บทที่ 23
อดีต 8
งานเฉลิมฉลองเปิดตัวประมุขพรรคมังกรนิลเพลิงคนใหม่เรียกได้ว่าจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่พรรคเล็กพรรคใหญ่ทั่วยุทธภพต่างส่งของกำนัลเพื่อร่วมยินดีถึงแม้จะรู้ว่าเบื้องหลังตำแหน่งนี้เปื้อนเลือดแค่ไหน ไฉนเลยคนจะสนใจสนเพียงคนที่แข็งแกร่งที่อยู่รอดเท่านั้นเป็นพอ ไม่เว้นแม้แต่ฮ่องเต้แคว้นหนานยังส่งของกำนัลที่ประเมินค่าไม่ได้มาร่วมอวยพรด้วย เนื่องจากพรรคมังกรนิลเพลิงจัดงานเป็นการภายในไม่ได้เชิญคนนอกพรรคมาร่วมงานด้วยเท่าไหร่ คนนอกพรรคจึงทำได้เพียงส่งของมาร่วมยินดีเท่านั้น เพราะงานนี้จัดขึ้นเพื่อรวบรวมสมาชิกพรรคให้กลับมารวมตัวกันทั้งหมดจะได้กำจัดคนที่ภักดีต่อเจ้าสำนักคนเก่าให้หมดสิ้นในคราวเดียว อย่างที่เรารู้ว่าระบบการดูแลปกครองพรรคยังไม่เรียบร้อยดี นี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในแผนที่จะจัดระบบการปกครองให้มีแต่คนของตัวเอง ส่วนลูกน้องที่เดินทางมาร่วมงานก็รู้เจตนานี้ดีว่าคงต้องสวามิภักดิ์ต่อนายคนใหม่เท่านั้น หนีหายหรือไม่มาเท่ากับทรยศ ทุบหยกประจำตัวที่ทำพันธะเลือดตอนเข้าพรรคใหม่ๆเพื่อสังหารคนผู้นั้นซะ เรียกได้ว่าคนในพรรคต้องมางานนี้เท่านั้น และต้องยินดีภักดีกับเจ้าสำนักคนใหม่ ไม่อย่างนั้นก็ตาย และงานนี้ก็เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยว่าควรจะสวามิภักดิ์ต่อเจ้าสำนักคนใหม่ซะ เพราะขนาดคนในพรรคยังสามารถฆ่าแกงได้ง่ายๆนับประสาอะไรกับคนนอกพรรคที่ไม่เห็นด้วยและต่อต้าน นี่เป็นการโยนหินก้อนนึงได้นกสองตัวอย่างแท้จริง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นยามห้าย ( 21.00-22.59 น.)ที่เขากับพี่หลงแอบขึ้นเขามาและตอนนี้ก็แอบอยู่นอกงาน ส่วนเสี่ยวหู่ขึ้นเขามาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อจัดการกับผู้ใช้โอสถที่เรือนโอสถด้านหลัง เขาไม่ได้ห่วงเสี่ยวหู่เท่าไหร่เพราะรู้ว่าเสี่ยวหู่ใช้เวทย์ได้ดีกว่าจอมเวทย์ซะอีก ถึงจะน้อยกว่าเขาแต่ก็ดีกว่าจอมเวทย์ทั่วไปแน่นอน ส่วนเขาตอนนี้กำลังเริ่มร่ายเวทย์สร้างอาณาเขตครอบคลุมทั่วลานที่จัดงานและบริเวณใกล้เคียงทันที
"เจ้าว่าตอนนี้นายน้อยจะอยู่ที่ใด ศพไม่เจอ ตัวหาไม่พบ แสดงว่านายน้อยต้องยังมีชีวติอยู่เป็นแน่"
"มีชีวิตอยู่แล้วอย่างไร นายน้อยโดนคำสาปจนไม่สามารถใช้พลังปราณได้แบบนั้นจะหวังพึ่งให้นายน้อยกลับมาทวงตำแหน่งเจ้าสำนักงั้นเหรอ ช่างหวังพึ่งจมูกคนอื่นหายใจซะจริง"
