ดวงใจปักษา12
ตอน นครไพลินมรกต1
." เสด็จพ่อ...หม่อมฉันมีเรื่องจักกราบทูล พระเจ้าค่ะ! "
" มีเรื่องอันใดรึ..จ้าวแสน? "
" คือ..เมื่อวานหม่อมฉันและกัณฑะ ได้เห็นขบวนคาราวานผู้อพยพ ตั้งค่ายพักตรงชายป่าฟากเขานอกเมืองของเรา พระเจ้าค่ะ!"
"หม่อนฉันให้กัณฑะออกไปสืบดูจึงได้ความว่า ผู้อพยพเหล่านั้นมีแต่หญิงชรา และเด็กๆ พร้อมทหารคุ้มกันมาประมาณ70คน แลขบวนอพยพ แจ้งบอกว่าจักมาขอพึ่งใบบุญของพระบิดา พระเจ้าค่ะ! "
" อืม..ก็ดี พ่อให้เจ้าจัดเตรียมธุระต่างๆ ให้เรียบร้อย พร้อมจัดหาที่พักให้แก่ผู้คนเหล่านั้นด้วยนะ จ้าวแสน! "
" พวกเขาเดือดร้อนมา เพื่อหวังจักพึ่งพิงต่อเรา เราเป็นเจ้าบ้าน ก็สมควรที่จักต้องต้อนรับ แลช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน!! "
" หม่อมฉัน..ได้สั่งการเตรียมพร้อมลงไปแล้ว พระเจ้าค่ะ!
"กาลครานี้ ลูกเพียงมาทูลรายงานต่อท่านพ่อ ให้ได้ทรงรับรู้ รับทราบเท่านั้น พระเจ้าค่ะ"
" ดีมาก!..สมแล้วที่เจ้าเป็นลูกของพ่อ รู้จักวางการงานและการปกครองเป็นอย่างดี และรอบครอบ พ่อดีใจจริงๆ ที่มีเจ้ามาเป็นลูก???? "
" หมดเรื่องแล้ว ลูกขอออกไปดูการเตรียมพร้อม เพื่อรับรองผู้อพยพเสียก่อนนะ พระเจ้าค่ะ! "
" ไปเถิด...หากมีอันใดขาดตกบกพร่อง ก็แจ้งต่อกรมกองนั้นๆ ให้จัดหาได้เลย! "
................
...ณ..หน้าประตูเมือง องค์จ้าวแสนและกัณฑะ ยืนอยู่บนเชิงเทินประตูเมือง แลมองออกไปทางนอกเมือง ก็ได้เห็นขบวนผู้อพยพกำลังเดินทางมาใกล้ถึง...
" นายทวารประตู!..เปิดประตูแล้วนำทหารออกไปรับผู้อพยพบัดเดี่ยวนี้! " องค์จ้าวแสนสั่งเหล่านายทวารประตูและหมู่ทหารที่เตรียมเอาไว้..
กองกำลังที่สั่งเตรียมเอาไว้ ก็เคลื่อนตัวออกไป โดยการนำของวารินทร์นาคา ขุนทหารสนิทอีกคนขององค์จ้าวแสน
สักครู่เหล่าผู้อพยพ ก็มาถึงพร้อมกำลังที่ออกไปต้อนรับ ความวุ่นวายก็เริ่มมีบ้าง เพราะผู้อพยพล้วนอ่อนเพลีย จากการเดินทางรอนแรมมานาน
ข้าทหารรวมทั้งกรมกองแพทย์ต่างทำงานในหน้าที่ของตน อย่างมิเหน็จเหนื่อย เพื่อเป็นการแสดงให้ผู้อพยพได้รับรู้ว่า นครแห่งนี้พร้อมต้อนรับทุกคน..
" กัณฑะ!..เจ้ากับวารินทร์จงช่วยกันดูแลผู้อพยพให้ดี แลจัดพาเข้าที่พักรับรองให้เรียบร้อย เราจักเข้าไปกราบทูลต่อพระบิดา! "
" พระเจ้าค่ะ!..หม่อมฉันจักจัดการให้เรียบร้อย พระองค์อย่าได้วิตกไปเลย.."
