หลังจากออกกำลังยามเช้ากับละไมและรายาอีกคนละรอบ ผมก็กลับไปที่โลกแห่งความเป็นจริงเพื่ออาบน้ำและทานอาหารเช้ากับครอบครัว ซึ่งตอนนี้ผมเริ่มกะระยะเวลาระหว่างสองที่ได้แล้ว ทำให้โอกาสที่ความจะแตกว่าผมเป็นผู้ถูกเลือกน้อยลง
เพราะผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหากพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้แล้วจะทำยังไง ที่หากถามผมว่าเชื่อใจพ่อกับแม่ไหม ก็คงตอบได้ว่าเชื่อใจระดับหนึ่ง แต่ในยุคที่ความปลอดภัยในชีวิตต่ำ สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงลิบ
การได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อแลกกับการพาตัวผมไปให้นั้น เป็นตัวเลือกที่ถือว่าดีเลิศปานถูกรางวัลที่หนึ่งของสลากกินแบ่งเลยทีเดียว และผมก็ยังไม่อยากเสี่ยงที่จะให้ตัวเองถูกริดรอนอิสรภาพในตอนนี้
"เอาละ วันนี้ต้องไปหาพวกผู้ฝึกสอนเวทมนตร์นี่นะ ก็หวังว่าจะยอมช่วยปลุกเสกอุปกรณ์ให้ง่ายๆอ่ะนะ"
เมื่อเข้าสู่มิติปิดกั้น ผมก็ตรงไปหาคุณกิรณาเพื่อขอร้องให้ช่วยนัดพบผู้ฝึกสอนเวทมนตร์ แต่ปัญหาก็คือทุกคนอยากสอนผม ทำให้ผมต้องเลือกที่จะไปหาคนใดคนหนึ่ง และคนที่ผมนึกออกก็คือ ภัสสร ที่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์รักษา
แล้วเมื่อตกลงจะไปขอพบภัสสร ผมก็ได้เตรียมอุปกรณ์ที่จะนำไปปลุกเสกไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน โดยหวังว่าการปลุกเสกของผู้ใช้เวทมนตร์ระดับสูงของหมู่บ้าน จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้สักห้าหน่วยเป็นอย่างน้อย
"ยินดีต้อนรับสู่เรือนของข้าพเจ้านะเจ้าคะ"
"ขอรบกวนด้วยนะครับ"
ภัสสรออกมาต้อนรับผมด้วยชุดที่ดูสวยกว่าครั้งแรกเจอ เพราะคราวนี้เธอใส่เครื่องประดับมาด้วย แต่จากคำบอกของกิรณา ทำให้รู้ว่าเครื่องประดับพวกนี้มีประโยชน์มากกว่าสวยงาม เพราะมันช่วยเพิ่มพลังเวทนั่นเอง
"ข้าพเจ้าได้ยินว่าท่านวีต้องการเสริมพลังอุปกรณ์ที่สร้างเอง ไม่ทราบว่ามีความต้องการอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าเจ้าคะ"
ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะไม่เคยได้ยินว่าการปลุกเสกของอัปสรสีหะจะเลือกความสามารถได้ด้วย หรือมันจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของภัสสรกันนะ
"พอดีผมไม่มีความรู้เรื่องเวทมนตร์ คงต้องขอรบกวนคุณภัสสร ให้ช่วยสอนแล้วล่ะครับ"
"ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ"
จากนั้นชั่วโมงเรียนเวทมนตร์ของผมก็เริ่มขึ้น ซึ่งการสอนของภัสสรนั้นไม่ได้ยากอะไร เริ่มจากเวทมนตร์มีวิธีใช้อยู่สองแบบ คือใช้ออกไปโดยตรง กับผสานเข้ากับวัตถุ
และแน่นอนว่าสิ่งที่ผมสนใจคืออย่างหลัง เพียงแต่การจะใช้เวทมนตร์ได้นั้น จำเป็นจะต้องเรียนรู้การปลดปล่อยพลังเวทในร่างกายออกมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ตามปกติต้องใช้เวลาฝึกฝนกันเป็นเดือนๆ
ส่วนเรื่องอื่นนอกจากนี้ ก็เป็นพื้นฐานอย่างเรื่องการผสมธาตุเข้าไปในเวทมนตร์ และทำให้รู้ว่าตามปกติแล้วจะมีแค่สี่ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้น และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่พลังจิตของผมมีพลังเกินคาด
แล้วจากนั้นการสอนก็เป็นเรื่องการปลดปล่อยพลังเวท ที่นอกจากจะใช้พลังเวทอย่างเดียวแล้ว ยังมีการผสมธาตุเข้าไปได้ด้วย และนี่คือสิ่งที่ภัสสรถามถึงความต้องการของ ว่าต้องการให้ใส่ธาตุอะไรลงไปในอุปกรณ์รึเปล่า
และแน่นอนว่าถ้าหากผมใช้เวทมนตร์ได้ การปลุกเสกอาวุธด้วยตัวเองก็จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้มากขึ้น ติดแค่ว่าผมไม่มีเวลาเรียนหลายเดือนขนาดนั้น ถึงเวลาในมิติปิดกั้นจะเร็วกว่าประมาณสี่เท่าก็ตาม
แต่ภัสสรก็มีข้อเสนอที่จะช่วยให้ผมปลดปล่อยพลังเวทออกมาได้ในทันที โดยแลกกับการทำภารกิจให้กับเธอ อืม ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมเลยแฮะ
"แล้วคุณภัสสรจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ"
"ข้าพเจ้าจะปรุงยาปลุกพลังให้เจ้าค่ะ แต่วัตถุดิบนั้นค่อนข้างหายาก แถมยังอยู่ในพื้นที่อันตราย ดังนั้นถ้าท่านวีไม่อยากเสี่ยง จะปฏิเสธก็ได้นะเจ้าคะ"
และจากคำบอกของภัสสรเกี่ยวกับยาปลุกพลัง ก็ทำให้รู้ว่าผมจะต้องเข้าไปในป่าหิมพานต์ในพื้นที่ส่วนใน ซึ่งพื้นที่นี้มีสัตว์มายาที่ทรงพลังมากมาย แถมยังดุร้ายเป็นอย่างมาก ทำให้การเข้าพื้นที่ส่วนนี้มีความเสี่ยงสูง
แต่เพื่อทักษะด้านเวทมนตร์ ที่จะช่วยให้ผมได้อุปกรณ์ชั้นดีไว้ใช้มันก็น่าลองเสี่ยงดู แถมยังเป็นการเพิ่มเลเวลไปในตัวด้วย เพราะพลังจิตของผมมันค่อนข้างจะขี้โกงพอตัว ทำให้น่าจะเอาตัวรอดได้
"เข้าใจแล้วครับ ผมจะทำ"
-ท่านได้รับภารกิจจากอัปสรสีหะ ภัสสร ทำการรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงยาปลุกพลังเวท-
แล้วเสียงของระบบก็ดังขึ้นว่าผมได้รับภารกิจจากภัสสร ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้รับภารกิจนอกเหนือจากระบบ แต่ในเมื่อผมรับทำแล้ว ก็มีแต่ต้องลองดูกันสักตั้ง
"นี่เป็นรายละเอียดของวัตถุดิบเจ้าค่ะ"
ภัสสรมอบม้วนคัมภีร์ที่ทำจากหนังมาให้ ซึ่งรายละเอียดมีอยู่แค่ห้าอย่าง เพียงแต่อย่างสุดท้ายค่อนข้างจะเป็นปัญหาสักหน่อย เพราะมันคือดีหมี และแน่นอนว่าการจะได้มาย่อมต้องฆ่าหมีให้ได้นั่นเอง
จากนั้นผมก็ใช้ระบบค้นหาสัตว์มายาที่เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบ ที่นอกเหนือจากพวกสมุนไพรที่หาได้ตามป่าชั้นนอกแล้ว ยังมีเขากวาง ที่หาได้จากสัตว์มายาประเภทกวางทั้งหลาย ซึ่งพวกนี้ก็อยู่ที่ป่าชั้นนอกเช่นกัน