"แต่นายน้อยก็มีสติปัญญาที่หลักแหลมและสามารถปกครองใจคนในพรรคได้มากกว่าเฟิงหลง"
"ที่เจ้าพูดมันก็มีส่วนถูก แต่แล้วยังไงละในเมื่อนายของเราตอนนี้คือเฟิงหลง เราก็คงทำได้เพียงแต่ก้มหน้าสวามิภักดิ์เท่านั้น จะแข็งข้อต่อขันมีแต่จะเป็นภัยต่อตนเองและครอบครัวเปล่าๆ"
"เฮ้อออ ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า ข้าก็คงได้แต่ภาวนาให้นายน้อยกลับมาทวงของที่เป็นของตนเองในสักวันนึง งั้นเราเข้างานก่อนเถอะ"
"อืม ทำไมเดินเข้าไปไม่ได้กัน เหมือนมีกำแพงเวทย์ใสๆอยู่นะ สงสัยงานจะเริ่มแล้ว นี่คงจะกันคนที่มาป่วนงานหรือต่อต้านไม่ให้เข้าร่วมเป็นแน่ เช่นนั้นเราจะเอายังไงต่อดี"
"หืออ งั้นก็ไม่เข้าไปไง ไปร่ำสุราที่เรือนข้าแทนก็แล้วกัน ส่วนพรุ่งนี้เราค่อยเข้าประชุมแต่เช้าและขออภัยที่ไม่ได้มาร่วมงานแล้วกัน บอกว่าฮูหยินไม่สบายต้องอยู่ดูแลที่เรือน เจ้าสำนักเฟิงหลงน่าจะเกรงใจเราอยู่บ้างละน่า"
"ถึงเราจะเป็นผู้อาวุโสหนึ่งในพรรค แต่ก็ใช่ว่าเฟิงหลงจะเกรงใจเราเสมอไปนะ เจ้านั้นปกครองคนด้วยพลังกำลังไม่ใช่สติปัญญา ไม่อย่างนั้นจะแย่งชิงตำแหน่งมาทั้งที่ตนเองปกครองคนไม่เป็นทำไม"
"แต่เราเข้าไปไม่ทันแล้วไง เช่นนั้นจะทำยังไงดีละ"
"ถ้าอย่างนั้นไปร่ำสุราคิดหาวิธีก่อนดีกว่า ป่ะ ไปเรือนเจ้ากัน"
"นี่ละ สมกับที่เป็นสหายสนิทข้า ไปกันเถอะ"
เขากับพี่หลงที่สร้างอาณาเขตเสร็จกำลังจะเข้าไปข้างใน แต่ก็ต้องหลบเมื่อมีผู้อาวุโสสองคนเดินสนทนากันมาจากทางเดินที่อับตาคน เมื่อเดินเข้าอาณาเขตที่เขาสร้างไม่ได้ก็นึกว่ากำแพงเวทย์กันคนมาป่วนงาน โดยไม่เดินไปถามอีกด้านที่มีทหารและเวรยามเดินลานตระเวนอยู่ คนในอาณาเขตเลยยังไม่รู้ตัว ซึ่งก็ดีแล้วจะได้ไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาอยากเห็นหน้าพวกมันเมื่อเห็นหน้าเขา คนที่พวกมันฆ่าพ่อแม่เขา มันจะนึกออกมั้ย ยิ่งพอได้ยินว่าเฟิงหลงผู้นี้มีดีแค่ใช้กำลัง แสดงว่าร่างกายต้องแข็งแรงและมีความอดทนมากเป็นแน่ ก็ดี จะได้อยู่ให้เขาเล่นไปนานๆหน่อย อย่างเพิ่งรีบตายแบบหมิงหลงละกัน พอทั้งสองคนเดินกลับทางเดิม เขากับพี่หลงเลยเดินเข้าไปข้างในและแยกทางกันไปคนละฝั่งเพื่อจัดการคนในงาน เขาที่เดินมาเจอกับกลุ่มทหารลานตระเวนก็จัดการดีดผีผาบังคับให้ฆ่ากันเอง และยังบังคับคนในงานที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าใช้พลังไม่ได้ให้ฆ่ากันเองแบบที่เขายืนมองความนองเลือดเบื้องหน้า ด้วยสีหน้าที่มีความสุขเต็มประดา โดยตอนนี้ยังไม่เจอคนหกที่ทำร้ายท่านพ่อเลย คนนึงอยู่กับเขา ส่วนอีกคนตายไปแล้วจากแปดคน ตอนนี้เขาจัดการแค่พวกลูกน้องที่ดื่มกินกันบริเวณรอบนอก ยังไม่ได้เข้าไปส่วนกลางของงานที่อยู่กลางลานพรรคนั้นเลย
"ทำไมพวกเราใช้พลังปราณไม่ได้ว่ะ"
"นั้นสิ ข้าก็ร่ายเวทย์ไม่ได้เหมือนกัน"
"เจ้าสำนักเฟิงหลงจะฆ่าพวกเราทุกคน เพื่อกำจัดคนเก่าแก่ในพรรค"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงถือว่าไอ้ลูกหมานั้นอำมหิตและขี้ขลาดที่สุด"
พอเขาเดินเข้ามาในส่วนงานผู้อาวุโสในสำนักก็เริ่มเห็นหน้าค่าตาคนทั้งหกคนที่ตามหาแล้ว ก่อนจะเดินเข้ามายังได้ยินเสียงคนเริ่มเอะอะโวยวายกันภายใน ทุกคนเริ่มพุ่งเป้าไปที่เจ้าสำนักคนใหม่ที่กำลังนั่งดื่มสุราท่ามกลางสตรีนุ่งน้อยห่มน้อย พอเจ้าสำนักเฟิงหลงได้ยินแบบนั้นก็เริ่มโคจรพลังปราณตัวเอง พอเห็นท่าไม่ดีก็เริ่มส่งเสียงโวยวายเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนในงานกำลังจะแห่กันออกจากงาน แต่เขาที่กางอาณาเขตอีกชั้นก็เดินเข้ามาในงานซะก่อน ทุกคนจึงหันมามองที่เขาเป็นจุดเดียว
"เจ้าเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง"เฟิงหลงถามเสียงเข้ม เมื่อเห็นร่างเล็กเดินเข้าพร้อมหัวใจที่กระตุกไปทีนึง ใบหน้านี้ช่างคุ้นเคยนัก ไม่รู้ว่าเคยเจอที่ไหน แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าคนผู้นี้อันตราย
"อะไรกัน ตามหาข้ามาไม่รู้กี่ปี พอข้ามาหาเอง เจ้ากลับถามว่าข้าเป็นใครงั้นรึเฟิงหลง"เขาพูดยียวนพร้อมกับเดินเข้าไปในงานช้าๆผ่านผู้อาวุโสหลายคนที่ยืนตะลึงตั้งแต่เห็นเขาแล้ว รวมทั้งคนอีกห้าคนที่ยืนตะลึงตัวแข็ง เมื่อเห็นหน้าเขาแล้วจะได้ว่าคล้ายกับคนที่พวกตนเคยไล่ล่าฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
"นะ…นี่เจ้า คงไม่ใช่ลูกของชิวหลิงกับซีหลี่ใช่มั้ย"เสียงผู้อาวุโสหนึ่งในคนที่ทรมานท่านพ่อเอ่ยขึ้น
"แห่ม….จำได้ซะด้วยยย…"เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างยิ้มๆที่มีคนจำหน้าบิดามารดาเขาได้
"จะ…เจ้าา…เข้ามาได้ยังไง….ต้องการอะไรกันแน่"เสียงผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เพราะตอนนี้คนที่มีรัศมีเทพเซียนและน่าจะใช้พลังปราณได้น่าจะมีคนเดียวคือคนที่ยืนอยู่ตรงกลางตรงนี้
"ข้าก็มาหาพวกเจ้าไง เห็นตามหาข้าไม่เจอสักที ข้าเลยมาหาเอง จะได้เจอกันซะที"
