webnovel

ตอนที่ ๘ สถานการณ์คับขัน

ย๊ากซ์!!!

ฟ่งหลันหลั่นออกแรงเพิ่มไปยังฝ่ามือทั้งสองข้างและดึงเชือกเข้าหาตัวอย่างสุดกำลัง เพื่อหวังจะหยุดการเคลื่อนไหวของเจ้าม้าที่กำลังบ้าคลั่งทั้งสองตัว

อ๊าช!

แรงจากการเสียดสีของเชือกเส้นหนาในตอนที่ดึงนั้น ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ขึ้นบนฝ่ามือน้อยทั้งสองข้างของสตรีน้อย

"โดนเชือกบาดมือจนได้ มีแผลกลับบ้านเยอะแบบนี้ มีหวังโดนตาเฒ่าลงโทษหนักแน่ ๆ" ถึงปากของสตรีน้อยจะบ่นพึมพำพูดถึงแผลที่กับเกิดขึ้น และพานคิดถึงตาเฒ่าของตน แต่สายตาของนางก็ยังคงจับจ้องมองทางด้านหน้าเขม็ง

เมื่อคำนวณระยะห่างจากสายตาที่เห็น ตอนนี้นางคงต้องรีบตัดสินใจทำบางอย่าง มิฉะนั้นคงจะไม่ทันการณ์

"แย่ละสิ! อีกไม่ถึงยี่สิบจั้ง[1] ก็จะเป็นหน้าผาแล้ว เราคงต้องรีบหาทางช่วยคนลงจากรถม้าให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยกลับมาช่วยเจ้าพวกนี้ทีหลัง มิเช่นนั้นคงได้ตายกันทั้งหมดนี่เป็นแน่"

เมื่อนางตัดสินใจเช่นนั้น จึงออกแรงดึงเชือกมาผูกติดไว้กับคานตรงข้อต่อจุดเชื่อมโยงระหว่างตัวม้าและเพลาของรถม้าอย่างยากลำบาก เพราะแรงเหวี่ยงของรถม้าที่เหวี่ยงคลอนแคลนไปมาตลอดเวลา

หลังจากที่สตรีน้อยได้มัดเชือกเส้นคู่นั้นอย่างแน่นหนาดีแล้ว นางจึงหันขวับเปิดผ้ากั้นออกและกลับเข้าไปตัวรถม้าอย่างไม่รีรอ

พอเข้าไปนั่งด้านในรถม้า ฟ่งหลันหลั่นได้พบกับสตรีสูงวัยสองคน

ผู้หนึ่งสวมใส่อาภรณ์สวยหรูมีการตัดเย็บประณีตดูราคาแพง แต่งกายคล้ายหญิงสูงศักดิ์กำลังนั่งอยู่ด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีตื่นตระหนก และดูใจเย็น มีสติดีมาก

ต่างจากหญิงสูงวัยอีกคนซึ่งนั่งอยู่ม้านั่งด้านข้าง และน่าจะเป็นผู้ติดตามเพราะการแต่งตัวนั้นต่างจากคนแรก นางมีสีหน้าซีดเผือดดูตื่นตระหนกตกใจยิ่งนัก โดยมือทั้งสองข้างเกาะฝาผนังเอาไว้แน่น ร่างกายที่กำลังสั่นเทาอยู่ มองไม่ออกเลยว่าเป็นเพราะแรงสั่นไหวของรถม้าหรือเป็นเพราะความกลัวที่เกิดขึ้นของหญิงชราผู้นี้

[1] 1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร

หญิงชราผู้ติดตามของหญิงสูงศักดิ์เอ่ยถามสตรีน้อยผู้ที่เปิดผ้าม่านเข้ามาด้วยนำเสียงไม่เป็นมิตร ดวงตาฉายแววหวาดกลัว "เจ้าเป็นผู้ใดกัน เหตุใดถึงบังอาจกล้ามาทำร้ายพวกเราเยี่ยงนี้"

ฟ่งหลันหลั่นไม่ได้สนใจในคำถามนั้น สิ่งเดียวที่นางต้องการในตอนนี้ คือช่วยคนออกไปจากรถม้านี้อย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุด

"ขออภัยท่านผู้อาวุโสทั้งสองที่ล่วงเกิน ข้าหามิได้มีเจตนาร้าย แต่ เพลานี้ช่างเป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วนยิ่งนัก จึงจำเป็นต้องเสียมารยาทบุกเข้ามาในรถม้าของพวกท่าน เพียงเพื่อต้องการช่วยคน"

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเยี่ยงนี้ สตรีน้อยยังคงรักษามารยาทและบอกกล่าวทักทายบุคคลที่เป็นผู้อาวุโสกว่าถึงเจตนาของตน

