webnovel

0168

บทที่ 167 : ความร้อนแรงของ ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’!

_____________________________________________

หลายวันให้หลัง

จางเย่โทรศัพท์หาที่บ้าน

"ฮัลโหล แม่ ครั้งก่อนแม่กับพ่อให้ผมยืมเงินมาห้าหมื่น ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว เลยโอนกลับไปให้พ่อกับแม่หนึ่งแสนนะ พ่อกับแม่ใช้ตามสบายเลย อยากซื้อเสื้อผ้าก็ซื้อ อยากซื้อเครื่องประดับก็ซื้อ พ่อแม่ใช้เงินไม่ต้องเกรงใจนะ ไม่พอก็บอกผม"

"วางใจเถอะ แม่ทำอย่างอื่นไม่เข้าท่า แต่เรื่องใช้เงินนี่ถนัดนัก!"

"เฮ้อ จะยังไงแม่ก็พูดอ้อมๆ หน่อยได้ไหมเนี่ย"

"กับลูกแม่ยังจะอ้อมค้อมทำไม? ใช้หมดแล้วแม่ค่อยบอกลูก อ้อ รอบนี้ลูกได้เงินมาจากไหนน่ะ? ขายลิขสิทธ์อะไรไปอีกเหรอ? หรือมีนิยายออกมาแล้ว?"

"เพิ่งขายเพลงให้สตาร์ควีนไปเพลงหนึ่ง"

"อะไรนะ? ลูกฉันเขียนเพลงเป็นด้วย? แถมยังขายให้สตาร์ควีนอีก?"

"แน่นอน ผมเป็นใครกันเล่า วางสายก่อนนะแม่ วันนี้ผมต้องไปทำงาน หยุดมาหลายวันแล้ว"

หลายวันก่อนจางเย่เพิ่งจัดการสั่งสอนลูกชายหวังสุ่ยซินไป เพื่อปกป้องเขา หูเฟยจึงให้วันหยุดเขาหลายวัน ให้เขาพักอยู่กับบ้าน ทั้งรอให้สถานการณ์สงบลงสักหน่อย คอยดูทิศทางแล้วค่อยว่ากัน แต่ ‘ห้องเลคเชอร์’ ของเมื่อวานเป็นตอนสุดท้ายที่จางเย่ได้อัดล่วงหน้าไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องเข้าไปที่ออฟฟิศเพื่ออัดรายการอีกสักหลายตอน

คิดอีกที ‘พิเคราะห์สามก๊ก’ เองเหลืออีกไม่มากก็จะจบแล้ว บางทีชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อ ‘พิเคราะห์สามก๊ก’ จบลง ตัวเขาควรจะออกจากสถานีโทรทัศน์หรือไม่? อาจเป็นได้ ถึงอย่างไรครั้งนี้เขาก็ล่วงเกินครอบครัวของหวังสุ่ยซินไว้รุนแรง หวังสุ่ยซินต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแน่นอน แต่เมื่อมองอีกมุม จางเย่ไม่แน่ว่าจะถูกไล่ออก เพราะในสถานีโทรทัศน์หวังสุ่ยซินไม่ใช่คนที่มีอำนาจสูงสุด เขาเป็นแค่หัวหน้าช่อง หนำซ้ำลูกชายของเขายังเข้ามาลวนลามผู้หญิงในสถานีครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแรกโดนบรรณาธิการเว่ยตี ครั้งที่สองก็โดนจางเย่ตี ภาพลักษณ์ของหวังสุ่ยซินต้องดูไม่ดีอย่างแน่นอน เขาคงต้องถูกสอบสวนและได้รับผลกระทบอย่างหนัก ที่สุดแล้วนั่นก็เป็นลูกชายสุดที่รักของเขา แค่ทางสถานีไม่ลงโทษเขาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถ้าครั้งนี้เขายังกล้าไล่จางเย่ออกโดยเปิดเผยไม่เกรงกลัวอีก เรื่องที่เขาคิดแก้แค้นแทนลูกชายนั้นก็จะเห็นได้ชัดเจนเกินไป ต้องปลุกกระแสความโกรธแค้นของผู้คนแน่นอน เขาคงจะไม่กล้า อีกทั้งรายการ ‘พิเคราะห์สามก๊ก’ ของจางเย่ยังเป็นรายการดังที่ทะลวงเรตติ้งท้องถิ่นแปดเปอร์เซ็นต์ได้ ต่อให้หวังสุ่ยซินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าผู้บริหารในสถานีแค่ไหน ผู้บริหารระดับสูงของสถานีก็ยังต้องชั่งน้ำหนักให้ดี

ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น

จางเย่ไม่คิดมาก อย่างไรเขาเองก็ไม่กลัวใคร ถ้าหวังสุ่ยซินจะให้เขาใส่รองเท้าคับแคบ?[1] งั้นเขาก็จะหยิบรองเท้านั่นขึ้นมาปาใส่หน้าหวังสุ่ยซิน — นี่แหละคือวิถีของจางเย่!

ถ้ามันเลวร้ายมากนัก อย่างมากก็แค่ลาออก ที่นี่ไม่ให้พ่อเอ็งอยู่ พ่อเอ็งไปเองก็ได้!

ส่วนเรื่องที่ว่าหลังออกจากสถานีโทรทัศน์แล้วจะทำอย่างไร จางเย่ยังไม่ได้คิด

…...

ตอนเช้า

สถานีโทรทัศน์นครหลวง

ทันทีที่จางเย่มาถึงก็เรียกเสียงฮือฮาจากพนักงานในสถานีขึ้นมาไม่น้อย

"เอ๋ จางเย่มาแล้วแน่ะ"

"เป็นเขาจริงด้วย"

"ฉันคิดว่าเขาจะลาออกไปแล้วเสียอีก"

"คนเขามีจิตกล้าหาญมั่นคุณธรรม ทำไมต้องลาออก"

"แต่ว่าล่วงเกินหัวหน้าหวัง หลังจากนี้เขายังจะมีวันสงบหรือ? ไม่ช้าก็เร็วเบื้องบนต้องจัดการเขาแน่ เฮ้อ พวกนายดูคุณอาเว่ยสิ นั่นเป็นตัวอย่าง"

"เหมือนกันเลย คุณอาเว่ยเป็นคนดีมาก หวังสุ่ยซินยังไม่ปล่อยเขาไปเลย"

"แต่ว่ารายการของอาจารย์จางเย่เป็นรายการระดับท็อปของสถานี ไม่น่าจะมีใครกล้าแตะต้องเขานะ"

"นั่นก็ไม่แน่หรอก ฉันว่าพวกเราคอยดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ"

ในตอนนี้ไม่มีใครเอ่ยทักทายจางเย่เลยสักคน ตอนแรกเรื่องที่จางเย่ช่วยเหลือแฟนคลับในครั้งนั้นทำให้ทุกคนเป็นมิตรกับเขาขึ้นมา แต่หลังจากเรื่องคราวนี้จางเย่ก็กลับไปสู่สถานะเดิม ใครๆ ต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไป กลัวว่าถ้าใกล้เกินไปอาจจะโดนผลกระทบไปด้วย พวกเขาเองก็รู้ หวังสุ่ยซินไม่เพียงสามารถยกฝ่ามือปิดฟ้าเฉพาะในช่องวรรณศิลป์ กระทั่งในสถานีก็ยังมีอำนาจมากด้วย ความสัมพันธ์กับผู้บริหารก็ไม่เลวอีก แน่นอนว่าการหลีกเลี่ยงจางเย่นั้นเป็นแค่หน้าฉาก เรื่องที่จางเย่ซ้อมลูกชายของหวังสุ่ยซินทุกคนในสถานีไม่มีใครไม่รู้ ทุกคนต่างก็รู้สึกสาสมใจ ในใจยิ่งมองจางเย่ในแง่ดีกว่าเดิม

จางเย่ก็ไม่สนใจเช่นกัน เขาเคยชินกับความเย็นชาของคนอื่นมานานแล้ว ฉายาตัวกาลกิณีไม่ใช่ได้มาพล่อยๆ แต่คุ้นเคยจนกลายเป็นเรื่องปกติ วางตัวอุเบกขาเดินขึ้นชั้นบนไป

ระหว่างทาง เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงานบางคนดึงดูดความสนใจของจางเย่ขึ้นมา พวกเขาไม่เห็นจางเย่ พูดคุยกันตามปกติเหมือนทุกวัน

"เมื่อคืนได้ฟังเพลงไหม?"

"ไม่ฟังมาเป็นเดือนแล้ว ระยะนี้ไม่มีเพลงเพราะๆ เลย"

"ไฮ้ ยังไม่รู้ล่ะสิ? จางหย่วนฉีปล่อยซิงเกิลใหม่ออกมาแล้ว!"

"เอ๋ ฉันดูหนังทุกเรื่องของพี่สาวจางเลยนะ คลาสสิกมาก แต่ว่าเพลงของเธอ...ฉันไม่ฟังมาสามปีแล้ว ยิ่งมายิ่งเดินลงเหว"

"ฮ่าๆ งั้นนายต้องไปฟังซิงเกิลที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อคืนแล้วล่ะ ชื่อเพลง ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ ไม่ใช่แค่เพลงเพราะธรรมดาๆ หรอกนะ!"

"หลอกกันรึเปล่าเนี่ย?"

"ใครฟัง ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ แล้วบ้าง? ฉันได้ฟังแล้วเหมือนกัน โคตรเจ๋งเลย!"

"นั่นสิ เมื่อวานฉันบังเอิญได้ฟัง กลายเป็นควบคุมตัวเองไม่ได้ ฟังเพลงนี้เพลงเดียววนอยู่สองชั่วโมง ฟังจนหลับไปเลยล่ะ!"

"ฉันก็เหมือนกัน ในที่สุดพี่สาวจางก็ลงจากเขาหวนคืนสู่วงการเพลง ด้วยเพลงนี้ ความนิยมในวงการเพลงของเธอที่เสื่อมไปก่อนหน้านี้ ต้องกลับคืนมาได้แน่นอน!"

"ดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันเปิดมือถือฟังหน่อย รอฉันหาสักแป๊บ...เอ๋ เนื้อเพลงนี้ทำไมฉันคุ้นจังเลยล่ะ? เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...ดูหน่อยสิว่าเนื้อเพลงนี้ใครเป็นคนแต่ง...เฮ้ย! ไม่จริงอะ เนื้อร้องกับทำนองเป็นจางเย่แต่ง? นักดนตรีคนไหนกันน่ะ? ในวงการมีคนชื่อนี้ด้วยเหรอ?"

"จางเย่? เฮ้ย! ฉันนึกออกแล้ว! แม่ง! เพลงนี้ไม่ใช่ ‘ลำนำทำนองวารี - จันทร์กระจ่างจะปรากฏยามใด’ ของจางเย่ในช่องเราหรอกเหรอ? ไม่เชื่อพวกนายหาดูสิ! เหมือนกันเป๊ะ! ทีมของสตาร์ควีนซื้อลิขสิทธ์กลอนของอาจารย์จางเย่ไปเหรอ? ไม่ใช่มั้ง แล้วทำนองนั่นคือยังไง? อาจารย์จางเย่ไม่ได้แค่แต่งเนื้อร้อง แต่แต่งทำนองด้วย? ทำไมเขาถึงแต่งเพลงได้ล่ะ? แถมเพลงยังโคตรเพราะอีก..."

"ชื่อเดียวกันแซ่เดียวกันรึเปล่า?"

"คนแต่งคำร้องกับทำนองมีชื่อแซ่เดียวกัน? ไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?"

"ถ้าชื่อเดียวกันแต่คนละคนก็ต้องมีเครื่องหมายอะไรบอกบ้างไหม? นี่ไม่มีเลยนะ!"

"เฮ้ย เป็นจางเย่หมดเลยจริงๆ เหรอ? หมอนั่นทั้งเขียนนิยายได้ แต่งกวีได้ บรรยายประวัติศาสตร์ได้ เขียนนิทานเด็กได้ ยังจะคิดไอเดียโฆษณาแล้วก็แต่งเพลงได้อีกเหรอ?"

"เทพมาก!"

"นั่นสิ คนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้สมควรเรียกว่าเทพจริงๆ นั่นแหละ!"

……

ออฟฟิศของรายการ

จางเย่เดินยิ้มแฉ่งเข้ามา "อรุณสวัสดิ์ทุกคน ไม่เจอกันนานเลยนะ"

เสี่ยวหลวี่เห็นเขาก็รีบผุดขึ้นยืน "อาจารย์จาง คุณมาแล้ว! พวกเรากำลังเถียงกันอยู่เลย! เพลง ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ ของนางฟ้าซูเปอร์สตาร์คุณเป็นคนแต่งรึเปล่า!”

โหวเกอรีบพูด "ใช่หรือเปล่าอาจารย์จาง?"

"ทั้งเนื้อร้องทำนองเป็นคุณหมดเหรอ?" ต้าเฟยยังแคลงใจ

จางเย่ไปถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง "เป็นผมเอง เพลงใช้ได้ไหม?"

"เป็นคุณจริงเหรอ?" เสี่ยวหลวี่ตกตะลึง "ยิ่งกว่าใช้ได้อีก! เพลงนี้เพราะระเบิดเถิดเทิง! ฉันโหลดมาฟังในมือถือเรียบร้อยแล้ว! เมื่อวานก็ฟังอยู่ทั้งคืน เช้านี้บังเอิญเห็นชื่อคนแต่งเนื้อร้องทำนอง ถึงเพิ่งเห็นว่าคนแต่งชื่อจางเย่ แล้วก็เลยนึกออกว่าฉันเคยเห็นกลอนบทนี้ตอนที่คุณชนะงานชุมนุมบทกวีเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ชื่อ ‘ลำนำทำนองวารี’! พอจับมารวมกันถึงได้รู้ว่าเป็นคุณ! ไม่คาดคิดเลยจริงๆ! ทำไมคุณถึงแต่งเพลงได้ด้วยล่ะ?"

จางเย่บอกปัดว่า "แรงบันดาลใจมาพอดีก็เลยเขียนให้พวกเขาไป ถึงอย่างไรก็เป็นกลอนของผมเอง ผมเลยเข้าใจลึกซึ้งกว่าพวกเขาอยู่บ้าง"

ขณะนั้น หูเฟยเดินเข้ามาพอดี

เสี่ยวหลวี่รีบพูด "พี่หู คุณรู้รึยัง? อาจารย์จางแต่งเพลงล่ะ! เพราะมากเลย!"

หูเฟยไม่ได้ติดตามวงการเพลง "มีเรื่องนี้ด้วย? ไหน ขอฉันฟังหน่อย"

"เดี๋ยวฉันหาให้ค่ะ" เสี่ยวหลวี่เปิดมือถือขึ้นมา สักครู่ก็เปิดเพลงให้ฟัง

หูเฟยฟังแล้วก็ตื่นตะลึงเหมือนเห็นเทพเซียน "จางน้อย เธอนี่เบ่งบานในทุกทิศทางเลยนะ!"

จางเย่ตอบ "ไม่หรอกครับ แค่แต่งไปมั่วๆ น่ะครับ พวกเขามาขอให้ผมช่วย ผมจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ แต่เป้าหมายหลักของผมก็ยังเป็นงานพิธีกรโทรทัศน์อยู่ดี"

หูเฟยหัวเราะร่า "เธอไม่ต้องมาตีหน้าซื่อกับฉันเลย เธอยิ่งดัง เรทติ้งรายการเราก็ยิ่งดี ฉันก็ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก" หูเฟยมองนาฬิกาข้อมือ "เอาล่ะ วันนี้พวกเรามีงานหนักรออยู่ ทุกคนไปเตรียมตัวก่อนหนึ่งชั่วโมง อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังเราจะเริ่มอัดรายการ ถ้าอาจารย์จางพูดได้ไม่มีติดขัด พวกเราอาจจะอัดรายการกันทั้งวัน ทุกคนเตรียมตัวกันไว้ให้ดี"

"รับทราบ"

"ไม่มีปัญหา พี่หู"

"ยกให้พวกเราเถอะ!"

ทุกคนเริ่มยุ่งวุ่นวาย

จางเย่ที่ไม่มีอะไรให้ต้องเตรียม จึงเริ่มสะสางงานที่เขาไม่ได้เข้ามาทำหลายวันก่อน หลังจากนั้นก็เข้าอินเทอร์เน็ตไปดูข่าว ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’

“ซิงเกิลใหม่ของนางฟ้าซูเปอร์สตาร์จาง! ฮอตระเบิดชั่วข้ามคืน!”

“ ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ ทะลุหนึ่งล้านสามแสนคลิกหลังเปิดตัวเพียงสิบชั่วโมง!”

“สองปีผ่านไป จางหย่วนฉีใช้เพลง ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ บอกกับทุกคน — สตาร์ควีนผู้ที่ครั้งหนึ่งเรียกลมเรียกฝนได้ดั่งใจไร้ผู้ต่อต้านในวงการเพลงกลับมาแล้ว!”

พาดหัวแตกต่างแต่เนื้อความด้านในแทบจะเหมือนกัน หนึ่งในคอมเมนต์จากสื่อที่จางเย่เห็นว่าดี เขียนว่า "ตอนแรกที่เห็น ไม่มีใครคาดหวังอะไรกับซิงเกิลใหม่ของจางหย่วนฉี คนในวงการหลายคนต่างพูดกันว่าสตาร์ควีนกินบุญเก่ามาสองสามปีแล้ว แฟนเพลงเองก็หายไปทีละคน แต่เมื่อคืนนี้หลังจากเพลง ‘ขอเราอายุมั่นขวัญยืน’ เปิดตัว ทุกคนก็ยังเข้าไปฟังอีกเช่นเคย เพราะอะไร? บางทีอาจไม่มีเหตุผล ถึงจะไม่ได้คาดหวังอะไร แม้ผลงานเพลงของสตาร์ควีนในช่วงสองปีมานี้จะน่าผิดหวังมาก แต่เพราะเธอชื่อ ‘จางหย่วนฉี’ ขอเพียงชื่อนี้ คนมากมายก็จะเข้าไปฟังเพลงใหม่ของเธอสักครั้ง ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ขณะที่กำลังเตรียมตัวเขียนบทวิจารณ์ขนาดยาว เพียงสองประโยคแรกของบทเพลงนี้ก็ดึงผมให้จมลงไปอย่างลึกล้ำ ทุกอย่างกลายเป็นควบคุมไม่ได้ ผมฟังเพลงนี้ไปทั้งหมดสิบรอบถ้วนก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเพื่อเขียนรีวิว ไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกของผมในขณะนี้อย่างไรดี รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้อยากจะร้องตะโกนออกมาจากใจให้สุดเสียงว่า: สตาร์ควีนผู้เคยครองอันดับหนึ่งบนชาร์ทเพลงนานถึงแปดเดือน...ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!”

____________________________________________

[1] รองเท้าคับแคบ คือ บังคับให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ยินดี / แกล้งให้เดือดร้อนหรือลำบาก

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

Chapitre suivant