ผมเดินตามผู้หญิงครึ่งกวางที่เรียกเผ่าตัวเองว่า อับ-สอน-สี-หะ และตอนนี้พวกเราก็กำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านของเธอ
"ท่านชื่อวีเหรอเจ้าคะ เรียบง่ายดีนะเจ้าคะ"
"พอดีครอบครัวผมชอบความเรียบง่ายครับ แล้วคุณชื่ออะไรเหรอครับ"
ผมบอกแค่ชื่อเล่นเพราะไม่อยากให้ข้อมูลรั่วไหล ส่วนคุณพี่สาวครึ่งกวางก็ออกอาการตกใจที่ลืมบอกชื่อตัวเอง
"ขออภัยเจ้าคะ ข้าพเจ้านี่ช่างเลินเล่อนัก ข้าพเจ้ามีชื่อว่า ละไม ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าคะ"
"เช่นกันครับ"
แล้วการสนทนาก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ถูกเลือกก่อนหน้านี้ ที่ไม่มีใครเลยแม้สักคนเดียวที่คิดจะเข้าหาพวกอัปสรสีหะอย่างเป็นมิตร เพราะแค่เห็นก็โจมตีเข้าใส่แล้ว
แต่เพราะพระเจ้าสร้างให้เผ่าพันธุ์ของเธอ เป็นผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนมนุษย์ ทำให้เหล่าอัปสรสีหะเลือกที่จะหลบหนีการโจมตี แล้วพยายามเข้าหามนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมนุษย์ที่เห็นพวกเธอจะหนีไปอย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็โจมตีใส่จนพวกเธอต้องหนีเท่านั้น
ฟังแล้วอายแทนเผ่าพันธุ์มนุษย์ชะมัด
"ขอบคุณที่ยังเป็นมิตรกับมนุษย์นะครับ แล้วก็ขอโทษแทนพวกคนก่อนหน้านี้ด้วยจริงๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ พวกข้าพเจ้าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนเหล่ามนุษย์ที่จะเข้ารับการทดสอบจากพระเจ้า ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ"
อารมณ์ประมาณปัญญาประดิฐษ์สินะ ที่ทำได้แค่ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ของที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาก็น่าจะมีสติปัญญาสูงพอตัว แล้วทำไมถึงหาทางติดต่อกับมนุษย์ที่เข้ามาในมิตินี้ไม่ได้กันนะ
จากนั้นพวกเราก็เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ค่อยๆโล่งมากขึ้น ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มหายไป ซึ่งน่าจะเป็นผลของการตัดแต่งมากกว่าเกิดเองตามธรรมชาติ และไม่นานรั้วไม้เหมือนที่เคยเห็นในหนังย้อนยุคก็ปรากฏแก่สายตา
"เดี๋ยวข้าพเจ้าจะเข้าไปแจ้งให้ทุกคนในหมู่บ้านทราบ ท่านวีโปรดรอที่หน้าหมู่บ้านสักครู่นะเจ้าคะ"
"เข้าใจแล้วครับ"
ประตูเข้าหมู่บ้านของพวกอัปสรสีหะไม่มีการเฝ้ายาม แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องห่วงเรื่องผู้บุกรุก เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีเกราะที่มองไม่เห็นปกป้องอยู่ ที่ถึงจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสที่มือนี้ก็แจ่มชัดว่ามีกำแพงโปร่งใส่ขวางทางเข้าเอาไว้
