webnovel

ONMYOJI องเมียวจิ

แนะนำตัวละคร อวี้ อันฉี (อัลฟ่า) (184 ซม. / 74 กก.) นักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีนที่ต้องมาอาศัยอยู่กับตระกูลอาคาวะ ถูกคุณปู่ (อาคาวะคนปู่บังคับให้เรียกเพื่อความสนิทสนม) ฝากฝังให้ต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ชิโนบุ และ แบล็ก อาคาวะ ชิโนบุ (182 ซม. / 67 กก.) ทายาทตระกูลอาคาวะที่มีชื่อเสียงเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ในเกียวโต เพราะชีวิตผูกพันอยู่กับเรื่องภูตผีมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ค่อยจะกลัวอะไรเหมือนคนอื่นเขาสักเท่าไร อาคาวะ แบล็ก (179 ซม. / 72 กก.) เด็กหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีที่ตัวติดกับชิโนบุตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ยังยิ้มได้ ยกเว้นเวลาที่โกรธมากจริง ๆ เจ้าตัวมักจะคอยอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้อัลฟ่าฟังอยู่เสมอ

LyLyAiAi · LGBT+
Peringkat tidak cukup
34 Chs

03 - โลกของภูตผี

โลกของภูตผี

"ที่นี่เหรอ"

"อืม กลิ่นมาจบอยู่ที่นี่"

คำยืนยันที่ได้ยินทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับเบา ๆ ร่างสูงโปร่งกระโดดลงมายืนที่พื้นอย่างมั่นคงพร้อมกวาดตามองโดยรอบ ก่อนจะเหลือบมองไปทางแบล็กเล็กน้อย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอดำจาง ๆ รอบตัวของอีกฝ่ายกำลังสลายไปพอดี

"โลเคชั่นห่วย"

คำบ่นที่ได้ยินทำให้แบล็กหลุดขำออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาแตะหลังเจ้าตัวเป็นเชิงบอกให้ออกเดิน

ทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้านร้างที่ถูกทิ้งไว้ไม่ต่ำกว่าสิบปี สภาพภายนอกทรุดโทรมจนไม่น่าเข้าใกล้ ซึ่งสภาพภายในก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก แต่โชคยังดีที่ที่นี่เป็นบ้านแบบร่วมสมัย เพราะถ้าขืนเป็นเรือนโบราณเหมือนกันกับที่บ้านตัวเอง ชิโนบุคงบ่นออกมาเยอะกว่านี้แน่

ตลอดทางที่เดินเข้าไปมีเศษกระจกแตก เศษชิ้นส่วนเครื่องใช้ที่ชำรุดกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด แถมยังมีเศษใบไม้และเถาวัลย์ที่แทบจะหลอมรวมเป็นส่วนเดียวกับกรอบประตูและหน้าต่าง...

เพล้ง!

เสียงกระจกแตกดังขึ้นพร้อมกับภูตตนหนึ่งที่กระโจนเข้าหาทั้งคู่ หากเป็นคนปกติคงตกใจร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว แต่ชิโนบุทำเพียงปรายตามองโดยไม่แม้แต่จะขยับตัว ในขณะที่แบล็กก้าวขึ้นมายืนอยู่ข้างหน้า ใช้มือข้างหนึ่งคว้าเข้าที่ลำคอของภูตตนนั้น ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็เหวี่ยงจนมันกระเด็นไถลไปกับพื้น

และก่อนที่ภูตโชคร้ายตนนั้นจะยันตัวลุกขึ้นมาได้ ชิโนบุก็ยกมือขึ้นมาในระดับอก ริมฝีปากขยับพึมพำเป็นคาถาที่ท่องมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง แล้วเพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ร่างของภูตโชคร้ายก็กลายเป็นละอองแสงแล้วสลายไป

เพล้ง!!

แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงกระจกแตกก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับภูตสองตนที่กระโจนเข้ามาจากทางด้านหลัง ชิโนบุได้แต่นึกบ่นในใจว่า 'เจ้าภูตพวกนี้จะต้องทะลุกระจกมาทำไม เดินเข้ามาดี ๆ ไม่ได้เหรอ' ยิ่งคิดแบบนั้นหัวคิ้วทั้งสองข้างก็ยิ่งมุ่นเข้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับตัวทำอะไร เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังจะถูกทำร้าย...

แต่ว่า...ถ้ามีแบล็กอยู่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

"นี่!"