ดังนั้นการล่าหมีในป่าชั้นในจึงเป็นงานสุดท้ายในภารกิจนี้ และภัสสรยังเตือนผมด้วยว่า อย่าเข้าไปลึกจนเกินไป เพราะใจกลางป่าหิมพานต์นั้น เป็นที่อาศัยของสัตว์มายาที่ทรงพลังที่สุดอย่าง พญานาค และครุฑ
แหม ถ้าเลเวลมากกว่านี้ก็อยากลองบวกกับตัวตนในตำนานอยู่หรอก แต่ตอนนี้รีบทำภารกิจให้ใช้เวทมนตร์ได้ก่อนดีกว่า
"ระวังตัวนะเจ้าคะ"
ละไมออกมาส่งผมที่หน้าหมู่บ้านพร้อมกับคุณภัสสร ซึ่งผมก็ได้รับการสนับสนุนจากหมู่บ้านนี้ในหลายๆด้าน ทั้งอาหารและยาสมุนไพรที่จำเป็น รวมถึงอาวุธอย่างหอกไม้สำหรับฆ่าหมีด้วย
เพียงแต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าหมีในป่าหิมพานต์มันจะแทงด้วยหอกไม้เข้าเหรอ หรือว่ามันจะเหมือนหมีธรรมดากัน แต่จะไปขอหอกที่เหมือนเหล็กอันที่เคยใช้ก็ไม่ได้ เพราะมณีออกไปล่าสัตว์กับคนในหมู่บ้านแล้ว ทำให้ไม่เหลืออาวุธอื่นให้ใช้ เฮ้อ ดวงไม่ดีเลยน้า
*****
"ไอ้พวกรากไม้นี่หาไม่ยากเท่าไหร่แฮะ ตอนนี้ก็เหลือแค่เขากวางกับดีหมี"
ผมตรวจสอบพืชสมุนไพรที่ขุดตามคำบอกของภัสสร แถมยังมีระบบค่อยช่วยเรื่องความถูกต้องอีก ทำให้ตอนนี้ผมเหรอวัตถุดิบอีกแค่สองอย่าง ก็จะได้ยาปลุกพลังมากินเพื่อให้ใช้เวทมนตร์ได้สักที
เพียงแต่ไอ้สองอย่างนี้ค่อนข้างจะเป็นปัญหาพอตัว ด้วยไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นสัตว์มายาตัวไหน ทำให้ไม่รู้ว่าวัตถุดิบที่หามาจากสัตว์มายาที่อ่อนแอมันจะเหมือนของที่ได้จากตัวที่แข็งแกร่งรึเปล่า
แต่จะให้ไปเสี่ยงตายเพื่อหาวัตถุดิบผมก็ไม่คิดจะทำ เพราะถึงผมจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็ยังสามารถขอร้องภัสสรเพื่อปลุกเสกให้ได้ หรือถ้าเอาง่ายเข้าว่า แถมไม่ต้องเกรงใจกัน ผมขอให้รายาช่วยก็ยังได้
ดังนั้นการใช้เวทมนตร์ได้สำหรับผม มันก็เหมือนผลพลอยได้มากกว่าสิ่งจำเป็น ที่มีไว้ก็ดี แต่ถ้าไม่มีมันก็ไม่มีปัญหาอะไร
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัด กวางหิมพานต์ จำนวนสิบตัว-
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้วางแผนการล่า ภารกิจจากระบบก็ถูกโยนมาให้อย่างไม่ทันตั้งตัว เพียงเพราะกวางตัวหนึ่งเดินเข้ามาอยู่ด้านหน้าในระยะสิบเมตร ที่ถือเป็นระยะที่ระบบนับเป็นการเผชิญหน้าและต้องเกิดการต่อสู้
แต่กวางตัวดังกล่าวเพียงมองผมเหมือนสิ่งมีชีวิตข้างทาง ก่อนจะเดินหายเข้าป่าไปทั้งแบบนั้น จนผมต้องรีบตามไปเพราะไม่ว่าจะอยากทำรึไม่ ภารกิจก็ต้องทำให้สำเร็จ หาไม่แล้วก็อย่าหวังจะได้ภารกิจใหม่
ที่ทำให้นึกถึงบทความที่ผู้ถูกเลือกรุ่นก่อนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ เกี่ยวกับภารกิจที่ทำค้างไว้นานหลายเดือน แล้วระหว่างนั้นก็ไม่ได้รับภารกิจอะไรจากระบบอีกเลย ทำให้ต้องเสียเวลาไปทำภารกิจให้สำเร็จ เพื่อจะได้รับภารกิจใหม่
"อโหสินะพวก แต่ฉันก็ต้องเอาชีวิตรอดในบททดสอบนี้ให้ได้เหมือนกัน"