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะป้องกันการโจมตีได้ถึงระดับไหน และผมก็คงไม่เสี่ยงตายทดสอบตอนนี้ เพราะการถูกรุมใจกลางถิ่นของฝ่ายตรงข้ามแบบนี้ มีกี่ชีวิตไม่พอแน่นอน
แต่การยืนอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้านก็ทำให้ผมเป็นจุดเด่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนตอนนี้มีผู้หญิงครึ่งกวางมามุงดูผมเกือบสิบคนแล้ว แถมแต่ละคนยังสวยระดับนางแบบ
พร้อมกับทรวดทรงดินระเบิดที่มีแค่ผ้าแถบปิดหน้าอกเต่งตึงเอาไว้ ทำให้ผมไม่รู้จะเอาสายตาไปมองที่จุดไหนดี แต่ก่อนที่สถานการณ์จะกลายเป็นงานแสดงของแปลก ละไมก็เดินมาพร้อมกับผู้หญิงครึ่งกวางคนหนึ่ง ที่มีบรรยากาศแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
"รอนานไหมเจ้าคะ"
"ไม่ครับ แล้วคนนี้คือหัวหน้าหมู่บ้านรึเปล่าครับ"
หญิงสาวครึ่งกวางผมยาวสีดำดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา เข้ากับใบหน้าสวยคมราวกับรูปสลักของจิตรกรเอก เดินมาพร้อมกับผู้หญิงครึ่งกวางอีกสองคนที่เหมือนองครักษ์ ทำให้ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าไม่ใช่หัวหน้าหมู่บ้านแล้วจะเป็นใครได้
"ท่านช่างสายตาแหลมคมนัก ข้าพเจ้ามีนามว่า กิรณา (กิ-ระ-นา) เป็นหัวหน้าหมู่บ้านทิศอุดรของเผ่าอัปสรสีหะ ยินดีต้อนรับผู้ถูกเลือกนะเจ้าคะ"
"ขอบคุณครับ"
จากนั้นผมก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในหมู่บ้านได้ โดยที่มีเงื่อนไขว่าห้ามทำการต่อสู้โดยใช้อาวุธในหมู่บ้าน และแน่นอนว่ากฎข้อนี้ครอบคลุมถึงชาวบ้านทุกคน ทำให้ผมพอเบาใจได้ว่าจะเอาตัวรอดได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แต่ไม่ทันที่จะได้เตรียมใจ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แถมมันยังมาจากระบบอีกด้วย
-ท่านเข้าสู่พื้นที่ปลอดการต่อสู้ด้วยอาวุธ-
-ท่านเข้าสู่พื้นที่หมู่บ้านอัปสรสีหะประจำทิศอุดร-
-ท่านเข้าสู่พื้นที่ใหม่เป็นคนแรก ได้รับแต้มทักษะร้อยหน่วย-
*แต้มทักษะ 120
ห๊ะ แต้มทักษะร้อยหน่วยเป็นรางวัลของการเป็นคนแรกที่เข้าพื้นที่ใหม่ แบบนี้ไอ้พวกรุ่นแรกไม่ได้แต้มกันสบายเลยเรอะ บ้าที่สุด อยากย้อนเวลาไปอยู่รุ่นแรกเป็นบ้า
"ท่านวีเป็นที่รักของพระเจ้านะเจ้าคะ ถึงได้รับรางวัลจากการเข้าหมู่บ้านซอมซ่อเช่นนี้"
ผมที่กำลังก่นด่าพวกรุ่นแรกในใจก็ได้สติจากคำพูดของหัวหน้าเผ่า แต่เรียกหมู่บ้านตัวเองว่าซอมซ่อมันก็ออกจะโหดร้ายไปนะ
