webnovel

The Final Club

Auteur: jamewcollin
Science-fiction
Actuel · 32.9K Affichage
  • 10 Shc
    Contenu
  • audimat
  • NO.200+
    SOUTIEN
Synopsis

ลิน ลาพาธี เด็กสาววัย 17 ปี อาศัยอยู่ในภูเก็ตในช่วง 2 ปีของการดูแลคิปป์ทีม จนกระทั่งน้องสาววัย 10 ขวบถูกลักพาตัวและเหตุฆาตกรรม วิศุทธิ์ วัฒนภัทร พ่อของเธอ ความวิตกกังวลที่เริ่มก่อตัวจากนาทีเป็นชั่วโมง เมื่อตำรวจแทบไม่มีหลักฐานมัดตัวคนร้ายได้เลย มีแต่ข้อมูลตัวอักษรทิ้งไว้ตามสถานที่เกิดเหตุตำรวจทำได้เพียงเล่นตามเกมของฆาตกรอยู่ ลินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสะสางเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

Chapter 1ส่วนที่ 1 คลังภูมิปัญญา Brian Bank บทที่ 1

"โลกนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จะมีคนส่วนหนึ่งหัวเราะ

คนอีกส่วนหนึ่งร้องไห้ และคนที่เหลืออยู่ในความเงียบ

เมื่อเราสร้างพระเจ้าและเจ้าหญิงขึ้นมา

เรากลายเป็นความตายเพื่อทำลายโลก"

วันจันทร์ที่ 20 ในเดือนสุดท้ายของปี

การท่องเที่ยวของความตาย การตื่นรับรุ่งอรุณที่มืดมน มีแต่คนน่าสงสาร เต็มไปด้วยคนที่เจ็บป่วย ราคาของการเป็นมนุษย์อยู่ที่การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ประวัติศาสตร์เคยบอกว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นลำบากก่อนหน้านี้เกิดขึ้นมาก่อนอยู่แล้ว พลังที่เป็นบ่อกำเนิด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในตัวเราตอนนี้เป็นวันแรก

นักกีฬาในทีมจะอยู่เที่ยวญี่ปุ่นก่อน ลินใส่หูฟังไร้สายฟังเพลงสำหรับลินเพลงเป็นความหวังที่จะไม่ใช่ความผิดพลาดในชีวิต มันเป็นการออกกำลังกายทางเจตจำนง และฝึกเสรีของความคิดเพื่อเอกภาพของภาพรวมการมองย้อนกลับเข้าไปในตัวเอง เพื่อผลิตบริบทดอกผลของตัวตน

ที่นั่งตรงข้ามลินมีแค่ซูกับกระเป๋าใส่ไม้แร็กเกตของซู

"เธอทำแบบนั้นทำไม" ซูถามลิน

ลินนิ่งเงียบมองก้อนเมฆด้านนอกก่อนจะตอบ "อะไรเปลี่ยนไปเยอะ เป็นแบบนี้ดีกว่า" ผลลัพธ์การแข่งขันทั้งหมดเป็นเพียงเพราะลินไม่ได้ยิงลูกสุดท้ายจากสามลูกศรในรอบชนะเลิศ

"ทำไมถึงเลือกเหรียญเงิน"

"ไม่มีใครชอบความสมบูรณ์แบบ" ลินตอบขณะเบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง เธอเริ่มเห็นอะไร ๆ ในมุมมองที่แตกต่างหลังเข้ามาอยู่คิปป์มาได้สองปี

"ถามจริง!" ซูสงสัย

ลินเริ่มสงสารพวกผู้หญิงที่เข้าสปา ดูดไขมัน พยายามปั้นหุ่นให้ได้อย่างวิคตอเรีย ซีเคร็ทโฆษณาชวนเชื่อ ลินมองโฆษณานางแบบในญี่ปุ่น

"ผู้หญิงต้องรูปร่างแบบนั้นเหรอ"

ซูหัวเราะแหบแห้งในลำคอ ขำกับสิ่งที่ลินสงสัย "พัฒนาตัวเองไปก็เหมือนสำเร็จความใคร่ แต่ทำลายตัวเองนี่สิ…" ซูรู้ว่าลินเริ่มไม่ไยดีกับโลกที่โรงเรียนและการแข่งขันในระบบเท่าไหร่

"ความจริงคือฉันรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมานานมาก" ลินเว้นวรรคขณะมองออกไปทางนอกหน้าต่างอีกครั้ง "ทุกอย่างซับซ้อนแต่มีทางออกเสมอ" เธอพูดเพื่อเตือนสติตัวเองอย่างใจเย็น

"แต่แกก็ยังไม่ได้ทิ้งคิปป์ทีมนะ"

"เราทิ้งเด็กพวกนั้นไม่ได้ ทุกคนออกจากถ้ำของเพลโตแล้ว มาไกลเกินกว่าจะกลับไปเชื่อเรื่องเดิม ๆ" ลินคิดว่าอยู่ที่นั่นเรามีชีวิตชีวาขึ้นมา

"มันก็เป็นแค่คลาสเรียนไม่ใช่เหรอ"

"เดี๋ยวแกก็จะตามทัน" ลินตอบก่อนหันหน้าออกไปข้างนอก ฝนกำลังตกอยู่ด้านนอกของรถไฟ ในขณะที่ขบวนถอยหลัง

