____การเป็นคนหน้าตาดีไม่ค่อยเหมาะสำหรับสายลับเท่าไร คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเป็นสายลับคือ หน้าตาต้องดูธรรมดาที่สุดและไม่โดดเด่นเลย นั่นทำให้แฟนธ่อมรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถกลับไปทำงานอาชีพเดิมของเขาได้อีกต่อไป
____แต่โชคร้าย ดูเหมือนว่าการที่แฟนธ่อมเป็นที่รักของเหล่าซิสเตอร์และบาทหลวง จะไม่เป็นที่พอใจนักของเพื่อนร่วมโบสถ์ เมื่อไม่มีเหล่าซิสเตอร์และบาทหลวงในโบสถ์อยู่ในบริเวณสายตา แฟนธ่อมมักจะถูกเด็กกำพร้าที่โตกว่ากลั่นแกล้งทำร้ายเสมอ อย่างเบาก็คือโดนพูดจาดูถูกถากถาง อย่างกลางก็โดนขโมยอาหารและของใช้ส่วนตัว อย่างหนักคือโดนทำร้ายร่างกาย
____ตั้งแต่เด็ก แฟนธ่อมมักจะมีร่องรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายเสมอ กระนั้นแฟนธ่อมก็ไม่ค่อยได้รับการใส่ใจจากเหล่าซิสเตอร์และบาทหลวงภายในโบสถ์เท่าใดนัก พวกเขาใจดีและอ่อนโยน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้รักและห่วงใยเด็กๆเหมือนดั่งพ่อแม่แท้ๆของบุตร
____การทะเลาะวิวาทเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาในโบสถ์แห่งนี้ หากไม่มีการทำร้ายกันถึงตาย พวกบิชอปและคนอื่นๆก็จะไม่ออกหน้ามาปกป้องเด็กคนไหน อีกอย่างการเลือกปกป้องเด็กกำพร้าคนใดคนหนึ่ง จะไม่เพียงไม่ทำให้เรื่องจบลง แต่จะเป็นการเติมเชื้อไฟให้เหล่าเด็กกำพร้าเกลียดกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายผลลัพธ์อาจจะกลายเป็นสงครามย่อมๆภายในโบสถ์ที่เดิมทีมันเคยสงบสุข เหตุผลเช่นนั้นทำให้เหล่าซิสเตอร์และบาทหลวงมักจะปล่อยปละละเลยเรื่องราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าแห่งนี้เสมอ แฟนธ่อมเองก็รู้เรื่องนี้ดี แม้เขาจะบอบช้ำและเจ็บปวดมากเพียงใด เขาก็จะเก็บมันไว้ในใจไม่นำไปฟ้องบิชอป แม้หลายครั้งจะหมายความว่า เด็กน้อยจำเป็นต้องเก็บความเจ็บปวดจากอาการกระดูกหักไว้เพียงคนเดียวก็ตาม
.......
____เนื่องจากแฟนธ่อมเคยเป็นสายลับขั้นสุดยอด เขาจึงเคยได้รับการฝึกฝนศาสตร์หลากหลายแขนงที่ไม่สามารถหาเรียนได้จากคลาสเรียนทั่วไป นอกเหนือจากวิชาการต่อสู้ขั้นสูง ที่แฟนธ่อมเคยได้ผ่านหลายหลักสูตรร่วมกับพวกหน่วยรบพิเศษแล้ว เขายังเคยได้เรียนวิชาภาษาศาสตร์และการถอดรหัสอีกด้วย วิชาเหล่านี้มีประโยชน์มากสำหรับการแฝงตัวในต่างประเทศและการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ โชคดีหนึ่งในภาษาที่แฟนธ่อมเคยเรียนมันเป็นภาษาทางการที่ใช้กันอยู่ในอาณาจักรออโรร่าในปัจจุบัน อันที่จริงต้องบอกว่ามันเป็นภาษาของประเทศแม่เขาเอง ฉะนั้นภาษาออโรร่าจึงง่ายดายสำหรับแฟนธ่อมที่จะเรียนรู้
____ที่สำคัญคือโลกใบนี้มีเวทมนตร์ แม้จะเป็นส่วนน้อยมาก แต่ก็มีผู้คนส่วนหนึ่งที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ น่าประหลาดที่ภาษาเวทมนตร์ที่ผู้คนบนโลกนี้ใช้ร่ายเวทมนตร์คือภาษาละตินของโลกเขาที่แฟนธ่อมจากมา ซึ่งบังเอิญเสียจริงว่าหนึ่งในภาษานับสิบที่แฟนธ่อมได้เรียนรู้มา นั่นคือภาษาที่ตายแล้วอย่างภาษาละติน ภาษาละตินเป็นหนึ่งในรากภาษาของหลายภาษาบนโลกเดิมของเขา