ผมแทงหอกไม้ใส่กวางหิมพานต์ที่ยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้ถึงอันตราย ก่อนจะถูกหอกไม้แทงทะลุลำคอ เพราะผมไม่เก่งพอจะแทงลำตัวให้โดนหัวใจ ดังนั้นบริเวณลำคอที่บอบบางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
จากนั้นการล่ากวางของผมก็เป็นไปด้วยดี และในเวลาไม่นานกวางสิบตัวก็ถูกผมกำจัดพร้อมกับเก็บซากเข้าช่องเก็บของต่างมิติ แล้วเมื่อทำภารกิจสำเร็จ ของรางวัลที่ได้ก็น่าสนใจไม่เลวเลย
-ท่านทำภารกิจ กำจัดกวางหิมพานต์ จำนวนสิบตัวสำเร็จ ได้รับหมวกหนังกวาง-
หมวกที่ได้เป็นเหมือนหมวกนักบินสมัยโบราณ ที่มีลักษณะเป็นถุงครอบลงบนหัวแล้วมีที่รัดคาง และขอบอกว่าหน้าตามันเห่ยมาก แต่ในเมื่อเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ได้จากระบบ ก็น่าจะเป็นของดีพอสมควร
ผู้ถูกเลือก เลเวล 24
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 12 ความอดทน 52
ความว่องไว 10 (+15) ความแม่นยำ 10
พลังโจมตี 6 (+15) พลังป้องกัน 104 (+18)
แต้มทักษะ 30
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
- ซ่อนเร้นขั้นต้น
- ยั่วยุขั้นต้น
- ฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์
- หัตถกรรมขั้นต้น
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
แล้วเมื่อสังเกตดูที่ค่าพลังป้องกัน ก็ดูเหมือนหมวกเชยๆนี่จะให้พลังป้องกันห้าหน่วย ที่ดีกว่าปลอกแขนปลุกเสกที่รายาทำให้ผมเสียอีก สมแล้วที่เป็นของที่ได้จากระบบ
แต่จากค่าสถานะนี้ มันยังมีเรื่องให้ผมแปลกใจอีกอย่าง นั่นคือค่าความอดทนของผมเพิ่มขึ้นสองหน่วย ทั้งๆที่เมื่อวานยังไม่เพิ่มขึ้นเลย ทำให้ผมสงสัยว่า การมีเพศสัมพันธ์กับอัปสรสีหะหลายคน แถมหลายครั้งต่อวันมันจะช่วยเพิ่มความอดทนรีเปล่า
เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็จะได้ข้ออ้างให้ตัวเองรู้สึกดีมากขึ้น เพราะตอนนี้เหมือนผมเอาเปรียบพวกเธอชอบกล แต่ถ้ามันทำให้ค่าสถานะเพิ่มขึ้น มันก็ถือเป็นการฝึกฝนทางหนึ่งนั่นเอง
"เอาละ เหลือแค่ดีหมี แต่จะให้ทำภารกิจกำจัดหมีอีกก็ไม่อยากแฮะ"
ผมเดินทางตามที่ระบบบอกว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของหมีหิมพานต์ พลางคิดหาทางฆ่าหมีโดยไม่ต้องได้รับภารกิจ เพราะจากข้อมูลของระบบ หมีหิมพานต์มีความแข็งแกร่งมากกว่าลิงครึ่งนกที่ชื่อกบิลปักษาซะอีก
ที่ถึงผมในตอนนี้จะมีเลเวลมากขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิตกับการหาวัตถุดิบแค่นี้ ทำให้ตัดสินใจว่าถ้าไม่สามารถกำจัดหมีหิมพานต์ได้จากระยะไกลละก็ วันนี้ผมจะกลับไปพักที่หมู่บ้านก่อน แล้วค่อยเตรียมตัวมาล่าหมีในวันรุ่งขึ้น
-ท่านเข้าสู่พื้นที่ป่าหิมพานต์ ชั้นใน-