"ไม่หรอกครับ หมู่บ้านแห่งนี้สงบสุขดี ผมชอบนะครับ"
และนี่ไม่ใช่การยกยอแต่อย่างใด เพราะหมู่บ้านแห่งนี้สร้างตามแบบเรือนไทยโบราณ ที่แม้จะไม่มีการยกพื้นแต่ก็ดูโล่งสบาย น่าอยู่อาศัย แถมพื้นที่แห่งนี้ยังปลอดภัยจากการต่อสู้ด้วยอาวุธ ทำให้เหมาะจะเป็นจุดปลอดภัยที่ใช้พักผ่อนมาก
"ข้าพเจ้าดีใจที่ท่านชอบนะเจ้าคะ"
แล้วพวกเราก็เดินลึกเข้ามาจนน่าอยู่ตรงกลางของหมู่บ้านแล้ว ส่วนเรือนไทยยกพื้นที่หัวหน้าหมู่บ้านกำลังนำทางผมไปนั้น น่าจะเป็นบ้านของเธอเอง โดยมีละไมคอยเดินตามมาด้วยตลอด สงสัยจะให้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นละมั้ง
"เรือนแห่งนี้เป็นของข้าพเจ้าเอง ขอท่านวีเชิญพักผ่อนตามอัธยาศัยนะเจ้าคะ ส่วนข้าพเจ้าจะจัดประชุมหมู่บ้าน ระหว่างนี้ก็ให้ละไมปรนนิบัติท่านได้ตามสบายนะเจ้าคะ"
อืม เหตุการณ์ทำนองนี้ ถ้าเป็นเกมมันต้องมีภารกิจยากๆ แต่มีรางวัลเจ๋งๆมาให้ทำ แต่กับมิติฝึกฝนอย่าตั้งความหวังจะดีกว่าแฮะ
ซึ่งตอนนี้ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่คนแก่ชอบมีติดบ้าน แถมยังมีละไมนั่งอยู่กับพื้นราวกับสาวใช้ จนผมชักสงสัยว่าฐานะของผู้ถูกเลือกมันสูงกว่าพวกอัปสรสีหะรึไงนะ
"เออ ทำไมถึงไปนั่งกับพื้นแบบนั้นละครับ"
"ข้าพเจ้าไม่อาจนั่งเทียบเคียงผู้ถูกเลือกหรอกเจ้าค่ะ"
"หมายความว่าอัปสรสีหะมีหน้าที่รับใช้ผู้ถูกเลือกเหรอครับ ผมนึกว่าจะช่วยสอนทักษะให้อย่างเดียวซะอีก"
"ก็ไม่เชิงหรอกเจ้าคะ ถ้าเป็นตามปกติแล้ว ข้าพเจ้าก็คงไม่อยู่รับใช้ท่านวีเช่นนี้ แต่ท่านวีเป็นผู้ช่วยชีวิต ดังนั้นชีวิตของข้าจึงเป็นของท่านวีเจ้าคะ"
ห๊ะ เอางั้นเลยเหรอ แต่การมีสาวใช้ครึ่งกวาง ที่ท่อนบนเป็นอาหารตาชั้นดีก็ไม่เลวแฮะ แถมละไมยังอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าน่ารัก ถึงจะไม่สวยเท่าหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ผมยาวตรงสีน้ำตาลก็เข้ากับใบหน้าจิ้มลิ้ม ประกอบกับดวงตากลมโตสีทองก็ทำให้ดูมีเสน่ห์ดีเช่นกัน
"อ๊ะ จริงสิ ข้าพเจ้านี่ช่าวเลินเล่อนัก มีท่อนล่างเป็นกวางเช่นนี้คงทำให้ท่านวีไม่สะดวกใจ เดี๋ยวข้าพเจ้าจำแลงกายก่อนนะเจ้าคะ"
ว่าแล้วละไมก็พนมมือก่อนจะขยับปากเหมือนร่ายคาถา แล้วแสงสีทองก็เปล่งออกมาจนผมต้องยกมือขึ้นบัง กระทั่งแสงจางลงหญิงสาวมนุษย์ก็นั่งอยู่ต่อหน้าผม
"เช่นนี้แล้ว หากท่านวีต้องการ จะเสพสังวาสเพื่อผ่อนคลายก็ทำได้อย่างสะดวกใจแล้วละเจ้าคะ"
"ห๊ะ"