ใบหน้าสุขุมของฮูหยินเฒ่าดวงตาคมนิ่ง นั่งมองสตรีตรงเบื้องหน้าอย่างอ่อนโยน และกล่าวขึ้นกับผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแต่ทรงพลัง

"แม่นางน้อยไม่ต้องมากพิธี ตอนนี้บนรถม้าอันตรายยิ่งนัก เจ้ารีบลงไปเสียเถิด มิเช่นนั้นเจ้าคงไม่แคล้วจะต้องประสบภัยร้ายและได้รับบาดเจ็บไปด้วยอีกคน"

ฟ่งหลันหลั่นจ้องหน้าอีกฝ่ายและนับถือฮูหยินเฒ่าผู้นี้จากใจ 'อาวุโสหญิงผู้นี้ แม้มีภัยรอยู่ตรงเบื้องหน้า แต่กลับยังดูสงบนิ่งและไม่ต้องการให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย ช่างน่านับถือเสียจริง ๆ'

ฟ่งหลันหลั่นยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งที่จะทำตามคำบอกกล่าวของผู้เป็นเจ้าของรถม้า

"ขออภัย ข้าคงไม่สามารถทำตามที่ท่านผู้อาวุโสต้องการได้ ห่างออกไปด้านอีกไม่ถึงยี่สิบจั้ง มีหน้าผาสูงชันตั้งอยู่"

และนางยังกล่าวร่ายยาวบอกถึงภัยร้ายตรงหน้าแก่พวกเขาทั้งสองคน "และหากเจ้าม้าคลั่งสองตัวนี้ควบฝีเท้าไปถึงที่นั่นเมื่อไร มันคงจะพาทุกคนร่วงตกลงไปใต้เหวลึกจนร่างกายแหลกเหลวและอาจไม่เป็นชิ้นดี ฉะนั้นพวกท่านทั้งสองคงต้องลงไปจากรถม้าเสียเดี๋ยวนี้"

หญิงชราผู้ติดตามได้ยินเช่นนั้น จึงเกิดอาการตื่นตระหนก อกสั่นขวัญหายยิ่งกว่าเดิม

"หน้าผาสูงชันอย่างกระนั้นหรือ!"

ผู้รับใช้หันขวับมองหน้าหญิงชราสูงศักดิ์ด้านข้าง "นายหญิง ลำพังตัวข้า แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องร้าวนั้นเกิดขึ้นกับท่านอย่างเด็ดขาด"

ถึงผู้ติดตามจะหวาดกลัวต่อภัยตรงหน้ามากแค่ไหน นางก็ยังมีความจงรักภักดีต่อนายของตน เมื่อกล่าวเช่นนั้นกับนายหญิงของตนเรียบร้อย นางจึงได้เบนสายตาไปยังสตรีแปลกหน้า

"แม่นางน้อย ไม่ต้องสนใจข้า แต่ได้โปรดช่วยนายหญิงของข้าด้วยเถิด" ผู้ติดตามกล่าวอ้อนวอนร้องขอฟ่งหลันหลั่นอย่างนอบน้อม ทั้งที่ก่อนหน้ายังตั้งท่าไม่เป็นมิตรและดูหวาดกลัวต่อนางอยู่เลย

ผู้เป็นนายหญิงซึ่งนั่งนิ่งอย่างสุขุมอยู่นาน กลับตวาดเสียงดังใส่นางผู้ติดตามของตนอย่างดุดัน

"ยายเมิ่ง เลิกพูดจาไร้สาระเสียที ข้าจะรักตัวกลัวตายและทิ้งเจ้าไว้คนเดียวได้เยี่ยงไรกัน หากวันนี้พวกเราจะต้องจบชีวิตลง มันก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้แล้ว"

พร้อมกับหันไปมองหน้าสตรีน้อย แววตาฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างชัดเจน

"แม่นางน้อยท่าน พวกเรามิได้รู้จักกันมาก่อน แต่ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้ามากที่คิดช่วยเหลือ หากแต่ชีวิตคนเรามีค่ายิ่งนัก อย่าได้เอามาทิ้งลงที่นี่เพื่อยายแก่วัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างพวกข้าเลย จงรีบลงไปจากรถม้าคันนี้เสียเถิด ก่อนที่มันจะไม่ทันการณ์" ฮูหยินเฒ่าได้กล่าวอย่างจริงใจกับสตรีน้อยผู้ที่ตั้งใจมาช่วยเหลือตน

สตรีน้อยตอบสวนอาวุโสหญิงทั้งสองด้วยน้ำเสียงเข้ม แววตาฉายแววมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ "ขอท่านทั้งสองได้โปรดเชื่อใจในตัวข้า วันนี้จะไม่มีผู้ใดต้องตายที่นี่ทั้งนั้น"

ฮ่าฮ่าฮ่า...

จู่ ๆ ฮูหยินเฒ่าก็หัวเราะร่าขบขันชอบใจขึ้นท่ามกลางสถานการณ์คับขัน

"ยายเมิ่ง! เห็นทีเราสองคนได้มาเจอกับเด็กหัวดื้อเพิ่มอีกคนเสียแล้วกระมัง"

ฟ่งหลันหลั่นเลิกคิ้วสูงขึ้นให้กับคำกล่าวนั้นของฮูหยินเฒ่าอย่างแปลกใจ

และทันใดนั้นอาวุโสหญิงผู้ที่กำลังหัวเราะร่าชอบใจอยู่ก็ได้เปลี่ยนสีหน้าเคร่งเครียดลงอย่างฉับพลัน

"ทว่าม้าหนุ่มพยศทั้งสองตัวกำลังควบฝีเท้าอย่างตื่นตระหนกด้วยความบ้าคลั่ง และกำลังพาพวกเราพุ่งตรงไปทางหน้าผาสูงชันด้านหน้า ดังนั้นแม่นางน้อยคิดจะพาพวกเราลงไปจากรถม้าได้ด้วยวิธีใดกันรึ"

สตรีอาวุโสย้อนถามอย่างใจเย็นและมีสติ เพราะด้วยความเร็วของม้าที่กำลังควบฝีเท้าอยู่ ช่างมองไม่เห็นหนทางนั้นเอาเสียเลย

ฟ่งหลันหลั่น นิ่งเงียบและฉุกคิดตามคำถามนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

เพียงครู่ต่อมา สตรีน้อยก็เอี้ยวตัวไปเปิดผ้าม่านหน้าต่างด้านข้างและกวาดสายตามองรอบนอกตัวรถม้าอย่างรวดเร็ว

มินานนางก็หันขวับกลับเข้ามาหาสตรีสูงวัยทั้งสองคน ซึ่งกำลังนั่งมองตามหลังอยู่อย่างสงสัย

ฟ่งหลันหลั่นเผยรอยยิ้มสดใสขึ้นบนใบหน้างามน่ารักเหมือนนางจะคิดอะไรออก "ง่ายนิดเดียว พวกเราก็แค่กระโดดลงไปจากรถม้าคันนี้น่ะสิ"

หญิงชราผู้ติดตามได้ยินคำกล่าวนั้นของสตรีน้อยถึงกับย้ำถามด้วยอาการตกใจหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม

"แม่นางน้อยกล่าวว่ากระไรนะ เจ้าบอกว่าให้พวกเรากระโดดลงไปจากรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็วนี้อย่างนั้นรึ!"

"ใช่! พวกท่านฟังไม่ผิดหรอก" ฟ่งหลันหลั่นยิ้มแฉ่งยืนกรานคำตอบเดิม

ส่วนฮูหยินเฒ่ากลับดูนิ่งสงบอยู่เช่นนั้น และพอได้ยินวิธีช่วยเหลือของสตรีน้อยที่กล่าวออกมา แม้จะเพิ่งพบหน้ากันแต่นางดูเหมือนว่าจะมีความชอบใจตัวสตรีผู้นี้อยู่ในที

"ได้! วันนี้ข้าจะยอมเชื่อใจคนแปลกหน้าเช่นเจ้าดูสักครา" ฮูหยินเฒ่าตอบตกลงมั่นเหมาะอย่างหนักแน่น

"ไม่ได้นะเจ้าคะนายหญิง มันอันตรายมาก พลาดพลั้งไปท่านอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแข้งขาหักได้ และข้าจะอธิบายต่อนายน้อยได้เยี่ยงไรกัน"

ผู้ติดตามรีบกล่าวทัดทานการตัดสินใจของนายหญิงของตนอย่างกังวล

ฟ่งหลันหลั่นไม่มีเวลามาคิดหรือสนใจถึงความเสี่ยงเหล่านั้นตามที่ หญิงชราผู้ติดตามกำลังวิตกกังวลอยู่ในตอนนี้ และเมื่อจับจังหวะการเคลื่อนไหวของม้าพยศสองตัวทางด้านนอกได้ ว่าตอนนี้พวกมันเริ่มอ่อนแรงฝีเท้าลงแล้ว นางก็ไม่รอช้า รีบฉวยโอกาสนั้นลงมือช่วยคนทันที

กึก กึก!