-ท่านเข้าสู่พื้นที่อันตราย เนื่องจากสัตว์มายามีความสามารถสูงกว่าความสามารถของท่าน ระบบขอแนะนำให้ท่านออกจากพื้นที่ทันที-
โอ้โห ขนาดระบบยังเตือนไม่ให้เข้าเลยวุ้ย แต่ในเมื่อเข้ามาแล้วก็ขอลองดูสักหน่อย ถ้าไม่ไหวค่อยเผ่นแล้วกัน
จากนั้นผมก็ค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังไม่ให้สัตว์มายาพบเห็น โดยอาศัยต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบัง พลางดูแผนที่จากระบบไปด้วย เพื่อให้ไปถึงถิ่นของหมีหิมพานต์ได้อย่างถูกต้อง และสามารถหาทางหนีได้หากจำเป็น
"โอ๊ะ"
ผมอุทานออกมาหลังจากสังเกตเห็นหมีตัวหนึ่งไกลออกไปหลายสิบเมตร ก่อนจะหลบหลังต้นไม้ในทันที เพื่อไม่ให้มันสังเกตเห็น จากนั้นผมก็แอบมองมันอยู่นาน จนแน่ใจว่ามันมีอยู่ตัวเดียวจริง
และเพื่อความไม่ประมาท ผมก็ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อให้แน่ในว่ารอบด้านนี้ไม่มีสัตว์มายาตัวอื่นอยู่ แต่เพราะต้นไม้ในป่านี้สูงมาก กว่าจะปีนก็เสียเวลาไปไม่น้อย ยังดีที่หมีที่ผมหมายตาไม่ได้เดินหนีหายไปไหน
จากนั้นเมื่อมองในมุมสูงก็เห็นว่าหมีตัวนั้นกำลังขุดหาอะไรบางอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นอาหารของมัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นเหยื่อของมันก็ได้ แต่ในเมื่อมันกำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดจนไม่สนใจรอบข้าง ผมก็ขอใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองเลยแล้วกัน
"หอกไม้ถ้าเสริมพลังจิตเข้าไป มันก็น่าจะฆ่าหมีได้ในทีเดียวอะนะ"
ผมถือหอกไม้ด้วยท่าเหมือนนักกีฬากำลังจะขว้างจักร พร้อมกับใช้พลังจิตเสริมพลังให้กับหอกไม้ธรรมดา จนการเตรียมพร้อมของผมเสร็จสิ้น หอกไม้เรืองแสงสีฟ้าก็ถูกขว้างออกไปเต็มแรง ก่อนจะเข้าเป้าอย่างจัง
เฟี้ยว ฉึก
แล้วดูเหมือนผมจะยังมีโชคอยู่ เพราะหอกไม้พุ่งเข้าใส่บริเวณลำคอใกล้กับส่วนหัวของมัน จนทำให้มันล้มลงดิ้นทุรนทุรายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขาดใจตาย และเมื่อกำจัดหมีตัวนี้ลงได้ ระบบก็แจ้งการเพิ่มเลเวลที่น่าตกใจให้ผม
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล-
-ท่านได้รับค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล-
ด้วยการฆ่าหมีหิมพานต์เพียงตัวเดียว กลับทำให้ผมมีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงสองเลเวล ซึ่งหากผมไปเผชิญหน้ากับมันตัวคนเดียวละก็ อาจจะศพไม่สวยแล้วกลายเป็นผู้ถูกเลือกคนแรกของรุ่นตายอนาถก็ได้
"อู้ย เกือบไปแล้ว ดีนะที่เล่นมันทีเผลอ"
จากนั้นผมก็ค่อยเดินเข้าไปเก็บซากหมีเข้าช่องเก็บของต่างมิติ แล้วรีบวิ่งกลับหมู่บ้านในทันที เพราะหากอยู่นานก็อาจจะมีสัตว์มายาตัวอื่นโผล่มาก็ได้
และเพียงเท่านี้ ผมก็ได้วัตถุดิบสำหรับทำยาปลุกพลังเวทครบแล้ว ที่เหลือก็แค่เอาไปให้ภัสสรเท่านั้น