการครอบงำอยู่แล้ว มีแต่มารจะเลือกผู้รับใช้ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วหากผู้เข้ามารับใช้ไม่เข้าตา หรือไม่อร่อยก็จะฆ่าทำลายทิ้งเพราะไม่อยู่ในอาณัติเพียงเท่านั้น" ลิลลี่กล่าว
"ใจร้ายชะมัด" แอดดี้
"แสดงว่าที่นี่มีมารถือกำเนิดขึ้นใหม่ เผ่าของเจ้าจึงถูกล่า แต่ก็ยังดีที่พวกเขาหนีรอดไปได้ เจ้าก็แค่ไม่ท้อแท้ที่จะตามหาก็พอ" ลิลลี่เดินไปตบหลังปลอบใจ
ปึก! ปึก!
ตบทีเลือดแทบกระเด็น จากเศร้าๆ ต้องมากุมหลังด้วยความเจ็บ
'อีคอนมีการเคลื่อนไหวประหลาดเกิดขึ้นอีก'
'ต้นไม้เคลื่อนที่อีกแล้วเหรอ'
'ไม่ใช่ คราวนี้เป็นสัตว์ขนาดใหญ่หกขากำลังวิ่งไปมาที่ใต้ดิน ข้าจับการเคลื่อนไหวได้ยากมาก มันอาจอยู่ลึกกว่าหนึ่งร้อยเมตรก็ได้'
"แอดดี้! เจ้าขุดดินเก่งรึเปล่า"
"ก็พอได้นะขอรับ มีอะไรรึเปล่าขอรับ"
"ดูเหมือนข้าจะจับความเคลื่อนไหวที่ใต้ดินได้ บางทีอาจจะเป็นเผ่าของเจ้าก็ได้"
พอได้ยินอย่างนั้นแอดดี้ก็กลายร่างเป็นแมลงสาบเข้าขุดดินทันที สองเท้าหน้าขุดลง สองเท้ากลางกอบดินออก และสองเท้าหลังดีดดินขึ้น ไม่นานนักดินก็ลึกลงเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรง อีคอนโยนน้ำดื่มให้เขาจิบพักก่อนจะทำการชุดต่ออย่างไม่ลดละจนตะวันคล้อยบ่ายอีกหน อีคอนตั้งท่าจะกางเต็นท์เตรียมหาที่พัก แต่แอดดี้ขุดดินจนทะลุเห็นเป็นโพรงเสียก่อน
"นายท่าน! ข้าเจอเผ่าของข้าแล้ว"
อีคอนเองก็ดีใจไถลตัวลงหลุม แต่ด้วยความที่มันลึกเกินไปเขาก็เสียหลักล้มกลิ้งไปตามทางก่อนจะทะลุลงโถงถ้ำกว้างตกลงไปยังบ้านเรือนคนอื่น
โครม!!
เสียงบ้านถล่มดังสะเทือนไปทั่วถ้ำ เหล่าอมนุษย์แมลงสาบต่างมุงดูผู้มาใหม่ พอเห็นเป็นคนแปลกหน้าก็วิ่งกันจ้าละหวั่น บ้างก็บินไปมาหาที่หลบซ่อน
"นายท่าน!!"
แอดดี้บินถลาลงมาจากเพดานด้วยปีกและขากางรับลมก่อนจะเกาะลงบนตัวอีคอน ด้วยความที่เคยเป็นพระมาก่อนก็นั่งนิ่งไม่ไหวติ่งแต่ภายในใจกลับกู่ร้องด้วยความหวาดกลัว
'อ๊ากกกกกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกก อึก อ๊ากกกกกกกก'
'อ๊าาาาาาา แมลงสาบ!! แมลงสาบเต็มไปหมดดดดด!'
ไม่ใช่แค่อีคอนที่เสียสติ ฮาวเวอร์ก็ไม่ต่าง ตอนแรกที่ซื้อทาสมาก็กะจะแกล้งลอร์ดมาร์คัส แต่พอเจอกับตัวในจำนวนเยอะขนาดนี้ก็ถึงกับสติแตก อีคอนเองก็คิดว่าผู้คนในเผ่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์อย่างแอดดี้ ไม่นึกว่าจะกลายร่างเป็นแมลงสาบตัวใหญ่บินไปมากันหมด"
"ดูท่าเขาคงจุกหน้าดูถึงได้ไม่พูดอะไรเลย" ลิลลี่กล่าว
ความจริงร่างกายฮิลลิ่งตั้งแต่สองนาทีแรกแล้ว แต่อีคอนยังช็อกจนพูดอะไรไม่ออก
"ทุกคน! ฟังข้าก่อน เขาไม่ได้จะมาทำร้ายใคร เขาแค่อยากมาทักทายเราเท่านั้น" แอดดี้ตะโกนลั่นก่อนที่คนอื่นๆ จะเริ่มเดินเข้ามาดู
"นั่นเจ้าเองหรือ แอดดี้"
แมลงสาบตัวหนึ่งเดินเข้ามายืนต่อหน้าเขา ทั้งคู่มองกันไปมาก่อนจะสวมกอดเข้าหากัน
"พ่อ!"
