ปลาวาฬกำลังนั่งรถที่เจเจเป็นคนขับ
"มันจะมีเหตุผลอะไรที่เชฟคนหนึ่งจะออกกฎห้ามทำขนมหวานในร้านอาหารวะ บ้าบอ กินกะเพราอิ่มแล้ว มันก็ต้องล้างปากด้วยของหวานสิ"
พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปเซ็นสัญญากับตัวแทนของเมธัสกรุ๊ป เพื่อรับประกันว่าหากทำสำเร็จจะได้เงินล้านแน่ ๆ ไม่โดนตุ๋น แน่นอนว่าเรื่องใช้สมองแบบนี้ต้องเอาเพื่อนรักนักด่าของเขาไปด้วย เพราะเขาไม่มีสมอง
"อยากรู้ก็ไปถามเขาสิ มาถามกูเพื่อ"
ไอ้ตี๋พ่นไปเรื่อย ไม่ช่วยคิดแล้วยังจะขัดอีก จะว่าไปก็ต้องขอบคุณมันเหมือนกันที่ช่วยคิดบทจนการสมัครผ่านไปได้ด้วยดี ไว้เดี๋ยวทำกะเพราอร่อยเมื่อไหร่จะเลี้ยงมันจนเบื่อเลย
"มึงนี่น้า พึ่งพาอะไรไม่ได้เล้ย"
"แหม่ แล้วที่กูขับรถพามึงมานี่พึ่งพาไม่ได้ใช่ปะ กูจะได้ไล่ลง" ดู ๆ แผ่แม่เบี้ยจะฉกอีกแล้ว
"โอ๋ พึ่งพาได้สิจ๊ะ เจเจเพื่อนรักของปลาวาฬ เป็นเกียรติเป็นศรีเป็นร่มโพธิร่มไทรของปลาวาฬมาเสมอมาเสมอไป ปลาวาฬนี่ล่ะอยากจะเอาพานพุ่มมากราบไหว้บูชาขอหวย"
"กวนตีน"
เขาหัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนอีกคนก็เอาแต่ส่ายหัวไปมาอย่างระอาใจ รถคันกะทัดรัดของเจเจเลี้ยวเข้าไปในตึกสูงที่แค่แหงนหน้ามองยังเมื่อยคอ
หลังจากจอดรถแล้ว เขาก็ลากเจเจให้ไปตามชั้นและห้องตามที่พี่อี๊ดส่งไลน์มาให้ทิ้งไว้ ตอนแรกพนักงานต้อนรับก็ดูเหมือนจะงง ๆ นิดหน่อย แต่พอบอกชื่อกับนามสกุลไป ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย เหมือนมีคนแจ้งอะไรไว้ให้เรียบร้อยหมดแล้ว เขายิ้มสบายใจเผล่
"เอาจริงเหรอวะ"
เจเจถามเขาอีกครั้งขณะที่นั่งรอเซ็นสัญญาอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยกัน นายแบบหนุ่มหันไปมองเพื่อนสนิท คิ้วขมวดเป็นปมอวด ทำไมต้องไม่เอาด้วยล่ะ
"มีไรเปล่าวะ"
"มึงลองทบทวนดี ๆ นะ" อีกฝ่ายเริ่มต้น "สมมติว่ามึงได้เป็นผู้สืบทอดขึ้นมาจริง ๆ กูว่ามึงก็ต้องทุ่มเทพยายามมากเพื่อให้ได้ตำแหน่งมาใช่ปะ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากว่าจะไปถึงจุดนั้น มึงอาจจะผูกพันกับร้านนี้มากก็ได้ มันเหมือนเงื่อนไขระเบิดเวลาที่มึงจะมาเสียใจภายหลัง" เจเจพูดยาวเหยียด
"แต่ถ้ารู้ตัวอยู่ก่อนแล้วก็ทำใจไว้ล่วงหน้าสิ ทำทุกอย่างเหมือนการแสดง เล่นตามโจทย์ที่กำหนด พอปิดกล้องก็แยกย้าย ไม่มีอะไรผูกมัดกัน"
เขาตอบง่าย ๆ ต่างกับคนตรงหน้าที่เหมือนจะจ้องลึกเข้ามาค้นหาในดวงตาไม่รู้จบ เขาขนลุกนิด ๆ แต่ไม่นานอีกฝ่ายก็ผละสายตาไป จังหวะเดียวกันกับที่เสียงเคาะห้องดังขึ้นและบานประตูก็เปิดผางออก บรรยากาศเบาสบายที่อบอวลมาตลอดหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อคนใหม่เดินเข้ามา เมธัส