หัวคิ้วของคนสูงกว่าขมวดเข้าเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ ดวงตาคู่สวยมองคราบเลือดที่กระเด็นมาเลอะชายเสื้อของตัวเอง สลับกับร่างภูตสองตนนั้นที่ขาดเป็นสองท่อนในพริบตาที่แบล็กสะบัดมือออกไป

"แบบนี้มันเลอะนะแบล็ก"

คนโดนบ่นทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ค่อยจริงจังนัก

"โนบุจังก็ระวังหลังหน่อยสิ"

"ก็มีนายอยู่แล้วนี่"

"แล้วบ่นทำไม"

"มันเลอะ"

คนเสื้อเลอะย้ำขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเดินนำไปโดยมีแบล็กที่ส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ เดินตามไป

ระหว่างทางที่ทั้งคู่เดินผ่านยังคงมีพวกภูตผีโผล่ออกมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกชิโนบุและแบล็กจัดการไปทั้งหมด ทั้งคู่เดินลึกเข้าไปในบ้านร้างเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาเจอเข้ากับห้องห้องหนึ่ง

ที่มีอัลฟ่านอนไม่ได้สติอยู่ตรงกลางห้อง

และ...

ปีศาจจิ้งจอกที่ยกอุ้งเท้าขึ้นเตรียมจะตวัดเล็บลงไป

"อัลฟ่า!"

เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้นางจิ้งจอกตวัดตามองมาทางต้นเสียง แล้วทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร มันก็ร้องคำรามออกมาอย่างดุร้าย อุ้งเท้าที่ยกค้างไว้ทำท่าจะตะปบใส่อัลฟ่าอีกครั้ง แต่ก็ยังช้าไปกว่าแบล็กที่รีบกระโจนเข้าไปคว้าตัวอัลฟ่าหลบออกมาได้ทัน

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชิโนบุหยิบยันต์ออกมาแล้วเริ่มท่องคาถา

โฮกกกก

เสียงกรีดร้องเพราะความเจ็บปวดดังขึ้นจากปีศาจจิ้งจอก ก่อนมันจะหันดวงตาอาฆาตมาทางเด็กหนุ่มที่ทำให้มันต้องเจ็บตัวอีกครั้ง ร่างใหญ่โตกระโจนเข้าใส่พร้อมทั้งฟาดพวงหางลงมา แต่ชิโนบุเองก็รีบขยับหลบแล้วหยิบชิคิงามิออกมาป้องกันตัวไว้ เมื่อตอนนี้แบล็กไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ คอยระวังให้เหมือนเดิม

"ชิ!"

เสียงสบถดังออกมาอย่างขัดใจเมื่อชิคิงามิของเขาสลายไปทันทีที่พวงหางนั่นฟาดลงมา

"โนบุจัง"

"ดูหมอนั่นไป!"

ชิโนบุใช้จังหวะที่ท่องคาถาจบไปหนึ่งบทตะโกนบอกแบล็กที่ทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา เห็นเจ้าตัวขมวดคิ้วแน่นเหมือนไม่พอใจกับคำสั่ง แต่เขาไม่มีเวลาสนใจอีก รีบหยิบชิคิงามิออกมาอีกสองใบแล้วเร่งท่องคาถาให้เร็วขึ้น

"ไป"

สิ้นคำสั่งนั้นชิคิงามิก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นนกขนาดใหญ่สองตัว บินเข้าโจมตีปีศาจจิ้งจอกที่ตอนนี้ยิ่งฉายแววบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาแดงก่ำมองมาที่ชิโนบุ ก่อนจะร้องคำรามลั่นเมื่อความเจ็บปวดแล่นปราดขึ้นมาที่กลางหลัง ซึ่งตอนนี้มียันต์แผ่นหนึ่งถูกแปะลงบนนั้น

ก่อนหน้านี้ตอนที่ส่งชิคิงามิทั้งสองออกไป เด็กหนุ่มก็แอบเอายันต์ให้พวกมันไปด้วย แล้วสั่งให้ชิคิงามิทั้งสองเอาไปแปะที่ตัวของนางจิ้งจอกเพื่อทำพิธีสลายวิญญาณ

ชิโนบุจัดการสลายชิคิงามิทิ้งเมื่อพวกมันทำภารกิจสำเร็จ สองมือยกขึ้นมาประสานระดับอกก่อนจะรวบรวมสมาธิเพื่อท่องคาถาบทสุดท้าย

เสียงร่ายคาถาดังเคล้าไปกับเสียงร้องของปีศาจจิ้งจอกที่กำลังทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวด ดวงตาแดงฉานของสัตว์ร้ายที่จนตรอกจ้องมองมาที่ชิโนบุอย่างเคียดแค้น ก่อนมันจะกัดฟันฝืนทนต่อความเจ็บปวด รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายตวัดพวงหางฟาดเข้าใส่ร่างขององเมียวจิ ที่ในตอนนี้จำต้องเร่งท่องคาถาจึงไร้ซึ่งการป้องกันใด

"อั่ก!"

