webnovel

บทที่ 9 : ออกเดินทาง

เมื่อคำอัญเชิญดังขึ้นเสียงกระซิบของพลังที่ถูกเรียกออกมาทำให้วิคตัสรู้สึกตื่นเต้นและกดดันในเวลาเดียวกันเขาสามารถรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัว 

" โปรดแสดงเส้นทางแสงสว่างให้ข้าด้วย! "

ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าฉายขึ้นจากวงเวทย์ล้อมรอบด้วยพลังที่เหมือนกับแสงเหนือจากท้องฟ้า การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จนสั่นสะเทือนในอากาศเกิดขึ้นขณะที่รูปอักขระสีดำบนผนังถ้ำเริ่มกระพริบและหายไปทีละตัว

วิคตัสรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างพลังเวทย์ที่ถูกผนึกไว้กำลังไหลเข้าสู่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว

ขณะนั้นเองเสียงฟังดูเร่งรีบของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"รีบไป! นี่คือโอกาสของเจ้า!"  

"ข้ากำลังทำอยู่!" วิคตัสตอบกลับด้วยความมุ่งมั่นแสงสว่างทำให้เขาเริ่มมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนมากขึ้นเขาเขารีบวิ่งตรงไปยังทางอีกฝั่งของถ้ำ 

" ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณจริงๆ ! "

เขาตะโกนขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงดวงตาจับจ้องไปที่เป้าหมายข้างหน้าอย่างชัดเจน

วิคตัสรีบพุ่งตรงไปยังแสงสว่างเบื้องหน้าที่เป็นทางรอดเพียงหนึ่งเดียวแต่กรงเล็บมืดมิดที่ตามมาจากด้านหลังกลับพยายามยื้อดึงเขากลับ

" แสงคุ้มครอง! " เขาผิวปากสร้างมนต์กำแพงป้องกันขณะที่ก้าวข้ามเส้นของแสงสว่าง เสียงกรงเล็บด้านหลังเบาลงเรื่อยๆ ราวกับพลังของพวกมันถูกจำกัดและไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาในที่ที่แสงสว่างปกคลุม

ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบนิ้วมือเรียวของวิคตัสขยับเล็กน้อยเปลือกตาสั่นไหวก่อนจะเปิดขึ้นด้วยความตกใจ

ภาพเหตุการณ์จากความฝันอันหนักหน่วงยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำราวกับเงาของมันยังแฝงตัวอยู่

วิคตัสกวาดสายตามองรอบๆเพื่อยืนยันว่าตัวเองอยู่ในกระท่อมไม้หลังเก่าที่คุ้นเคยก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งใจแม้หัวใจยังคงเต้นแรงอยู่

กระท่อมที่ว่างเปล่าทำให้รู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

แต่ความฝันนั้น…ช่างเหมือนจริงจนน่ากลัว...!!

เขาพึมพำกับตัวเองรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจริงๆ

ความฝันที่เพิ่งผ่านไปนั้นหมายความว่าไงกัน?

ทันทีที่ขยับตัวเพื่อลุกขึ้นยืนความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นจากบริเวณข้อเท้าทำให้เขาเสียการทรงตัวไปชั่วขณะ ร่างกายของเขาโยกไปข้างหน้าก่อนจะต้องพยายามยันตัวไว้กับพื้นอย่างยากลำบาก

สายตาคู่สวยเหลือบมองร่องรอยบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นตรงข้อเท้าของเขาด้วยความงุนงง เลือดสีสดไหลซึมออกจากรอยข่วนยังคงอุ่นอยู่พอที่จะบอกได้ว่าแผลนี้อาจเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน

แววตาสีเขียวจ้องมองรอยแผลอย่างตั้งใจความรู้สึกสับสนและกลัวเริ่มแผ่ขยายในจิตใจเมื่อเขานึกถึงที่มาของแผลนี้

"ทำไม ...นี่มันหมายความว่าไงกันแน่?"

"เป็นสัญญาณงั้นหรอ...?"

วิคตัสเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างสับสนก่อนจ้องมองร่องรอยที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป

ประสบการณ์ที่พบบ่อยที่สุดระหว่างการนอนหลับคือ'การฝัน' ซึ่งสิ่งนี้จะไม่มีผลกระทบใดๆกับเจ้าของความฝันมากนักส่วนใหญ่เป็นเพียงความปราถนาที่อยู่ภายในใจของพวกเขา

แต่สำหรับพ่อมดแม่มดที่เกิดมาพร้อมกับพลังแห่งการพยากรณ์ทุกความฝันของพวกเขาจะเป็นอีกหนึ่งดินแดนแห่งความจริงที่ใช้เชื่อมโยงผู้คนที่เกี่ยวข้องในชีวิต

ความฝันของแม่มดคือพลังเวทย์ที่แสดงถึงทางแยกระหว่างอาณาจักรแห่งจิตวิญญาณและการปรากฏตัวของคน สัตว์ หรือแม้แต่สถานที่ต่างๆสิ่งเหล่านี้สามารถใช้ทำนายหรือเป็นลางบอกเหตุบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วยเหมือนกัน

แต่ความยากที่สุดของการทำนายฝันคือคุณต้องแน่ใจว่าสิ่งที่พบหรือสัมผัสในดินแดนแห่งฝันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึกของตัวเองและไม่ใช่ความฝันที่มาจากสิ่งที่พ่อมดผู้ฝันนั้นแสวงหาเอง ซึ่งการแยกแยะทั้งสองสิ่งนี้เป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับวิคตัสอย่างแท้จริง

ความกังวลเริ่มก่อตัวในใจของเขาเมื่อเขานึกถึงความซับซ้อนของการตีความความฝัน การที่เขาพบแผลนี้อาจหมายถึงการเตือนภัยจากความฝันที่เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้

ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่พื้นอย่างไร้จุดหมาย น้ำหนักของความรับผิดชอบที่มากขึ้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีปมที่ไม่สามารถคลายออกได้อยู่ในใจ

"เฮ้ออ~ ถ้าข้าตั้งใจศึกษาศาสตร์พยากรณ์กับท่านยายมากกว่านี้ คงดีไม่น้อย"

รู้สึกถึงความคิดถึงที่ก่อตัวในอกเมื่อเขานึกถึงผู้ที่เป็นเหมือนอาจารย์ทั้งคำสอนและการเตรียมตัวที่ท่านมอบให้มักช่วยให้เขาเข้าใจโลกที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น

การทำนายฝันหรือการพยากรณ์เป็นพิธีกรรมอันทรงพลังที่สืบทอดผ่านทางสายเลือดมาตั้งแต่ยุคโบราณ

ตระกูลของวิคตัสนั้นแตกต่างจากตระกูลแม่มดพยากรณ์ส่วนใหญ่เพราะคุณยายของเขาไม่เคยใช้สิ่งมีชีวิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับคำพยากรณ์ โดยมักยึดมั่นในหลักการที่มีความเมตตาและเคารพต่อชีวิตทุกรูปแบบความคิดนี้เป็นสิ่งที่ยึดถือและถ่ายทอดสืบต่อกันมาอย่างเหนียวแน่นในตระกูล

แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือ ทุกครั้งที่คุณยายของเขาทำการพยากรณ์ อัตราความแม่นยำของคำพยากรณ์นั้นจะสูงถึง 80% ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่งในโลกแห่งเวทมนตร์

แต่ราคาสำหรับการแลกเปลี่ยนของคำทำนายนั้นกลับสูงมากจนน่าตกใจด้วยเช่นกัน มักหมายถึงการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยได้ สิ่งนี้ทำให้วิคตัสรู้สึกถึงความกดดันและความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับการทำงานในศาสตร์นี้

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่ถูกบังคับให้เข้าศึกษาศาสตร์แห่งการพยากรณ์กับยายของเขา ความทรงจำนั้นกลับลอยขึ้นมาได้อย่างชัดเจน

.

.

.

.

ราวกับว่าเรื่องเหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานภาพของหญิงชราในชุดคลุมยาวที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวของห้องเรียนที่เต็มไปด้วยตำราเวทย์และเครื่องมือพยากรณ์ที่หลากหลาย

วิคตัสนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ที่มีอายุมากกว่า 700 ปีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกับการพยายามทำความเข้าใจขั้นตอนพิธีกรรมที่ยาวเหยียดหลายหน้ากระดาษในตำรา

เขารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขากำลังจะหลุดออกจากอก เมื่อคำศัพท์ที่ซับซ้อนและรายละเอียดที่ละเอียดมากมายทำให้เขารู้สึกว่าวิชาเรียนนี้ไม่ใช่สำหรับเขา

" ข้าทำไม่ได้! . . .ไม่เอาแล้วท่านยายย !! "

เขาตะโกนกรีดร้องจนสุดท้ายไม่อาจทนต่อแรงกดดันได้ เขาจึงตัดสินใจวิ่งหนีหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

เสียงหัวเราะของคุณยายที่ดังตามหลังเขายังคงก้องอยู่ในหูคำพูดของหญิงชราเหมือนจะไล่ตามเขาไปทุกแห่งหน

" การเรียนรู้คือเส้นทางบทเรียนที่เราต้องผ่านไปให้ได้ แม้จะยากลำบากแต่มันจะนำไปสู่ตัวตนที่แท้จริงของหลาน . . . . . .ไม่ช้าก็เร็ว "

วิคตัสนึกถึงคำพูดติดปากของหญิงชราผู้อ่อนโยนที่คอยพร่ำสอนเขาเสมอ

" ทุกสิ่งบนโลกต่างรักและหวงแหนชีวิตของตนเองทั้งนั้น การเอาชีวิตผู้อื่นเพื่อสนองความต้องการของตนเองจะต้องแบกรับชะตากรรมที่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะชดใช้ไหว จงจำสิ่งนี้ไว้ให้ดี… "

คำสอนนี้กลับดังก้องในหูของเขาอยู่เสมอนึกถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของผู้ที่เคยให้กำลังใจในยามที่เขารู้สึกกลัว คำสอนนั้นไม่เพียงแต่เกี่ยวกับศาสตร์พยากรณ์แต่ยังสอนให้เขาเห็นคุณค่าของชีวิตและความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

การเรียนรู้ศาสตร์แห่งพยากรณ์ในวิถีทางที่แตกต่างออกไปกับการแลกเปลี่ยนที่ต้องเสียสละชีวิตของผู้อื่นดูเหมือนจะไม่ใช่เส้นทางที่เขาต้องการเดินทาง

"หากต้องเลือก ข้าเลือกที่จะไม่แลกเปลี่ยนชีวิตกับอะไรทั้งนั้น" เขาพึมพำกับตัวเอง

"เมื่อไหร่ที่ข้าจะเข้าใจมันได้จริงๆสักที . . .โอ้ยแค่คิดก็ปวดหัวแล้วจริงๆ" 

ความฝัน เป็นอีกเส้นทางสำคัญในการรับส่งข้อความจากจักรวาลถึงเหล่าแม่มดแต่มันไม่ได้เป็นไปตามตรรกะหรือสิ่งที่พบเห็นเสมอไป

อีกทั้งบางความฝันอาจมีเพียงภาพสัญลักษณ์หรือการเล่นคำนั่นหมายความว่าฝันที่เห็นจงใจทำให้ผู้พยากรณ์สับสนเพราะพวกเขามักจะกระโดดไปมาในเวลาและสถานที่ที่ต่างกันออกไปทั้งยังใช้องค์ประกอบทุกประเภทหรือแม้แต่สัตว์ป่าเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งอื่นๆ

ดังนั้นหากคุณต้องการทำนายฝันได้อย่างแม่นยำคุณต้องรู้ให้ลึกถึงตัวตนของพวกมันว่ามีความหมายอะไร?

คำตอบที่ชัดเจนจะขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนส่วนรายละเอียดความฝันมักถูกแต่งเติมขึ้นมาจากประสบการณ์และสิ่งที่พบเจอล่าสุดของผู้ฝัน การให้ความสนใจกับทุกองค์ประกอบรวมถึงความรู้สึกที่มีในความฝันจะช่วยให้ผู้พยากรณ์ค้นพบการตีความหมายที่ถูกต้องได้ในที่สุด

แต่สิ่งที่วิคตัสพบดูเหมือนจะไม่ใช่ความฝันสำหรับการทำนายเลยสักนิดเพราะหากเป็นเพียงความฝันร่างกายของเขาจะไม่มีทางถูกคุกคามแต่บาดแผลที่ข้อเท้าเป็นสิ่งพิสูจน์ได้ดีว่ามันคือเรื่องจริง

วิคตัสพยายามรวบรวมสมาธิหลังจากเหตุการณ์แปลกประหลาดเมื่อคืน บาดแผลที่ข้อเท้ายืนยันให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความฝันสิ่งที่เขาได้สัมผัสนั้นมีอยู่จริงและมันสามารถคุกคามเขาจากที่ไหนสักแห่งในความมืดมิด

เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆในกระท่อมเวทมนตร์ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับตัวเท่าที่จำได้เมื่อคืนนี้หลังจากที่เขาหลับตาลงเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่โลกอีกใบ สถานที่แปลกๆที่เขาพานพบในความฝันนั้นทั้งดูเหมือนจริงและคุ้ยเคย

.

.

.

.

.

ที่สำคัญยังมีเรื่องนั้นอยู่อีกด้วย

'ชายที่ถูกขังในถ้ำแปลกๆและรูปแบบพลังที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ..ยังมีกรงเล็บสีดำพวกนั้นอีก สิ่งนี้มันหมายถึงอะไรกัน?'

วิคตัสนั่งทบทวนข้อมูลที่เขาเคยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวผิดปกติเหล่านั้นแต่ก็ไม่พบอะไรที่พอเชื่อมโยงกันได้เลยอีกทั้งกรงเล็บสีดำนั้นยังคงเป็นปริศนาที่ชวนขนลุกอีกด้วย

ถ้าหากมันเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์บางประเภท หรือสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ ...?

เป็นเพียงไม่กี่วันที่เขาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะนี้ แต่กลับมีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นให้เขาตกใจได้ตลอดเวลา

ความเงียบงันในป่าด้านนอกช่างน่าขนลุก แม้แต่เสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านแทบจะฟังดูเหมือนการกระซิบของวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่นี้

บางทีการหาตำแหน่งพิกัดที่ถูกต้องตอนนี้อาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดก่อนลงมือทำสิ่งต่าง ๆ

วิคตัสถอดชุดคลุมหญ้าแห้งสีดำก่อนแช่ตัวลงในอ่างอาบน้ำไม้สีเข้มที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกฝั่งของมุมห้องเครื่องมืออำนวยความสะดวกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างที่เขานั่งรอผลของการปรุงน้ำยา วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่นำมาจากต้นไม้ในป่า

น้ำต้มสมุนไพร Lady Bloody จากค่ำคืนที่ผ่านมาถูกปรับลดอุณหภูมิจนได้ที่ ก่อนที่จะถูกเทลงในอ่างไม้เพื่อใช้อาบน้ำ

วิคตัสไม่ได้เพียงแค่ประหยัดพลังเวทย์ที่ใช้เรียกน้ำเท่านั้น แต่ยังได้รับการฟื้นฟูจากสมุนไพรหลากหลายชนิดที่ถูกต้มไว้อีกด้วย

กลิ่นหอมของสมุนไพรตลบอบอวลอยู่รอบตัวเขาขณะที่น้ำอุ่นไหลผ่านผิวหนังผลของสมุนไพรช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและเติมเต็มพลังเวทย์ ทำให้วิคตัสรู้สึกถึงความสดชื่นที่ค่อยๆซึมซับเข้าสู่ร่างกาย

เขานั่งหลับตาในอ่างโดยไม่รู้ตัวว่าพลังเวทย์ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเริ่มหมุนเวียนออกมาอย่างช้าๆ การเคลื่อนไหวของพลังนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความเข้มแข็งและความเชื่อมโยงกับธรรมชาติแต่ความรู้สึกนี้ก็กลับทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง

เป็นเวลาเกือบปีที่เขาหยุดฝึกฝนเวทมนตร์จากหลายสาเหตุรวมถึงการปกปิดตัวตนของตระกูลด้วยเช่นกัน

ช่วงเวลานั้นความกดดันและความกลัวทำให้เขาเก็บซ่อนพลังไว้ในตัวแต่ตอนนี้ในช่วงเวลาที่เขาอยู่คนเดียวกลางป่าทึบความรู้สึกอิสระกลับเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง

ร่างกายของเขาเหมือนกำลังตื่นขึ้นจากการหลับใหลที่ยาวนานและความปรารถนาในการฝึกฝนเวทมนตร์เริ่มกลับคืนมา

ในที่สุดวิคตัสก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นจากร่างกายของเขาราวกับว่าพลังเวทย์ในตัวกำลังเตรียมตัวที่จะทะลุผ่านระดับพลังเวทย์แต่ด้วยสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่อยู่รอบตัว เขาทำได้เพียงควบคุมพลังนั้นไว้และปล่อยให้มันสงบนิ่งอยู่ในตัวเขาก่อน

"ไว้ค่อยจัดการเรื่องนี้หลังจากตรวจสอบพิกัดของป่าก่อนก็แล้วกัน"

เขาพึมพำกับตัวเองรู้สึกถึงความกังวลที่เกาะกุมอยู่ในใจ

วิคตัสลูบไล้ข้อมือตัวเองที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการหลบหนีก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆและเริ่มหมุนเวียนพลังเวทย์ให้สอดคล้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจ

ใช้เวลาเกือบ 30 นาทีในการยับยั้งพลังเวทย์ก่อนจะลุกขึ้นสวมชุดคลุมตัวเดิมที่แขวนไว้ด้านข้างและเริ่มลงมือเก็บของทั้งหมดลงในพื้นที่มิติเพื่อเตรียมออกเดินทางอีกครั้ง

ทันทีที่ประตูไม้เก่าแก่ถูกเปิดออกกลิ่นของหญ้าสดด้านนอกก็ลอยเข้ามากระทบจมูกของเขาทันที

มันช่างสดชื่นและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

วิคตัสทอดสายตามองสนามหญ้าที่เติบโตขึ้นชั่วข้ามคืนด้วยความดีใจเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่กำลังฟื้นคืนชีพเขารีบก้าวออกไปจนไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งเล็กๆที่อยู่รอบตัว

ใบเรียวเล็กสีน้ำเงินสดใสที่โบกไปมาของดอกไม้นอกกระท่อมดูสะดุดตาเป็นพิเศษช่างน่าเสียดายที่ความสวยงามของมันกลับไม่มีใครสังเกตเห็น

ดอกนิมิต ที่เติบโตท่ามกลางผืนดินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังเวทย์จากอาณาเขตที่คอยปกป้องมัน ดอกไม้นี้ไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาแต่ยังเป็นพืชที่มีจิตวิญญาณและมีความตระหนักรู้

ใบของมันเริ่มโบกไปมาอย่างเร่งรีบราวกับกำลังพยายามสื่อสารกับเจ้านายผู้เป็นที่รักของมัน

....เฮ้! นายท่าน! จะไปไหนน่ะ? ท่านคงไม่ปล่อยให้ข้าเหี่ยวเฉาอยู่คนเดียวในป่ามืดนี่ใช่มั้ยย?

.

.

.

.

.

Bab berikutnya