webnovel

ตอนที่ 4 : อดทน

'ปึก'

"โอ๊ย!" 

ของแข็งบางอย่างกระทบถูกหัวไหล่ ทำลายภวังค์อันสงบสุขลงทันใด ดวงตากลมโตดำขลับคลี่เปิดอย่างขุ่นใจ เธอจำได้ว่าก่อนนอนเก็บทุกอย่างเข้าที่หมดแล้ว หรือว่าแม่บ้านรับจ้างที่เข้ามาทำความสะอาดห้องคอนโดเป็นคนเคลื่อนย้ายของกันนะ ทว่าเมื่อลืมตามาพบท่อนไม้ฟืนกองใหญ่อยู่รายล้อมรอบ ความขุ่นเคืองก็กลายเป็นความงุนงงยิ่งกว่าถูกค้อนทุบศีรษะ ทั้งหน้าต่างทากรอบสีน้ำตาลลายตารางไม่คุ้นตา กางปิดทั้งบานด้วยกระดาษไขสีขุ่น กับพื้นปูนสากเย็นเฉียบราวกับแผ่นน้ำแข็ง เธอนั่งนึกอยู่ครู่ก็จดจำได้ทั้งหมด

เมื่อวานนี้ โลกอันวุ่นวายของเธอถูกทำให้วุ่นวายยิ่งกว่าเก่า ด้วยน้ำมือของผู้หญิงชุดแดงนามว่าจางหงเหยียน นอกจากหลุดเข้ามาอยู่ในเกมส์ของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ยังต้องกลายเป็นเสื้อคลุมให้นางสวมใส่เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองเสียอีก หงส์ถอนหายใจกลัดกลุ้ม นึกไม่ออกว่าควรทำอย่างไร ฟ้าด้านนอกก็ยังมืดอยู่ เมื่อตันหนทางจึงเอนกายลงนอนต่อ แต่แล้ว เสียงเหมือนคลื่นสัญญาณตอนเปิดโทรทัศน์ก็แว่วเข้าโสตเสียก่อน 

"หืม?"

จอดิจิตอลใหญ่ยักษ์ฉายอยู่เบื้องหน้า ปรากฏของ 3 สิ่ง ซ้ายสุดคือถังตักน้ำ มีตัวอักษรระบุว่าอยู่ข้างบ่อน้ำในจวน ตรงกลางคือไม้ฟืนท่อนใหญ่ เขียนว่าให้หยิบได้เลยในห้อง และขวาสุดคือมีดแร่ปลาด้ามยาว เขียนว่าอยู่ในโรงครัว เธอขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะนึกได้ว่านางจวนบอกให้ไปตักน้ำในตอนเช้า

"ต้องเลือกถังน้ำ"

'เดี๋ยว…ลองดูตัวเลือกดีๆก่อน' 

เสียงหนึ่งกล่าวค้านอยู่ในสมอง หงส์คิดอยู่ครู่ก็ลองยื่นมือแตะจอดิจิตอลเลือกท่อนไม้ จึงปรากฏภาพนางจวนนอนหลับอยู่ในห้อง และมีข้อความเขียนไว้

'ใช้ท่อนไม้ตีศีรษะแม่นมจวน แล้วขโมยเงินใต้หมอนของนางหลบหนีออกไป'

หงส์เบิกตาโตเป็นไข่ห่านกับตัวเลือกนี้ นางรีบกดย้อนหลังไปดูอีกตัวเลือกหนึ่ง คือมีด จอดิจิตอลจึงฉายภาพห้องพักของคุณหนูใหญ่ โดยมีเสี่ยวเหลียนนอนฟุบอยู่ข้างเตียง

'ใช้มีดสังหารคุณหนูใหญ่แล้วป้ายความผิดให้เสี่ยวเหลียน'

เธอรีบกดย้อนกลับไปดูตัวเลือกถังไม้น้ำ ตั้งใจว่าจะเลือกหัวข้อนี้ ทว่าข้อความด้านล่างทำเธออ้าปากค้างกว่าเดิม

'ตักน้ำเตรียมให้ใต้เท้าเซิ่งอาบ และเข้าไปตีสนิทเพื่อเป็นอนุลับๆ'

"แล้วกัน! ตัวเลือกแบบนี้ใครจะเลือกเล่า ไม่เอาหรอก เธอก็แค่หาทางลัดทำลายตระกูลเซิ่งเร็วๆเท่านั้น"

'ตัวช่วยเพื่อให้เกมส์จบเร็วขึ้น ถ้าเจ้าไม่เลือกก็ตามใจ'

หงส์ไม่สนใจตัวเลือกทั้งสาม เธอเดินผ่านจอดิจิตอลออกมานอกห้องเก็บฟืน ทว่าแค่เปิดประตูห้อง ร่างกายก็ปะทะกับสายลมเย็นยะเยือกอย่างกับฉาบด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ทำเอาแข็งทื่อไปทั้งตัว เธอรีบก้าวถอยหลัง ปิดประตูลงทันที

"หนาวชะมัด!"

เธอมองซ้ายมองขวาหวังหาสิ่งของบางอย่างไว้บังลมหนาว ก็พบเข้ากับของสิ่งหนึ่งตรงมุมห้องพอดี

----------------------------------

'ผีพรายน้ำหรือ?! รีบหนีเร็ว!'

เป็นอีกครั้งที่หงส์ได้ยินเสียงร้องตระหนกของชาวบ้านอยู่ด้านหลัง ขณะที่ตัวเธอเองยืนอยู่ในดงต้นอ้อ สูงเทียมศีรษะ กำลังใช้ถังไม้ตักน้ำให้เต็มทั้งสองถัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเงาตะคุ่มผลุบๆโผล่ๆ หรือเป็นเพราะกระสอบที่เธอเอามาคลุมตัวอยู่ เมื่อมองไกลๆเลยกลายเป็นผีของชาวบ้านไปเสียได้ 

หงส์สลัดความหงุดหงิดออก รีบหาบน้ำกลับไปยังจวนตระกูลเซิ่งโดยเร็วที่สุด เพราะนอกจากต้องเติมน้ำในบ่อให้เต็มแล้ว ยังต้องเผื่อเวลาเตรียมน้ำให้นายหญิงใหญ่ของบ้านอาบอีกต่างหาก ใครจะรู้ว่าบ่อน้ำในจวนแห้งเหือดเหลือแต่ทรายอยู่ก้นบ่อกันเล่า 

'หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะเลือกเข้าหาเซิ่งตง เช่นนี้แล้วจะเข้าใกล้หลิวชิงหยางได้เร็วขึ้น'

เสียงของมารโลหิตก้องอยู่ในความคิด หงส์กลับส่ายหน้าพลางเปล่งเสียงกล่าวโต้กลับ

"ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เธอไม่ละอายใจเวลามองหน้ารัชทายาทเหรอ"

'อย่าลืมว่าเจ้าต้องหาทางสังหารล้างตระกูลเซิ่งและหลิวชิงหยาง นี่คือเกมส์ของเจ้า'

น้ำเสียงของมารโลหิตในสมองเริ่มอารมณ์ขุ่นมัวอย่างชัดเจน หงส์เลยไม่ตอบโต้ รีบกลับจวนให้เร็วที่สุด เธอใช้เวลาตักน้ำอยู่ร่วมชั่วโมง น้ำในบ่อถึงเต็มพอดี หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งกองข้างบ่อ หอบตัวโยน พลางโยนถุงกระสอบที่ใช้บดบังความหนาวออกไปให้พ้นกาย เมื่อการได้ออกแรงยามเช้าทำเธอเริ่มร้อนขึ้นมา 

'ติ๊ดๆ'

และเป็นอีกครั้งที่จอดิจิตอลปรากฏตัวเลือกเดิม เหมือนที่เห็นในห้องเก็บฟืน หงส์เพิกเฉยใส่ รีบรวบรวมแรงตักน้ำใส่ถังเพื่อแบกไปห้องอาบน้ำโดยเร็ว

---------------------------------

เกล็ดหิมะขาวบริสุทธิ์โปรยปรายจากผืนฟ้าสีเทา หอบเอาความหนาวยะเยือกปกคลุมไปทั่วทุกตารางพื้นดิน ผู้คนต่างหลบหลีกเข้าใต้หลังคา ไม่อาจต่อสู้กับศัตรูที่ชื่อว่า 'ฤดูกาล' ได้ เว้นเพียงเด็กสาวผู้หนึ่ง ถึงแม้อยากกลับเข้าห้องอุ่นๆเช่นใด ก็ทำได้เพียงอดทนนั่งคุกเข่าอยู่ข้างห้องอาบน้ำเท่านั้น 

หงส์รู้สึกเหมือนอยู่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นที่ถูกพัดลมยักษ์เป่าซ้ำอีกที มือของเธอเย็นเฉียบชาดิก แค่จะยกขึ้นปัดเกล็ดหิมะบนศีรษะยังทำแทบไม่ไหว แถมตะคริวยังกินขาเพราะนั่งคุกเข่ามาอย่างยาวนาน เพื่อเฝ้ารอให้นายหญิงใหญ่ของบ้านอาบน้ำให้เสร็จ ความยากลำบากนี้ เธอไม่เคยพบพานมาก่อนในชีวิต และไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กัน 

'หากเจ้าไม่ใช้ตัวช่วย เจ้าจะมีชะตากรรมเดียวกับจางหงเหยียน'

"อยู่เฉยๆเถอะ"

"เจ้ากล่าวกับผู้ใด!"