เสียงร้องเพราะความเจ็บหลุดรอดออกมาเมื่อถูกพวงหางนั่นฟาดเข้าใส่ จนทั้งร่างลอยไปกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง คาถาบทสุดท้ายที่เกือบจะท่องเสร็จจึงถูกหยุดไว้กลางคัน ทำให้อาคมที่สะกดปีศาจจิ้งจอกไว้คลายออกพร้อมกับยันต์ที่สลายไป

กรรรรร

เสียงขู่คำรามดังลั่นจากปีศาจจิ้งจอกเมื่อมันหลุดจากพันธนาการได้สำเร็จ บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน กระจกทุกแผ่นปรากฏรอยร้าว ก่อนจะแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยเต็มพื้นไปหมด

ซึ่ง...

เศษบางส่วนก็กระเด็นมาโดนใบหน้าของชิโนบุ...

จนมีเลือดซึมออกมา

"....."

ไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ารอบตัวของแบล็กเริ่มมีไอดำจาง ๆ แผ่ออกมา ดวงตาแข็งกร้าวจ้องไปทางปีศาจจิ้งจอกเขม็ง ภาพรอยเลือดตรงแก้มของชิโนบุยังคงติดตา จนไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้อัลฟ่าเริ่มได้สติกลับมาเพราะเสียงกระจกแตกเมื่อครู่

ดวงตาทั้งสองข้างของอัลฟ่าค่อย ๆ เปิดขึ้นด้วยความมึนงง สิ่งแรกที่เห็นคือแบล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ว่าตอนนี้เจ้าตัวกลับมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจตัวเขาเลยสักนิด

"แบล็ก?"

เสียงเรียกของอัลฟ่าไม่ได้ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกตัวแต่อย่างใด เมื่อตอนนี้เจ้าตัวสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้ามากกว่า เสียงกรามขบกันดังเล็ดลอดออกมาพร้อมกับไอดำทะมึนที่แผ่กระจายอยู่รอบตัว ก่อนที่...

"เอ๊ะ?!"

อัลฟ่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแค่กระพริบตาเพียงครั้งเดียวร่างของแบล็กก็หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยอะไรบางอย่างที่สาดเข้าหน้าของเขาพอดี บางส่วนไหลเข้าตาจนทั้งแสบ ทั้งร้อนไปหมด สัมผัสเหนอะหนะมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นคาวที่ตีขึ้นจมูกจนทำให้รู้สึกอย่างจะอ้วก

เพราะมันเหมือนกลิ่นคาวของ 'เลือด'

ซึ่งเจ้าของเลือดที่สาดเข้าหน้าของอัลฟ่าในตอนนี้ ก็กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดสีสดไหลเป็นทางเมื่อหางของมันถูกตัดขาดออกไปในชั่วพริบตา ดวงตาแข็งกร้าวมองไปทางตัวต้นเหตุที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น...และกำลังมองกลับมาที่มันด้วยดวงตาวาวโรจน์ไม่ต่างกัน

"แบล็ก"

เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้แบล็กละสายตาจากนางจิ้งจอกหันไปมอง ความเป็นห่วงฉายชัดทะลุความดุร้ายออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเรียกกำลังเกาะกำแพงเพื่อยันตัวเองลุกขึ้น จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นอะไรมากก็ค่อยคลายความกังวลลงบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นความโมโหที่เห็นว่าเจ้าตัวต้องเจ็บแถมยังมีเลือดออกก็ยังไม่ลดลงอยู่ดี

"อยู่เฉย ๆ ไป"

"ฉันบอกแล้วว่ามันเลอะ"

คำบ่นที่ไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์ทำให้แบล็กหลุดยิ้มออกมาบาง ๆ ดวงตาเรียวคมทอดอ่อนลงอย่างเอ็นดู ก่อนจะกลับมาวาวโรจน์ด้วยความโมโหอีกครั้งเมื่อหันมามองที่นางจิ้งจอก

ทางด้านอัลฟ่าที่ในตอนนี้ยังไม่ได้รับความสนใจจากใครก็ค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้ดวงตาของเขาทั้งร้อน ทั้งแสบจนแทบลืมไม่ขึ้น มองอะไรก็ไม่เห็นเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ก็ทำให้ทรมานอยู่ไม่น้อยเลย เพราะยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาประเมินสถานการณ์ยากขึ้นไปอีก

อัลฟ่าไม่รู้เลยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ากำลังอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่ามีใครอยู่บ้าง แต่เหมือนเมื่อกี้จะได้ยินเสียงของชิโนบุดังขึ้นลาง ๆ ก็เลยลองเรียกดู

"ชิโนบุ"

เจ้าของชื่อสะดุ้งตัวนิด ๆ อย่างนึกขึ้นได้ว่ามีใครอีกคนอยู่ด้วย ดวงตามองสลับระหว่างแบล็กและอัลฟ่า ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาทางคนเพิ่งฟื้นเพราะว่าดูท่าน่าเป็นห่วงมากกว่า ในขณะที่ทางแบล็กเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย

"อัลฟ่า"

"เกิดอะไรขึ้น"

"นายฝันอยู่"

"หา?"

ชิโนบุไม่ได้สนใจเสียงร้องงง ๆ ที่ได้ยิน เขาทำเพียงดึงมือที่กำลังขยี้ตาของอัลฟ่าออก ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นว่าเลือดของนางจิ้งจอกกระเด็นมาเปรอะเปื้อนใบหน้าของเจ้าตัวเต็มไปหมด

"ไม่มีอะไร นายแค่ฝัน"

โฮกกกกกก

สิ้นเสียงของชิโนบุ เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของปีศาจจิ้งจอกก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาหันไปมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสนใจอัลฟ่าที่พอโดนจับมือข้างหนึ่งไว้ ก็เปลี่ยนเป็นยกอีกข้างขึ้นมาขยี้ตาแทน

ตอนนี้ชิโนบุไม่สนเรื่องของนางจิ้งจอกนั่นแล้ว เพราะถ้าแบล็กเป็นคนจัดการก็ไม่มีอะไรต้องกังวล อีกอย่างอัลฟ่าเองก็ไม่เห็นไม่ได้ยินอยู่แล้ว จะจัดการดังแค่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องห่วง

แต่ว่า...

ตอนนี้ดันมีสิ่งที่สะกิดใจจนน่าห่วงมากกว่านี่สิ

เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่รู้สึกว่า...

พอมีเลือดของปีศาจจิ้งจอกอยู่บนตัวแบบนี้ มันก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวของอัลฟ่ายิ่งแปลกไปกว่าเดิม

"ไปกันเถอะ"

แค่คิดอะไรกับตัวเองครู่เดียว แบล็กก็เดินกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ กันเรียบร้อยแล้ว ชิโนบุหันมองไปทางที่ก่อนหน้านี้เคยมีปีศาจจิ้งจอกอยู่ ก็พบว่าตอนนี้ร่างของมันกำลังค่อย ๆ สลายไป

ดวงตากลมโตตวัดกลับมามองแบล็กอย่างหมั่นไส้ที่เจ้าตัวจัดการมันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแบล็กก็ทำเพียงยักไหล่เบา ๆ แล้วส่งยิ้มขำตอบกลับมา

"แบล็ก?"

อัลฟ่าที่ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกได้แต่เรียกชื่อไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ตอนนี้นอกจากมองอะไรไม่เห็น เขายังรู้สึกว่าหูมันเริ่มอื้อจนได้ยินอะไรไม่ชัด แถมสมองก็ยังมึนงงจนเหมือนจะวูบอยู่ตลอดเวลา

"หมอนี่ดูอาการไม่ค่อยดี"

คำพูดของชิโนบุทำให้แบล็กพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะย่อตัวลง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นอังที่หน้าผากของอัลฟ่า แล้วเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็หมดสติเอนซบลงมาที่ชิโนบุทันที

"หลับแบบนี้พากลับง่ายกว่า"

"เมื่อกี้ฉันก็เพิ่งบอกไปว่านี่คือฝัน"

"คิดว่าอัลฟ่าจะเชื่อจริงเหรอโนบุจัง ออกมาเดินเล่นอยู่ดี ๆ ก็กลับไปนอนฝันอยู่บ้านเนี่ยนะ"

คนโดนถามทำสีหน้าครุ่นคิดขณะช่วยแบล็กพยุงร่างของคนที่หมดสติไปแล้วให้ลุกขึ้น ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่แบล็กหลุดขำออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น

"ถ้าบอกว่าหมอนี่เป็นลมเองเพราะตกใจลมที่พัดมาแรงเกินไป จะได้ไหมนะ"

"ฮ่า ๆ ๆ"

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐

ครืด!

