มิราวดีไม่มีเวลาให้ทำใจหรือเสียใจกับความรักที่มอบให้แฟนหนุ่มมาหลายปีมากนัก เพราะต้องตั้งสติเอาชีวิตรอดจากนรกบนดินนี้เสียก่อน หญิงสาวรีบจัดเก็บของลงกระเป๋าเท่าที่ทำได้ โชคดีที่ไม่มีของเยอะ หลังจากเก็บของใช้เวลาร่วมหลายชั่วโมงจนข้ามวันใหม่ เธอจึงใช้โทรศัพท์เครื่องสำรองรีบโทร.บอกเจ้าของห้องไม่ต่อสัญญาและย้ายออกทันที
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วจึงรีบโทร.แจ้งธนาคารอายัดธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดไว้ ถึงแม้ใจอยากจะแจ้งความมาก แต่หากแจ้งไปต่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจค้นคงไม่เจอเพราะพวกนั้นคงไหวตัวทัน
ในเวลานี้มิราวดีไม่ไว้ใจเพื่อนสนิทหรือใครที่รู้จักเลย เพราะอาจจะบอกที่อยู่ให้แฟนหนุ่มรู้ได้ จึงทำได้เพียงเก็บและขนของทั้งหมดที่ใส่ได้ลงรถ และขับออกจากคอนโดฯ ไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวขับรถออกจากสถานที่เดิมมาหาห้องพักเพื่ออยู่ชั่วคราวไปก่อน แต่ก็ไม่มีที่ไหนที่จะทำให้รู้สึกปลอดภัยกระทั่งรถขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ไกลออกจากใจกลางเมือง ซ้ำยังประกาศติดว่า "แชร์เฮ้าส์"
ดวงตากลมมองด้วยความลังเลเพราะไม่ชินกับการอยู่ร่วมคนแปลกหน้า แต่นี่อาจจะเป็นความปลอดภัยแบบหนึ่งก็ได้ มิราวดีตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง และกำลังจะกดกริ่ง แต่ประตูบ้านและเสียงพูดอัตโนมัติก็ดังขึ้น
'เชิญครับคุณผู้หญิง หากต้องการติดต่อแชร์เฮ้าส์ กรุณาติดต่อด้านในได้เลยครับ'
มิราวดีเดินเข้าไปในบ้านประตูด้านนอกก็ปิดลง โดยไม่คิดจะหันหลัง
ไปมองแผ่นป้ายที่ติดอยู่ได้หายไปแล้ว สองเท้าก้าวเดินตรงไปพลางกวาดสายตามองคฤหาสน์ขนาดใหญ่ทรงยุโรปร่วมสมัย ทั้งสองข้างเป็นสวนที่ประดับด้วยรูปปั้นเทพนิยายโบราณ ส่วนทางด้านหน้ามีน้ำพุขนาดใหญ่ประดับด้วยรูปปั้นอย่างสวยงาม
"มาแล้วเรอะ ๆ กำลังรออยู่"
มิราวดีหันหลังมองที่ต้นเสียง แต่กลับไม่เห็นเจ้าของเสียง
"ระบบเสียงอัตโนมัติอีกเหรอ"
"ใช่ที่ไหนละ"
มิราวดีฟังอีกครั้ง และรับรู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาจึงก้มลงมอง
ไก่สีขาวที่เธอเจอเมื่อคืนวาน!
หญิงสาวมองราวกับเป็นเรื่องประหลาด และอยากที่จะหาความจริง จึงโน้มตัวลงไปหมายจะสัมผัสไก่ที่อยู่ตรงหน้า แต่...
"เข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ" เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นทำให้เธอลุกหันไปมอง
"คุณ !" มิราวดีร้องอุทานด้วยความตกใจ...โลกนี้ช่างเล็กมากนัก ไม่คิดว่าเจ้าของบ้านแชร์เฮ้าส์จะเป็นคนเดียวกับที่เมื่อวานเธอกระโดดขึ้นรถ "เอ่อ...คุณคือเจ้าของบ้านแชร์เฮ้าส์เหรอคะ"
รชตมองด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าไปข้างในโดยไม่พูดอะไร
มิราวดีมองไก่สีขาวที่เดินตามเจ้าของไปจึงได้แต่ยืนงงและเดินตามเข้าไปข้างใน
"นั่งลงก่อนสิ"
มิราวดีนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มอย่างประหม่า เมื่อหันมองไป
รอบ ๆ เพราะว่าหรูหรามากเสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร
"เอ่อ...แชร์เฮ้าส์ที่จะให้ฉันเช่าอยู่แถวไหนเหรอคะ ไกลจากตัวเมืองมากไหมคะ"
"ที่นี่" รชตหน้านิ่ง
"คะ" มิราวดีคิดว่าหูของตนต้องเพี้ยนไปแน่ จะใช่คฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างไร หรูเกินจะให้คนนอกเข้ามาอยู่ด้วยซ้ำไป และมันก็คงแพงจนจ่ายไม่ไหว "ฉันหมายถึง..."