" เราขอบใจเจ้ามาก กัณฑะ!.."
"หากมิมีเจ้า การงานทุกอย่างคงมิง่ายดายเพียงนี้ เหมาะสมแล้วที่เราได้มีองครักษ์สนิทเยี่ยงเจ้า???? "
" เป็นบุญของหม่อมฉัน เสียมากกว่า พระเจ้าค่ะ ที่ได้เกิดมามีนายปกครอง ที่ทรงเก่งกล้าสามารถ และมีน้ำพระทัยเปี่ยมเลิศ เช่นพระองค์"
"แม้นหากแลกด้วยชีวิตของตนเอง หม่อมฉันก็ยอม พระเจ้าค่ะ "
...ข้างฝ่ายวารินทร์นาคา ไม่เอ่ยอันใดมีเพียงสีหน้าที่เรียบเฉย แต่แววตาที่ฉายออกมาแว๊บนึง มันเป็นแววตาที่เหมือนอิจฉาริษยาในคำชม ที่องค์จ้าวแสนนั้น ชื่นชมต่อกัณฑะ...
" เราจักเข้าไปกราบทูลต่อท่านพ่อเสียก่อนล่ะ เรื่องทางนี้ขอให้เจ้าทั้งสองช่วยกันดูแลด้วยนะกัณฑะ..วารินทร์! "
" พระเจ้าค่ะ " ขุนทหารสนิททั้งสองขานรับพร้อมกัน....
...เหล่าผู้อพยพ ต่างได้รับการดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งอาหารและน้ำดื่ม ต่างถูกจัดหามาให้รับประทานกัน
ใครที่เจ็บป่วยก็ได้รับการตรวจดูแล จากกรมกองแพทย์เป็นอย่างดี กัณฑะได้ลงมาตรวจตรา ดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมสอบถามสาระทุกข์ของผู้อพยพ และนายกองทหารที่ควบคุมผู้อพยพมา
กัณฑะได้สอบถามต่อทหารว่านายกองผู้บัญชาควบคุมมาคือผู้ใด ขณะที่กำลังสอบถามอยู่นั้น นายกองที่ควบคุมดูแลผู้อพยพมา ก็เดินเข้ามาถึงพอดี..
" นั่น!..ท่านนายกองเดินมาพอดีขอรับ " พลทหารได้ตอบ บอกแก่ กัณฑะ
" คาราวะ..ท่านนายกอง " กัณฑะกล่าว
"คาราวะเช่นกัน..ท่านเจ้าบ้าน " นายกองตอบกลับ
" ท่านนายกอง หากข้าจักขอทราบนามท่าน ท่านจักว่ากระไรหรือไม่? "
" ข้า..ชื่อว่า..'ไอยคุปต์นาคา' เป็นนายกองที่ควบคุมขบวนอพยพนี้ "
" โอ้วว..หม่อมฉันขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ ที่หม่อมฉันมีตา หามีแววไม่ ขอพระองค์อย่าได้ทรงถือโทษต่อหม่อมฉันเลย พระเจ้าค่ะ! " กัณฑะกล่าว พร้อมกับทำความเคารพ
" ลุกขึ้นเถิด ท่าน! เราเองต่างหากที่ต้องขอบน้ำใจ ในไมตรีที่ท่านมีต่อพวกเรา แล้วนี่ท่านมีนามว่ากระไรรึ เราจักได้เรียกนามท่านถูก! "
" หม่อมฉันมีนามว่า 'กัณฑะ' และท่านนี้มีนามว่า 'วารินทร์นาคา' พวกหม่อมฉันเป็นราชองครักษ์ ในองค์จ้าวแสน มีหน้าที่คอยต้อนรับผู้อพยพ พระเจ้าค่ะ " กัณฑะตอบต่อ พญาไอยคุปต์นาคา...
" เป็นบุญของพวกเราโดยแท้ ผู้อพยพที่ได้มาประจักษ์แก่น้ำใจไมตรีของพวกท่าน เราในนามนายกองขอขอบน้ำใจพวกท่านมากๆ กับการต้อนรับครานี้ "...
**********************************