"!!" 

เสียงดุโพล่งอยู่เบื้องหลังประตูทำหงส์สะดุ้งสุดตัว เมื่อเงยมองจึงพบหญิงผู้หนึ่ง แม้ถูกเรียกว่านายหญิงใหญ่แต่อายุดูราวไม่เกิน 35 ปี เสียด้วยซ้ำ ทั้งสาวและงดงามตามแบบฉบับของภรรยาขุนนาง อีกฝ่ายใช้สายตาดุขรึมจ้องเธอเขม็ง 

"เอ่อ...ข้า...ข้า..."

"เอาเถิด ข้าไม่อยากสนใจนัก" 

ฟูเหรินตระกูลเซิ่งรำคาญวาจาตะกุกตะกักจึงกล่าวตัดบท หงส์เลยปิดปากเงียบกริบ 

"บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด"

นางถามตามตรง หงส์ก็ส่ายหน้าตอบ เพียงเท่านั้นนางก็ถลึงตาใส่ เอ่ยเสียงเข้มกลับทันที

"เป็นสาวใช้อย่ากำแหงให้มากนัก เจ้าทำทีปฏิเสธเช่นนี้ หวังให้ข้าประทับใจเพื่อปูนบำเหน็จงามๆให้เจ้าหรือ"

"ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าทำเช่นนี้เพราะท่านป้าจวนบอกมาเจ้าค่ะ"

"แม่นมเฉินจวนหรือ? ปกตินางดูแลแค่ลูกหลิน หากข้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นเด็กในโรงครัว คอยรับใช้ลูกหลินไม่ใช่หรือ"

"ใช่เจ้าค่ะ เมื่อวานข้ากับท่านป้าจวนมีปากเสียงกัน แล้วคุณหนูใหญ่มาพบเข้า เลยสั่งขังข้าในคุกใต้ดิน ท่านป้าสงสารข้าจึงแนะให้ข้ามาปรนนิบัติฟูเหริน เผื่อว่าคุณหนูจะเกรงใจฟูเหรินเจ้าค่ะ" 

"เจ้ามีเหตุผลเท่านี้จริงหรือ"

"จริงเจ้าค่ะ ให้ข้าสาบานก็ได้ ข้าไม่ต้องการเงินทองอะไรทั้งนั้น ขอแค่อย่าให้ข้ากลับไปคุกใต้ดินอีกเลยเจ้าค่ะ"

หงส์โต้กลับหนักแน่น แววตามุ่งมั่น สบตานายหญิงใหญ่ของบ้านไม่มีหลบ ทว่ากริยาเช่นคนสมัยใหม่นั้นก้าวร้าวสำหรับคนยุคเก่า สาวใช้วัยกลางคนผู้ยืนเบื้องหลังของนายหญิงใหญ่จึงทำท่าให้เธอก้มหน้าลง หงส์ขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาพบนายหญิงใหญ่พินิจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และนิ่งเงียบจนน่าใจหาย

'แย่แล้ว หน้าบึ้งแบบนี้มีหวังถูกโยนออกนอกจวนแน่ๆ' 

เธอรีบก้มหน้าลงด้วยกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองไปมากกว่านี้ ทว่าฝ่ามือเรียวสวยประดับแหวนหยกก็จับคางเธอแหงนขึ้นมองให้ถนัดเสียก่อน

"ผิวขาวดั่งแสงจันทร์ ผมดกดำขลับ หน้าตาซื่อใส แววตาไร้พิษภัยแต่ดูเจ้าอารมณ์ไปสักหน่อย รูปร่างดูอยู่ดีกินดีกว่าบ่าวคนอื่น ให้กินข้าวต้มกับผักดองสัก 7 วันคงดูดีขึ้น"

"หา?!"

'หรือว่านางจะจับฉันไปขายในหอนางโลม เหมือนที่พวกตัวโกงในหนังจีนทำ!?'

หงส์คิดในใจ สีหน้าก็เปลี่ยนตามความคิด นายหญิงจึงจ้องดุใส่

"ตื่นตูมไปสักหน่อย ป้าซู ต้องวานท่านเป็นธุระอบรมกริยาของนาง ข้าไม่อยากขายหน้ากลางตำหนักใน ยกนางให้ท่านแล้วกัน"

"เจ้าค่ะ... อาหง ยังไม่รีบคำนับฟูเหรินอีก"

หญิงวัยกลางคนผู้ยืนอยู่เบื้องหลังนายหญิงใหญ่รีบบอก หงส์จึงโค้งลงคำนับจนศีรษะแนบพื้น เธอรอจนนายหญิงใหญ่เดินผ่านไปแล้วถึงได้เงยหน้ามาพบกับหญิงชราผู้ถูกเรียกว่าป้าซู ซึ่งกำลังมองเธออย่างขบขันกึ่งเวทนา

"ลุกขึ้น ข้าจะพาเจ้าไปอาบน้ำก่อน"

"ท่านป้าซู ฟูเหรินจะพาข้าไปขายหรือ"

"หน้าตาเจ้าดูฉลาดอยู่หรอกนะ ไม่คิดว่าจะซื่อบื้อเช่นนี้ ฟูเหรินจะให้เจ้าติดตามนางยามเข้าเฝ้าฮองเฮากับพระสนมฝ่ายในต่างหาก ข้าชรามากแล้ว ยืนในงานเลี้ยงน้ำชาไม่ไหว ที่จริงนางเลือกเสี่ยวเหลียนไว้เพราะหน้าตาสะสวย ติดที่คุณหนูใหญ่สนิทกับนางมากที่สุด นางเลยมองหาสาวใช้ผู้อื่นอยู่ ส่วนเจ้า...ข้าเพิ่งเห็นเจ้าใกล้ๆ ปกติแล้วเจ้าคลุกถ่านอยู่ในโรงครัว เดินตามหลังเฉินจวนต้อยๆ ท่าทางนุ่มนิ่มไม่มีปากเสียง นึกไม่ถึงว่าพูดจาฉะฉานกว่าที่คิดนัก" 

ได้ฟังคำกล่าว หงส์ก็อ้าปากค้าง นึกโล่งใจที่ตัวเองไม่เลือกตัวเลือกของจางหงเหยียนเพื่อเร่งเรื่อง อย่างน้อยวิธีอดทนต่ออุปสรรคและปัญหาก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดของทุกยุคสมัย

"ช่างเถิดๆ ตามข้ามา 7 วันต่อไปนี้เจ้าต้องฝึกเข้มเสียหน่อย อ้อ...ข้าวกินได้แค่วันละมื้อ หลังเที่ยงไปแล้วดื่มได้แค่น้ำชาเท่านั้น รอบเอวจะได้ลดลง"

ป้าซูกล่าวสอนอีกหลายต่อหลายอย่างที่หงส์จับใจความแทบไม่ทัน รู้เพียงว่าหนทางเข้าใกล้องค์รัชทายาทอยู่ๆก็โผล่มาตรงหน้า อดคิดไม่ได้ว่ารัชทายาทที่จางหงเหยียนทั้งรักทั้งแค้นหน้าตาเป็นยังไง อยากรู้เสียจริง 

--------------------------------

ณ สำนักจินหลง

จอกน้ำชากระเบื้องเนื้อดีสีขาวถูกยกจิบดื่มอย่างเชื่องช้า ด้วยเจ้าของการกระทำกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก กริยาผิดแผกไปจากเดิมของเขาสร้างความสงสัยให้ หวังอิน ชายหนุ่มผู้สวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อน เข้ากับหน้าหน้าตาสุขุมหล่อเหลา ค่อนไปทางสำอาง และผู้เป็นเจ้าสำนักจินหลงซึ่งเชื้อเชิญเขามาร่วมเล่นหมากด้วยกันตั้งแต่ยามเช้า

"คุณชายเย่ เห็นกริยาของท่านแล้ว ดูท่าหมากกระดานนี้คงยากแก้นัก"

คนถูกถามกึ่งปรามาสเหลือบดวงตาเรียวรีแฝงรอยดุขรึมเฉกเช่นพญาอินทรีมองคนถามทันใด แล้วจึงวางหมากสีดำในมือตัวเอง รุกฆาตทั้งกระดาน เปลี่ยนสีหน้าของหวังอินนิ่งขรึม ก่อนถอนหายใจออกมาพลางประสานมือคารวะ

"ยากหรือง่าย ขึ้นอยู่ว่าแรกเริ่มท่านวางหมากไว้เช่นใด หากรู้จักศัตรู ก็รู้จักเพียงชัยชนะ"

"หึๆ ข้าเกลียดความฉลาดแสนแห้งแล้งของท่านเสียจริง เย่ลู่เสียน ท่านดุยิ่งกว่าพยัคฆ์เช่นนี้ ถึงไร้สตรีข้างกายอย่างไรเล่า เสียแรงที่สอดแนมจวนเสนาบดีเซิ่งตงมานานแรมปี พบปะบุตรีของขุนนางฉ้อฉลผู้นั้นก็มาก กลับไม่รู้จักกันเสียได้"

"ข้าเกรงว่าจะมีชีวิตที่น่าอิจฉาเช่นคุณชายเจ้าสำราญอย่างท่าน ตลอดทิวาราตรีรายล้อมด้วยสตรีมากหน้าหลายตาที่คอยหาความใส่ร้ายกันเพื่อแย่งชิงท่าน วุ่นวายน่าดู" 

"เอาเถิด ท่านอุตส่าห์สละเวลามาเล่นหมากเป็นเพื่อนข้า ข้าจะยอมแพ้สักครั้งแล้วกัน ว่าแต่ บุตรีของใต้เท้าเซิ่งงดงามหรือไม่"

"หากมองด้วยสายตาบุรุษเช่นท่าน นับว่ารูปโฉมยากหาสตรีใดเปรียบ แต่หากมองด้วยสายตาของข้า ไม่ต่างกับภรรยาทั้ง 15 คนของท่านเท่าไหร่"

เจอคำกล่าวดักคอ หวังอินก็สะบัดพัดจีบโบก ระบายความหน่ายใจออกมา เย่ลู่เสียนหัวเราะดังหึในคอพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

"คุณชายเย่ จะไปแล้วหรือ? ไม่อยู่รอไท่จื่อก่อนหรือ"

"สำนักหงฮั่วไม่ต้องการเกี่ยวพันกับความวุ่นวายของราชสำนัก เรื่องใดที่ควรทำ ข้าล้วนทำหมดสิ้นแล้ว สำนักจินหลงมีสัมพันธ์อันดีกับราชสำนักมาตลอด ฉะนั้น ธุระต่อจากนี้คงต้องวานให้ท่านเป็นผู้สานต่อเอง ขอตัวลา"

กล่าวจบ เย่ลู่เสียนก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะทะยานออกนอกหน้าต่างไป ทิ้งไว้เพียงความขัดใจของเจ้าสำนักจินหลง

"ประตูก็มี ไยจึงชอบกระโดดหน้าต่างนัก หืม?..."

หวังอินก้มลงมองหมากสีดำบนกระดานก็นึกเอะใจ พลิกดูให้แน่ชัดอีกที จึงพบสาสน์ลับบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น เขายิ้มอย่างพึงใจ

"เย่ลู่เสียน เจ้าคนปากอย่างใจอย่าง...เจ้าทิ้งอักษรว้าวุ่นไว้บนกระดานหมากเช่นนี้ ดูท่าลูกสาวเจ้าสำนักเฮยเตียวคงช้ำรักเสียแล้วกระมัง"

"เจ้าว่าเย่ลู่เสียนมีความรักหรือ"

เสียงหนึ่งโพล่งขึ้นกลางห้อง หวังอินจึงรีบรุดมายังต้นทิศทางพร้อมกับคุกเข่าลงเบื้องหน้าเจ้าของน้ำเสียงทันที

"กระหม่อมถวายบังคมไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ"

"ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด"

หลิวชิงหยาง บุรุษผู้ครองอาภรณ์สีเหลืองทองปักลวดลายมังกร บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลรื่นหู เข้ากันกับรูปโฉมสุมสง่างาม หวังอินจึงลุกขึ้นยืนตามคำเชื้อเชิญพลางผายมือให้รัชทายาทดูอักษรบนกระดานหมาก

"ไท่จื่อ พระองค์มาช้าไปก้าวเดียวเท่านั้นพะยะค่ะ ดูท่าบุตรีเสนาเซิ่งจะงดงามดังคำร่ำลือจริงๆ"

"อย่างนั้นหรือ ข้าอยากเห็นนางเสียจริง ท่านไปกับข้าได้หรือไม่ หวังอิน"

"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"