เจเจกลับมาถึงห้องก็เจอปลาวาฬนั่งกินมาม่าอยู่
"ทะเลาะกันเหมือนจะชิงรางวัลนาฏราช ไอ้สัด เล่นใหญ่นะมึงเนี่ย"
ตอนแรกก็เป็นห่วงอยู่ดี ๆ พอเห็นความฉิบหายของเพื่อนขึ้นมาทีนี่อารมณ์ดีเป็นปลากระดี่ได้น้ำ เขาล่ะอยากจะเอาภาพนอนซมเป็นหมาโดนยาเบื่อมาปรินต์แล้วแปะรอบบ้านให้สำนึก ปลาวาฬตอนนี้ส่งสายตาวิบวับมาเป็นการล้อเลียน ท่าทางคงจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดโดยละเอียดแล้ว ทะเลาะกันเสียงดังเสียด้วย
"ไม่อะ กูอยากได้สุพรรณหงส์มากกว่า"
เขาตอบอย่างกวนตีน เรื่องทุกอย่างจบลงตรงที่พนักงานส่งอาหารมาถึง เมธัสเองก็คงจะสุดกลั้นกับอารมณ์สารพันแล้วจึงเดินหนีกลับไป้
"กูชอบฉากขยำกระดาษแล้วเขวี้ยงใส่มึงมาก แต่เสียดายแม่งปาไม่แม่น ชนประตูรั้วกระเด็น อดได้ซีนสวย ๆ เลย แย่ ๆ"
ท่าทางไอ้ปลาวาฬจะไปยืนดูอยู่นานไม่น้อย เพราะตอนที่เมธัสกลับไป ฝ่ายนั้นขยำใบลาออกทิ้งแล้วบอกเสียงดังว่าไม่อนุมัติ แต่ก็อย่างที่ไอ้เพื่อนตัวดีบอก ปาไม่แม่นไปหน่อย ก้อนขยุมก็เลยตกอยู่แถวนอกประตู พนักงานส่งของดูจะอึ้ง ๆ เล็กน้อย เขาเลยบอกไปว่ากำลังถ่ายละครคุณธรรมลงติ๊กต๊อกอยู่
"มึงนี่คิดมากจังวะ"
อยู่ดี ๆ ไอ้ปลาวาฬก็กลายร่างกลับมามีสภาพคืนชีพ เขาหรี่ตามองอย่างสนใจ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เชฟโอบมาง้อมันเหรอ ทำไมดูไม่ค่อยดราม่าแล้ววะ แต่ปากก็ยั้งไว้ทัน ไม่กล้าถาม ถ้าถามไปแล้วกลายร่างกลับไปเป็นซอมบี้แบบเก่าจะกู้ศพยากกว่า ปล่อยให้เป็นสภาพกวนตีนแบบนี้ไปก่อนก็ดี
"ข้าวมาถึงปากแล้วก็แดกไปก่อนปะ ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกินต่อ หน้าตาก็หล่อนะเว้ย รวยด้วย ถึงแม้ว่านิสัยจะดูเหี้ย ๆ ไปหน่อยก็ตาม"
ปากหนอปาก นี่ไม่ได้ฟังความในใจพระเอกที่พร่ำพรรณนาไปร้อยแปดพันเก้าเมื่อกี้เลยหรือไง เป็นเพื่อนพระเอกภาษาอะไรไว้ไอ้ปลาวาฬ ห่วยจริง ๆ
"ชอบก็แดกเองสิ นิสัยรวยอะ"
"มาให้กูแดกกูก็แดกหมดอะ"
ปลาวาฬยักไหล่แบบกวนประสาท รู้ดีว่ามันก็แค่พูดไปงั้นแหละ คนอย่างมันมีคนเข้าหาเยอะก็จริงแต่ก็ไม่ใช่ว่าฟันไม่เลือก ความจริงเขาก็แอบอยากรู้ว่าไอ้ปลาวาฬเนี่ย ถ้าลงเอยกับเชฟโอบแล้วจะฟันหรือโดนฟันกันแน่ แต่ก็อย่างว่า เขาควรจะหยุดเสือกเรื่องบนเตียงของชาวบ้านก่อน
"แล้วนี่เป็นเชี่ยอะไรขึ้นมา เมื่อกี้ยังนอนเป็นผักเน่าคาแผงอยู่เลย อยู่ดี ๆ ก็เสือกลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำได้ ไปโดนตัวไหนมา ไหนบอกกูซิ"