หลักสูตรภาษาละตินมีเพื่อให้สามารถเรียนรู้ภาษาอื่นได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยในการแกะรหัสลับได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งมันจำเป็นสำหรับสายลับอย่างแฟนธ่อมที่จะต้องเรียนรู้ภาษาละติน แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะช่วยให้เขาสามารถเข้าใจถึงภาษาเวทมนตร์ของโลกใบนี้ได้ทันที
____คนบนโลกนี้ไม่ได้เข้าใจภาษาเวทมนตร์อย่างแท้จริง พวกเขาท่องจำและร่ายมันผ่านทางหนังสือเวทมนตร์โบราณที่ได้บันทึกเวทมนตร์บทต่างๆเอาไว้
____ตั้งแต่ช่วงแรกที่แฟนธ่อมได้รับการเลี้ยงดูในโบสถ์แห่งนี้ เขาก็ได้พบเห็นการใช้เวทมนตร์ของเหล่าบาทหลวงที่โบสถ์แห่งนี้ทันที อันที่จริงเขาไม่ได้ประหลาดใจอีกต่อไป เพราะแฟนธ่อมได้เห็นการใช้เวทมนตร์นับตั้งแต่วันที่เขาได้ลืมตาดูโลกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจุดไฟต้มน้ำร้อน การควบคุมสายลมเพื่อมาปัดเป่าฝุ่นให้ออกไปจากรถม้า การเรียกสายน้ำเพื่อออกมาชำระล้างร่างกาย การควบคุมให้ผืนดินกลายเป็นสะพานเพื่อเชื่อมต่อสองฟากของแม่น้ำกว้าง แม้กระทั่งการใช้เวทมนตร์รักษาเขาก็เห็นมาแล้ว นั่นเป็นการเปิดหูเปิดตาเด็กตัวน้อยให้ได้พบกับโลกใหม่อย่างแท้จริง
____นับตั้งแต่วันแรกที่แฟนธ่อมได้มาอยู่ที่วิหารเซนต์มารีอา เขาก็มีโอกาสที่ได้ใกล้ชิดและคอยสอดส่องการใช้เวทมนตร์ของเหล่าบาทหลวงตลอดเวลา แฟนธ่อมคิดว่านี่อาจเป็นหนึ่งใจความตั้งใจของมารดาของเขา เหล่าบาทหลวงยุ่งวุ่นวายกับงานตลอดทั้งวัน แล้วพวกเขาก็ใช้เวทมนตร์หลากหลายประเภทเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในงานของพวกเขา แฟนธ่อมได้สังเกตแล้ว โลกใบนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวิทยาการสมัยใหม่หรืออุตสาหกรรมเครื่องจักรเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เครื่องจักรไอน้ำพวกเขาก็ไม่มี อย่างมากที่สุดพวกเขาอาจมีวินด์มิลล์เพียงเท่านั้น เพราะว่าโลกในตอนนี้น่าจะอยู่ในยุคกลาง
____ซึ่งเวทมนตร์อันน่ามหัศจรรย์นั้นก็ทำให้แฟนธ่อมได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้แฟนธ่อมได้เคยศึกษาหลายศาสตร์วิชาที่หลากหลายบนโลกมาก่อน แม้แต่พลังจิตและการทำสมาธิแฟนธ่อมก็เคยฝึกฝน แต่แฟนธ่อมไม่เคยฝึกศาสตร์เวทมนตร์มาก่อนเลย การที่เขาได้เห็นแสงสีแดง , เหลือง , เขียว , ฟ้า และ ขาว ล่องลอยไปมาตามการโบกมือและการขยับร่างกายของเหล่าบาทหลวง เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ที่ทำให้หัวใจเด็กทารกตื่นเต้นจนหัวใจสูบฉีด
____ทกครั้งที่แฟนธ่อมเห็นหรือได้ยินว่ามีผู้ใดร่ายเวทมนตร์ เขาจะตั้งใจมองและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจที่สุด เนื่องจากยามนั้นแฟนธ่อมยังเป็นเพียงเด็กทารก เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนและพยายามค้นหาเทคนิคการใช้เวทมนตร์ของคนเหล่านั้น
____เมื่อจำบทร่ายเวทมนตร์ได้แล้ว แฟนธ่อมก็แอบทดลองร่ายเวทมนตร์ในยามที่ไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้เคียง แต่โชคร้าย มันกลับไม่สำเร็จ แฟนธ่อมรู้ดีว่าความรู้สึกของเวทมนตร์นั้นเป็นอย่างไร เพราะเคยมีบางคนที่ใช้เวทมนตร์ในขณะที่อุ้มเขาอยู่ในอ้อมแขน กระทั่งบางคนยังเคยใช้เวทมนตร์รักษาเขาเมื่อยามที่แฟนธ่อมไม่สบายเป็นหวัดด้วยซ้ำ
____แต่ในยามที่เขาทดลองใช้เวทมนตร์ด้วยตนเอง