เวลาที่ถอยหลังและการทำบางอย่างได้ รู้ไหม มันเกิดขึ้นกับฉันเหมือนกัน เหมือนชีวิตฉันเลย เพราะลินโตมาอย่างยากลำบาก การทำบางอย่างมันสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ลินยอมรับทุกคนในคิปป์ทีมอย่างที่พวกเขาเป็นจริง ๆ โดยเริ่มที่ตัวฉันเอง เราจุดไฟ เป็นสิ่งที่พวกเราทำ สิ่งที่พวกเราเรียนในคิปป์ทีมคือ วิชาก่อไฟหนึ่งศูนย์หนึ่ง ทุกทฤษฎีที่เกิดขึ้นเป็นไม้ขีดไฟเพื่อความตื่นเต้นของความรู้ โต๊ะความคิดและจินตนาการเปิดทำงานตลอดเวลาในห้องทำงานความคิดของลิน คอร์เทกซ์และนีโอคอร์เทกซ์ คือประตูวิเศษที่จำแนกลำดับขั้นของความหมาย สู่การหมุนรูเล็ตต์ทางความรู้และสมมุติฐาน

ทริปการทัศนศึกษาของคิปป์ทีม ที่ภูเก็ต ใกล้สถานีปลาวาฬ สองชั่วโมงก่อนที่เครื่องบินที่มีลินเป็นผู้โดยสารจะลงจอด

"วัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดไม่ใช่มนุษย์ แต่มาจากมหาสมุทรต่างหาก สี่สิบล้านปีก่อน ก่อนที่มนุษย์จะเดินตัวตรง ก่อนที่เราจะค้นพบไฟ วาฬวิวัฒนาการเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในที่มืด มีบทสนทนากับวาฬหลังค่อม มีคนศึกษาบทเพลงของวาฬหลังค่อมมา สี่สิบถึงปีแล้วแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าทำไมพวกมันถึงร้องเพลง การศึกษานี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะล้มเหลว มันยากมากที่จะแปลความหมายของภาษาในโลกแห่งธรรมชาติเพื่อฟังและทำความเข้าใจ ว่ามันพูดถึงอะไรกันนี่คือสัดส่วนเดียวกันกับการหันดาวเทียมของเราขึ้นฟ้าและคอยฟังสัญญาณจากนอกโลก" ศาสตราจารย์มัวร์พาทีมวิจัยมาให้ความรู้กับเด็กในคิปป์ที่ลินจัดตารางไว้ให้ของสัปดาห์นี้

เบน เอก โทนี่และพัฒน์ที่อายุเก้าขวบหลังจากที่ทุกคนได้ฟังเสียงเพลงของวาฬหลังค่อมพูดคุยในทะเลอันดามัน

"เจ๋งเนอะว่าไหม" เบนทักโทนี่

"เจ๋งทีเดียวเลย" โทนี่ยิ้มกริ่มประทับใจการค้นพบ

"พวกมันคุยตอบโต้กับคุณได้เหรอ" เอกแทรกถามคำถาม

"ใช่การศึกษาวัฒนธรรมของวาฬอาจจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น วิธีที่เราเชื่อมโยงกันได้อย่างแตกต่าง" มัวร์อธิบาย

พัฒน์อยากรู้มากขึ้น กิจกรรมที่นี่ทำให้เขาหลับได้อย่างมีความสุข ความสุขของการได้เข้าใจระบบชีวิตของสัตว์อื่น ความเข้าใจชีวิตทำให้พัฒน์หลับตาลงได้วางความกังวลไว้ชั่วคราวแล้วกอดความเป็นจริง ในขณะที่โชฟังเสียงบทสนทนาวาฬอย่างตั้งใจ

ที่สนามบินหลังจาก ออกจากตัวเครื่อง ลินไม่ชอบการต้อนรับแบบนี้ เธอรีบกลับเพื่อจะได้ข้ามการต้อนรับและป้ายที่สนามบิน

"ทุกคนที่นี่น่าเศร้า" ลินบ่นพึมพำกับตัวเอง

ซูชายตามองลิน "ถ้ากังวลจริง ก็ย้ายประเทศสิ"

ลินเงียบตอบ

"อยู่ที่นี่ก็ตายอย่างช้า ๆ" ซูประชดประชัน

"ใช่ ช้ากินไป" ลินตอบ

ซูเห็นรองผู้อำนวยการเดินตรงเข้ามารับที่สนามบิน "ซวยแล้วเพลงมาแล้ว" ซูเรียกเพลงเป็นคนและเพลงนี้ซูก็ไม่ได้ชอบเพลงนี้เหมือนกัน

รองผู้อำนวยการรีบตรงเข้ามากอด เนื่องจากทีมชมรมยิงธนูได้เหรียญสูงสุดจำพวกกีฬาบก ที่เหลือตัวแทนจากภูเก็ตได้แค่เหรียญทองแดง อย่างว่าทั้งหมดขึ้นอยู่เงินสนับสนุนชมรมกีฬาเพื่อส่งเสริมตารางการซ้อม

"ทีมเธอเก่งนะ"

ลินถอนหายใจยิ้มเจื่อน ๆ "อาจารย์น่าจะเห็นอีกทีม" ลินพูดเบา ๆ ให้หลังจากที่อาจารย์สนใจอย่างอื่นไปแล้ว

อาจารย์เรียกไล่หลัง "เอ่อ วิทยานิพนธ์ก่อนจบลินยังไม่ได้ส่งนะ"

"หนูส่งไปแล้วสองเดือนที่แล้วนะคะ" ลินหันหน้ามาตอบ

"แต่ครูตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีนะ"

มันทิ่มแทงหัวใจเธอ เธอกลืนน้ำลายเอื้อก ลินอยากให้ตัวเองจบจากการศึกษาระบบรัฐสักทีใบหน้าด้วยความสงสัย กับสิ่งที่ลินได้ทำรัวเป็นกลองชุดอย่างไร้ความหมาย ลินแค่ต้องกลับไปพิมพ์จากคอมพิวเตอร์ตัวเองมาส่งกระดาษเอกสาร

ลินหมกหมุ่นกับฟิสิกส์มามากพอแล้ว เอกสารแผ่นนั้นคือวิธีการเคลื่อนตัวรอบวงแหวนไฟ และการเคลื่อนตัวของดินที่มนุษย์สามารถสร้างได้ เราไม่ได้เฉลิมฉลองการเป็นมนุษย์อย่างไม่สิ้นสุดในเอกสารแผ่นนั้น

ถ้าตอนนี้มีคนบอกว่าใครคือผู้โชคร้ายที่สุด ลินคงยกชูแขนขึ้นสุดตัว แค่ลินไม่ได้ยกมือตอนนั้นก่อนเวลาจะผ่านไป

"ซูขอลูกเทนนิส" ลินเอ่ยขณะสังเกตบางอย่างอยู่ปลายขอบการสังเกตของภาพจากดวงตา

"เอาไปทำไร" ซูล้วงหยิบลูกเทนนิสยื่นให้ลิน

ลินเล็งจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ไปยี่สิบเมตร แล้ว เขวี้ยงลูกด้วยการสะบัดของหัวไหล่ ลูกบอลกลมสีเขียวแหวกว่ายอากาศกระทบดูกสะบักไหล่ ชายที่เหงื่อออกล้มลง กระเป๋าเสื้อที่เก็บกระเป๋าเงินหลายใบสะดุดออกมาลงบนพื้น

ลินเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเงินของครู มาคืนครูในขณะที่ครูยังไม่รู้ว่าของตัวเองหายลินก็หากลับมาเจอเจ้าของได้เรียบร้อยแล้ว จริง ๆ ลินเห็นตั้งแต่วันเครื่องเดินทางไปญี่ปุ่น แต่ตอนนั้นลินอยู่ที่ทางขึ้นแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าโจรที่นี่อยู่ในสนามบิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาหิ้วปีกชายที่ล้มลงจากลูกเทนนิสของซูที่ลินขว้าง ลินไม่ชอบเสียเวลาอธิบายกับทุกอย่าง แต่ส่วนของฟิสิกส์รอบตัวที่ลินมองนั้นวุ่นวายกว่าที่คิด การคำนวณไม่เคยเป็นแค่เรื่องของตัวเลขอย่างเดียว เมื่อเราไม่รู้จะใช้คำใดเราหันไปใช้ตัวเลขมาอธิบายสิ่งที่พูดออกมาไม่ได้

โน๊ตไดอารี่วัยเด็กของลิน

"เมื่อแต่ละวันจบลง เท้าเราควรสกปรก

ผมยุ่งเหยิง และดวงตาส่องประกาย"

ซูขึ้นเครื่องไปทางสิงคโปร์ ลินจะออกประตูเพื่อนั่งรถยนต์รับจ้างเดินทางกลับบ้าน อาจารย์ของเธอแยกกันหลังทักทายเสร็จ ลินนั่งอยู่เบาะด้านหลังล้อหมุนไปข้าง รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวไปยังจุดหมาย แสงในเมืองระยะห่างระหว่างความคิดถึงกับสายสัมพันธ์ถูกกั้นด้วยแสงและความสามารถในการมองเห็นของมนุษย์ เพียงชั่วขณะของความสบายใจ ในสนามบิน ทันใดนั้นตำรวจสองนายตรงมาจากประตูสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทั้งสองเข้ามาหาลินแจ้งเหตุบางอย่างไม่มีที่มาแน่ชัด ให้ลินไปกับรถตำรวจความเร่งด่วนกับการรับรู้ภาษากายของชุดสีกากี

ในรถยนต์ที่มีผนังกั้น เสียงแต่ละหยดน้ำกระทบกระจกด้านหน้าและด้านข้าง แนวการเสียดทานของน้ำรอบรถยนต์ ไม่สามารถหยุดความเร่งรีบ ลินมองออกไปนอกกระจก เมืองสีดำ ไม่ค่อยมีแสงออกมาจากตัวอาคารความหวังที่ริบหรี่ เบาจนลินได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง วิญญาณของลินเองเลื่อนลอยและไม่คิดจะแตกสลาย

"กำลังจะพาไปไหน"

"ในความปลอดภัย เราไม่สามารถบอกคุณตอนนี้ได้"

ลินนิ่งคิดครู่ก่อนตอบ "ฉันต้องเรียกทนายมั้ย"

"ไม่ครับ ไม่จำเป็นในตอนนี้"

"งั้นให้ฉันลงตรงนี้" ความรู้สึกกลายเป็นแผ่นน้ำไร้ที่สิ้นสุดลินต้องการคำตอบในตอนนี้

บุรุษที่นั่งด้านหน้าทั้งสองนายไม่บอกคำตอบ แต่จากระยะทางเธอรู้ว่ารถยนต์คันนี้ไม่ได้ตรงไปยังที่บ้านของเธอพริบตาเดียวหลังจากที่ลินตัดสินใจ เธอเปิดประตูด้านข้างและทิ้งตัวลงจากรถยนต์เธอกลิ้งลงบนถนน

"อะไรวะนั้น!!" เสียงตำรวจตกใจในรถยนต์ พวงมาลัยกำหนดทิศทางหักเลี้ยวเบรกกะทันหัน

ลินลุกขึ้นยืนโบกรถยนต์รับจ้างด้านหลังให้ตรงไปที่บ้าน แววตาอันท้าทาย และเสียงจากโลกภายนอกปลูกฝังความเชื่องมงาย การหลอกลวงมาพร้อมกับฝน เธอต้องการคำตอบมากกว่าสิ่งใด รถแท็กซี่รับลินเป็นผู้โดยสารด้วยความสงสัย แต่ตำรวจไม่ได้เปิดไซเรน ความเร่งด่วนของการควบคุมตัวลินไม่ได้สูงขนาดนั้น เธอบอกผู้ขับให้แล่นไปด้วยความเร็วเพื่อคำตอบ ถนนในเมืองคละคลุ้งไปด้วยความสำราญชั่วคราวในวันฝนตก คนร้ายแผงตัวราวกับเป็นงู ลินอยู่ในเรื่องราวจของเมืองนั้นด้วย

เมื่อรถยนต์มาถึงปลายทางเป็นจุดรวมผู้อยากรู้และผู้รับรู้ รถยนต์ผู้สื่อข่าวและรถตำรวจจอดมากมายหน้าบ้านลิน เธอคาดเดาสถานการณ์ได้ เรื่องพวกนี้เธอรู้ตัวว่าสิ่งนี้วันใดวันหนึ่งก็จะเกิดขึ้น พ่อเคยบอกไว้แล้วว่ามันเกิดขึ้นได้ เพียงแค่มันเกิดขึ้น ตอนนี้เธอเป็นวิญญาณดวงเดียวที่ลูซิเฟอร์จะมารับจากนรก โลกนี้กลายเป็นสวนสนุกของปีศาจ ครอบครัวคือที่พักร้อนและเหยื่อของชีวิต หอกแห่งลิขิตที่ทิ่มแทงได้ชี้ลงมาที่แห่งนี้ ที่มีพระบิดาของลินสิ้นลมหายใจภายใต้เทปกาวสีเทา ภายใต้อาชีพและข้อจำกัดของชีวิต ความจริงอันเรียบง่ายประเดประดังเข้ามาในพื้นที่ความคิด

ลินเดินตรงเข้ามาในเขตพื้นที่ห้ามเข้า ปลายนิ้วจับเทปสีเหลืองขึ้นตัวลอดเข้าพื้นที่ นักข่าวและกล้องถ่ายทอดสดที่รุมถามอยู่ด้านนอก ตำรวจที่ยืนอยู่ลานหน้าบ้านและตำรวจควบคุมฝูงชนด้านนอกมองลิน เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยการยอมรับและความหวั่นใจ เป้าหมายแห่งความสงสัยที่เปล่งประกายฉายภาพความอัปยศในการกระทำของมนุษย์ ความชั่วร้ายขยายผลกลืนกินบ้านหลังนี้ด้วยสิ่งดำมืด

เมื่อลินเข้ามาในตัวบ้านภาพตรงหน้าคือ ภาพของบิดาตัวเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งศีรษะถูกพันด้วยเทปหนังสีเทา การเห็นร่างกายตรงหน้าสูญชีพจรทำให้น้ำลายที่กลืนลงคอตัวเองเปรี้ยวเข้มแสบคอ ลมหายใจร้อนผ่าวทั่วไปหน้ายีนระยะห่างสองเมตรจากร่างไม่มีลมหายใจ ทุกสายตาที่เป็นเจ้าหน้าที่มองลินอย่างไม่เต็มใจ ลูกของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหยื่ออาจจะทำลายรูปแบบของสถานที่อาชญากรรม อาจจะทำลายหลักฐานสภาพแวดล้อม ต่อให้สถานการณ์จะยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าเป็นการุณยฆาตหรือเหตุฆาตกรรม การคาดเดาของลินแค่สรุปได้คร่าว ๆ ลินเคยทำจิตอาสาเพื่อเป็นชั่วโมงกิจกรรมโรงเรียนที่สถานีตำรวจ เหตุการณ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับการสูญเสียชนิดนี้ ต้องหาหลักฐานที่มาและแรงจูงใจของผู้กระทำ ซึ่งเหยื่อเองสามารถเป็นผู้กระทำได้ด้วยเหมือนกัน ลินยืนอยู่ด้านหลังของคนที่ถ่ายรูปหลักฐานรอบ ๆ

วิวคือคนที่ถ่ายภาพหลักฐานในจุดต่าง ๆ อยู่ ทั้งรอยเลือด อาวุธที่ใช้ทุบศีรษะเป็นเกียงเหล็ก เปื้อนเลือดกระเด็นอยู่ไกลจากผู้เสียชีวิต น่าจะเกิดจากการกระหน่ำทุบศีรษะของผู้กระทำจนหลุดมือ ส่วนใหญ่ผู้ที่ก่อเหตุมักจะมีรอยแผลที่มือเวลาที่อุปกรณ์ในการลงมือลื่นและกะแรงไม่ได้ ตอนทำร้ายคนอื่นอะดรีนาลีนคุกคามพื้นที่กล้ามเนื้อตื่นเต้นจนหลงลืมความเหนื่อยหอบและการออกแรง หลักฐานหลายอย่างในห้องนี้จะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานแบบรูปภาพ เราไม่ได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้แปลว่ามันไม่เกิดขึ้นกรวยของแสงทำให้เราเห็นเรื่องเล่าแค่ของชีวิตตัวเอง ของคนอื่นและการกระทำของคนอื่นเป็นเพียงแค่การคาดเดาว่าใครเป็นคนผลักโดมิโน่ของพฤติกรรมเหล่านั้น ถ้าคุณอยู่ในห้องนั้นการเดินเข้าไปในห้องนี้จะเป็นความเจ็บปวดและความผิดหวังขนาดใหญ่ในการเกิดเป็นมนุษย์

รอยเลือดเป็นทะเลสาปแอ่งขนาดเล็กบนพื้นไม้ หลังจากที่วิวถ่ายรูปและรับรู้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังทำให้บรรยากาศของพนักงานสีกากีแผนกนิติเวช มองไปด้านหลังวิว วิวรู้ทันทีว่าข้างหลังเธอเป็นคนคุ้นเคยที่ระบบไม่เคยชอบ วิวละมือซ้ายจากการประคองกล้องดิจิตอลใช้มือซ้ายกลัดเข็มขัดปลอกแขนทีมงานเก็บพยานหลักฐานให้ลิน ลินรับผ้าชิ้นนั้นสอดเข้ากับแขนเสื้อด้านขวา เธอรู้ว่าอะไรควรทำและจะทำให้ตัวเองกลมกลืนกับสถานการณ์อย่างไร ต่อให้เป็นผู้เกี่ยวข้องลินก็ยังอยากรับรู้ความจริงมากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้

"ขอบใจ" เธอพูดกับวิว ขณะที่วิวลุกขึ้นยืนข้างลิน ตรงหน้าเป็นข้อมูลการเสียชีวิตที่ยังเป็นปริศนา

มีผู้กำกับสน.คนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นคุมคดีสน.วันนี้ ทั้งลินและวิวรู้ว่าควรจะตอบอะไรและอะไรเป็นอะไร

"คิดว่านี่เป็นสนามเด็กเล่นเหรอ เข้าได้เฉพาะตำรวจ"

"เธอมากับฉัน คุณผู้กำกับ เธอมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรกับพ่อของเธอตราบใดที่ไม่ทำลายหลักฐาน" วิวหันไปตอบผู้กำกับ พร้อมกับลินที่หันหน้าไปรับฟังการตักเตือน

"ตราบใดเท่าที่ไม่ทำลายหลักฐาน" ผู้กำกับทวนคำตอบขณะที่มองหน้าลินท้ายสุดขณะที่มองหน้าผู้กำกับ

สายตาลินยังไม่ละจากผู้กำกับ แววตาลินกำลังจะบอกว่านี่เป็นเรื่องของเธอ และฉันคือสถานะที่ต่อรอง

"ถูกตีด้วยของแข็ง หลายครั้งและตีแรงเข้าที่หน้า" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น

"เลือดทั้งหมดเกิดจากรอยแผลเหรอ" วิวถามเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐาน ลินกำลังดูตามทุกจุดที่มีหมายเลขวางไว้

"เปล่า ฆาตกรอาจจะเก็บเป็นรางวัล"

"เอ็มอยู่ไหน เธอปลอดภัยรึเปล่า" ลินหันไปถามวิว ขณะที่ลินดูรอบ ๆ ตัวผู้ตาย ทั้งโต๊ะทำงานและชั้นวางหนังสือ ดูเหมือนว่าพ่อพึ่งจะกลับมาบ้านกำลังตามข่าวการเลือกตั้งผู้ว่าของเมืองภูเก็ต

ลินหันหน้าไปยังวิวรอคำตอบ วิวตอบด้วยความเงียบกับแววตา ไม่ได้มีท่าทางอะไรพิเศษนอกจากหยิบเอารูปมาให้ดู เป็นรูปใบหน้าเอ็มถูกถ่ายด้วยราวกับเป็นปัจจุบัน

"นี่ถูกส่งมาที่สถานีตำรวจ หลังจากนั้นก็ติดต่อพ่อของเธอไม่ได้" วิวอธิบาย

ข้อความในจดหมาย

'ในท้ายที่สุดไม่ใช่ว่าเธออายุเท่าไหร่ แต่มันคือเธอได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายกี่ปีในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ เธอเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ จากใคร เพื่อนลับ ๆ ของเธอ'

เป็นจดหมายที่แนบมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าของพ่อลินที่เปื้อนเลือด

"เรามาถึงที่นี่น้องเธอก็ไม่อยู่แล้ว ไม่พบร่องรอยการต่อสู้" วิวอธิบาย

"หมายความว่าอาจจะหนีไปได้" ลินพยายามสังเกตดูจุดต่าง ๆ ตั้งแต่รอยเลือดและอาวุธที่ใช้

"ที่โรงเรียนบอกว่าเธอนั่งแท็กซี่กลับบ้าน นั้นเป็นที่สุดท้ายที่มีบันทึกภาพไว้ เรากำลังตามทะเบียนเลขแท็กซี่คันนั้นอยู่"

ลินถอนหายใจ บางส่วนในตัวเธอรู้แล้วว่าคาดหวังกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ไม่แน่ชัดเลยว่าเอ็มหายตัวไปตอนไหน ในหัวลินกำลังตะโกนต้องการคำตอบอยู่ คำตอบของเรื่องนี้เป็นปัญหาในเวลานี้ เสียงกรีดร้องโหยหวนต้องการความช่วยเหลือไม่สามารถออกมาจากรูปภาพได้ รูปภาพนี้เป็นหมึกของแสงที่ตวัดด้วยน้ำท่วมพู่กันอย่างล้นปรี่บนกระดาษ พระเจ้าลงโทษลินเยี่ยงคนบาปผู้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นเหล่าโฉมงามของความตาย ลินกลืนน้ำลาย รับรู้ความจริงที่ไม่อยากรู้ ถ้าตอนนี้ลินเจอน้องที่ซ้อนตัวอยู่คงอยากถามว่า 'มีที่อยู่มั้ย ที่ที่พวกเขาไปอยู่โดยไม่มีใครตามไปได้ ที่อยู่ในตัวตนของพวกเขาเองที่ไม่มีใครเข้าไปหาได้ ที่ที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ฉันจะถามเขาว่ามีทะเลหรือต้นไม้มั้ย มันอยู่ไหนและเธอจะไปไหน เธอจะไปไหนเวลาเธออยากไปที่อื่น' เพราะเป็นอะไรที่พิเศษมากมีไม่กี่คนที่ทำอะไรแบบนั้นได้ ตอนนี้ลินอยากหนีออกจากตรงนี้ ของวันนี้และเวลานี้ พ่อหนีไปได้อย่างสำเร็จแล้ว สิ่งที่ลินกลัวนอกจากการไม่มีใครฟังลินจริง ๆ คือการทำให้พ่อผิดหวัง แต่ตอนนี้ลินไม่ได้ต้องกังวลถึงความผิดหวังนั้นอีกแล้ว ไม่มีการผิดหวังจากการคาดหวังของสายตาจากพ่อถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งจากไปก่อนความคาดหวังและการตัดสินจะยุติลง