"แอดดี้ เจ้าหายไปไหนมาตั้งนาน รู้รึเปล่าว่าพ่อเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน ตั้งแต่ที่เผ่าอมนุษย์แมงมุมมันเข้ามารุกรานตามคำสั่งของมารงู พวกเราก็หนีกันไปคนละทางจนเริ่มคิดได้ว่าตัวเองไม่มีที่ให้หนีจึงได้สร้างอุโมงค์ลับแห่งนี้เอาไว้ให้พ้นจากสายตามารงู ถึงมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็คงหาเราไม่พบได้ง่ายๆ แน่ แอดดี้ลูกพ่อ เจ้ากลับมาหาเราได้ยังไง"
"พ่อ ข้าหาที่นี่เจอได้ก็เพราะท่านฮาวเวอร์เป็นผู้นำมา ตอนนี้เขาเป็นเจ้านายข้า เขาช่วยขาจากการถูกขายเป็นทาส ข้าจึงต้องตอบแทนด้วยการพามาเดินทางสำรวจพื้นที่ป่าอาถรรพ์แห่งนี้ พวกท่านไว้ใจได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายพวกเรา"
บทสนทนาประหลาดของพ่อลูกทำเอาฮาวเวอร์ได้สติ 'คือต้องรำลึกเหตุการณ์กันขนาดนี้เลยหรือ ดูไม่เข้ากับรูปร่างของเจ้าพวกนี้เลย' อีคอนเองก็ได้สติก่อนเดินหน้าเข้าไปทักทายพ่อของแอดดี้
"สวัสดีขอรับ ข้ามีนามว่า… ฮาวเวอร์"
"ขอรับท่านฮาวเวอร์ ข้ามีนามว่าเอโดเลียยินดีที่ได้รู้จัก ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าแมลงสาบ ชื่อเผ่าอย่างเป็นทางการไม่มีหรอกขอรับ ถึงตั้งไปก็ไม่มีใครให้เกียรติเรียกชื่อนั้นด้วย ตัวข้าเดิมทีเป็นชาวบ้านธรรมดา แต่พอหัวหน้าเผ่าคนก่อนตาย พวกข้าเลยจับไม้สั้นไม้ยาว ใครโชคร้ายก็ได้เป็นหัวหน้าเผ่าต่อ"
'ใช้คำว่าโชคร้ายเลยแฮะ'
"ถ้างั้นก็ยิ่งดีสิขอรับ ข้าอยากรู้ธรรมเนียมของพวกท่าน หากถามเอาจากหัวหน้าเผ่าผู้รอบรู้อย่างท่านคงได้ความมากกว่า"
"ท่านช่างเจรจาเหลือเกิน ถ้าท่านมีเรื่องอะไรอยากรู้ข้าจะเล่าให้ละเอียด ทุกอย่างทุกขั้นตอนเลยขอรับ ท่านรู้ไหมว่าข้าสร้างถ้ำนี้มาได้ยังไง อันที่จริงข้าก็ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเผ่าตัวเองสามารถขุดดินได้ลึกจนกระทั่งมีเผ่าอมนุษย์แมงมุมมารุกราน ตัวข้าหนีไปซ่อนใต้ดินก่อน พอพวกอมนุษย์แมงมุมไปกันหมดก็เรียกรวมพลทุกคนให้สร้างถ้ำแห่งนี้ไว้ แล้วก็ทำเป็นที่อาศัยหลบภัยจากสายตามารงู มารงูนั้นเดิมทีเป็นเผ่าอมนุษย์งูซึ่งอาศัยอยู่ในอาณาเขตนี้ แต่เพราะได้พลังจากปีศาจเลยสามารถอัพสถานะเป็นมารงูแล้วเข้าครอบงำผู้คนในเขต ไม่เว้นแม่แต่เผ่าของตัวเอง"
'เจ้านี่มีแววเป็นพระนักเทศน์ได้เลยนะเนี่ย' ฮาวเวอร์กล่าว
"พูดมากน่ารำคาญ! ข้าหิวแล้ว!!"
ลิลลี่ตะโกนออกมา อีคอนได้ยินอย่างนั้นก็ยื่นอาหารให้ทาน แต่ยังไม่ทันที่ลิลลี่จะรับไป อาหารกลับถูกธนูปักร่วงลงพื้นเสียก่อน
"เจ้าพวกอมนุษย์แมลงสาบ วันนี้คือวันตายของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"