"ก็ที่นี่นั่นแหละ ที่นี่..." อาโปพูดพลางขยับปีกเดินไปมาบนโซฟา "จริงสิ ! ถึงเวลาอาหารว่างฉันแล้ว งั้นก็คุยกันไปก่อนนะ"
อาโปกระโดดลงจากโซฟาและเดินออกไปทันที
มิราวดีอึ้งซ้ำสอง และคิดว่าไก่ขาวตัวนี้ต้องเป็นไก่จริง ๆ ที่พูดได้ไม่ใช่หุ่นยนต์ เพราะท่าทางนั้นดูธรรมชาติมากกว่าระบบทางเทคโนโลยีในสมัยนี้
แต่...วิทยาศาสตร์คนรวยไปไกลขนาดสิ่งมีชีวิตพูดได้แล้วหรือ
"เอ่อ...คุณ..."
"รชต"
หญิงสาวพยักหน้า "คุณรชตคะ คือฉันอยากทราบว่าบ้านที่ฉันจะเช่าร่วมกับคนอื่นอยู่ที่ไหนคะ แล้วเข้าพักได้เลยไหมคะ ราคาเท่าไหร่คะ มีสัญญารายเดือนหรือรายปีคะ วางมัดจำกี่เดือนคะ แล้วต้อง..."
คำถามมากมายมาเป็นชุดจนลืมไปว่าคนฟังนั้นจะฟังทันตามที่พูดออกไปหรือไม่ เพราะความใจร้อนอยากหาที่พักห่างไกล ไม่มีคนรู้จัก และยิ่งมีเพื่อนร่วมบ้านหลายคนก็ยิ่งดีมากขึ้น พวกนั้นคงไม่กล้าบุกเข้ามา ในตอนนี้เธอไม่มีเวลาให้คิดเยอะว่าผู้ชายตรงหน้าจะเป็นพวกค้ามนุษย์หรือไม่ด้วยซ้ำ ขอเพียงมีที่พักชั่วคราวก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
"พักที่นี่ เข้าพักได้เลย ค่าเช่าของผมไม่คิดแต่คุณต้องดูแล และช่วย
อาบน้ำให้อาโปด้วย"
เขามีลูกแล้วเหรอ
มิราวดีรู้สึกฉงนกับคำพูดของอีกฝ่าย
"พักฟรีเหรอคะ คุณคงไม่หลอกฉันไปขายใช่ไหมคะ"
"ขายคุณคงไม่ได้ทำให้ผมรวยหรอกนะ"
เขาช่างปากร้ายจริงเชียว ! มิราวดีมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ในใจก็คาดคิดว่าถ้าหากเขาหลอกลวงจริง ๆ ก็คงทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เอ๊ะ ! หรือกำลังลวงให้ตายใจแล้วค่อยหลอกไปขายแบบแฟน(เก่า)ของเธอ
"ถ้าคุณไม่ไว้ใจก็ไปหาที่อื่นได้" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "ไว้ตัดสินใจได้ค่อยกลับมาอีกที"
หญิงสาวตัดสินใจค่อนข้างลำบาก แต่เงื่อนไขนั้นทำให้เธอรู้สึกคิดหนักเพราะของฟรีไม่มีในโลก หากมีฟรีวันข้างหน้าอาจจะต้องแลกด้วยอะไรบางอย่างที่น่ากลัวแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจลุกขึ้น
"ขอฉันตัดสินใจก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาใหม่ค่ะ"
"ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ"
รชตลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาก่อนพูดกับเธอว่า
"เดี๋ยวก่อน"
"คะ"
"นี่เบอร์ของผม หากคุณต้องการจะเข้าพักก็โทร.มาได้เสมอ"
รชตยื่นนามบัตรให้หญิงสาว พลางเอื้อมมือไปสัมผัสที่ต้นคอของเธอ นัยน์ตาคมจ้องมองราวกับต้องการค้นหาสัมผัสของดวงวิญญาณนี้ เพียงเสี้ยววินาทีที่รู้สึกได้ทำให้มั่นใจว่านี่คือผู้หญิงที่ตามหามาตลอดหลายร้อยปี
"ผมจะรอคำตอบจากคุณ"