สายฝน (มุมมองเจ้าตัว)
ฉันมีชื่อว่าสายฝน นามสกุลของฉันคือศึกสงคราม คนอื่นๆเรียกฉันด้วยชื่อเล่นว่าฝน ครอบครัวของฉันเป็นคนรวย เวลานี้ฉันมีอายุได้14ปีแล้ว
ฉันจ้องมองเค้กก้อนใหญ่ตรงหน้า วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน แต่น่าเศร้าใจนัก ไม่มีใครมาอวยพรวันเกิดของฉันเลย แม้แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่อวยพรให้ฉัน
ท้องร้องเสียงดัง วันนี้ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย ฉันคิด ฉันเริ่มตัดเค้กแบ่งแยกออกเป็นหลายชิ้นทันที ฉันไม่สนใจว่าจะมีคนมาอวยพรวันเกิดของฉันหรือไม่ ฉันชินชากับการอยู่คนเดียวแล้ว
ครอบครัวของฉันเข้มงวดมาก ตั้งแต่เด็กฉันได้รับแรงกดดันมหาศาลในหลายๆเรื่อง พ่อแม่ของฉันบอกว่าฉันต้องสุดยอดในทุกๆด้านซึ่งฉันก็ทำตามที่พวกท่านบอก
ฉันอยากทำให้พ่อและแม่มีความสุข อยากให้พวกท่านหันมาสนใจฉัน ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างมาก
คะแนนของฉันออกมาดีทุกครั้ง ฉันมักจะติดสามอันดับแรกของชั้นเรียนมัธยมต้นปีที่สองเสมอ ทุกๆคนมองฉันว่าเป็นอัจฉริยะ เป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการเรียนสูงส่ง
แต่มันไม่ใช่เลย ไม่มีใครรู้จักฉันจริงๆซักคนยกเว้นเธอคนนั้น ฉันไม่ได้เป็นอัจฉริยะ ฉันไม่ได้มีพรสวรรค์ ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าฉันต้องพยายามมากเท่าใดกว่าจะประสบความสำเร็จ
ฉันไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิตนัก หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันเขาหรือเธอคงไม่สามารถทนไหว ฉันสามารถพูดได้เต็มปาก คนในวัยเดียวกับฉันมีน้อยคนที่สามารถทนรับเรื่องพวกนี้ได้
ฉันหันไปมองนาฬิกา เวลานี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ฉันไม่สามารถทนความหิวได้อีกต่อไปเริ่มกินเค้กทันที ฉันไม่ใช่คนกินเยอะอยู่แล้วดังนั้นจึงกินเค้กไม่ได้มาก
เค้กเหลืออยู่หลายชิ้น ฉันทิ้งมันไปโดยไม่ลังเลเพราะฉันกินไม่หมด สำหรับฉันเค้กก้อนนี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย การที่ทิ้งมันไปไม่ได้ส่งผลใดๆต่อฉัน
ครอบครัวของฉันรวยมาก เงินจำนวนเล็กน้อยที่ใช้ซื้อเค้กไม่มีค่าในสายตาฉัน
วันถัดมา
ฉันมาโรงเรียนตามปกติ นักเรียกหลายคนมองมาที่ฉัน ฉันไม่ได้สนใจมันเพราะฉันคุ้นเคยกับสายตาเหล่านี้ดี
"นั่นใช่สายฝนที่อยู่ม.2หรือเปล่า ที่เขาลือกันว่าเป็นอัจฉริยะน่ะ?"
"ใช่! นั่นคือเขา ฉันจำได้เพราะฉันเคยพบเขามาครั้งหนึ่ง"
"ทำไมเราไม่ลองเข้าไปคุยกับเขาดูล่ะ?"
ตอนนั้นเด็กผู้ชายตัวอ้วนคนหนึ่งก็ถามกับเด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆ
"อย่าเข้าไปเชียวนะ นายไม่รู้เหรอว่าครอบครัวของเขาเป็นใคร? ครอบครัวของเขารวยมาก แถมยังมีอิทธิพลไม่ธรรมดาด้วย!"
เด็กผู้ชายข้างๆเตือนเด็กชายตัวอ้วนด้วยความหวังดี
"มีอิทธิพลไม่ธรรมดา? นายรู้ได้ยังไงกัน? เหมือนในหนังหรือเปล่า?"