"สวัสดีคุณปลาวาฬ"
นักธุรกิจหนุ่มพูดราวกับเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ ความจริงเมธัสก็ดูไม่ได้แก่มาก แต่ก็ดูมีอายุกว่าพวกเขาแน่ ๆ อย่างน้อยก็ด้วยการวางตัวและท่าทางที่เหมือนอยู่กับคนละชนชั้น เจ้าของบริษัททิ้งตัวลงที่อีกฝั่งของโซฟา มุมที่ห่างจากแขกทั้งสองมากที่สุด
"คุณชื่อจริงชื่ออะไรนะ"
"ปลาวาฬครับ ชื่อเล่นชื่อปลาวาฬ ชื่อจริงก็ชื่อปลาวาฬ"
เด็กหนุ่มตอบ อย่างอารมณ์ดี ตั้งใจจะใช้ทักษะความอัธยาศัยดีไม่เลือกหน้าละลายบรรยากาศมาคุเสียหน่อย แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเส้นลึกเกินเยียวยา ซื้อไม่ได้แม้แต่ยิ้มมุมปาก
"ชื่อแปลกดีนี่"
"ทำงานในวงการบันเทิง ใช้ชื่อจำง่าย ๆ ก็ทำงานง่ายครับ เรียกใช้สะดวก"
เขาตอบ หลังจากนั้นจึงหันไปแนะนำตัวเจเจที่มาด้วยเล็กน้อยว่าเป็นตัวแทนโมเดลลิ่งที่มาแทนพี่อี๊ดซึ่งไม่ว่าง อาห์ หลังจากรับงานนี้ก็โกหกเป็นไฟเลยนะไอ้ปลาวาฬ
"คุณเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่"
เมธัสพูดอย่างจริงจัง จากที่เคยนั่งพิงโซฟาก็เปลี่ยนมาเป็นหลังตรง แขนทั้งสองเท้าอยู่กับหัวเข่า และประสานมือกัน จ้องสายตาตรงมาที่เขา
"ผมส่งคนเข้าไปสมัครจากหลายที่ ทั้งคนที่เป็นเชฟ คนที่ชอบทำอาหาร หรือไม่ก็คนที่คัดมาจากโมเดลลิ่งอย่างคุณ" คนตรงหน้าเว้นจังหวะ "คุณคือคนเดียวที่สมัครผ่าน"
ปลาวาฬพยักหน้ารับ แอบยิ้มนิด ๆ อย่างอดภูมิใจไม่ได้
"ผมจะไม่ถามว่าคุณทำได้ยังไง" อ้าว ไม่ได้เสียตัวให้เชฟนะเว้ย ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนมันมีอะไรลึกซึ้ง "แต่คุณจะต้องระวังตัวเรื่องนี้ให้ดี"
"ทำไมล่ะครับ" เสียงของเจเจถามขึ้น นั่นสิ ทำไมล่ะ
"ผมคิดว่าเชฟโอบน่าจะรู้แล้วว่าเมธัสกรุ๊ปได้พยายามส่งคนเข้าไปในการแข่งขันนี้ เชฟบางคนที่เราจ้างมาเก่งมาก และมีฝีมือสูงมาก"
เมธัสหันมาส่งสายตาคมใส่เขา อ๋อ จะบอกว่าเขาไม่เก่งแต่สมัครติดไปได้เพราะเชฟโอบยังจับไม่ได้สินะ ไม่ได้มาจากความสามารถ
"แต่ก็ไม่ผ่าน"
เมธัสส่งสายตามา สายตาไม่ค่อยจะดูเป็นมิตรเท่าไหร่นัก เขารู้สึกหงุดหงิดน้อย ๆ แต่พอเหลือบสายตาไปมองเจเจ ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะตึงนำหน้าไปก่อนแล้ว หน้าตาของไอ้ตี๋เพื่อนรักนิ่งสนิท จ้องตาสู้เมธัส ในใจนี่คงจะกำลังกระทืบกันอยู่ อย่างนี้สิเพื่อน เป็นเพื่อนกันก็ต้องโมโหแทนเพื่อนด้วย
"นั่นไม่ได้แปลว่าคุณควรจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้ปลาวาฬเหรอครับ นี่ขนาดคนที่คุณส่งไปยังไม่ผ่านสักคน"
เฮ้ย ขอค่าตัวเพิ่มหลังงานเริ่มแบบนี้ไม่ได้นะไอ้เจเจ เสียจรรยาบรรณหมด เขากำลังจะหันไปส่งสัญญาณบอก แต่ไอ้เจเจเข้าพรรคมารไปเรียบร้อยแล้ว คงอยากจะกวนตีนคนตรงหน้ามากกว่าอย่างอื่น เจเจทำงานกายภาพบำบัด ชีวิตเจอพวกคนรวยเอาแต่ใจตัวเองมาเยอะแยะ และมันเกลียดมาก
"ปลาวาฬน่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณหาที่อื่นไม่ได้นะครับ"
เอ่อ บรรยากาศตอนนี้ดุเดือดสุด ๆ ไปเลย เหมือนเขาจะไม่ได้มาเจรจากับเมธัสอีกแล้ว แต่เป็นเจเจต่างหาก ใจเย็นก่อนเพื่อนรัก เขาหันไปมองหน้าเมธัส ฝ่ายนั้นหรี่ตา เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังเดินเกมอะไรบางอย่างพลาดไป แต่ไม่นาน คนตรงข้ามนั่นก็คลี่ยิ้มออกมาเป็นเล่นป๊อกเด้งแล้วได้ป๊อกเก้าสองเด้งกินรอบวง
"ผมยินดีเพิ่มค่าจ้างเป็น 1.5 ล้าน แต่คุณปลาวาฬต้องเซ็นสัญญาทันทีภายใน 5 นาทีนี้"
เมธัสหยิบกระดาษออกมาวางบนโต๊ะ หนาสักสามสี่ใบ เขาจะเอื้อมมือไปหยิบมาอ่าน แต่ก็โดนเจเจตัดหน้าฉกไปอ่านก่อนเรียบร้อย ให้คนมีสมองอ่านเถอะ อุตส่าห์เอามันมาเพื่องานนี้
"ในสัญญาระบุว่าหากคุณปลาวาฬได้สิทธิ์เซ้งหรือสิทธิ์อื่นใดในกิจการหรือสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องบนที่ดินดังกล่าว คุณปลาวาฬจะต้องโอนให้เมธัสกรุ๊ปเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดโดยไม่มีข้อแม้ แลกกับค่าตอบแทน 1.5 ล้านบาท และค่าแรงอีก 5 หมื่นบาทที่ผมจะจ่ายให้สดในวันนี้" เมธัสพูด
"คุณเขียนครอบคลุมหมดแบบนี้ ต่อให้เชฟโอบยกที่ดินให้ปลาวาฬเปล่า ๆ คุณก็ได้รับไปเลยอะสิ แบบนี้มันก็ไม่แฟร์หรือเปล่า" เจเจเถียง แต่เมธัสกลับหัวเราะออกมาเบา ๆ
"ถึงที่ดินนั่นจะเป็นชื่อของเชฟโอบก็จริง แต่ทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็ติดจำนองธนาคารอยู่ ยกให้ใครเปล่า ๆ ไม่ได้ หนี้ก็ท่วมอยู่จนผ่อนแทบไม่ทัน ยังไงไม่เกิน 3 เดือน เชฟโอบก็ต้องยอมคายกิจการออกมาแน่ เพียงแต่ว่าใครจะเป็นผู้ได้รับเท่านั้น"
เจเจเม้มริมฝีปาก เขาหันไปมอง พยักหน้าให้เบา ๆ
"คุณปลาวาฬเหลือเวลาอีกแค่ 1 นาที"
เด็กหนุ่มเอื้อมคว้าปากกาตรงหน้ามาถือไว้ เจเจหันมามองหน้าอย่างคิดหนัก เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเล่นตุกติก แต่เอาน่า ถ้าเขาพอใจในเงินที่จะได้จากสัญญาก็ไม่น่าจะมีปัญหาหนิ ถ้าได้อะไรมามากกว่านี้ก็ถือว่าไม่ใช่ของตัวเองแล้วกัน ปลาวาฬจรดปากกาเซ็นชื่อเรียบร้อย เมธัสลุกยืนขึ้น หยิบสัญญา และทำท่าจะเดินจากไป
"ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ คุณปลาวาฬ"
เส้นทางสู่การเป็นเชฟปลาวาฬได้เริ่มขึ้นแล้ว มาคอมเมนต์ให้กำลังปลาวาฬกับคนเขียนกันได้น้า
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta