ท้องฟ้ากำลังยุ่งหัวหมุนอยู่กับการจัดการอาหารสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการดนตรีบำบัด ในฐานะของทีมงานผู้ซึ่งไร้ความสามารถทางดนตรี ทั้งยังมีทักษะการเข้าสังคมน้อยนิด ทำให้บาสเตียนผู้รู้จักเพื่อนรักอย่างเธอดีโยนเธอมาอยู่ทีมจัดการอาหารแทนที่จะไปทำให้นักดนตรีและทีมงานฝ่ายอื่น ๆ ยุ่งวุ่นวายกว่าเดิม
หน้าที่ของเธอไม่มีอะไรมากเพราะอาหารส่วนใหญ่ของผู้ป่วยในทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้จัดเตรียม มีเพียงผู้เข้าร่วมโครงการที่เป็นบุคคลทั่วไปเท่านั้นที่เธอต้องดูแล เธอมองร่างสูงที่กำลังเดินไปมาของเพื่อนชายผู้รับผิดชอบโครงการ บาสเตียนกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างกับ 'เกเบรียล' เพื่อนใหม่ที่เธอพามาช่วยงาน ถัดออกไปไม่ไกลนักเพื่อนสาวร่างเล็กก็กำลังตั้งกล้องอย่างขะมักเขม้น ไม่เพียงแค่ถ่ายภาพสวย ๆ ไว้ให้ทุกคน พัดยังช่วยกระจายข่าวของโครงการ ทำให้ได้รับการสนับสนุนมากมายภายในระยะเวลาสั้น ๆ
ท้องฟ้าอดย้อนมองดูตัวเองไม่ได้ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะมีประโยชน์กับคนอื่นสักเท่าไหร่ คิดแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกเศร้า คนยังไม่มีงานให้ทำอย่างเธอเลยได้แต่เดินออกจากบริเวณงานคิดว่าจะไปดูอะไรรอบ ๆ ให้รู้สึกดีขึ้นสักหน่อย
ห่างจากสวนลอยฟ้าที่ท้องฟ้ามานั่งพักไปไม่ไกล ร่างสูงสามร่างปรากฏขึ้นท่ามกลางคนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านไปผ่านมา แต่ก็ไม่ได้มีใครทันสังเกตเห็นพวกเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วควรจะเป็นจุดเด่นเสียด้วยซ้ำ
"ที่นี่ ที่นี่แน่ ๆ" ปกป้องเอ่ยอย่างมั่นใจ ดวงหน้าดูดีมองไปโดยรอบอย่างร้อนรน
ในฐานะของผู้คุ้มกันพวกเขาควรจะตามติดข้างกายของผู้เป็นนายตลอดเวลา แต่เพราะโศกนาฏกรรมในอดีตทำให้ไม่มีใครพบเห็นเขามาร่วมพันปี สัญญาณบางอย่างที่ปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ทำให้เหล่าผู้อารักษ์ทั้งหลายล้วนปรีดา เพราะคุ้นเคยกับสัญญาณที่ว่านี้เป็นอย่างดี พวกเขาได้แต่รอคอยการกลับมาของผู้เป็นนาย ทว่าวันเวลาผ่านไปคืนแล้วคืนเล่าก็ยังไม่มีผู้ใดพบเห็นนายท่านเสียที บรรดาผู้อารักษ์ทั้งหลายร้อนใจเกินกว่าจะนิ่งเฉยได้ จึงแอบตามหากันอย่างเงียบ ๆ
เบาะแสสุดท้ายที่พวกเขาสัมผัสได้คือใจกลางกรุงเทพมหานครฯ ดินแดนอาถรรพ์ของทั้งคนทั้งสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนไปจนถึงสิ่งไม่มีชีวิตแต่มีตัวตน ว่ากันว่าเป็นที่สุดแห่งทุกขลาภแห่งหนึ่งในโลกปัจจุบัน ผู้อารักษ์ส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าข้ามเขตมา ด้วยเกรงว่าจะม้วยมรณาก่อนได้เจอผู้เป็นนาย หวยล็อกจึงมาตกอยู่ที่พวกเขา ทีมอารักษ์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้ผ่านมาแล้วหลายสมรภูมิ
"แยกกันหาเถอะ โรงพยาบาลกว้างขนาดนี้ แถมมีสิ่งรบกวนเต็มไปหมด ใครเจอเบาะแสอะไรส่งสัญญาณมา" พิทักษ์ตัดสินใจเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เฉพาะหน้านี้
ตำแหน่งที่สุดท้ายที่สัมผัสได้ถึงพลังของเจ้านายคือที่นี่ที่เป็นโรงพยาบาล ทุกคนจึงค่อนข้างกังวลและร้อนใจ กลัวว่านายท่านที่ตามหาพบปัญหาอะไรบางอย่างจนต้องเข้าพึ่งการแพทย์ของมนุษย์
"รามิล พิทักษ์ มานี่ด่วน ฉันเจอแล้ว" เสียงกรีดร้องของปกป้องดังลั่นในหัวเพื่อนทั้งสองด้วยความยินดี
เงาร่างสูงสองร่างหายวับก่อนจะไปปรากฏที่ข้างกายเจ้าของเสียงเรียกในทันที
"นั่นมันอะไรน่ะ" รามิลถามอย่างแปลกใจ
ดวงตาสามคู่มองตามร่างแปลงของเจ้านายอย่างงงงวย เขาเดินยิ้มร่าเข้าไปหาหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งก่อนจะพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ปกป้องจ้องผู้เป็นนายจนตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า อากัปกิริยาของอีกฝ่ายทำให้ลูกน้องอย่างพวกเขาสับสนจนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดีในสถานการณ์เช่นนี้
"เกเบรียล มาดูนี่สิ" ท้องฟ้าเรียกโดยไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายถูกบาสเตียนดึงตัวไปคุยเรื่องงานเสียแล้ว
"เกเบรียล? ใครคือเกเบรียล?" ปกป้องหันไปถามเพื่อนด้วยสายตาสงสัยขั้นสุด ก็เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดคุยกับเจ้านายของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
"หรือว่า..." รามิลทำท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะเอ่ยต่อ "เจ้าเด็กใหม่ที่เพิ่งมีรายงานเข้ามาเหรอ" เขาหันไปหาพิทักษ์เพื่อขอคำยืนยัน
ไม่นานมานี้พวกเขาได้รับแจ้งว่าจะมีผู้อารักษ์ฝึกหัดมาร่วมทีม แต่ก็ยังไม่เห็นเจ้าตัวมารายงานตัวแต่อย่างใด หรือว่าเจ้าหมอนั่นจะหาเจ้านายพวกเขาจนเจอแล้วแต่ว่าไม่ยอมรายงาน
คิดได้แบบนั้นปกป้องก็กัดฟันกรอดหันรีหันขวางมองหาเจ้าเด็กใหม่ตัวแสบที่คาดว่าคงอยู่แถว ๆ นี้ ใจหนึ่งก็อยากจะลากคอมาสั่งสอนเสียหน่อย แต่อีกใจก็แอบสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นใคร เหตุใดถึงได้รู้จักทั้งเจ้านายของเขาทั้งผู้อารักษ์ฝึกหัดตนใหม่ได้
ในขณะเดียวกันน้องใหม่ของทีมผู้โดนหมายหัวโดยไม่อิโหน่อิเหน่เพราะความเข้าใจผิดก็เดินมาในห้องโถง ดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายเจิดจ้าเมื่อสังเกตเห็นรุ่นพี่ที่ตัวเองตามหากำลังทำตัวลับล่อ ๆ อยู่ข้างเสาต้นหนึ่ง เด็กหนุ่มหันมองตามสายตาของรุ่นพี่อย่างงุนงงก่อนจะต้องตะครุบปากตัวเองไว้ไม่ให้กรีดร้องด้วยความตกใจ
นั่นมันท่านวัสปาลิน! แม้รุ่นหลัง ๆ อย่างเขาจะเคยเห็นแต่ในรูปวาด แต่ก็จดจำได้แม่นยำแม้อยู่ในร่างแปลง ไหนใครบอกว่าหายตัวไปเป็นพันปีจนเหล่าผู้อารักษ์เดิมตามหากันให้จ้าละหวั่น แล้วมาทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังพูดคุยสนิทสนมหยอกล้อกับผู้หญิงคนนั้นอีกต่างหาก ตามที่เคยฟังมาท่านวัสปาลินไม่ชอบสุงสิงกับสตรีเพศนอกเหนือจากท่านผู้นั้นมิใช่หรือ? นี่มันอะไรกัน!
ยังไม่ทันจะได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ หรือสงบจิตสงบใจสำรวมอาการอะไร เสียงเรียกหนึ่งก็ดังขึ้น ทำเอาเกเบรียลผู้มาใหม่สะดุ้งโหยงตาลีตาลานเดินเข้าไปหาคนเรียกทันที
"เกเบรียล ๆ ดูนี่สิ"
ท้องฟ้าตั้งใจเรียกให้ชายหนุ่มข้างกายให้ดูลูกชุบที่ตัวเองเป็นคนจัดเรียงอย่างสวยงามด้วยความภาคภูมิใจ แต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะหันมามอง เด็กหนุ่มหัวทองคนหนึ่งก็เข้ามาประชิดตัว ทั้งยังขานรับเสียงดัง
"ครับผม! มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ"
ดวงตาสีมรกตจ้องเธออย่างกระตือรือร้น บ่งบอกว่ารอรับคำสั่งเต็มที่ ท้องฟ้าก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ มือหนึ่งกระตุกแขนเสื้อคนข้าง ๆ เป็นการขอความช่วยเหลือ
วัสปาลินตวัดสายตากลับมามองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่อยู่ ๆ ก็ทะเล่อทะล่าเข้ามา เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างจากอีกฝ่าย จึงดึงหญิงสาวให้ไปอยู่ด้านหลัง ก่อนส่งสัญญาณให้ผู้อารักษ์ของตนที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ กระวนกระวายอยู่ข้าง ๆ เสามาจัดการ
ด้วยไหวพริบของคนที่ทำงานกับเจ้านายมานาน พิทักษ์ปรากฏตัวในร่างชายหนุ่มใส่สูทผูกไทด์อย่างดีก่อนเดินเข้ามาคว้าคอรุ่นน้องผู้มีตาแต่ดันไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือให้ออกห่างจากทั้งคู่
"ขอโทษด้วยครับ พอดีน้องชายผมไม่ค่อยสบาย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ" เขาก้มหัวขอโทษขอโพย ก่อนจะลากคอน้องชายจอมปลอมไปอีกทาง
"อะไร นั่นมันอะไร สรุปผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักไอ้หมอนี่เหรอ" ปกป้องตะโกนแบบลดเสียงไม่ให้ใครสังเกตเมื่อพิทักษ์ลากน้องใหม่เข้ามาในมุมลับตา
พิทักษ์ส่ายหน้า เขาเองก็งงเหมือนกันเมื่อได้ยินหญิงสาวคนนั้นเรียกเกเบรียลแต่กลับทำท่าเหมือนไม่รู้จักเด็กหนุ่มเจ้าของชื่อ ตอนนี้คงได้แต่รอฟังเจ้านายอย่างเดียวเสียแล้ว เขามองเลยกรอบแว่นไปยังร่างของหนุ่มสาวที่อยู่ห่างออกไปทำได้แต่เพียงเฝ้าดู แม้สถานการณ์จะดูงง ๆ ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงให้ต้องกังวล