"คนที่ตามหาเจ้าคือพี่ใหญ่ของข้าที่ตอนนี้ตายไปแล้ว ข้าว่าเจ้ามาหาผิดคนแล้วละมั้ง เพราะพวกข้าไม่ได้ต้องการตัวเจ้า"เฟิงหลงเป็นคนพูดขึ้นมาอย่างที่ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดตนเองสักนิด
"ข้ารู้ว่าหมิงหลงตายไปแล้ว แต่ที่ข้ามาเยื่ยมเยียนพวกเจ้าเนี่ย เพราะอยากมาเจอหน้าคนที่ทรมานท่านพ่อข้าต่างหาก เพื่อส่งคืนความทรมานนั้นให้กลับไปเป็นร้อยเท่าพันเท่า"เขาพูดประโยคนั้นพรางเดินเข้าไปหาเฟิงหลงช้าๆ
"เจ้าจะมาแค้นพวกข้าได้ยังไง คนที่ต้องการชีวิตเจ้าคือพี่ใหญ่เพื่อช่วยลูกชายเขาต่างหากไม่เกี่ยวกับพวกข้า พวกข้าแค่ทำตามคำสั่งเขา หากจะแก้แค้นก็ไปแก้แค้นพวกเขาสองคนสิ"เฟิงหลงพูดละล่ำละลักเมื่อเห็นว่าร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ ประกายเทพเซียนและรัศมีเวทย์เรืองรองบ่งบอกว่าคนตรงหน้าบำลุขั้นสูงสุดทั้งด้านยุทธ์และด้านเวทย์แล้ว ตอนนี้มีแค่คนตรงหน้าที่สามารถฆ่าและทรมานคนในลานนี้ได้ เพราะพวกเขาทุกคนในลานงานนี้นอกจากไม่ได้พกอาวุธเข้ามาแล้ว ยังไม่สามารถเดินพลังใดๆได้อีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกเป็นรองคนๆเดียว ฉะนั้นตอนนี้ทำได้เพียงแค่ผลักความจริงไปให้พ้นตัว โดยโยนให้คนที่ตายไปแล้วง่ายสุด ซึ่งสิ่งที่เฟิงหลงพูดล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น พวกเขาในตอนนั้นล้วนแต่ทำตามคำสั่งพี่ใหญ่หรือเจ้าสำนักหมิงหลงทั้งสิ้น
"ไม่เป็นไร ข้าถือว่าคนทำไม่ต่างอะไรกับคนสั่งอยู่แล้ว ความแค้นข้าไม่แบ่งแยกกัน ข้าคืนให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ยกเว้นผู้ใด"
"เจ้าคิดว่าจะทำอะไรพวกข้าได้งั้นเหรอ เจ้ามีเพียงผู้เดียว ส่วนคนของข้ามีมากมาย ต่อให้เจ้าเข้ามาได้แล้วคิดว่าจะออกไปง่ายๆงั้นรึ ฝันอยู่รึเปล่า"เฟิงหลงพูดออกมาอย่างอวดดีต่อหน้าเขา
"แล้วข้าบอกเหรอว่ามาผู้เดียว แต่ต่อให้มีเพียงข้าคนเดียว พวกเจ้าข้าก็จัดการได้เพียงแค่ดีดนิ้วมือ พวกเจ้ายังกล้าอวดดีต่อหน้าข้าอีกงั้น หากข้าเข้ามาได้โดยปราศจากแม้แต่รอยขีดข่วน ทำไมข้าจะออกไปไม่ได้กัน "เขาจึงพูดขู่เสียงเข้มขึ้นบ้าง
"เจ้ามันขี้ขลาดตาขาว สร้างอาณาเขตกักขังพวกข้าและยังคิดรังแกคนที่ไม่มีอาวุธหรือแม้แต่พลัง ทั้งที่ตนเองมีอาวุธและใช้พลังได้ เอาเปรียบกันชัดๆ เจ้าคนขี้ขลาดดดด…."คนผู้นึงตะโกนขึ้นมาจากด้านหลังเขา
"งั้นเจ้าสำนักของพวกเจ้าทั้งคนใหม่และคนเก่าก็ขี้ขลาดตาขาวกันทั้งสิ้น เพราะพวกมันใช้เชือกมัดเซียนไม่ให้พ่อข้าใช้เวทย์ได้ แถมพวกมันที่มีอาวุธครบมือและพลังกลับใช้ทำร้ายพ่อข้าอย่างเลือดเย็น จนพ่อข้าทนความทรมานและเจ็บปวดไม่ไหวขาดใจตายอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งที่พ่อข้าไม่เคยทำอะไรพวกมันด้วยซ้ำ ในวันนี้ข้ามีความแค้นก็ต้องชำระ"เขาจึงหันกลับไปพูดอย่างเคียดแค้นให้คนพวกนี้ฟัง เพื่อจะได้รู้จุดจบตนเองว่าต่อให้ไม่ได้มีส่วนร่วม แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาในภายภาคหน้าก็ต้องกำจัดคนพวกนี้ทิ้งให้หมด และตอนนี้คนในลานก็ทำได้เพียงยืนนิ่งๆตามเวทย์แช่แข็งที่เขาร่ายเมื่อกี้ ทุกคนทำได้แค่เพียงส่งเสียงเท่านั้น
"คนในยุทธภพต้องตามล่าตัวเจ้าแน่ที่กล้ามาทำอะไรพรรคมังกรนิลเพลิงอย่างเรา"
"คงตามมาคารวะข้าเป็นแน่ที่กำจัดพรรคไส้เดือนดินที่ชั่วช้าอย่างพวกเจ้าออกไปจากยุทธภพได้"
"นี่เจ้า!!!!....หึหึหึหึหึ 55555 น่าขบขันซะจริง ความแค้นที่เจ้ามี ต่อให้ฆ่าพวกข้าแล้วยังไง มันจะทำเจ้าหายแค้นจริงๆนะเหรอเด็กน้อย ในเมื่อตัวการของเรื่องทั้งหมดยังคงมีชีวิตอยู่"เฟิงหลงที่ประเดี๋ยวทำหน้าแดงกร่ำอย่างโกรธแค้นสลับกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ประหนึ่งจิ้งจอกมองลูกแกะแล้วพูดอย่างมีลับลมคมในอะไรสักอย่าง
"หากเจ้าหมายถึงนายน้อยของพรรคอะไรนั้นที่หายตัวไป เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกเฟิงหลง เดี่ยวข้าจะส่งลูกไปพบพ่อหลานไปพบอาเอง เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าชำระแค้นทั้งที มักเก็บหมดทั้งกระดานอยู่แล้ว ไม่เหลือหมากให้ได้เดินอีกหรอก"เขาพูดอย่างมั่นใจกลับไป
"5555 แล้วเจ้ารู้เหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาแข็งแกร่งมากนะ เจ้าจะจัดการได้เหรอเด็กน้อย.."
"555 หากข้ายังจัดการคนในพรรคเจ้าและเจ้าได้อย่างง่ายดาย ทำไมข้าจะจัดการกับคนผู้นั้นไม่ได้กัน"
ฟิ้ววววตู้มมมมต้ามมมม อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นพี่หลงกำลังใช้กระบี่ฟาดฟันไปที่ร่างคนทั้งหลายที่ถูกเขาแช่แข็งอยู่ขยับเขยือนไม่ได้ แม้แต่เสียงยังเปร่งออกจากลำคอไม่ทันที่หัวจะหลุดออกจากบ่า ดาบที่กวัดไกวไปมานั้นราวกับคนถือไม่มีสติควบคุมอยู่เลย จากที่เขาเห็นดวงตาพี่หลงเปลี่ยนจากสีดำรัตติกาลมืดมิดเป็นสีม่วงเปร่งประกายอำมหิตออกมา เกิดอะไรกับพี่หลง รัศมีที่ไม่น่าเข้าใกล้นั้นคืออะไรกัน
"ยะ…อย่า…อย่าทำข้านายน้อยย.."
"นายน้อย…."
"อย่าาาาาา"
"ท่านชิงหลงงงงอย่าาาทำข้าาา"
"ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วยยย"
เสียงร้องระงมดังขึ้นทั่วสารทิศทาง ตอนนี้เขาเองก็มองแทบไม่ทันว่าพี่หลงฆ่าคนไปแล้วมากมายเท่าไหร่ รู้แต่ว่าตอนนี้ลานงานเต็มไปด้วยเลือดและชิ้นส่วนร่างกายที่กระจัดกระจายที่ทั่วทั้งลาน ลานงานเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แต่ที่ทำให้เขาชะงักยืนตัวแข็งอยู่คือนามที่เรียกพี่หลงต่างหาก คนพวกนี้บางคนเรียกพี่หลงว่านายน้อย บางคนเรียกว่าท่านชิงหลง นี่คงไม่ใช่ว่าพี่หลงคือนายน้อยที่หายตัวไปหรอกนะ คงไม่ใช่ทายาทคนเดียวของพรรคมังกรนิลเพลิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดหรอกใช่มั้ย จะเป็นพี่หลงได้ยังไงกัน
"พะ…พี่หลง…พี่หลงงงง…หยุดดดด…หยุดก่อนนน"เขาจึงตะโกนเรียกพี่หลงที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร่ายเพลงดาบฆ่าคนต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกว่าคนสุดท้ายในลานนี้จะตายตกตามกันไป
"เกิดอะไรขึ้นกับพี่หลงนะ ทำไมดูไร้สติเช่นนี้"เขาจึงยืนดูพี่หลงอยู่ที่เดิมไม่ได้เข้าไปห้ามปรามการกระทำของพี่หลงแต่อย่างใดและยังขบคิดไม่ออกว่าพี่หลงเป็นอะไร ต่อให้เขาจะสงสัยว่าพี่หลงอาจเป็นนายน้อยคนนั้น แต่เขาก็จะรอถามจากปากพี่หลงเอง แต่ตอนนี้เขาต้องการให้พี่หลงคืนสติกลับมาซะก่อน
"หึหึหึหึ เจ้าเห็นพลังของชิงหลงรึยัง และจากที่เห็นเจ้าคงรู้จักกับชิงหลงมาก่อนหน้านี้สินะ ถ้าให้ข้าเดาตอนที่ข้ายึดตำแหน่งพ่อมัน มันคงบาดเจ็บหนักไปเจอเจ้าละสิ และข้าเห็นประกายเทพเซียนมันแล้วแสดงว่าคำสาปของแม่เจ้าได้ถูกแก้ไขแล้ว ชิงหลงถึงบำลุเป็นเทพเซียนได้ 55555 นี่เจ้ารู้รึเปล่าว่าเขาคือใคร หรือว่าเจ้าไม่รู้ นี่เจ้าโดนหลอกให้แก้คำสาปให้เขาไม่รู้ตัวรึเปล่า เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเลยนะเด็กน้อย แล้วตอนนี้คนผู้นั้นก็คือชิงหลงที่ถูกจิตมารเข้ายึดร่างนะสิ สงสัยแก่นวิญญาณที่พี่สะใภ้ให้ไว้คงจะหมดพลังหล่อเลี้ยงจิตมารแล้ว จิตมารเลยต้องหาวิญญาณเพื่อดูดกลืนใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือคนไม่มาก หนึ่งในวิญญาณนั้นคงจะเป็นเจ้าด้วยละนะเด็กน้อยยย…."พูดจบเฟิงหลงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาที่กระจ่างใจในทุกคำถามในคำบอกเล่าที่ได้รู้ ก็ทำได้เพียงยืนตัวแข็งทือในสิ่งที่รู้ แต่เขาก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าต้องตัดสินใจยังไงกับพี่หลง ไม่รู้ว่าต้องคิดหรือทำยังไงต่อ แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้คือต้องหยุดพี่หลงก่อน เขาจึงคิดจะหันหลังกลับไปทางพี่หลงเพื่อจะร่ายเวทย์หยุดร่างพี่หลงให้อยู่กับที่ แต่พอเขาหันหลังกลับไปเขาก็สบสายตาเข้ากับนัตน์ตาสีม่วงประกายแดงนั้นทันที เขาที่ยังไม่ได้ตั้งตัวและสติ พอรู้สึกตัวอีกที เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องทันที พอก้มหน้าลงไปมองก็เห็นดาบวิญญาณของพี่หลงเสียบอยู่ที่หน้าท้องมิดด้าม เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อยู่ๆร่างกายก็รู้สึกอ่อนแรงจนตอนนี้เปลือกตาเขาปิดลงและสติเขาก็หมดไปพร้อมกลับร่างที่กำลังทิ้งตัวลงสู่พื้น
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!