เสียงเลื่อนเปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังหลับสนิทเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาทั้งสองข้างค่อย ๆ ขยับก่อนจะเปิดขึ้นช้า ๆ แต่แล้วก็ต้องปิดลงใหม่เพราะแสงสว่างที่มากเกินไปภายในห้อง

"ตื่นแล้วเหรอ"

"ชิโนบุ?"

"อือ ฉันเอง"

เสียงใส ๆ ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าขาว ๆ ที่ชะโงกเข้ามาใกล้ อัลฟ่าได้แต่กระพริบตามองหน้าเจ้าตัวนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มกวาดสายตาไปโดยรอบเพราะยังรู้สึกมึนหัวเหมือนยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก

"ลุกไหวไหม ได้เวลาข้าวเช้าพอดีเลย"

"ข้าวเช้า?"

"อือ"

คราวนี้หัวคิ้วของอัลฟ่าขมวดแน่นกว่าเดิม พยายามรื้อฟื้นความทรงจำของตัวเองว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจำได้ว่าล่าสุดคือตอนที่กำลังเดินเล่นกับชิโนบุ แล้วหลังจากนั้นก็มีลมหอบใหญ่พัดมา...

แต่ว่า นั่นมันตอนเย็นไม่ใช่เหรอ?

เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ทำไมจู่ ๆ ถึงตัดภาพมาที่ตอนเช้าแบบนี้เลย

"ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เผื่อจะทำให้สมองแล่นแล้วรู้สึกดีขึ้น"

เห็นเจ้าตัวขมวดคิ้วแน่นจนแทบจะรวมเป็นเส้นเดียวกัน ชิโนบุเลยเอื้อมมือไปตบ ๆ แขนเบา ๆ แล้วพูดขึ้นแบบนั้น ใบหน้าน่ารักพยักเพยิดไปหนึ่งทีเป็นการชวนอีกครั้ง พร้อมทั้งส่งมือให้แล้วย้ำขึ้นอีก

"ไปเร็ว"

เพราะยังคงรู้สึกมึน ๆ อยู่ อัลฟ่าเลยได้แต่ส่งมือไปให้เจ้าตัวช่วยดึงขึ้นจากที่นอน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วนวดขมับของตัวเองเบา ๆ แล้วเดินตามชิโนบุออกไปนอกห้องทั้ง ๆ ที่สติก็ยังกลับมาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ดี

แต่แล้ว...

"เฮ้ย!"

คนร้องว่าตกใจแล้ว คนได้ยินเองก็สะดุ้งอย่างตกใจไม่แพ้กัน ชิโนบุรีบหันกลับมาดูอีกฝ่ายที่อยู่ ๆ ก็ร้องเสียงดังลั่นหลังเดินออกจากห้องนอนมาได้แค่ไม่กี่ก้าว

"อัลฟ่า--"

"นั่นมันตัวอะไร"

ถ้อยคำที่เหลือของชิโนบุถูกกลืนกลับลงคอในทันทีเมื่อได้ยินคำถามนั้น ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองตามมือของอีกฝ่ายที่ชี้ไปทางด้านหลังของเขา

ทางด้านหลัง...ที่มีภูตตนหนึ่งกำลังเดินลาดตระเวนอยู่

นี่มันอะไรกัน?

"อัลฟ่า นาย..."

"แล้วนั่นมันตัวอะไรอีก"

เป็นอีกครั้งที่ชิโนบุยังพูดไม่ทันจบแต่คนข้าง ๆ ก็ชี้ไปอีกทางพร้อมถามขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ชิโนบุแอบเห็นว่าปลายนิ้วของเจ้าตัวกำลังสั่นน้อย ๆ ด้วยความตกใจ แต่ว่านั่นมันไม่สำคัญ!

เพราะไอ้ที่สำคัญน่ะมันคือ...

ตรงนั้นก็มีภูตลาดตระเวนอยู่เหมือนกัน

ท่ามกลางคนสองคนไม่เหลือบทสนทนาอะไรอีก อัลฟ่าได้แต่ยกมือกุมหัวแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น ในขณะที่ชิโนบุเองก็ทรุดตัวตามลงไป ดวงตากลมโตมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเคร่งเครียด ริมฝีปากค่อย ๆ เบะลง ก่อนจะตะโกนเรียกที่พึ่งทางใจของตัวเองเสียงดังลั่นบ้าน ให้ผู้คนทั้งหมดที่ได้ยินพากันสะดุ้งไปตาม ๆ กัน

"แบล็ก!!!"

tbc...