เจเจเอื้อมมือไปผลักหัวเพื่อนตัวดีอย่างหมั่นไส้ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ถาม แต่จนแล้วจนรอดก็อดไม่ได้ เผื่อเชฟโอบกลับมาง้อมันจริง ๆ แล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งปลอบใจให้เก้อ
"พอดีเมื่อกี้ไปดูละครเวทีที่รัชดาลัยมาว่ะ ไดอะล็อกแม่งดี ฟังแล้วก็คิดอะไรได้หลายอย่าง คนเขียนบทแม่งใช้ได้อยู่นะ กูนี่นับถือเลย"
ยิ้มนั่นกวนส้นเท้ามาก
"บทเชี่ยไรมึง"
"ก็ไม่มีใครรู้อนาคตไง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้วเปล่าวะ คิดอะไรกับชีวิตเยอะแยะ"
ปลาวาฬยักไหล่ อาการมันดูเหมือนจะคิดได้จริง ๆ เหมือนตอนแรกมันจมน้ำอยู่ แล้วก็มีใครสักคนไปจิกหัวมันขึ้นมามีอากาศหายใจ ท่าทางมันช่างดูปลอดโปร่งเสียเหลือเกิน เออ ถ้าเป็นเพราะเรื่องแค่นี้จริงก็คิดน้อยสมกับเป็นไอ้ปลาวาฬไร้สมองจริง ๆ นั่นแหละ สิ่งที่แปลกคือสภาพดราม่านอนซมมากกว่า นั่นแหละตัวปลอม
"กูดราม่าพอแล้วว่ะ กูว่ากูก็ทำดีที่สุดแล้ว คิดมากไปก็ปวดหัว"
"เออ ไอ้สัด ค่อยสมเป็นปลาวาฬที่กูรู้จักหน่อย"
เขาเดินไปตบไหล่มัน ก่อนจะเลื่อนมือไปโอบไหล่มันไว้ พวกเขาสองคนนั่งกันอยู่บนโซฟายาว ไอ้ปลาวาฬก็ยกมือขึ้นมาโอบไหล่เขาไว้ด้วย ไป ๆ มา ๆ เหมือนจะกลายเป็นต่างฝ่ายต่างปลอบใจกันและกัน เออ ดีว่ะ พอความฉิบหายมาถึง แม่งก็ยังเหลือเพื่อนคอยอยู่ข้าง ๆ
"เอาไงดีวะ ตกงานคู่เลยมึง"
เจเจพูดขึ้นอย่างขำ ๆ แกะข้าวราดหมูทอดทงคัตซึขึ้นมากินกันคนละกล่อง ไอ้ปลาวาฬกินเป็นห่าลง เหมือนมันจะกินเพื่อชดเชยเวลาทั้งหมดที่ขาดความอยากอาหารไปก่อนหน้า ปากของมันถามไม่หยุดว่าจะสั่งอะไรอีกบ้าง มันจะสั่งอาหารเข้ามาเพิ่ม
"สงสารกล้ามมึงบ้างเหอะ จะเหลือแต่พุงแล้วเนี่ย แดกไม่หยุด"
"เอาน่า กูนอนตายซากมาหลายวัน แดกแค่นี้ไม่อ้วนหรอก"
พูดไปก็สวาปามไป แค่ไม่กี่นาทีข้าวทงคตซึก็หมดกล่องเรียบร้อย เขาหันไปมองหน้า ถ้ารู้ว่าจะกินเยอะขนาดนี้ก็สั่งของถูก ๆ มากินสิวะ ข้าวทงคตซึมันแพงนะเว้ย ช่วยกินอย่างพิถีพิถันหน่อย คนยิ่งตกงานอยู่ด้วย
"รู้ตัวด้วยนะว่าตัวเองเป็นศพ ไอ้ห่า"
เจเจด่าแบบขำ ๆ ส่ายหัวไปมา พอจะหายก็หายง่ายหายไวเป็นปลิดทิ้ง สมกับเป็นปลาวาฬเพื่อนรัก สมองน้อย ซับซ้อนไม่มาก
"สรุปจะเอาอะไรไหม ไม่งั้นกูจะกดสั่งละนะ"
เจเจนิ่งไปอย่างยังนึกไม่ออก ความจริงเมื่อกี้ก็คิดอยากกินอะไรหลายอย่างเหมือนกัน แต่พอเจอซีนสุพรรณหงส์ไป ความอยากอาหารหายกลับบ้านเก่าไปหมด เมธัสทำเอาท้องอืดกินอะไรไม่ค่อยจะลงไปเลย เขาจิ๊จ๊ะในปากหลายทีอย่างคิดไม่ออก สุดท้ายก็เลยคิดว่าจะสั่งแบบอีกคนเอา
"แล้วมึงสั่งอะไร ?"
"ผัดกะเพรารวมมิตร"
คนที่นั่งข้างตอบออกมาด้วยท่าทีเฉย ๆ จนเขาต้องหันกลับมาไปมองให้ชัด เมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่แล้วผัดกะเพรายังเป็นคำต้องห้ามของมึงอยู่เลย ตกลงมึงเป็นปลาวาฬหรือปรสิตเนี่ย เปลี่ยนสีเปลี่ยนอาการไวเหลือเกิน เสียเวลาปลอบใจฉิบหาย ถ้ารู้ว่าจะหายได้เองแบบนี้ ปล่อยให้นอนตายจมเตียงไปเลยดีกว่า เปลืองน้ำลายจะปลอบ
"ไหนบอกเลิกแดก"
"กะเพราสำคัญกว่าผู้ชายโว้ย" ปลาวาฬพูดพร้อมทำท่าหมายมั่นปั้นมือ "อกหักกี่ร้อยครั้งกูก็จะยังเป็นผัดกะเพราเลิฟเวอร์โว้ย"
ไอ้เพื่อนรักพูดแล้วชูมือขึ้นอย่างกับผู้แข่งขันรายการทีวีแชมเปี้ยน
"เออ ค่อยสมกับเป็นเพื่อนกู"
เขายื่นมือไปขยี้หัวเพื่อนรักอย่างสบายใจ ไม่ว่าอะไรจะผ่านไป ทั้งเขาและมันก็จะอยู่ตรงนี้ซึ่งกันและกันเสมอ โชคดีเหลือเกินที่ไม่ว่าอะไร มันก็ยังคงอยู่
"เผื่อกูกล่องนึงแล้วกัน แดกเป็นเพื่อนมึง ฉลองเพื่อนตัวเองคืนชีพ"
เจเจพูด ปลาวาฬพยักหน้าและกดสั่งรายการอาหารไป ร้านโปรดของมันอยู่แถวจุฬา น่าจะรอสักพักกว่าจะมาถึง ส่วนไอ้ของก่อนหน้าที่สั่งมาก็หมดเกลี้ยงแล้ว
"มึง กูคิดอะไรดี ๆ ออกแล้วว่ะ"
อยู่ดี ๆ ไอ้เพื่อนตัวป่วนก็พูดขึ้นมาเหมือนยูเรก้า เจเจหันไปมองอย่างไม่ค่อยอยากจะไว้ใจนัก คิดอะไรได้แต่ละทีมีแต่เรื่องประหลาดชวนปวดหัว
"อะไร ?"
"งานใหม่ของพวกเราสองคนไง"
"อะไรวะ ?"
เขาตอบไปแบบงง ๆ คนหนึ่งเป็นนายแบบ อีกคนหนึ่งเป็นนักกายภาพบำบัด มันจะมีอะไรมาเป็นส่วนร่วมในการประกอบอาชีพร่วมกันได้
"กูจะเปิดร้านผัดกะเพรา"
"เหี้ยและ
เจเจสบถออกไปโดยกระแสประสาทแทบจะยังไม่ผ่านสมอง นึกภาพเพื่อนตัวเองเป็นเชฟ และประเด็นคือมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย เขาทำอาหารไม่เป็นโว้ย
"วันก่อนกูคุยกับคุณมีน เขาบอกกูนะว่าถึงแม้ว่าร้านซึ่งเป็นอาคารกับที่ดินจะเซ้งให้เมธัสหมดแล้ว แต่สิทธิ์ในชื่อ กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาว ยังเป็นของกู กูเปิดได้ ไม่ผิดกฎหมาย"
ตอนแรกก็ต่อต้านแบบหัวชนฝา แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนคิดแล้วเขากลับเอะใจอย่างไรบอกไม่ถูก หันไปมองหน้ามันชัด ๆ จ้องลึกไปในแววตา จับให้มั่นคั้นให้เจอความจริงที่ซ่อนไว้
"มึงจงใจใช้ชื่อนี้"
"ใช่"
"ทำไม ?"
"ก็ชื่อมันดังไง เปิดปุ๊บคนจะได้มากินเลย ไม่ต้องเสียเวลาทำการตลาดมากมาย ของมันมีแบรนด์โว้ย มีฐานลูกค้าเก่า"
"อย่าโกหก"
เจเจยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเพื่อนอย่างคาดคั้น ไอ้ปลาวาฬนะไอ้ปลาวาฬ กูคบกับมึงมากี่ปีแล้ว มึงโกหกกูไม่สำเร็จหรอก ไอ้ไก่อ่อน
"ไม่ได้โกหก"
"โอเค ถ้าไม่พูดความจริงกับกู กูไม่ช่วย"
"เออ กูยอมรับก็ได้ กูจะเปิดร้านผัดกะเพรา กูจะทำให้มันดัง กูจะทำให้เชฟเห็นว่ากูไม่ได้ต้องการแค่เงิน แต่กูรักผัดกะเพราจริง ๆ พอใจมึงหรือยังล่ะ ?"
"รักผัดกะเพราหรือรักเชฟ ?"
เขาถามพร้อมเสียงหัวเราะคิก ไอ้ปลาวาฬไม่หน้าแดง แต่หูนี่แทบจะกลายเป็นสีลูกกระดิ่งบนต้นคริสต์มาส เอาวะ เพื่อนเขามันใช่เล่น
"เออ กูก็รักแม่งหมดนั่นแหละ"
ต่อให้โลกจะแตก น้องปลาวาฬก็จะไม่หยุดแ-กกะเพรา
กลับมาเป็นนิยายรอมคอมแล้วน้าาาา
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta