"องค์หญิง ประสงค์จะเล่นน้ำหรือไม่เพคะ" เพธาเอ่ยถาม
"เราอยากเล่น แต่พวกเจ้าไม่ได้นำผ้ามาเปลี่ยนใช่หรือไม่" เซนิตถามแฝดพี่น้องอย่างสองจิตสองใจ ยามนี้นางอยากแช่กายไปกับสายน้ำนัก แต่ฉุกคิดได้ว่าบ่าวรับใช้มิได้เตรียมการเรื่องนี้มาก่อน สำหรับสาวแรกแย้มอย่างนาง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย
"มิได้เพคะ หม่อมฉันมิได้เตรียมสิ่งใดมาเลย แต่เล่นทั้งอาภรณ์นี้ก็ได้เพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันกลับไปเอาอาภรณ์ใหม่มาเปลี่ยนให้" เพธายิ้มเหยเก พอบอกว่าจะมาก็มาเลย นางจึงไม่ได้เตรียมสิ่งใด
"เช่นนั้นก็ได้ ฝากเจ้าด้วยนะ" เซนิตส่งยิ้มสดใสให้บ่าวรับใช้ ก่อนจะหันกายเดินไปทางลำธาร
ในกาลก่อนแดนซาตานไม่ค่อยมีแหล่งน้ำมากนัก ทว่าแม่น้ำลำธารที่มีอยู่ล้วนใสกระจ่างดั่งแก้วมรกต เนื่องจากแหล่งน้ำมีน้อยนิด หมู่ผกาและป่าไม้จึงไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ทำให้เหล่าเสนามารต้องเล่นแร่แปรธาตุเพื่อคิดค้นตำรับปรุงดินทรายกันอยู่หลายปี จวบจนสามารถสกัดโอสถพืชออกมาได้ในที่สุด มาบัดนี้แดนซาตานล้วนอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก
ซ่าา~~ ซ่าา~~
"ฮะๆ น้ำเย็นดีหรือไม่เพนนี" เซนิตวักน้ำในลำธารสาดใส่เพนนีเป็นการหยอกล้อ มิน่าเชื่อว่าอารมณ์ที่ขุ่นมัวในตอนแรกของเด็กสาว บัดนี้กลับคลายลงไปมากโข
"องค์หญิง ฮ่าๆ พอแล้วเพคะ องค์หญิง หม่อมฉันเปียกหมดแล้วเพคะ" เพนนีหัวเราะร่าเริงพร้อมวักน้ำสาดกลับอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
ซ่าา~~ ซ่าา~~
พร้อมกันนั้นเพธาวักน้ำสาดใส่ผู้เป็นนายเช่นกัน ด้วยเห็นว่านางกำลังสำราญใจ จึงอยากทำให้นางลืมความหม่นหมองไปชั่วครู่ "น้ำตรงนี้ก็เย็นนะเพคะ ฮะๆๆ"
"นี่รุมเราใช่หรือไม่" เซนิตมองค้อนหยอกล้อ ก่อนวักน้ำสาดคืนบ่าวแฝดพัลวัน ยามนี้อาภรณ์ซับในผืนบางของเด็กสาวเปียกชุ่มแนบกาย ปรากฏส่วนเว้าโค้งอร่ามตา หยดน้ำบนซอกคอขาวไหลซึมลงไปยังเนินอกอวบ ผิวขาวเนียนนุ่มมีหยดน้ำเกาะพราว เป็นภาพที่ยั่วยวนใจเหลือเกิน
"เราอยากไปเก็บดอกไม้ให้ท่านพ่อตรงทุ่งชายป่าแล้วค่อยกลับ" ครั้นขึ้นจากเล่นน้ำจนหนำใจ เซนิตอยากทำให้บิดาอารมณ์ดีและเห็นถึงความใส่ใจของนาง จึงหมายจะออกไปเก็บดอกไม้ที่ทุ่งชายป่า บริเวณนั้นเป็นทุ่งบุปผาเจ็ดสีที่สงวนไว้เพียงพระบรมวงศ์เท่านั้น
"ได้เพคะ"
ครั้นมาถึงทุ่งบุปผาเจ็ดสี เด็กสาวในสภาพเปียกปอนวาบหวามเดินชมดอกไม้ไปพลางเด็ดไปพลาง โดยมีเพนนีคอยรับดอกไม้ที่นางเด็ดอยู่ตามหลัง
"พี่เพธาบอกว่าจะไปนำอาภรณ์มาเปลี่ยนให้พวกเรา ตอนกลับมาองค์หญิงก็คงเก็บดอกไม้เสร็จพอดีเพคะ" เพนนีเอ่ยบอกผู้เป็นนาย "หม่อมฉันได้ยินมาว่ามีดอกไม้สีเขียวชนิดหนึ่งที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายยามดอมดม มักเกิดอยู่ตามแนวพรมแดน องค์ซาตานน่าจะทรงโปรดนะเพคะ"
"จริงหรือ พาเราไปเก็บที" เซนิตได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้น แววตาเป็นประกายสดใส นางอยากเก็บดอกไม้ชนิดนี้กลับไปให้ท่านพ่อพึงใจ
สองนายบ่าวเดินเคียงกันไปยังพรมแดนที่อยู่ติดกับทุ่งบุปผา เพนนีเดินวนไปมาอยู่บริเวณนั้นสองสามรอบพร้อมกับนิ่วหน้า
"เหตุใดจึงไม่มีเล่า…" ซาตานสาวจึงกระพือปีกบินวนดูตามพรมแดนให้เจ้านายของตน
เซนิตยืนมองซ้ายทีขวาที พร้อมมองเพนนีที่กำลังบินวนไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
"เพนนี เหตุใดไม่บินตรงเข้าไปอีกเล่า เราอยากได้ดอกไม้นั่นไปให้ท่านพ่อ" เด็กสาวเอ่ยเร่งเพราะฟ้าใกล้จะมืดแล้ว นางไม่อยากให้ท่านแม่เป็นห่วง
องค์หญิงผู้เลอโฉมหารู้ไม่ว่าเบื้องหน้าของพวกนางคือห้วงบรรพกาลที่ถูกปิดผนึกดินแดนเอาไว้ของเหล่าเทพ แต่ภาพที่ทุกคนเห็นเป็นเพียงป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ที่ถูกเนรมิตลวงตาไว้เท่านั้น เซนิตมิเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะราชินีเซลีนไม่ปราถนาจะให้บุตรีรู้อดีตอันเลวร้ายของตนเอง จึงตั้งกฎต้องห้ามมิให้ใครพูดถึงเรืองนี้นับแต่เซนิตยังอยู่ในครรภ์
"เพคะ องค์หญิง" แม้ในใจจะรู้ดี แต่เพนนีก็ไม่อยากขัดใจเจ้านายที่ตนเทิดทูน จึงบินเข้าไปใกล้ห้วงบรรพกาลอีกนิด
ฟึบ!
"กรี๊ด!"
ทันใดนั้นกลุ่มแสงสีขาวก็สว่างวาบดูดกลืนร่างของซาตานสาวเข้าไป นางขืนกายพร้อมกระพือปีกสุดแรง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก กรีดร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังจนคอแสบร้อน "องค์หญิง! องค์หญิง! ช่วยหม่อนฉันด้วยเพคะ! กรี๊ด! ช่วยหม่อมฉันด้วย!"
เซนิตมองภาพตรงหน้าตื่นตระหนก นางรีบสยายปีกบินพุ่งขึ้นไปคว้าร่างเพนนีเอาไว้ ทว่า….ชั่วขณะที่นางเอื้อมมือออกไป กลุ่มแสงขาวนั้นก็ดูดร่างของบ่าวคนสนิทกลืนหายวับไปต่อหน้าต่อตา!
"เพนนี! เพนนี! เจ้าอยู่ที่ไหน! เพนนี!" สาวน้อยซาตานวัยเพียงสิบเก้าปีผู้ถูกเลี้ยงดูแบบริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน ความหวาดกลัวสุดขีดฉายชัดผ่านสีหน้าและแววตา นางกลัว….แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่มีวันทิ้งคนที่ภักดีต่อนางเด็ดขาด
ขณะนั้นเอง ม่านลวงตาก็ปรากฎช่วงโหว่ขึ้นเผยให้เห็นสีดำครามด้านใน เซนิตมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดเดินเข้าไปในนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ….