ช่วงกลางยามเซิน หลงฮูหยินก็ได้เดินทางกลับมาจากการไหว้พระขอพรให้หลานชายสุดที่รัก และทันทีที่นางย่างเท้าเหยียบเข้าประตูใหญ่ของเรือน นางก็หันไปถามพ่อบ้านใหญ่ทันที ซึ่งเขายืนรอต้อนรับผู้เป็นนายอยู่ตรงกลางลานกว้างของบ้าน
"อาเหลียง หลิงเอ๋อร์มาถึงหรือยัง"
ผู้เป็นนายหญิงหันไปเอ่ยถามพ่อบ้านของตนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนใจ
"มาถึงแล้วขอรับ ตอนนี้นายน้อยกำลังพักผ่อนรอท่านอยู่ที่เรือนพักส่วนตัวของเขาขอรับ" พ่อบ้านตอบกลับด้วยท่าทีปกติ
"ดี งั้นเจ้ารีบไปตามเขาให้มาพบข้าที่ห้องโถงใหญ่ของเรือนตอนนี้เลย"
ผู้เป็นบ่าวเห็นนายหญิงออกคำสั่งอย่างจริงจัง และดูกำลังกังวลใจผิดปกติ แต่ไม่ทันที่เขาจะทันได้กล่าวอะไร สาวใช้สูงวัยก็ได้เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
"นายหญิงเพิ่งเดินทางมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อนดีไหมเจ้าคะ จากนั้นค่อยให้พ่อบ้านเหลียงไปตามนายน้อยมาร่วมดื่มชาด้วย ข้าคิดว่าก็ยังมิสายเกินไป"
ยายเมิ่งกล่าวอย่างใจเย็นกับนายหญิงของตน เพราะนางรู้ถึงสาเหตุที่หญิงชราสูงศักดิ์ผู้นี้กำลังร้อนใจอยู่ แต่ถึงจะเร่งรีบไปก็มีทำให้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปได้
"งั้นเอาตามที่ยายเมิ่งกล่าวก็ได้" หลงฮูหยินได้ฟังคำกล่าวเตือนสติจากสาวใช้ส่วนตัว นางก็ยอมคล้อยตามแต่โดยดี
"ถ้าเช่นนั้น อาหารค่ำของวันนี้จะให้บ่าวเตรียมสำรับเผื่อนายน้อยกับแม่นางฟ่งด้วยใช่หรือไม่ขอรับ"
พ่อบ้านใหญ่สอบถามเพิ่มเติมถึงมื้อเย็นในค่ำคืนนี้ เพราะเขาจะได้เตรียมสำรับอาหารถูก มิเช่นนั้นถ้าทำขาดเหลือหรือเกินขึ้นมา เขามิแคล้วจะโดนตำหนิจากผู้เป็นนายหญิงของบ้านได้
"ท่านจัดการตามเห็นสมควรได้เลย"
"ขอรับนายหญิง"
"ข้าหวังว่าวันนี้คงจะไม่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนถึงเรือนอีกหรอกนะ" เจ้าของเรือนบ่นลอย ๆ ขึ้นมา ในขณะที่เดินไปทางเรือนพักของตน โดยมีสาวใช้ของนางเดินตามหลังไปติด ๆ
ยามซวี
หลังจากช่วงเวลาของอาหารค่ำเสร็จสิ้นลง ย่ากับหลานก็นังจิบน้ำชาและพูดคุยกันต่อ โดยต่างฝ่ายก็สาวใช้ของตนคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง
"หลงเอ๋อร์ เจ้าเตรียมคำตอบในการเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้ไว้เยี่ยงไรกัน"
แม้ผู้เป็นย่าจะยังคงวางท่าทีสงบ แต่ฟังจากน้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมานั้น แฝงไว้ซึ่งความกังวลและความเป็นห่วงเป็นใยยิ่งนัก
หลงอี้หลิงยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างใจเย็น และปล่อยให้คนที่ถามรอฟังคำตอบอย่างร้อนใจ เพราะไม่เพียงแค่ย่าของเขาเท่านั้นที่กำลังรอฟัง แม้แต่ยายเมิ่งและฟ่งหลันหลั่นเองก็ยืนเงียบและคอยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเช่นกัน
