webnovel

บทที่ 9 : ห้วงความฝัน

" ในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อย.. ! "

วิคตัสยิ้มอย่างพอใจเมื่อมองไปยังกล่องไม้ที่จัดเรียงโพชั่นสมุนไพรอย่างเป็นระเบียบตรงหน้า ขวดคริสตัลที่มีลวดลายสวยงามสะท้อนแสงจากกองไฟในห้องของเขาทำให้สีสันของโพชั่นต่างๆดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือไปกับการศึกษาพืชสมุนไพรที่เก็บมาจากการสำรวจ การทดสอบคุณสมบัติของพืชแต่ละชนิดได้เปิดโลกใหม่ให้เขาอย่างไม่รู้จบ

วิคตัสค้นพบว่าพืชแต่ละชนิดมีพลังซ่อนเร้นที่รอการค้นพบทั้งยารักษาบาดแผลที่มีประสิทธิภาพสูง ยาแก้พิษที่สามารถช่วยชีวิตในสถานการณ์วิกฤตหรือแม้แต่ผงกำจัดแมลงที่สามารถขับไล่ศัตรูพืชออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมียาพิษที่มีความรุนแรงจนสามารถหยุดยั้งศัตรูได้ในพริบตา พืชสมุนไพรเหล่านี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวิคตัสครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เขาเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างน้ำยาโพชั่นชนิดใหม่ออกมาได้เสมอ

ความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทดลองแต่ละครั้งทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับมันตลอดทั้งวันด้วยความกระตือรือร้น มีความตื่นเต้นอยู่ในทุกๆขั้นตอนและเขามักจะพบบางสิ่งที่ไม่คาดคิดซึ่งช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการใช้เวทมนตร์ของเขาให้ดียิ่งขึ้น

หลังจากส่วนผสมชุดสุดท้ายหมดลงช่วงกลางคืนที่มืดมิดก็กลับมาเยือนอีกครั้ง 

วิคตัสรู้สึกถึงความเย็นจัดที่พัดเข้ามาข้อมือขาวรีบกระชับเสื้อคลุมหญ้าดาวตกบนร่างกายของเขา แม้จะยืนอยู่หน้าหม้อปรุงยาที่เต็มไปด้วยความร้อนแต่สายลมที่พัดเข้ามาในคืนนี้ดูเหมือนจะหนาวกว่าทุกที

ความรู้สึกโดดเดี่ยวเริ่มกลับมาเยือนอีกครั้งแต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทดลองสร้างน้ำยาใหม่อย่างไม่ย่อท้อ

"พรุ่งนี้ต้องรีบรวบรวมสมุนไพรต่ออีกสักนิดแล้วค่อยหาสถานที่สำหรับทำพิธีกรรมล่ะกันแต่หมอกลงหนาแบบนี้จะจัดการกับมันยังไงดี? หวังว่าคาถาลมหายใจมังกรอาจพอใช้งานได้บ้าง .."

วิคตัสบ่นออกมาเบาๆระหว่างที่ใช้สายตาคู่สวยของเขากวาดมองบรรยากาศด้านนอกหน้าต่างที่มีเพียงความมืดไร้ซึ่งสิ่งอื่นเหมือนเช่นเคย

- Aotrommoto -

แสงสว่างเอ๋ย... ~

ข้าเรียกเจ้าออกมาจากความมืดมิดนี้

จงจุดประกายในคืนที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด

ให้โคมไฟสูงส่งปรากฏขึ้นที่นี่ ...

ไม้กายสิทธิ์ถูกโบกขึ้นเป็นจังหวะกลางอากาศเสียงร่ายคาถาที่เรียบง่ายดังก้องในอากาศจนเกิดกระแสลมอ่อนๆพัดผ่านพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องสว่างจากปลายไม้กายสิทธิ์มันดูระยิบระยับราวกับหมู่ดาวที่ลอยอยู่ในอากาศ

เพียงไม่นานโคมไฟไม้ที่สูงเกือบ 2 เมตรก็ปรากฏขึ้นบริเวณสองฝั่งข้างทางเดินหน้ากระท่อมทันทีแสงสีเหลืองที่อ่อนโยนทำให้พื้นที่รอบๆสว่างไสวขึ้นและบรรยากาศดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

วิคตัสยังคงใช้หม้อปรุงยาต้มน้ำทำหน้าที่แทนเตาผิงในค่ำคืนที่มืดมิดโดยครั้งนี้เขาได้เพิ่มสมุนไพรสีแดงสดใสลงไปในหม้อ

เพียงไม่นานกลิ่นหอมของมันก็เริ่มกระจายไปทั่วห้องสร้างบรรยากาศอบอุ่นและสงบผสมผสานกับเสียงน้ำเดือดที่มีจังหวะอย่างเป็นธรรมชาติเสียงนี้เติมเต็มความเงียบที่แสนมีเสน่ห์ในค่ำคืน

ขณะที่แสงจากโคมไฟไม้สูงส่องสว่างไปทั่วห้อง สร้างเงาของเขาทอดยาวบนผนังไม้ หน้าต่างและประตูถูกปิดสนิทจากด้านในก่อนจะถูกผนึกด้วยเวทมนตร์สำหรับป้องกันสัตว์ป่า

ด้วยเวทมนตร์นี้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการรบกวนจากโลกภายนอกได้ ความเงียบสงบราวกับทุกอย่างหยุดอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัว

แสงในกระท่อมค่อยๆหรี่ลงคล้ายกับไฟอัตโนมัติก่อนจะมืดสนิทไปพร้อมกับดวงตาของวิคตัสที่ปิดลงด้วยความง่วงนอนทิ้งไว้เพียงแสงสีฟ้าสลัวจากกองไฟของหม้อปรุงยาที่อยู่ด้านข้างของเขาคอยให้ความอบอุ่นและแสงสว่างในค่ำคืน

ท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติมีเพียงกลิ่นหอมหวานของสมุนไพร Lady Bloody ภายในหม้อปรุงยา มันช่วยให้วิคตัสรู้สึกผ่อนคลายและขับไล่ความเครียดที่สะสมมาตลอดวัน

ด้วยคุณสมบัติจากสมุนไพรทำให้เขาสามารถฟื้นฟูพลังเวทย์ในขณะที่นอนหลับได้อย่างช้าๆ

ความรู้สึกของการเป็นหนึ่งเดียวกับโลกและพลังธรรมชาติที่รายล้อมจนเกิดเป็นห้วงแห่งความฝันเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทราภาพฝันกลับไม่ใช่เพียงความคิดที่กระจัดกระจายแต่กลายเป็นการเดินทางเมื่อหลุดพ้นจากร่างกายสู่มิติที่เกินหยั่งถึง

วิคตัสรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนหลับอยู่บนเมฆก้อนใหญ่สีขาวความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดและน่าหลงใหล จนทำให้เขาหลงลืมตัวตนไปจนหมดสิ้นราวกับว่าเขากำลังลอยอยู่กลางปุยนุ่นที่อ่อนนุ่มและเงียบสงบ

....แต่ความสงบนั้นไม่คงอยู่ตลอดไป

เมฆสีขาวเริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่ามันถูกบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังรบกวน วิคตัสรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่แปลกประหลาดก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมพายุสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า

สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขณะที่เสียงคำรามของพายุดังขึ้นและทำให้ใจของเขาเต้นรัว หลุมพายุพาเขาผ่านคลื่นสายฟ้าที่แผ่กระจายเสียงฟ้าร้องที่ไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องในหู ขณะที่พายุฝนเย็นเยือกโหมกระหน่ำใส่เขาร่างกายของเขาจนเกือบกลายเป็นน้ำแข็ง

