ย้อนกลับไป 18 ปีก่อน วันแรกที่ผมเกิด ได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือเหล่าสัตว์ป่ามากมายได้ออกมาจากป่า พวกมันมาอยู่รอบๆ บ้านของเราส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง ชาวบ้านละแวกนั้นต่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงเหล่าสัตว์ป่าถึงกลับเข้าป่าไป
หลังจากนั้นชาวบ้านต่างพากันรังเกียจครอบครัวของเรา พวกเขาหาว่าผมเป็นตัวกาละกิณี จะนำพาหายนะมาสู่หมู่บ้าน พวกชาวบ้านจึงขับไล่ครอบครัวเราให้ไปเข้าไปในป่า
พ่อแม่ และผม เข้ามาอาศัยอยู่ในป่า ครอบครัวเราใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายในป่า อาจเพราะตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเหล่าสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็น เสือโคร่ง หมีควาย กระทิง หมาป่า หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ ต่างไม่คิดทำร้ายคนในครอบครัว ซึ่งพวกเราก็ตอบแทนธรรมชาติโดยการไม่ล่าสัตว์ ในตอนแรกก็เก็บผลไม้ป่ากิน แต่ก็จะมีบางวันที่จะเจอไก่ป่า กระต่าย หรือสัตว์เล็กๆ ตายอย่างไม่รู้สาเหตุ พ่อและแม่ก็จะนำไปประกอบอาหาร
ผมเติบโตมาในป่า นอกจากพ่อแม่ก็จะมีเหล่าสัตว์ที่ชอบออกมาเล่นด้วยไม่ว่าจะกระรอก หรือนกต่างๆ เวลาว่างพ่อกับแม่มักจะชอบสอนปั้นตุ้กตาจากดินเหนียว ตลอดชีวิตผมก็อยู่แต่ในป่า แต่ก็มีบางครั้งที่พ่อพาเข้าไปในเมืองนำผลไม้ป่าหรือพวกเห็ดที่หายากไปขาย และซื้อของใช้จำเป็น
จนเวลาผ่านไปได้ 10 ปี คืนหนึ่งมีฝนตกแรง ฟ้าร้องคำรามสนั่น เสียงหวีดหวิวของลมสร้างความน่ากลัว อย่างบอกไม่ถูก
อยู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก เพราะตลอดเวลา 10 ปีมานี้ ไม่เคยมีใครเข้ามาในป่านี้เลย พ่อเดินไปเปิดประตู ทันทีที่พ่อเปิดก็ต้องสะดุ้ง เพราะภาพที่เห็น คือผู้ชายร่างใหญ่ตัวสีดำ ดำสนิทแบบถ่าน ในดวงตาสีขาวสนิท ไม่มีลูกตาดำ ใส่กางเกงยีนขาสั้นแบบขาดๆ
ชายคนนั้นยิ้มอย่างน่ากลัวมือขวาของเขาจับมาที่คอของพ่อ ตัวของพ่อลอยขึ้น พ่อดิ้นอย่างทุรนทุราย แม่วิ่งเข้าไปเพื่อช่วยพ่อ ชายคนนั้นใช้มือซ้ายจับและบีบคอแม่
ทั้งพ่อและแม่ดิ้นทุรนทุราย ตอนนั้นผมยังเด็กมากทำได้แค่ร้องไห้ ตะโกนขอความช่วยเหลือ แล้วไม่นานนัก ทั้งพ่อและแม่ก็แน่นิ่งไป
ชายร่างดำเดินมาหาผม พร้อมพูดว่า "หอมเหลือเกิน ข้ากินได้ไหม" หลังพูดจบชายคนนั้นก็ร้องโหยหวยอย่างทรมาน เขาคุกเข่าลงพร้อมพูดกับอากาศว่า "ขออภัยนายท่าน ข้าจะเอามันไปให้ท่าน" ชายคนนั้นจับผมยกขึ้นพาดบ่า แล้วเดินออกมาจากกระท่อม
ขณะที่กำลังเดินออกมาจากกระท่อม เสือโคร่งตัวใหญ่กระโจนเข้าใส่ มันมีขนสีเหลืองปนน้ำตาลลายสีดำพาดไปมา ทำให้ดูน่าเกรงขาม เมื่อมันพุ่งใส่ทำให้ผมในวัย 10 ขวบกระเด็นออกไป เสือโคร่งกระโดดเข้าตะปบชายร่างดำ พร้อมแยกเขี้ยวคำราม มันกัดเข้าที่คอของชายคนนั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ชายคนนั้นยิ้มในขณะที่เขี้ยวของเสือยังคาอยู่ที่คอ เขาเอามือสองข้างจับคอเสือและบีบจนเสือต้องปล่อยเขี้ยวจากคอ ชายคนนั้นเหวี่ยงเสือโคร่งลอยไปไกล
ชายคนนั้นเดินกลับมาหาผม ทันใดนั้นนกแสกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา มันใช้กรงเล็บจิกไปที่ตาของชายร่างดำ ชายร่างดำร้องโหยหวน ระหว่างที่ชายร่างดำกำลังพยายามใช้มือจับนกแสก ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาจากด้านหลัง
เมื่อเสียงนั้นใกล้เข้ามา ก็ปรากฏร่างเป็นกระทิงสีดำ เขาของมันเสียบเข้ากลางลำตัวของชายคนนั้น เจ้ากระทิงยกร่างของชายคนนั้นขึ้นมา สิ่งที่น่าสยดสยองก็คือชายคนนั้นหัวเราะทั้งที่ตัวเองกำลังโดนเขาของกระทิงเสียบอยู่
แต่เขาก็ต้องหยุดหัวเราะ เมื่อมีเงามืดร่างใหญ่สีดำปรากฏขึ้นข้างๆ กระทิง นั่นคือหมีควายตัวสูงประมาน 3 เมตร มันใช้อุ้งเท้าทั้งสองข้างฉีกร่างของชายคนนั้นจนขาดครึ่ง
เจ้าเสือโคร่งที่ตอนแรกคิดว่าตายไปแล้วลุกขึ้นมา กัดและฉีกคอของชายคนนั้นออก ตอนนี้ร่างของเขาแบ่งออกเป็นสามส่วน หัว ลำตัว และช่วงล่าง ชายคนนั้นร้องโหยหวน เกิดควันดำลอยขึ้นมาจากทุกชิ้นส่วน แล้วก็ค่อยๆเล็กลงกลายเป็นตุ้กตาขี้ผึ้งที่ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย
ผมในอายุ 10 ขวบ ที่มองดูเหตุการณ์นี้กลางฝน มันเลวร้ายมาก ผมทั้งตกใจ ทั้งกลัว พอผมตั้งสติได้ ก็พยายามลุกขึ้นเพื่อจะวิ่งไปหาพ่อและแม่ในกระท่อม แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน
"พนา" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง นั่นคือเสียงของแม่ ภาพที่เห็นคือพ่อและแม่ยืนยิ้มอย่างอบอุ่น ผมดีใจมากที่พ่อและแม่ยังดูสบายดี ผมวิ่งไปโผกอด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ร่างกายของผมทะลุพ่อกับแม่ไป
"พ่อ แม่ของเจ้าตายแล้ว นี่คือวิญญาณของพวกเค้า" ชายชราในชุดขาวปรากฎตัวขึ้น ท่านใส่ชุดสีขาวทั้งผมและหนวด ต่างก็เป็นสีขาว แววตาและน้ำเสียงของท่านให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ผมมองเห็นแสงอะไรบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวท่าน
"พวกเขาเป็นคนดี ทำแต่เรื่องดีมีเมตตา พวกเขาจะได้ไปในที่ ที่ดี ข้าบอกพวกเขาแล้ว ว่าป่าแห่งนี้จะดูแลเจ้าเอง พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วง" พ่อและแม่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แสงสีขาวสว่างขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับของพ่อและแม่