เวลาผ่านไปครึ่งจิบถ้วยชา หลงอี้หลิงก็ได้เอ่ยขึ้น
"ท่านย่าหมายถึงเรื่องการขอพระราชทานสมรสของเยี่ยอ๋องกระนั้นหรือ" หลานชายสุดที่รักย้อนถามท่านย่าของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ฟังดูไม่ได้ทุกข์ร้อนใจอันใด
เมื่อผู้เป็นย่าถูกหลานชายยอกย้อนถามกลับมาเยี่ยงนั้น นางก็แสดงอาการตัดพ้อต่อว่าเขาขึ้นมา
"หลานก็รู้ว่าปกติย่าไม่ใช่คนที่จู้จี้หรือเป็นจองบงการอะไร แต่เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของคนคนหนึ่ง ไฉนเลยจะมาบังคับกันแบบนี้ได้เยี่ยงไรกัน หรือว่าเจ้าเห็นดีเห็นงาม อยากให้คุณหนูเยี่ยผู้นั้นแต่งเข้าสกุลหลงของเรางั้นรึ!"
คำกล่าวนี้ของฮูหยินเฒ่า มันได้สร้างบาดแผลทิ่มแทงใจของฟ่งหลัน-หลั่นโดยที่นางก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่พอกล่าวจบนางก็พลันนึกได้และหันไปมอง สตรีน้อยด้วยแววตารู้สึกผิด
"นายน้อยจะแต่งคุณหนูผู้นั้นเข้าเรือนสกุลหลงของเราจริง ๆ หรือเจ้าคะ คราวที่แล้วนางก็เล่นทำเอาพวกเราเกือบตาย โดยเฉพาะแม่นางฟ่ง..."
หลงอี้หลิงยังคงนั่งจิบชาอย่างสงบ และฟังหญิงชราทั้งสองกล่าวโดยไม่โต้แย้งใด ๆ
ยายเมิ่งทนไม่ไหวในความเมินเฉยของนายน้อยที่กำลังแสดงออกมาต่อคำกล่าวของพวกนาง จึงได้กล่าวเสริมต่ออย่างร้อนใจแทนผู้เป็นนาย
"นายน้อยรู้หรือไม่เจ้าคะ วันนี้นายหญิงอุตส่าห์เดินทางไปตั้งไกล หลายลี้ เพื่อไปขอพรที่วัดให้ท่านแคล้วคลาดจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ แต่ท่านกลับยังมัวนั่งจิบชาอย่างใจเย็นไม่สนใจตอบคำถามของพวกเราเยี่ยงนี้ ช่างใจดำยิ่งนัก" คราวนี้เป็นยายเมิ่ง แม่นมของเขา กล่าวตัดพ้อน้อยใจบ้าง
หึ ๆ
หลงอี้หลิงผู้ที่มักวางสีหน้าตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา วันนี้เขาก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน จนผู้เป็นย่ากับแม่นมหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ มีเพียงฟ่งหลันหลั่นที่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับนางเลยสักนิด
และก่อนที่หญิงชราทั้งสองคนจะมีน้ำโหไปมากกว่านี้ แม่ทัพหนุ่มจึงได้กล่าวความในใจของเขาออกมา
"ท่านย่ากับยายเมิ่งอย่าได้เป็นกังวลใจเรื่องนั้นไปเลย แม้เยี่ยอ๋องผู้นั้นจะไปขอพระราชทานสมรสให้ธิดาของตน แต่อย่างไรเสียฝ่าบาทก็ย่อมต้องถามความยินยอมจากข้าก่อนอยู่ดี"
เขายังคงพูดจายอกย้อนไปมา ไม่ยอมตอบคำถามออกมาตามตรง
จนผู้เป็นย่าทนไม่ไหวยื่นพัดที่ถืออยู่ในมือมาตีลงบนแผ่นหลังหนาของหลานชายด้วยความหมั่นไส้ในคำยอกย้อนของเขาหนึ่งที
ปั๊ก!
"นี่แน่ะ ขอสักทีเถอะ เจ้ายังจะมาพูดจายอกย้อนย่าอยู่ได้ รีบตอบมาเลยเจ้าคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ หรือจะให้ยายแก่คนนี้กระวนกระวายใจตายก่อนกระนั้นหรือ"
ฟ่งหลันหลั่นยืนมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความสะใจจึงเผลอหลุดปากกล่าวขึ้นลอย ๆ เพราะวันนี้นางก็พึ่งถูกเขาแกล้งมาเหมือนกัน
"สมน้ำหน้า ชอบยั่วโมโหคนอื่นดีนัก"
และเมื่อหลงอี้หลิงหันมามองและส่งประกายดวงตาตำหนิสื่อสารมา เจ้าตัวก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แม่ทัพหนุ่มจึงหันกลับไปสนทนากับย่าของเขาต่อ
"ท่านย่ามิต้องเป็นกังวลสิ่งใดทั้งนั้น ผู้ที่จะร่วมเตียงเคียงหมอนครองคู่กับข้า จะต้องเป็นสตรีที่ข้ารักเท่านั้น เรื่องนั้นท่านย่าย่อมรู้นิสัยข้าดีกว่าผู้ใด"
คำตอบนี้สำหรับหลงฮูหยินและยายเมิ่งย่อมจะเข้าใจในความหมายที่สื่อออกมา
หญิงชราทั้งสองได้หันไปมองหน้ากันพลางชำเลืองมองไปที่ฟ่งหลันหลั่น โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
'ชิ! คำตอบของเขาจะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเรา ลำพังเรื่องของตัวเองก็ยังสะสางไม่ได้เสียที เราคงไม่มีเวลาไปคิดเรื่องของเขาหรอก สิ่งสำคัญตอนนี้ คือเรื่องของตาเฒ่ากับเรื่องของเยี่ยอ๋องผู้นั้น'
คงมีเพียงฟ่งหลันหลั่นที่ยังไม่ได้คำตอบที่อยากได้ฟัง แต่ถึงจะคิดหนักแค่ไหน นางก็ไม่มีเวลาให้สนใจเรื่องของเขา เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของนางในตอนนี้คือการสืบหาการตายของตาเฒ่าฟ่งและการหาหลักฐานเพื่อแก้แค้นเอาคืนกับเยี่ยอ๋องผู้นั้น
ในขณะที่ทุกคนต่างฝ่ายก็เงียบไป หลงอี้หลิงก็ได้กล่าวขึ้น
"ข้าอยากจะขอรบกวนท่านย่ากับยายเมิ่งสักเรื่องจะได้หรือไม่" เขากล่าวพลางหันไปมองทางฟ่งหลันหลั่นก่อนจะกล่าวต่อ
"พรุ่งนี้ข้าจะพานางติดตามเข้าวังหลวง เลยอยากจะรบกวนขอแรงพวกท่านช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าการแต่งกายของนางให้ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้สักหน่อย"
ฟ่งหลันหลั่นได้ฟัง นางก็ถึงกับควันออกหูและแสดงสีหน้าบึ้งตึงถามขึ้นอย่างไม่พอใจทันที
"ปากคอเราะรายแบบนี้น่าดึงลิ้นออกมาตัดเสียจริง ถึงข้าจะแต่งตัวแบบสาวใช้บ้าน ๆ แต่หน้าตาของข้าก็ไม่ได้น่าเกลียดหรือขี้เหร่ถึงขนาดให้ท่านมาพูดจาดูถูกเล่นได้หรอกนะ อย่างไรเสียข้าก็เป็นถึง..."