ในขณะที่ลมพายุพาเขาผ่านป่าไม้แห้งแล้งที่บิดเบี้ยวและหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนที่เหมือนกับเสียงเรียกร้องจากโลกที่ไม่คุ้นเคย สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นเมื่อเขามองเห็นเงาร่างคล้ายกับผู้ถูกทอดทิ้งในพายุพวกเขาเกือบจะสัมผัสได้แต่ในขณะเดียวกันก็หายไปในความมืดอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เสียงของพวกเขาดังก้องในใจของเขาสร้างความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาในจิตใจ

เวลาผ่านไปนานจนในที่สุดเมฆสีขาวก็หยุดลงตรงหน้าถ้ำหินสีดำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในความมืดมิด ความรู้สึกวุ่นวายและวิตกกังวลแผ่ซ่านไปทั่วร่างของวิคตัสเมื่อเขามองเห็นทางเข้าที่รายล้อมไปด้วยแมลงมีพิษจำนวนมาก พวกมันดูน่าสยองขวัญจนเขารู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในความมืดมิดมีเพียงถ้ำแห่งนี้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดแต่ความชัดเจนที่น่ากลัวนั้นกลับมาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดใจเมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในถ้ำความสงบเงียบที่รายล้อมทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในความว่างเปล่า

แมลงมากมายบนพื้นไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยเสียงที่ควรมีในป่ากลับถูกแทนที่ด้วยความเงียบที่หนาแน่นจนทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในถ้ำนี้วิคตัสรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในความมืด หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นราวกับเสียงนั้นกำลังบอกเขาว่า อย่าเข้าไป แต่กลับมีแรงดึงดูดบางอย่างจากภายใน

"เกิดอะไรขึ้น... ทำไมทุกอย่างถึงหยุดนิ่ง?"

วิคตัสกระซิบออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขณะแววตาสีเขียวของเขาสอดส่ายไปทั่วเพื่อพยายามมองหาทางออกแต่แทนที่จะพบสิ่งที่คุ้นเคยเขากลับพบกับพลังแปลกประหลาดที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ถ้ำแห่งนี้

รูปแบบสัญลักษณ์ลึกลับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนลอยอยู่กลางอากาศภายในถ้ำเป็นแถวยาวที่เชื่อมโยงไปยัง 'กรงขัง' ขนาดมหึมาราวกับถูกสร้างขึ้นเพื่อกักขังบางสิ่งที่น่ากลัว

กรงขังนี้คล้ายมนต์อักขระมันสูงยาวจากพื้นจรดเพดานซึ่งดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ขอบกรงขังมีประกายไฟสีแดงเข้มกระจายออกมาจนสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายหากเข้าใกล้มากเกินไปผนังของถ้ำถูกประดับด้วยหินพลังงานแปลกๆจนเขารู้สึกสนใจมันไม่น้อย

หัวใจของวิคตัสเต้นแรงขึ้นแรงดึงดูดจากพลังที่มองไม่เห็นทำให้เขาไม่สามารถหลีกหนีจากมันได้ เขาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ 'กรงขัง' นั้น ความสงสัยและความกลัวผลักดันให้เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นคืออะไร หรือเป็นเพราะพลังของมันที่ทำให้แม้แต่แมลงพิษรอบๆต่างหยุดนิ่ง

ตามทางเดินที่ลึกเข้าไปวิคตัสได้กลิ่นที่เข้มข้นของหญ้าสมุนไพรส่งกลิ่นหอมรุนแรงอยู่บนพื้นที่มีแมงมุมสีม่วงเข้มตัวใหญ่ทำหน้าที่ปกป้องมันอยู่

ขณะที่วิคตัสกำลังใช้ความคิดอยู่กับตัวเองและเฝ้ามองพวกมันอย่างเงียบๆสติของเขากลับถูกดึงดูดไปยังเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยอำนาจดังก้องขึ้นในอากาศ

" . ....เจ้าไม่ควรเข้ามาที่นี่ "

เสียงที่จู่ๆดังขึ้นเกือบทำให้หัวใจของวิคตัสหยุดเต้นราวกับเป็นคำเตือนจากโลกที่เขาไม่รู้จัก

"ใครน่ะ!!?"

วิคตัสพึมพำเบาๆ ขณะที่ความสงสัยและความกลัวเริ่มซ้อนทับกันในใจของเขา

ลมเย็นพัดผ่านเส้นผมของเขาจนปลิวกระจายไปทั่ว ก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้นมา

บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียด สภาพแวดล้อมที่น่าอึดอัดทำให้เขาต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะถอยกลับหรือเดินเข้าไปยังความมืดที่แผ่กระจายอยู่ข้างหน้า

ราวกับว่ามีแรงบางอย่างดึงดูดให้เขาเดินไปข้างหน้า เขาเลือกที่จะฝืนความรู้สึกหวาดกลัวในใจและก้าวเท้าเข้าสู่ความมืดแม้ในใจลึกๆจะมีความรู้สึกกลัวแทรกอยู่แต่ขาของเขาก็ยังพาไปจนถึงลานกว้างขนาดใหญ่ภายในถ้ำ

วิคตัสยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของสถานที่นั้น และภาพที่น่าตกใจที่ปรากฏต่อหน้าทำให้เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะ

ผลึกเกลือสีม่วงเข้มย้อยลงจากผนังและเพดาน ส่องแสงเรืองรองเหมือนดวงดาวในคืนที่ไร้แสงสว่างทำให้บรรยากาศโดยรอบดูลึกลับและมีมนต์ขลัง จนรู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในอากาศขณะที่แสงสะท้อนกับพื้นถ้ำเกิดเป็นเงาเคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขนลุก

บ่อน้ำที่มีกลิ่นเค็มของเกลือส่งกลิ่นเข้าจมูกตรงกลางมีหินสีดำเงางอกย้อยลงมาเกือบสามเมตร บนหินที่ทิ้งตัวลงมานั้นมีชายคนหนึ่งถูกมัดตรึงร่างไว้ด้วยมนต์อักขระที่น่ากลัว

วิคตัสกลั้นหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของเขา ชายรูปร่างสูงใหญ่ดุดันถึงแม้จะถูกคุมขังแต่ดวงตาสีเข้มของเขากลับฉายแววอำนาจที่ไม่ธรรมดาผมยาวรุงรังของเขาปกคลุมใบหน้าจนแทบมองไม่เห็น แต่วิคตัสแน่ใจอย่างยิ่งว่านี่คือเจ้าของเสียงที่ดังก้องอยู่ในห้องเงียบสงบนี้

ชายตรงหน้าเขาคือใคร?

ทำไมถึงถูกกักขังในสถานที่เช่นนี้?

..

.

..

..

.

อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เพียงแต่ยกศีรษะขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงสลัวจากบ่อน้ำเกลือทำให้เกิดประกายราวกับมีไฟส่องอยู่ในความมืดที่รายล้อม

เขาจ้องมองออกมาผ่านกลุ่มเส้นผมที่จับตัวกันแน่นจนเป็นก้อน หากสังเกตุดีๆจะเห็นว่าเส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั้นมีแมลงตัวเล็กๆเดินไต่ไปมาจนวิคตัสรู้สึกคันยุบยิบแทนชายคนนั้น

ความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจคล้ายกับมีแรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากอีกฝ่ายได้

ทันทีที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพวกเขาทั้งคู่มันรุนแรงและดึงดูดในเวลาเดียวกันแต่กลับไม่มีใครแสดงอาการใด ๆ ออกมานอกจากความเงียบสงบที่ยาวนานเกินกว่าจะนับได้

วิคตัสไล่ความคิดที่กำลังหลุดลอยออกไปและพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนปรับสีหน้าของเขาให้ดูสงบ

"ข้าได้ยินเสียงบางอย่างเลยเดินตามเข้ามาแต่มาคิดดูบางทีข้าอาจหูฝาดไป? ..เอ่อ ถ้างั้นข้าไม่รบกวนท่านดีกว่า โชคดี! "

ชายหนุ่มเงียบงันชั่วขณะก่อนจ้องมองวิคตัสด้วยสายตาที่ดูเหมือนกำลังคิดว่า

' ....คิดว่าข้าโงรึไง? '

จู่ๆวิคตัสก็รู้สึกหนาวเหน็บที่กระดูกสันหลังจนเขาเอามือลูบต้นแขนเบาๆก่อนมองไปทางซ้ายขวาเพื่อหาทางออก

"แฮะแฮ่ม...ท่านพอรู้หรือไม่ว่าทางออกที่นี่ไปทางไหน? "

เขาเผลอถามออกไปอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ สายตายังคงจ้องมองชายหนุ่มในเงามืดแต่ในใจกลับเผลอคิดว่า

'นี่ข้ากำลังถามคนที่ถูกขังว่าออกทางไหนอยู่งั้นหรอ?'

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วมองวิคตัสด้วยสีหน้าที่ไม่แน่ใจว่าควรจะขำหรือสงสารดี

"ทางออก?" เขาถามกลับ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนมีความหมายบางอย่างแอบแฝงอยู่

" ข้าเองยังไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะรู้หรือเปล่าล่ะ? "

วิคตัสรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยคำพูดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ทำให้เขาอึดอัดจนเปลี่ยนสายตาไปทางอื่น

"... ข้าก็แค่ลองถามเฉยๆน่ะ "

บรรยากาศรอบตัวทำให้วิคตัสรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่แผ่ซ่านออกมาราวกับว่าตนเองอยู่ในโลกที่มีเพียงเขาและชายหนุ่มในเงามืด

"จริงสิ! ข้าจะมอบน้ำยาสมุนไพรพวกนี้ให้กับท่านเพื่อเป็นการขอโทษที่บุกรุกเข้ามาโดยพลการ มันใช้งานง่ายมากเพียงแค่ท่านดื่มเข้าไปสามอึก น้ำยาสีฟ้าขวดนี้สามารถช่วยฟื้นฟูพละกำลังของร่างกายได้ดีทีเดียว"

เพื่อทำลายความเงียบที่น่าวังเวงนี้วิคตัสพยายามเรียกขวดโพชั่นที่ถูกเก็บไว้ในพื้นที่มิติแต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดออกมาแต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผลสำเร็จเขาเริ่มรู้สึกวิตกอีกครั้ง

"ทำไมถึงไม่มีอะไรออกมา?" เขาพูดกับตัวเองเสียงเบา ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์ที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่าความสามารถในการใช้เวทมนตร์ของเขาถูกปิดกั้นโดยพลังบางอย่าง

"อาจมีบางอย่างในถ้ำที่ทำให้เวทมนตร์ของข้าใช้งานไม่ได้..."

เขาคิดในใจขณะเหลือบมองไปยังชายที่ยังถูกมัดตรึงอยู่ด้วยสายตาที่มีความเป็นไปได้ว่าคงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ในตอนนี้

"เจ้าควรรีบไปก่อนที่ 'พวกมัน' จะรู้ตัวดีกว่า .."

ชายหนุ่มที่ถูกแขวนบนแท่นหินสีดำไม่ถามสิ่งอื่น แต่กลับไล่วิคตัสแทนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลและเร่งรีบ วิคตัสยังคงยืนครุ่นคิดสายตาจับจ้องไปยังความมืดในถ้ำราวกับกำลังพยายามหาคำตอบบางอย่างในหัว เขาโบกมือไปมาไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชายคนนั้น

"ไม่ต้องห่วงสัตว์พวกนั้นไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ!"

"ข้าไม่ได้หมายถึงแมลงพวกนั้น แต่เป็น . . ."

แต่ก่อนที่คำพูดนั้นจะจบลงเสียงแหลมแปลกประหลาดก็ดังขึ้นจากมุมลึกของถ้ำ

...

.

..

Bab berikutnya