ดวงใจปักษา14
ตอน บราปวนพิมานมุข1
...หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อย ทั้งองค์จ้าวแสนและองค์ไอยคุปต์ ก็นั่งพูดคุยเสวนากันต่อ ยังไม่แยกย้ายกันไปพักผ่อน...
" จ้าวแสน..พี่มีเรื่องนึง ที่มิกล้าบอกต่อเจ้า! "
" เรื่องอันใดรือท่านพี่ บอกกล่าวแก่น้องเถิด เผื่อน้องจักช่วยคิดแก้ไขเหตุการณ์ได้! "
" ก็เรื่อง เอ่ออ..บราปวนพิมานมุขนั่นล่ะ! "
" บราปวนพิมานมีอันใดรึ พี่ท่าน? "
" ก่อนเกิดเรื่อง พระชายาเนตรนภาจันทรามณีกับพระขนิษฐาของนาง มาเที่ยวที่นั่น "
" ว่ากระไรนะ..พระชายาเนตรนภาจันทรามณี กับพระนางศิรินภามาเที่ยวที่บราปวนพิมาน กระนั้นรึ!? "
" ใช่...พวกนางมาพำนักที่นั่น ได้ราวๆ เดือนครึ่ง "
" แต่พี่ก็มิกล้าสอบถาม ว่ามีเรื่องอันใดที่วังท่านพ่อรึป่าว พวกนางถึงได้เสด็จมาพัก พำนักที่บราปวนพิมาน พวกนางบอกเพียงว่า ได้ขออนุญาติต่อท่านพ่อแล้ว จึงมาที่นั่น.."
" แล้วตอนนี้..พวกนางอยู่ที่ใดกันรึ ท่านพี่? "
" พอพี่ได้ข่าว ว่ามีกองทัพจะเคลื่อนผ่าน มาทางบราปวนพิมาน พี่ก็จัดส่งพวกนางกลับวังท่านพ่อ"
"หลังจากที่พวกนางออกเดินทางไปพ้นเขตนอกเมือง ทหารในเมืองก็มาแจ้งข่าวต่อพี่ว่า กองทัพได้มาประชิดเมืองแล้ว พี่จึงต้องรีบกลับเข้าเมือง เพื่อมาตรวจตราดูแล"
" ป่านนี้พวกนางคงเดินทาง ไปถึงวังท่านพ่อแล้วกระมัง พี่เองก็มัวยุ่งอยู่กับการต้านทัพ จึงมิได้รับข่าวพวกนางอีกเลย..."
" อึม...หวังว่าพวกนางคงปลอดภัย และไม่ได้พบเจอกับกองทัพข้าศึก "
" อึมมม..พี่เองก็คิดเช่นนั้น พวกนางคงปลอดภัย "
................
...ย้อนกล่าวถึง..บราปวนพิมานมุข
" ทูลพระชายาจันทรามณี ณ เพลานี้ได้มีการเคลื่อนขบวนกองทัพ เดินทางมาใกล้เมือง"
"ข้าพระองค์เป็นกังวล จึงอยากจักขอให้พระชายา ทรงเสด็จกลับพระนครเสียก่อนเถิด แลพระชายาอย่าทรงน้อยพระทัย หาว่าบราปวนพิมานรังเกียจนะ พระเจ้าค่ะ"
" แต่หม่อมฉันทรงเป็นห่วง จึงทูลขอให้พระชายาเสด็จกลับ พระเจ้าค่ะ "
" ท่านพี่ไอยคุปต์.. น้องเข้าใจในความห่วงใยของท่านพี่ น้องแลข้าบริพาร จะกลับพระนครตามที่ท่านขอ! "
" ขอบพระทัยที่เข้าใจ พระเจ้าค่ะพระชายา " หม่อมฉันขอตัวไปจัดเตรียมไพล่พล เพื่อเตรียมออกเดินก่อนนะ พระเจ้าค่ะ..."
...เช้ารุ่งวันใหม่ ขบวนเสด็จของพระชายากับพระขนิษฐา ก็พร้อมที่จะออกเดินทาง เพื่อกลับคืนสู่พระนครหลวง ท้าวไอยคุปต์นาคาได้ตามเสด็จออกมาส่ง จนพ้นเขตเมือง
หลังจากที่ได้รับข่าวแจ้งจากม้าเร็วว่า มีกองทัพมาใกล้ประชิดเมือง จึงตัดสินใจส่งเสด็จเพียงนอกเมืองเท่านั้น
จากนั้นขบวนของพระชายาก็ออกเดินทางต่อไป พอพ้นสายตาท้าวไอยคุปต์นาคา ก็รีบกลับเข้าสู่เมือง เพื่อตรวจตราลี้พลและป้อมค่ายต่างๆ ให้พร้อม เพื่อป้องกันการโจมตีจากขบวนกองทัพนั้น!!
ทางบราปวนพิมาน ต่างจัดเตรียมกำลังเอาไว้พร้อมสับ แต่ข้างฝ่ายกองทัพนั้น ก็ยังนิ่งเฉย ไม่ได้มีการส่งทูตเข้ามาเจรจาอันใดเอาแต่ปักหลักสร้างป้อมค่ายอยู่นอกเมือง
ข้างฝ่ายไอยคุปต์นาคา ก็ร้อนใจมิรู้แน่ว่าจักทำอันใดก่อน อันใดหลัง เพราะข้าศึกก็นิ่งเฉย เหมือนทองมิรู้ร้อน ก็ทำได้แค่เพียงจัดเตรียมกำลังเอาไว้ให้พร้อมเท่านั้น
การปักหลักของกองทัพนั้น นิ่งเฉยอยู่ราวสิบสองวัน พอรุ่งเช้าเข้าวันที่สิบสาม การโจมตีแบบเงียบเชียบของข้าศึกก็เกิดขึ้น
โดยที่ทางป้อมเมืองไม่รู้ตัว ป้อมค่ายประตูทั้งสี่ทิศ ถูกโจมตีพร้อมกัน การศึกครานี้ เหมือนการจงใจทำลายทุกสิ่งอย่าง ให้ราบพณาสูญไปเลย
ท้าวพญาไอยคุปต์นาคา เมื่อมองเห็นว่าจักต้านทานเอาไว้มิไหว จึงรวบรวมผู้คนและทหารชาวเมือง ตีฝ่าวงล้อมของทัพข้าศึก ออกมาทางประตูเมืองทิศเหนือ
เมื่อตีฝ่าออกมาได้ ก็เร่งเดินทางมุ่งมาทางเหนือ พอพ้นเขตเมืองออกมา ท้าวพญาไอยคุปต์ ก็สั่งจัดกองคาราวาน ให้เดินทางมุ่งทิศเหนือมาก่อน ส่วนพระองค์ได้มุ่งกลับหลัง เพื่อย้อนกลับเข้าเมือง เพื่อหวังว่าจักกลับไปต้านทัพข้าศึกอีกครั้ง...
" เป็นเหมือนดั่งอสุนีบาต
ฟาดทัพให้ประจักษ์
มองหา นภาสูญ
เมืองเคยสุขปกครอง
พร้องคราที
มาบัดนี้ล่มลงจมสลาย..."
ภาพเมืองตรงหน้าที่แตกสลายกลุ่มควันที่ปกคลุม ดวงใจที่มองภาพเมืองนั้น มันจุกในอกจนยากอธิบายออกมาได้
ชายชาติชาตรี ยืนมองเมืองที่ราบพณาสูญ น้ำตาหลั่งรินนองหน้าสุดแสนเสียใจ ที่ตนเองนั้นไร้ฝีมือ ที่จะต้านทาน รักษาเมืองเอาไว้ได้...😰😰😰😰
หลังจากที่ยืนมองสภาพของเมืองอยู่นาน ก็ตัดสินใจถอยทัพ มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ เพื่อไปสมทบกับกองคาราวาน ที่มุ่งหน้าเดินทางไปก่อน ในใจก็ได้แต่อาลัยเสียดายเมือง
แต่ก็ทำอันใดมิได้ ได้แต่คิดในใจว่า วันข้างหน้าจักมากอบกู้เอาเมืองคืน...ฯ
**********************************