เดี่ยวนะ เสพสังวาสเนี่ยถ้าจำไม่ผิด มันแปลว่ามีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรอะ แล้วละไมจะยอมมีอะไรกับผมงั้นเหรอ เอาจริงดิ
"พวกเราอัปสรสีหะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนผู้ถูกเลือกเจ้าคะ และนั่นรวมถึงการดูแลรับใช้ในทุกด้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเราจะยอมผู้ถูกเลือกทุกคนนะเจ้าคะ"
ดูเหมือนละไมจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ จึงออกปากอธิบายถึงธรรมเนียมของอัปสรสีหะ ที่หากเป็นการพบกันตามปกติแล้ว จะช่วยเหลือเพียงการสอนทักษะให้เท่านั้น ส่วนเรื่องการรับใช้นั้น ตัวผู้ถูกเลือกต้องทำให้อัปสรสีหะคนนั้นยอมตกลงด้วยตัวเอง
แต่เพราะผมช่วยชีวิตละไมเอาไว้ ทำให้เธอยอมรับใช้ผมเพื่อตอบแทน ดังนั้นผมจึงมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง ยกเว้นการสั่งให้เธอทำสิ่งที่ขัดกับความต้องการของตนเอง หรือการสั่งให้ทรยศเผ่าอัปสรสีหะนั้นก็เป็นไปไม่ได้
และจากการที่ผมเป็นคนแรกที่มีปฏิสัมพันธ์แบบเป็นมิตรกับพวกเธอ ทำให้มีความประทับใจค่อนข้างสูงในตัวผม ทางเผ่าจึงต้องประชุมกันเพื่อหาทางตอบแทนอย่างเหมาะสมด้วย
"งั้นก็ขอรับไว้แค่น้ำใจแล้วกันครับ"
"ท่านวีนี่เป็นสุภาพบุรษมากเลยนะเจ้าคะ ข้าพเจ้าได้รับความรู้จากพระเจ้าเกี่ยวกับชายหนุ่มมาบ้าง และตามปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครปฏิเสธการชวนเช่นนี้ หรือว่าท่านวีนิยมในตัวบุรุษเพศเจ้าคะ"
ว่าไปนู้นเลยเว้ย แต่ไอ้การปฏิเสธสาวสวยแบบนี้ มันก็น่าสงสัยจริงๆละมั้ง แต่ผมชอบผู้หญิงนะ แถมยังรู้สึกเสียดายมากเลยด้วย แต่ส่วนตัวผมไม่คิดว่าเรื่องดีๆมันจะเกิดขึ้นง่ายขนาดนี้หรอก ดังนั้นระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
"ไม่ใช่หรอกครับ แล้วผมก็ชอบละไมนะ แต่เราพึ่งรู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมง จะมีเพศสัมพันธ์กันเลย ผมก็ไม่สะดวกใจเท่าไหร่"
"แหม ได้ยินแบบนี้แล้ว ข้าพเจ้ายิ่งอยากรับใช้ท่านให้มากขึ้นเลยละเจ้าคะ"
ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าถ้ามีเพศสัมพันธ์กับตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นแล้วจะมีผลกระทบตามมารึเปล่า อย่างในเกมหรือหนังก็มีอยู่บ่อยๆ ที่ตัวละครสายหื่นชอบเย็ดไปเรื่อยแล้วจบไม่สวยเนี่ย
และตัวอย่างที่เห็นบ่อยที่สุดก็คือ โดนสูบชีวิตจนแห้งตายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผมที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับตำนานของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องป่าหิมพานต์ที่รู้จักแต่ชื่อ หรือตัวตนของอัปสรสีหะที่พึ่งเคยได้ยินชื่อก็ตาม
ดังนั้นการระวังตัวไว้ก่อนจึงไม่เสียหาย แถมถ้ากลับบ้านไปค้นหาข้อมูลจนแน่ใจแล้วว่ามีเซ็กส์ด้วยแล้วไม่เป็นไร ผมก็อยากมีเซ็กส์ด้วยอยู่แล้ว
"ละไม สำรวมด้วย"
แล้วในระหว่างที่พวกเรากำลังคุยกัน ผู้หญิงผมแดงคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาบนเรือน ที่แม้ท่อนร่างเป็นมนุษย์ แต่ผมคิดว่าเธอคงเป็นอัปสรสีหะเหมือนกัน เพราะในหมู่บ้านนี้มีแต่เผ่านี้ และผมเป็นคนนอกคนแรกที่ได้เข้ามาด้วย
"มณี ข้าไม่สำรวมตรงไหนรึ"
"ก็เจ้าหยอกเอินท่านผู้ถูกเลือก มันไม่สมควร"
เอ ไอ้คำนี้มันแปลว่าอะไรหว่า ทำเอาอยากกลับไปตั้งใจเรียนภาษาไทยเลยแฮะ
"ขออภัยแทนนางด้วยนะเจ้าคะ แล้วข้าพเจ้ามีนามว่า มณี จะเป็นผู้ฝึกสอนทักษะการต่อสู้ให้ท่านเจ้าค่ะ"
"ขอบคุณครับ ผมชื่อ วี ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณมณี"
สาวผมแดงท่าทางดุดันยกมือไหว้อย่างสง่างาม จนผมที่รับไหว้รู้สึกเขินกับการไหว้ของตัวเองไปเลย แถมผู้หญิงคนนี้ยังให้ความรู้สึกเข้าถึงได้ยาก ไม่เหมือนกับละไมที่รู้สึกเป็นมิตรมากกว่า
"ท่านกิรณากำลังประชุมหารือเรื่องผู้ฝึกสอนให้ท่านวี แต่ข้าพเจ้านั้นเป็นนักรบอันดับหนึ่งของหมู่บ้านนี้ จึงได้รับคำสั่งให้มาดูแลท่านก่อน ดังนั้นหากท่านต้องการทักษะต่อสู้ชนิดใดโปรดบอกเจ้าค่ะ"
"งั้นรบกวนช่วยอธิบายเรื่องทักษะสายต่อสู้ให้ฟังได้ไหมครับ"
แล้วระหว่างที่ผมกำลังคุยกับสาวผมแดงผู้มาใหม่ ละไมที่นั่งฟังอยู่ก็ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยปากหาน้ำมาต้อนรับ แต่ตอนเธอลุกนี่ทำเอาหัวใจจะวาย เพราะท่อนล่างที่จำแลงกายอยู่นั้น ไม่ได้สวมอะไรไว้เลย
"เดี๋ยวข้าพเจ้าจะเตรียมน้ำให้ดื่มแก้กระหายนะเจ้าคะ"
อู้หู้ เต็มสองตาเลยเว้ย ขาอ่อนขาวนวลกับหน้าท้องแบนราบทำเอาใจสั่น แถมขนในที่ลับก็ทำเอาหลบตาแทบไม่ทัน
"เออ ถ้ายังไง ละไมช่วยหาอะไรใส่เหมือนมณีก็ดีนะครับ พอดีผมเขิน"
"อุ๊ย ขออภัยเจ้าค่ะ แล้วท่านวีนี้ก็น่ารักจังนะเจ้าคะ"
ละไมหัวเราขบขันอย่างมีจริตจะก้านชวนดูเย้ายวนอีกต่างหาก เย็นไว้ไอ้ลูกชาย
"ละไมนี่ละก็ หัดสำรวมเสียบ้างเถอะ"
"มณีก็อย่าเข้มงวดนักเลย เจ้าจะทำให้ท่านวีลำบากใจเอาได้นะ"
แล้วดูเหมือนสองคนนี่จะรู้จักกันในระดับที่น่าจะเรียกได้ว่าสนิทละมั้ง เพราะต่อปากต่อคำกันตลอดเลย แล้วพอละไมเดินไปที่ด้านหลังของเรือน มณีก็นั่งลงกับพื้นเหมือนคนรับใช้อีกแล้ว
"ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจะเริ่มอธิบายทักษะสายต่อสู้ให้ฟังนะเจ้าคะ"