เด็กชายตัวอ้วนถามอย่างสงสัย
เด็กชายข้างๆตอบ เขาแสดงสีหน้าหวาดหวั่นในตอนท้าย
"ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากพ่อน่ะ เห็นว่าฉันเหมือนคนธรรมดาแต่ที่จริงฉันไม่ใช่คนธรรมดาหรอกนะ พ่อของฉันมีอิทธิพลเยอะพอตัวแต่ถึงงั้นก็เหอะ หากนำไปเปรียบเทียบกับอิทธิพลของครอบครัวสายฝนอิทธิพลพ่อของฉันก็ไม่นับว่าเป็นอะไร"
"จริงๆเหรอ"
"แน่นอนสิ ทำไมฉันต้องโกหกนายด้วยล่ะ?"
"งั้นฉันไม่เข้าไปทักทายสายฝนดีกว่า"
ฉันได้ยินเสียงผู้คนรอบๆอย่างชัดเจนรวมถึงบทสนทนาของเด็กผู้ชายตัวอ้วนกับเด็กชายข้างๆด้วย ฉันทำเป็นไม่ได้ยินที่พวกเขาพูด
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาเย็น
ฉันเข้าไปพูดคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในห้อง เธอค่อนข้างสวย แต่ฉันไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ของเธอ ฉันเอ่ยถาม
"เย็นนี้เราไปดูหนังกันมั้ยริน?"
เธอคนนี้ชื่อริน ฉันชอบเธอ เพราะเธอไม่สนใจสถานะของฉัน ไม่สนใจครอบครัวของฉัน ไม่สนใจว่าฉันจะเป็นอัจฉริยะหรือคนธรรมดา เธอคือคนที่เข้าใจเขามากที่สุด
ฉันขอเธอคบเป็นแฟนเมื่อเดือนก่อน เพื่อขอเธอคบเป็นแฟนฉันยอมแหกกฎที่พ่อแม่ตั้งเอาไว้ เดิมทีวันนี้ฉันต้องรีบกลับบ้านไปอ่านหนังสือทว่าวันนี้หนังเรื่องใหม่ออกพอดีทำให้ฉันตัดสินใจหลอกพ่อแม่ ฉันหลอกพวกท่านไปว่าฉันมีเรียนพิเศษ
พวกท่านตอบตกลงอย่างไม่ค่อยจะสนใจฉันซักเท่าไหร่ ตราบใดที่ฉันไม่ออกนอกกฎที่ตั้งไว้พวกท่านจะไม่สนใจฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันหลอกพวกท่าน ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงฉันก็เลือกชวนรินไปดูหนังอยู่ดี แม้ว่าฉันจะต้องถูกพ่อลงโทษก็ตาม
"ใช่สิวันนี้หนังเรื่องใหม่ออกใช่มั้ย?"
รินเผลอร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น ท่าทางของเธอน่ารักมาก หัวใจของฉันเริ่มเต้นแรงเมื่อเห็นท่าทางริน
"ใช่แล้ว!"
ฉันตอบพลางพยักหน้าหงึกๆ นี้ฉันได้ทำการหาข้อมูลมาแล้ว หนังเรื่องใหม่นี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้หญิง หวังว่ารินจะชอบนะ
"ได้สิไปด้วยกัน แต่จะดีเหรอ? นายจะไม่เป็นไรสินะ?"
เห็นท่าทางเป็นห่วงของริน ฉันเลยไม่กล้าพูดความจริงออกไปได้แต่โกหก
"อืม ฉันไม่เป็นไรเธอไม่ต้องห่วง"
ดูเหมือนรินจะรู้ว่าฉันพูดโกหก เธอทำสีหน้าไม่พอใจออกมาซึ่งมันน่ารักมาก
"นายโกหก! พ่อกับแม่นายไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้แน่"
ฉันเหงื่อตก เธอรู้ดีจริงๆ
"ไม่เป็นอะไรหรอกยังไงซะฉันก็โกหกพ่อแม่ไปแล้ว"
ฉันพยายามกล่าวเพื่อไม่ให้เธอยกเลิกการไปดูหนังกับฉัน
"หึ ในเมื่อนายยอมถึงขนาดโกหกพ่อแม่เพื่อไปดูหนังกับฉัน ฉันจะไม่ปฎิเสธละกัน"
ฉันรู้สึกตื่นเต้นและยินดีในเวลาเดียวกัน ฉันชวนเธอไปดูหนังสำเร็จแล้ว ฉันกับรินไปดูหนังกันที่โรงหนังชื่อดังแห่งหนึ่ง หนังที่พวกเราไปดูกันเป็นหนังจากต่างประเทศ เป็นหนังเกี่ยวกับความรัก
ฉันไม่ค่อยชอบดูหนังแนวนี้เท่าไหร่แต่รินดูเหมือนจะชอบมัน ฉันเลยพยายามทำตัวให้ดูเหมือนกำลังสนุกกับหนัง
เวลาผ่านไปในที่สุดหนังก็จบ รินยังคงตื่นเต้นอยู่แม้ว่าหนังจะจบไปนานแล้วก็ตาม ฉันพารินไปซื้อของต่อ
รินมองราคาสินค้า ราคาแพงมากสำหรับคนธรรมดาแต่สำหรับฉันมันราคาถูกมาก เธออยากได้กระเป๋าใบนี้ทว่าเธอก็ไม่ได้ขอให้ฉันซื้อให้ ฉันรู้สึกชื่นชอบเธอมากขึ้นไปอีก ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นต้องร้องขอให้ฉันซื้อให้แน่นอน
ตลอดหนึ่งเดือนที่คบกันฉันไม่ค่อยได้มีเวลาว่างให้กับเธอมากนัก ฉันจึงตัดสินใจซื้อของที่รินอยากได้ให้กับเธอ
"จะดีเหรอ?"
"แน่นอน ตลอดหนึ่งเดือนที่เราคบกันฉันไม่ค่อยมีเวลาให้เธอเลยเพราะงั้นฉันจึงต้องการชดเชยด้วยของที่เธออยากได้"
"มันแพงมากเลยนะ"
"ไม่เป็นไรต่อให้ราคาหนึ่งล้านบาทฉันก็สามารถซื้อให้เธอได้"
ฉันซื้อของให้รินหลายอย่าง วันนี้ฉันเสียเงินไปเยอะมากแต่ฉันไม่ได้เสียดายมันเลยซักนิด ขอแค่ให้รินมีความสุขและชอบของที่ฉันซื้อให้ก็พอ
โทรศัพท์ของรินดังขึ้น รินขอตัวกลับบ้านก่อน เธอบอกว่าเมื่อครู่นี้แม่ของเธอโทรมา ฉันไม่ได้ห้ามเธอ ฉันรู้สึกว่ารินเป็นห่วงแม่ของเธอมาก
ฉันเดินเล่นแถวๆนั้น สายลมยามเย็นพัดผ่านร่างฉันไป เมื่อฉันเหนื่อยฉันก็ไปนั่งบนเก้าอี้สาธารณะ พระอาทิตย์เริ่มมองไม่เห็นแล้ว อีกทั้งรินก็กลับไปแล้ว ฉันเตรียมตัวไปโรงเรียน
เนื่องจากโรงเรียนปิด2ทุ่มฉันจึงวางกระเป๋าไว้ที่โรงเรียน เวลาที่มาดูหนังจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสะพายกระเป๋าไปไหนมาไหน
กลับมาที่โรงเรียน ฉันเห็นรินด้วย เธอกำลังจะไปไหนกันนะ? หรือว่าเธอเองก็เอากระเป๋าไว้ที่โรงเรียน ไม่สิ ฉันจำได้ว่าเธอเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านก่อนมาดูหนัง บางทีเธออาจลืมของกระมัง
หืม? ฉันเห็นเธอเดินไปหาเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาหล่อมาก ความหล่อของเขาทำให้ฉันอดอิจฉาไม่ได้ เป็นไปได้มั้ยว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนกับริน ฉันคิด
ฉันเห็นพวกเขาทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ ด้วยความอยากรู้ฉันค่อยๆเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ
"รินความสัมพันธ์ของเธอกับสายฝนเป็นไงมั้ง?"
เด็กผู้ชายคนนั้นถามริน รินตอบเขาพลางชี้ของที่ฉันซื้อให้เธอ
"มันเป็นไปได้ด้วยดี วันนี้เขารู้สึกผิดเลยซื้อของพวกนี้ให้ฉัน"
"ดูเหมือนสายฝนคนนี้จะรวยมากเลยสินะ ของพวกนี้ทั้งหมดอย่างน้อยก็หลายแสน"
"ใช่เขารวยมาก! และก็โง่มากด้วย ฉันแค่ใช้ทักษะเล็กๆน้อยๆเขาก็ชอบฉันแล้ว"
ฉันตกใจมาก รินกล่าวต่อโดยไม่รู้ว่าฉันกำลังแอบฟังอยู่
"ดูนี่สิ ของพวกนี้แค่ฉันทำเป็นอยากได้เขาก็ซื้อให้ฉันโดยไม่ลังเล นายคิดว่าเขาโง่มั้ยล่ะ? มีเงินเยอะก็จริงแต่โง่ อัจฉริยะ? ควายยังฉลาดกว่าเขาอีก ไม่น่าเกิดมาในครอบครัวคนรวยเลย เฮ้อ~ ทำไมฉันถึงไม่โชคดีเกิดมาในครอบครัวคนรวยมั้งนะ"
ฉันกำหมัดแน่นกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดไหล คำพูดของรินทำลายจิตใจฉันเกินไป ฉันไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป มันเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าฉันถูกรินหลอกใช้ อยู่ไปก็มีแต่เสียความรู้สึก ฉันไม่สนใจกระเป๋ารีบวิ่งกลับบ้านทันที
เมื่อกลับมาถึงบ้าน
"ไอโง่เอ้ย! ควายยังฉลาดกว่าแกอีก ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับเรื่องพวกนี้แต่แกไม่ฟัง"
ฉันไม่รู้ว่าพ่อรู้เรื่องของฉันกับรินได้อย่างไร ฉันไม่มีเวลาคิดมากนักก่อนโดนพ่อตบหน้า ใบหน้าของฉันเวลานี้คงมีรอยสีแดงรูปฝ่ามือปรากฎอยู่ ฉันรู้สึกอับอายมากที่โดนพ่อตบหน้า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อของฉันจะไม่ห่วงใยฉันแต่ท่านก็ไม่เคยตีหรือตบฉันมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก
เดิมทีฉันก็เสียความรู้สึกอยู่แล้ว โดนพ่อตบหน้าเพิ่มอีกฉันยิ่งเสียความรู้สึกเข้าไปใหญ่
นับแต่วันนั้นมาฉันก็แทบไม่ได้ออกจากห้องนอนของตนเองเลย ฉันได้ค้นพบโลกใบใหม่ของฉัน เป็นโลกที่ไม่มีกฎหรือข้อจำกัดผูกมัดฉัน ฉันได้รู้จักนิยาย อนิเมะ และเกมที่เคยเห็นคนอื่นเล่น ฉันรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบ
ฉันไม่อยากกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่มันเป็นไปไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งเดือนพ่อของฉันไม่สามารถทนเห็นฉันเป็นแบบนี้ได้อีกต่อไป ท่านสั่งให้ฉันหยุดเล่นเกมดูอนิเมะและอ่านนิยาย แน่นอนฉันไม่ยอม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับครอบครัวไม่ดีนัก
แม้ฉันจะไม่ยอมหยุดอ่านนิยายดูอนิเมะและเล่นเกมแต่ฉันก็กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ฉันต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่ใช่หนี
หนึ่งเดือนที่ฉันไม่มาทุกคนไม่รู้สาเหตุของมันแม้กระทั่งริน ฉันบอกเลิกกับรินโดยไม่อธิบายอะไรเลย กระเป๋าของฉันเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วตอนนี้ได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ฉันรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย ราคากระเป๋าเรียนของฉันแม้ไม่แพง แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ก็ถือว่าเป็นเงิน หลังจากผ่านเหตุการณ์ถูกรินหลอกใช้ให้ซื้อของฉันก็เปลี่ยนไปมาก ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มที่นิสัยขี้เหนียว
ฉันไม่ทำตามกฎที่พ่อแม่ตั้งไว้อีกต่อไป ฉันอยากมีอิสระ ฉันอยากทำตามใจตนเอง ไม่สนใจคนอื่น คนอื่นจะคิดยังไงกับฉันช่างมัน ฉันไม่สนใจ
แต่ก็นั่นแหละ บนโลกแห่งความเป็นจริงใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง มันยังมีกฎหมายอยู่ ทว่าแค่หลุดพ้นจากกฎอันแสนเข้มงวดของพ่อฉันก็พอใจแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ฉันขึ้นมาอยู่มัธยมต้นปีที่สาม ในปีนี้ฉันได้พบกับเพื่อนที่จริงใจต่อฉัน เขาชื่อว่าเพชร
///
'ฝันอีกแล้ว ฟู่ว~ เมื่อวานฉันก็ฝัน วันนี้ฉันก็ฝัน แถมยังเป็นฝันแย่ๆอีก ช่วงนี้ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?' สายฝนบ่นในใจขณะลุกจากเตียง เมื่อคืนไม่รู้ว่าทำไมเขาดันไปฝันถึงเรื่องเมื่อตอนเด็กซะได้ เขาเดินออกมาจากห้อง และพบอย่างรวดเร็วว่าดารินทร์ยังไม่ตื่น
จบบทพิเศษ ความฝัน