สตรีน้อยต่อว่าเขาฉอด ๆ ด้วยความโมโห และจู่ ๆ นางก็หยุดพูดไปดื้อ ๆ เพราะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีบางคำที่ยังไม่ถึงเวลา
ฮ่าฮ่าฮ่า....หลงฮูหยินและยายเมิ่งถึงกลับกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นแม่ทัพหนุ่มผู้องอาจ ไม่เคยยอมใครกลับทำตัวเรียบร้อย นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับสาวใช้ของตน
"หลงเอ๋อร์ รู้ตัวไหมว่าเจ้าช่างเหมือนพ่อของเจ้าเสียจริง ดีแล้วละ ยำเกรงภรรยาของตนเอาไว้ จะได้เจริญรุ่งเรืองในชีวิต"
ฟ่งหลันหลั่นรีบตอบสวนอย่างร้อนตัวทันที
"ข้าไม่ใช่ภรรยาของเขาสักหน่อย ฮูหยินใหญ่คงจะเข้าใจผิดแล้วละเจ้าค่ะ"
ยิ่งได้ฟังและเห็นท่าทีร้อนตัวอย่างเขินอายของสตรีน้อย ผนวกกับท่าทีนิ่งเฉยไม่ปฏิเสธของหลานชายสุดที่รักของตน ยิ่งทำให้หญิงชราสูงศักดิ์ผู้นี้ มั่นใจในสายตาและความคิดของตนเป็นทวีคูณ
"ฮ่าฮ่าฮ่า ยายเมิ่งเจ้าเองก็คิดว่าข้าเข้าใจผิดไปอย่างที่ยัยหนูนี่กล่าวมาหรือเปล่า รุ่งเช้าของวันนั้น...ข้ามั่นใจว่าเราสองคนตาไม่ฝาดไป ที่เห็นพวกเขาทั้งสองร่วมเตียงเคียงหมอนกันด้วยท่าทางมีความสุข"
เสียงหัวเราะและถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความสุข รวมไปถึงสีหน้าอิ่มเอมใจของฮูหยินใหญ่แก่งสกุลหลง ได้หันไปถามสาวใช้ของตนเพื่อหาฐานเสียงสนับสนุน ซึ่งคนของนางก็ขานรับด้วยอารมณ์และความรู้สึกเดียวกัน
"เจ้าค่ะนายหญิง"
หลงอี้หลิงเกรงว่าตนจะถูกไล่ต้อนให้จนมุมมากไปกว่านี้ จึงได้พูดตัดบทสนทนาขึ้นเพื่อชิ่งเอาตัวรอด
"ถ้าเช่นนั้น คืนนี้ข้าฝากยัยหนูนี่ไว้กับท่านย่าและยายเมิ่งให้ช่วยจัดการสอนมารยาทให้นางมีติดตัวเข้าวังไปสักนิดก็ยังดี"
"เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องรบกวนพวกท่านหรอก ข้ารู้หน้าที่ของข้าดี"
ฟ่งหลันหลั่นตอบสวนทันควัน เพราะถึงเวลาจะผ่านมาร่วมสิบกว่าปีและแม้ว่าความทรงจำที่เคยหายไปจะไม่กลับคืนมาเสียทั้งหมด แต่เรื่องมารยาทและการวางตัวในฐานะองค์หญิงน้อย นางก็ยังพอจะจำได้ราง ๆ ว่าควรกระทำเช่นไร
แต่พอมาฉุกคิดได้นี่ก็อาจจะเป็นโอกาสดี ที่นางจะได้แอบหนีออกไปตอนกลางคืน เพื่อจะไปหาหลักฐานเพิ่มเติมจากเมื่อครั้งก่อนที่ยังทำไม่สำเร็จ
"งั้นก็ได้ คืนนี้ข้าจะอยู่ค้างที่เพื่อเรียนเรื่องมารยาทและการวางตัวต่อหน้าคนชั้นสูงกับท่านอาวุโสทั้งสอง ส่วนท่านก็ควรรีบกลับเรือนหลงหลิงเสียที ป่านนี้ไม่แน่ว่าท่านนายกองทั้งสองอาจจะรอท่านอย่างร้อนใจอยู่ก็เป็นได้"
หลงอี้หลิงสังเกตได้ถึงความผิดปกติของสตรีน้อย เพราะตอนแรกนางปฏิเสธเขา แต่เวลาห่างกันไม่เพียงกี่นาที นางก็กลับไปเปลี่ยนใจและยอมทำตามอย่างง่ายดาย เขาจึงหันไปกล่าวกับย่าของเขา อย่างรู้ทันสาวใช้ของตน
"รบกวนท่านย่าช่วยกำชับกับท่านพ่อบ้านเหลียงด้วยว่า คืนนี้ให้เขาช่วยเพิ่มจำนวนกำลังเวรยามให้แน่นหนาและมากขึ้น ชนิดที่ว่ายุงสักตัวก็ห้ามบินออกหรือบินข้ามกำแพงเข้ามาในคนสกุลหลงได้"
ผู้เป็นย่าได้ฟังน้ำเสียงของหลานชายที่กล่าวอย่างจริงจัง นางก็เกิดความสงสัยขึ้นมา หากแต่นางเข้าใจว่าคงเป็นเพราะเขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของสตรีน้อยเป็นแน่ เพราะหากรู้ถึงหูของคนสกุลเยี่ยว่านางไม่ได้อยู่ข้างกายหลงอี้หลิงที่เรือนหลงหลิง พวกเขาอาจจะส่งคนมาลอบทำร้ายคนที่นี่ก็เป็นได้
"เจ้าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวย่าจะให้ยายเมิ่งไปกำชับกับพ่อบ้านเหลียงด้วยตัวเอง"
"ขอบคุณท่านย่ามาก เช่นนั้นเห็นทีข้าคงต้องขอตัวกลับเรือนหลงหลิงก่อน ท่านทั้งสองจะได้มีเวลาที่เหลือจัดการกับยัยหนูนี่"
จากนั้นแม่ทัพหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน และเดินไปหาฟ่งหลันหลั่นพร้อมกับยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาเข้าหานางราวกับหยอกล้อ ต่อหน้าต่อตาของอาวุโสหญิงทั้งสองอย่างไม่เขินอาย
"ถ้าข้าจับได้ว่าเจ้าแอบหนีออกไปนอกเรือนยามดึกอีก กลับไปเรือนเมื่อไร ข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไม่มีข้อละเว้นใด ๆ จำไว้ให้ดี"
ฟ่งหลันหลั่นแสดงท่าทีเขินอายออกมาเล็กน้อย และจ้องมองเขากลับด้วยสายตาต่อต้าน เพราะถูกเขาจู่โจมประชิดตัวกะทันหัน ในใจก็คิดท้าทายในอำนาจเขาอย่างไม่เกรงกลัว
'หลงอี้หลิง ข้าคงกลัวคำขู่ของท่านหรอกนะ! คืนนี้ข้าต้องหาหลักฐานเอาผิดเยี่ยอ๋องผู้นั้นให้ได้ ข้ามั่นใจว่ายาพิษที่คุณหนูเอาแต่ใจผู้นั้นใช้วางยาข้าคราวก่อน จะต้องมาจากบิดาของนางอย่างแน่นอน'
จากนั้นแม่ทัพหนุ่มเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ฟ่งหลันหลั่นได้เผชิญหน้ากับความเขินอายของตนต่อสายตาของยายเฒ่าทั้งสองที่กำลังจ้องมองนางด้วยสายตาปลื้มปริ่มใจและมีความสุขยิ่งนัก
....
เซียงไค 盛開