สตรีน้อยใช้เท้าถีบไปยังฝาผนังไม้ด้านข้างของตัวรถม้าอย่างแรง จนมันลอยกระเด็นปลิวออกไปไกล ตามความเร็วของการเคลื่อนตัวของรถม้าที่มีในขณะนี้ ทำให้กระแสลมหวนได้พัดตีวนกลับเข้ามาใส่สตรีทั้งสามทันที

สตรีสูงวัยทั้งสองมองหน้ากันอย่างฉงนใจ แต่ไม่ทันที่จะมีใครได้เอ่ยถามสิ่งใด สตรีน้อยก็หันหน้ากลับมายังพวกนาง

"ถ้าพวกท่านรู้สึกกลัวก็จงหลับตาซะ!"

ซึ่งหญิงชราผู้ติดตามนั่งตะลึงงุนงงและมีสีหน้าซีดขาวเช่นเดิม ส่วนผู้เป็นนายหญิงยังคงวางนิ่งสุขุม ไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่ออันตรายตรงหน้า

แม้ว่าสตรีสูงวัยทั้งสองนางจะไม่รู้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้จะช่วยพวกตนยังไง แต่มีทางเดียวคือต้องเชื่อใจและทำตามที่นางบอกเท่านั้น

ผู้ติดตามนั่งตัวสั่นเทาจับแขนนายหญิงของตนเอาไว้มั่น และเปลือกตาของทั้งคู่ปิดลงตามที่สตรีน้อยบอก นาทีนี้อาวุโสหญิงทั้งสองทำได้แค่ตั้งสติและสวดภาวนาในใจขอให้ทุกคนปลอดภัย

ฟ่งหลันหลั่นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมั่นใจ "ขออภัยท่านทั้งสองด้วย!"

ทันใดนั้นเอง

ในจังหวะที่ม้าทั้งสองตัวผ่อนแรงควบฝีเท้าลง พวกนางก็ถูกฟ่งหลัน-หลั่นผลักให้ตกลงไปจากรถม้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนคน ทั้งคู่เลยสักนิด

พลั่ก!

"ว้าย!"

ผู้ติดตามร้องเสียงดังลั่นป่าขึ้นด้วยความตื่นตระหนกตกใจ

โชคดีที่ชายป่าด้านข้างตรงจุดที่พวกนางตกลงไปนั้น มีหญ้าขึ้นปกคลุมหนาแน่น จึงทำให้ทั้งสองไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก

เมื่อผู้ติดตามลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัยดี นางจึงรีบหันขวับ มองซ้ายแลขวาเพื่อค้นหานายหญิงของตนอย่างห่วงใย

"นายหญิงท่านปลอดภัยดีไหมเจ้าคะ ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" ผู้ติดตามรีบลุกขึ้นเดินไปหานายหญิงของตนพร้อมกับสำรวจตามร่างกายด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ผู้เป็นนายหญิงวางมือลงบนหลังมือของผู้ติดตามและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งสุขุม

"ยายเมิ่งตั้งสติและสงบใจลงก่อน อย่าได้กังวลไป ข้าไม่เป็นไร แต่แม่นางน้อยผู้นั้นดูท่าคงจะไม่พ้นภัยเป็นแน่..." น้ำเสียงและแววตาของนายหญิงเฒ่าผู้นั้นแสดงออกชัดเจนว่ากำลังกังวลใจกับความปลอดภัยของผู้ที่มาช่วยเหลือ

เมื่อกล่าวจบฮูหยินเฒ่าก็ชะเง้อคอยาวมองตามหลังรถม้าของตนอย่างไม่วางตา

จังหวะนั้นเอง ฟ่งหลันหลั่นก็ได้ตะโกนดังกลับมาหาสตรีสูงวัยทั้งคู่อย่างฉะฉานมั่นใจ

"ผู้อาวุโสทั้งสองช่วยรออยู่ตรงนั้นสักครู่ อีกไม่นานคนของพวกท่านคงจะตามมาช่วย โปรดรักษาตัวด้วย!"

เมื่อกล่าวกับคนทั้งสองจบ ฟ่งหลันหลั่นก็หันกลับมาสนใจในสถานการณ์ตรงหน้าที่กำลังเผชิญอยู่ต่อมุ่งมั่นเพื่อหวังจะช่วยม้าหนุ่มพยศสองตัวนี้ให้พ้นภัยเช่นกัน

นางพยายามออกแรงทั้งหมดที่มีอีกครั้ง เพื่อดึงเชือกในมือเข้าหาตัว ก่อนที่เจ้าม้าบ้าคลั่งสองตัวนี้จะพาทั้งตัวมัน นางและรถม้าร่วงลงไปตรงหน้าผา ซึ่งห่างออกไปอีกไม่กี่จั้งเท่านั้น[1]

[1] 1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร

....

เซียงไค 盛開

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!

อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!

มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง

Thank you. ^"^

Anastazia23_Bosscreators' thoughts
Chapitre suivant