เหมือนเรื่องเหล่าเป็นตัวบันทึกความรู้สึกในตัวลินเอง โดยมีความกลัวเป็นเครื่องมือ ข่าวของทีวีในบ้านคือที่มาและจุดเริ่มต้นของความกลัว

"ของพวกนี้มีความหมายอะไรกับเธอมั้ย" วิวหยิบจดหมายชุดอื่นที่ถูกทิ้งไว้ในบ้าน

จดหมายฉบับที่สอง

'เธอจะช่วยฉันให้น้องของเราปลอดภัย อย่าทิ้งใครไว้ข้างหลังอีก จากเพื่อนลึกลับ'

ข้อความกำลังประมวลอยู่ในหัวลิน มันย้ำเตือนถึงการไม่สามารถอยู่ทุกที่ได้ นี่ไม่ใช่ข้อความเรียกหรือบอกให้ลินรอ แต่มันกระตุ้นความกลัว เรียกร้องและขอเพิ่มราวกับขี้ยาต้องการสารเสพติดเพิ่ม

"เกิดอะไรขึ้น!!" ผู้บังคับการคดีทักวิว

"ฉันให้เธอเข้ามา" วิวตอบผู้บังคับการคดี

"เธอมีเอี่ยวด้วยเหรอ" วินัยหันไปคุยกับวิว

"ไม่ เธอไม่เกี่ยว" วิวเถียง

"เธอรู้ได้ไงล่ะ" วินัยถามซ้ำ

"ให้ตายเถอะ ฉันไม่แคร์ว่าเป็นลูกของท่านวิศุทธิ์ หรือแค่เด็กมีปัญหา นักข่าวมารออยู่ข้างนอกเต็มไปหมด เอาเด็กนี่ออกไปจากที่เกิดเหตุ"

"ฉันแค่พยายามจะหาความเชื่อมโยง" วิวพูดฐานะเป็นตำรวจเก็บหลักฐานที่รู้จักทั้งวิศุทธิ์และลิน

"สุนทรพจน์ของลินคอล์น จากเกตตีสเบิร์ก" ลิน แทรกตอบ

"อะไรนะ" ผู้บังคับการคดีวินัยถามซ้ำพร้อมความสงสัย

"ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายกี่ปีในช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่ ประโยคของลินคอล์น มันแปลว่านี่คือจุดเริ่มต้นขึ้น" ลินย้ำกับสิ่งที่นึกออก ความสามารถในการอ้างอิงถึงหนังสือและวรรณกรรมต่าง ๆ ในระหว่างบรรทัดของสิ่งที่จำเป็นต้องพูด

"ชอบที่จะทำตัวฉลาดสินะ สุขสันต์วันคริสต์มาส" วินัยประชดไปทางลิน

"ขอโทษครับท่านผู้บังคับการ นักข่าวรอท่านข้างนอก" ตำรวจยศเล็กท่านหนึ่งแทรกบทสนทนาเตือนวินัย

"เอาเธอออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้" วินัยตะคอกเตือนครั้งสุดท้ายไปยังวิว

ลินที่กำลังยืนตัวตรงจ้องศพพ่อตัวเอง

"มาเถอะ" วิวพูดเบา ๆ อย่างใจเย็นกับลิน

ตั้งแต่เกิดการระเบิดเตาปฏิกรณ์นักข่าวชอบพวกเรา แต่ตำรวจเกลียดพวกเรา ข้าราชการไม่ชอบพูดถึงปัญหา ตอนนี้การคลังของประเทศเป็นหนี้ สูงสุดในรอบหลายปีจากนโยบายของนักการเมือง วิศุทธิ์เข้ามาในการเมืองจากการสำเร็จในธุรกิจส่วนตัวจะหาทางลัดเพื่อแก้ไขปัญหา แต่เมืองท่องเที่ยวที่นี่มันเน่าเฟะเกินไปทุกที่เต็มไปด้วยยาเสพติด ระเบิดและเพื้นที่ปกครอง การประท้วงถูกจัดให้อยู่ในที่ผ่อนปรน แต่มันไม่เคยมีการฟังเสียงผู้เดือดร้อนที่แท้จริงขยะเต็มเมือง ที่นี่กำลังกินตัวเองอย่างสวาปาม

ลินออกมาคุยกับวิวเป็นการส่วนตัว พื้นที่บริเวณบ้านถูกสำรวจโดยรอบ บางสิ่งที่ไม่สามารถแปลออกมาเป็นภาษาได้ไม่ได้แปลว่ามันไม่สำคัญหลังจากนี้ลินไม่จำเป็นต้องดูดซับความเครียดจากพ่ออีกต่อไปแล้ว ความเครียดจากพ่อแม่ที่แปลงมาเป็นความเจ็บปวดของลิน แม่จากไปก่อนหน้านี้สองปี ความอัปยศที่ลินรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่มาจากตัวเธอ แต่มาจากภาพทั้งหมดที่ลินเห็นในบ้านของตัวเอง อารมณ์กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ความว่างเปล่ากลายเป็นระบบตกทอดทางระบบประสาท

ความเป็นผู้หญิงครอบครองตัวลินมาตลอดเวลา ภาพลักษณ์และการปฏิสัมพันธ์ตัวตนที่ครอบครองลินถูกตีกรอบตามบุพบททางสังคม สิ่งที่ผู้ชายต้องการนั้นน่าเบื่อ ธรรมดามาก ไม่สร้างสรรค์ ร่างกายบุคลิก วิญญาณของตัวลินเกินจากการซ้อนทับด้วยความหลอกลวงนับล้านซ้อนทับตัวลินอยู่ถึงแม้จะเห็นลินยืนอยู่นอกบ้านนั้น ท่ามกลางฝน แต่ตรงนั้นเป็นเพียงจุดวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมในการสร้างบุคลิกขึ้นมา เรารู้สึกหลงทางทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่และรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ความเป็นผู้หญิงลอยหายไปและเอื้อมไม่ถึง เธอแค่อยากเป็นเหมือนมหาสมุทร ที่ไม่อยากจะยืนนิ่ง ๆ แค่พยายามมีชีวิตอยู่ ปัญหาเดียวก็คือเรามักจะเสียคนที่เรารักไประหว่างทางตลอด คิดว่าตัวเองทำพลาดตลอด ตื่นตระหนกและเป็นชีวิตที่ยากจริง ๆ ลินคิดจะทำลายตัวตนตัวเองตลอดเวลาแต่ระหว่างคิดทำร้ายตัวเองกับการเป็นอิสระอาจจะอยู่ได้ในทิศทางที่น่ากลัวทั้งสอง ลินอยากหนีไปจากตรงนี้ ตอนนี้ลินไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม เพราะความเจ็บปวดหรือแค่รู้สึกว่าชีวิตจริงน่าผิดหวัง ความจริงคือไม่มีอะไรของจริงเลย ทั้งหมดราวกับเป็นเรื่องเพ้อฝัน การมีชีวิตอยู่หลังจากนี้เต็มไปด้วยการถูกไล่ตามด้วยเงาของความตาย ลินทุรนทุรายภายในขณะเดินออกทางหลังบ้านมาพร้อมกับวิว

"ฉันรู้จักเธอ" วิวทักก่อนลินจะกลับ

"เหรอ"

"ฉันรู้เวลาที่เธอกำลังจมดิ่ง"

"ฉันไม่อยากเข้าใจที่นี่อีก ฉันเบื่อที่จะมีคนมาบอกว่า ฉันยินดีที่จะสูญเสีย ฉันแค่จะช่วยทำสิ่งที่ถูกต้อง ๆ"

"เธออยากจับตัวคนร้ายจนตัวสั่นเลยเหรอ ยิ่งเธอกลัว เราจะยิ่งทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ" วิวเตือน

"ฉันไม่ได้กลัว ฉันโมโห" ลินถูกพาเดินออกจากที่เกิดเหตุ กลับบ้านที่ตำรวจเตรียมไว้ให้สำหรับการคุ้มครองพยาน สำหรับลินความกลัวเป็นจุดเริ่มต้นของความตาย เธอกลัวที่จะตายที่นี่ และมันเป็นเรื่องน่ากลัวที่จะยิ่งกระโดดลงไปในความจริง เพราะโลกความจริงช่วงชิงความสุขและการทำสิ่งดี ๆ ในชีวิตไปแล้ว ทุกอย่างที่ลินต้องทำหลังจากกลับไปที่พัก แค่ปิดระบบไฟฟ้าทุกอย่าง ปิดไฟทุกดวงแล้วก็หลับตาและไม่คิดถึงใครทั้งสิ้น ไม่มีใครในความคิดทำร้ายจิตใจเราได้ มันช่างปลอดภัย คิดว่าชีวิตไม่มีความหมายจะอยู่ไปเพื่ออะไร พ่อตายและน้องสาวก็อาจจะตาย ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านั้นแล้ว แต่ยังไงก็ตามมันมีสิ่งที่อยากทำตอนนี้ถ้าตัดสินใจจะมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องฝืนเดินหน้า นั่งให้สบายเตรียมพร้อมกับเรื่องต่าง ๆ ได้เวลากลับบ้านแล้วนี่คือสิ่งที่ลินบอกตัวเอง นี่คือขบวนรถไฟความคิดสุดท้ายของวัน

"วันนี้จบลงด้วยดวงตาไร้แววพระเจ้าที่ทอดทิ้งและบาปที่ก่อตัวของทุกคน เป็นเนินทรายดูดลุ่มหลงต่อความพ่ายแพ้ของชีวิต"

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2548 คิมยองซูตอบคำถามเกี่ยวกับลิน ตำรวจนักสืบคดีถามเกี่ยวกับคิปป์ทีม

"แล้วเธอจัดเป็นนักเรียนประเภทไหน"

"โอ้ หนูก็เป็นพวกทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ ผมหยิกเหมือนคนทั่วไป และเล่นกีฬาหลังจากเดินได้" ซูพูดพร้อมเคี้ยวขนมกับยิ้มซ่อนฟัน

"ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไป มันขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ความรู้ของพวกเขาด้วย เพราะมันมักจะมีภาระอยู่ในความรู้ ภาระในการระแวดระวัง ก็แบบภาระของผู้เป็นแม่ ผู้ไถ่บาปและเป็นบาปในเพศ ทั้งหมดนั้นอาจจะมากไปสำหรับคนบางคน คนที่ฉลาดที่มีความมั่นคงนั้นหายาก ส่วนฉันนั้นค่อนข้างโอเค ดีกว่าคนบางคนแต่รู้อะไรมั้ย เพียงแค่ฉันรู้วิธีพูดคุยกับผู้คนแค่นั้นก็ทำให้ฉันผ่านเรื่องต่าง ๆ มาได้แล้ว กีฬาที่ลินเล่นธนูสากล เธอเตรียมการซ้อมตั้งสี่ปี เธอจัดการมันได้หมดหรือไม่ก็คิดภาพในหัวไว้หมดแล้ว เธอคิดหลายอย่างตลอดเวลา และคงไม่ได้รบกวนความคิดหรือจัดระบบความคิดมา ลินไม่ได้คิดเป็นเส้นตรงถึงมีส่วนทำให้เธอเป็นอัจฉริยะแต่ก็มีส่วนที่ทำให้น่าอึดอัดด้วยเหมือนกันถ้าต้องพยายามบีบให้เธออยู่ในระบบที่ต้องคิดเป็นเส้นตรงอย่างระบบกฎหมาย ที่หนูรู้คือเธอไม่ใช่คนที่ชอบคุยนัก ยกเว้นตอนที่คุณอยากให้เธอหุบปากนั่นแหละแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ฉลาด ใช่แล้วในหกเดือนที่เราทำงานด้วยกันในที่สุดฉันก็ไปที่บ้านลิน พอเห็นแล้วทำให้หนูรู้เลยว่าคนที่เตรียมการกับทุกอย่างเป็นยังไง" การควบคุมเป็นภาพลวงตาและมโนภาพก็เป็นความหมายให้กับเพื่อแยกความจริงและหลีกหนีความจริง เป็นการรักษาตัวเองและปิดบังตัวเองไปพร้อม ๆ กัน นี่เป็นวิธีในการเยียวยาตัวเองของคิม ยองซู

Vous aimerez aussi

ลิขิตรักข้ามภพ

เสี่ยวซือ สายลับมือหนึ่งจากหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติที่เก้า ไม่ว่าจะเป็นสืบราชการลับ ลอบสังหาร หรือทำภารกิจเสี่ยงอันตรายต่างๆ เธอทำได้อย่างไร้ที่ติ เธอทำงานรับใช้ประเทศด้วยความภักดี กลับถูกหักหลัง ต้องตายอย่างอนาถ แต่แล้วดวงวิญญาณของเธอกลับย้อนเวลามาเข้าร่างของจวงชิงเซี่ยชายาผู้ถูกทอดทิ้ง ทำให้เธอได้พบกับฉู่หลีองค์รัชทายาทผู้โหดร้าย เลือดเย็น และไร้หัวใจ และเพราะความลับบางประการของเจ้าของร่างคนก่อน ทำให้เธอต้องการหลีกหนีจากเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปได้ ต่อให้ต้องกักขังนางไว้ เขาก็จะทำ!

เซียวเซียงตงเอ๋อร์ · Histoire
Pas assez d’évaluations
418 Chs

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่ง ฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไป เบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว ผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงิน ปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิด เมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้ เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัว เฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้า เขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า! “เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ” “ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ” “ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง” “ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย “ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป...” ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ “เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน” “....” *** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้บริษัท Ink Stone Entertainment *** ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100% เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : China Literature เรื่อง : คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า ผู้เขียน : เยี่ยนเสี่ยวม่อ (燕小陌) [大小姐她总是不求上进] / [燕小陌] ©2023 Ink Stone Entertainment Co., Ltd. All rights reserved. Thai translation rights arranged with China Literature by Ink Stone Entertainment Co., Ltd. คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า จำนวนตอนต้นฉบับจีน 642 ตอน

เยี่ยนเสี่ยวม่อ (燕小陌) · Histoire
Pas assez d’évaluations
489 Chs

ห้องสมุดแห่งวิถีสวรรค์

จาง เซวียนข้ามมิติมาสู่โลกอื่น กลายเป็นครูผู้ทรงเกียรติ และในสมองของเขามีห้องสมุดลึกลับปรากฏขึ้น ทุกสิ่งที่เขาเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือวัตถุ สามารถกลายเป็นหนังสือได้โดยอัตโนมัติ บันทึกข้อบกพร่องต่างๆ ของสิ่งนั้นๆ ดังนั้นเขาจึงเก่งกาจมาก! สอนนักเรียน รับศิษย์ เปิดชั้นเรียน ฝึกฝนผู้แข็งแกร่งที่สุด และถ่ายทอดวิชาให้ทั่วโลก "จักรพรรดิเยี่ยวหยาง ทำไมคุณไม่ชอบใส่กางเกงในล่ะ? เป็นถึงจักรพรรดิ ช่วยระวังภาพลักษณ์หน่อยได้ไหม?" "นางฟ้าหลิงหลง ถ้าคุณนอนไม่หลับอีกตอนกลางคืน มาหาผมได้นะ ผมร้องเพลงกล่อมได้เก่งมากเลย!" "แล้วก็คุณนี่ ราชาปีศาจเฉียนคุน ช่วยกินหัวหอมน้อยลงหน่อยได้ไหม? จะรมควันฆ่าฉันเหรอ?" นี่คือเรื่องราวสุดเจ๋งของการสืบทอดวิชาครู การฝึกฝนและชี้แนะผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก

Heng Sao Tian Ya · Oriental
Pas assez d’évaluations
351 Chs
Table des matières
Volume 0 :Auxiliary Volume
Volume 1
Volume 2 :บทที่ 2
Volume 3 :บทที่ 3
Volume 4 :บทที่ 4
Volume 5 :บทที่ 5
Volume 6 :ส่วนที่สอง กระตุ้นด้วยเงิน Pumping Money บทที่ 6
Volume 7 :ส่วนที่ 3 ทั้งหมดในครั้งเดียว All at once บทที่ 7
Volume 8 :บทที่ 8
Volume 9 :บทส่งท้าย

audimat

  • Tarif global
  • Qualité de l’écriture
  • Mise à jour de la stabilité
  • Développement de l’histoire
  • Conception des personnages
  • Contexte mondial
Critiques
Pleurage! Vous seriez le premier commentateur si vous laissez vos commentaires dès maintenant !

SOUTIEN