เขากลับไม่สามารถใช้เวทมนตร์ออกมาได้เลย แม้เขาในตอนนั้นจะรู้ดีว่าคงไม่สามารถประสบความสำเร็จในการใช้เวทมนตร์ได้โดยง่าย แต่มันก็ยังทำให้หัวใจที่ตื่นเต้นในการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆของแฟนธ่อมต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
____กระทั่งเวลาผ่านไปนาน 4 ปี แฟนธ่อมก็ยังไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แฟนธ่อมเริ่มมั่นใจว่าต้องมีเทคนิคการใช้เวทมนตร์อื่นๆ นอกเหนือไปจากการออกเสียงร่ายเวทมนตร์อย่างถูกต้องแน่นอน อย่างเช่นแฟนธ่อมมักจะเห็นเหล่าบาทหลวงหรือซิสเตอร์ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ร่วมด้วยยามที่ใช้เวทมนตร์ อย่างเช่น คทา , ไม้กายสิทธิ์ , ลูกแก้ว , อัญมณี , ดาบ หรือแม้กระทั่งกำไล อีกทั้งเมื่อผู้ร่ายใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ สิ่งของเหล่านั้นก็จะเรืองแสงเวทมนตร์ออกมาจางๆ อีกทั้งแฟนธ่อมยังเคยได้ยินบิชอปและบาทหลวงบางคน ปรึกษากันเรื่องเทคนิคการร่ายเวทมนตร์ ซึ่งสิ่งที่เขาจับใจความได้ก็คือ การใช่ความมุ่งมั่นของจิตในการบงการและควบคุมพลังงานธรรมชาติให้กลายเป็นเวทมนตร์
____แม้พวกหน่วยรบพิเศษและสายลับส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจเรื่องการฝึกฝนพลังจิตและสมาธิ แต่แฟนธ่อมเองก็เคยฝึกฝนสิ่งเหล่านั้นมาด้วยเช่นกัน มันอาจเป็นเพราะว่าแฟนธ่อมได้ไปบังเอิญรับรู้ว่าผู้ใช้พลังจิตมีอยู่จริงบนโลก เนื่องจากงานแทรกซึมครั้งหนึ่งของเขา ทำให้แฟนธ่อมได้รับรู้ว่ามีหลายชาติมหาอำนาจที่สนใจเรื่องของผู้มีพลังจิตและการฝึกพลังจิต บุคคลผู้มีพลังพิเศษเหล่านั้นมีอยู่จริง แต่ตัวตนของพวกเขาถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด อีกทั้งพวกเขายังมีจำนวนเพียงน้อยนิด ซึ่งพวกเขามักจะอยู่เพียงในศูนย์วิจัยลับของรัฐบาลชาติมหาอำนาจเพียงเท่านั้น เรื่องราวเหล่านี้จึงแทบไม่มีการหลุดรอดออกสู่โลกภายนอก
____ด้วยงานของเขาจึงทำให้แฟนธ่อมได้มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีและเทคนิคลับในการฝึกฝนพลังจิต แม้มันจะไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นผู้มีพลังจิตได้จริงๆ แต่มันก็ทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมและมีปฏิกิริยาตอบสนองราวกับสัตว์ป่า รวมถึงมันยังทำให้แฟนธ่อมสามารถควบคุมสภาวะจิตใจได้เป็นอย่างดีในขณะปฏิบัติภารกิจลับสุดยอด
____หลังจากล้มเหลวในการฝึกฝนการใช้เวทมนตร์มาเป็นเวลายาวนาน 4 ปี แฟนธ่อมก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องทำบางสิ่งผิดพลาดไป เขาไม่เร่งร้อนที่จะร่ายเวทมนตร์ออกมาให้ได้อีกต่อไป แต่กลับนั่งหลับตาทำสมาธิ แฟนธ่อมตัดทุกความคิดที่รบกวนจิตใจ เพ่งจิตนึกถึงภาพสายลมที่หมุนวนรอบตัวเขาเพียงเท่านั้น แฟนธ่อมจินตนาการว่าตนเองกลายเป็นพายุหมุนทำลายล้างจักรวาล แฟนธ่อมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานแค่ไหน อาจจะเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือชั่วนิรันดร์ เวลาผ่านไปยาวนานในที่สุดจิตใจของเด็กชายก็สงบถึงขีดสุด ไม่มีอะไรหลงเหลือในจิตใจของเขาอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือความสุข