webnovel

1097

ตอนที่ 1097 : ผมต่อให้คุณสองหมาก!

มันจะเป็นพล็อตละครไปหน่อยแล้วว้อย!

โคตรจะไม่น่าเชื่อเลยว้อย!

ต้องบังเอิญขนาดนี้เลยเรอะ?

ละครซีรีส์น้ำเน่ามารดามันยังไม่บังเอิญขนาดนี้เลย!

ขณะนั้นเอง อู๋ฉางเหอก็เดือดดาลสุดระงับ ยกมือตบโต๊ะผางแล้วชี้หน้าจางเย่ "ที่แท้แกคือคนที่หลอกลูกสาวฉันไปเรอะ? แกยังมีหน้ามานั่งอยู่นี่อีก? หา?"

จางเย่นั่งนิ่ง แสดงสีหน้างุนงง "เอ๋? คุณบอกว่าให้ผมทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านตัวเองนี่?"

อู๋ฉางเหอกริ้ว "บ้านตัวเองอะไรของแก? มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลยนะ! ลุกขึ้นมาให้ฉัน ลุกขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!"

จางเย่ปาดเหงื่อ ยืนขึ้นอย่างเชื่อฟัง

อู๋ฉางเหอชี้หน้าเขา "ดี ไอ้หนู แกนี่จริงๆ เลยนะ แกวางแผนเอาไว้แล้วใช่ไหม? รู้ว่าวันนี้ฉันต้องไปที่สมาคมหมากล้อมเสวียนอู่เหมินน่ะ? ลูกสาวฉันส่งข่าวให้แกปั๊บแกก็ชิงไปดักรอฉันล่วงหน้า แล้วก็คอยรบเร้าจะตามฉันกลับมาบ้านให้เกิดเรื่องแบบนี้น่ะ? หา? ใช่ไหม?"

จางเย่แก้ตัว "พี่ชาย...ไม่ใช่สิ คุณอา บ้านคุณอยู่ไหนผมก็ยังไม่รู้ คุณเป็นใครคุณอู๋ก็ยังไม่ได้บอกผมสักคำ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าวันนี้คุณจะไปที่สมาคมน่ะ? อีกอย่างลูกชายอาหลวี่ที่คุณอยากพบก็ไม่ได้มาพอดี? ผมดูดวงไม่เป็นหรอกนะ อีกอย่างผมไม่ได้รบเร้าจะตามคุณกลับบ้านสักหน่อย คุณต่างหากที่ลากผมมา ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ นะ!"

อู๋ฉางเหอเดือด "แกยังจะเถียงอีก?"

"ความจริงเธอก็ลากพ่อหนุ่มคนนี้มาจริงๆ นี่นา" หลี่ฉินฉินพูดอย่างยุติธรรม "จางน้อยพอได้ยินว่ากำลังจะต้องดูตัวก็ขอตัวกลับ เธอยังขวางประตูไม่ให้เขากลับเลย"

อู๋ฉางเหอ "..."

เรื่องราวชัดเจน เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เอง!

หลี่ฉินฉินพึมพำกับตัวเอง "หรือว่าจะเป็นวาสนา?"

อู๋ฉางเหอตะโกนลั่น "วาสนาอะไรกัน!"

อู๋เจ๋อชิงยิ้มน้อยๆ "พ่อคะ กินข้าวก่อนเถอะ" จากนั้นก็ดึงจางเย่ให้เขานั่งลงกินข้าวด้วย

อู๋ฉางเหอ "ฉันยังจะกินอะไรลงอีก!"

อู๋เจ๋อชิงกลับสงบนิ่งเช่นเดิม คีบกับข้าวให้จางเย่ "ลองนี่หน่อยนะ แม่ฉันทำปีกไก่อร่อยมาก ฝีมือทำอาหารอันน้อยนิดของฉันก็เรียนจากคุณแม่นี่แหละ"

"โอ๊ะ" จางเย่ลองชิม "อืม อร่อย!"

อู๋ฉางเหอร้อง "ยังไงฉันก็ไม่ตกลง ไม่ตกลง!"

"เสียงเบาหน่อย" หลี่ฉินฉินเบ้ปาก "จางน้อยมาแล้วถือเป็นแขก อีกอย่าง พูดร้อยคำพันคำ ก็คุณนั่นแหละที่พาเขากลับมา"

อู๋ฉางเหอเถียง "ฉันโดนมันหลอกไงล่ะ!"

อู๋เจ๋อชิงเงยหน้าขึ้น "พ่อ นั่งลงกินข้าวก่อนไหม? มีเรื่องอะไรกินเสร็จแล้วค่อยว่า หิวกันแบบนี้คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก หรือจะยังไง?"

อู๋ฉางเหอนั่งลงด้วยความขุ่นเคือง ไม่มีแก่ใจจะกินอะไรอีก ตอนแรกเห็นจางเย่แล้วเขาพึงพอใจมาก ถึงอย่างไรคนหนุ่มสมัยนี้ที่มีใจจะเล่นหมากล้อมแบบนี้มีไม่มาก แต่ทว่าขณะนี้ อู๋ฉางเหอยิ่งมองจางเย่ยิ่งขัดตา แทบอดใจคว้าไม้นวดแป้งออกมาไล่ฟาดเขาออกจากบ้านไม่ไหว!

แม่ของอู๋เจ๋อชิงกลับไม่ได้มีความคิดรังเกียจจางเย่นัก ตรงกันข้าม กลับยิ่งรู้สึกสนใจเขามากขึ้น

หลี่ฉินฉินมองเขา "จางน้อย ปกติพวกเราสองคนไม่ค่อยได้ดูทีวี เลยจำเธอไม่ได้ แต่ว่าเรื่องของเธอ พวกเราเคยได้ยินมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง ชื่อเธอเป็นเหมือนสายฟ้าฟาดข้างหู ฉันยังนึกสงสัย อยากเห็นหน้าเธอมาตลอด ไม่คิดว่าจะมีโอกาสประจวบเหมาะแบบนี้"

จางเย่พูดด้วยความนอบน้อม "แค่ชื่อเสียงจอมปลอมเล็กน้อย คนอื่นพูดจาให้ผมวุ่นวายไปเท่านั้นเองครับ ความจริงผมเองก็อยากมาน้อมพบนานแล้ว เพียงแต่หาโอกาสเหมาะสมไม่ได้ ถ้าทราบแต่แรกว่ามาบ้านคุณน้า ผมคงซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากด้วย นี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ"

หลี่ฉินฉินถาม "บ้านเธอมีกันกี่คนน่ะ?"

จางเย่ "มีแค่ผมกับพ่อแม่ครับ"

หลี่ฉินฉิน "ไม่มีพี่น้องหรือ?"

จางเย่ "ผมเป็นลูกคนเดียวครับ"

หลี่ฉินฉิน "ไปรู้จักลูกสาวฉันได้ยังไง?"

จางเย่ "พบกันครั้งแรกบนเครื่องบิน คุณอู๋เชิญให้ผมไปสอนที่เป่ยต้าตอนที่เธอยังรับตำแหน่งรองอธิการบดีของที่นั่น เป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วครับ"

หลี่ฉินฉินกะพริบตาปริบ "พวกเธอสองคนคบกันนานหรือยัง?"

จางเย่กระแอม "ประมาณปีหนึ่งแล้วครับ"

"พวกเราไม่รู้เลยนะ" หลี่ฉินฉินมองบุตรสาวแวบหนึ่ง

อู๋เจ๋อชิงหัวเราะ "พ่อเป็นแบบนี้ หนูจะกล้าบอกที่บ้านเหรอคะ?"

หลี่ฉินฉินยิ้ม "นั่นสิ"

อู๋ฉางเหอโกรธจนเป่าหนวดถลึงตา เรียกชื่อเธอตรงๆ "หลี่ฉินฉิน เธออยู่ฝ่ายใครกันแน่?"

หลี่ฉินฉินกลับว่า "ฉันว่าจางน้อยก็ไม่เลวจริงๆ นะ ฉันน่ะไม่ค่อยรู้เรื่องในวงการบันเทิง ดาราพวกนั้นฉันไม่ค่อยรู้จักหรอก แต่ว่าชื่อของจางน้อยน่ะฉันเคยได้ยินมา ทั้งยังได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้ง เขาอายุยังน้อยกลับประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ได้ยินว่าบริษัทของเสี่ยวม่อกับเสี่ยวพ่างก็ได้เขาช่วยลงแรงไปไม่น้อย จางน้อยช่วยพวกเขาทั้งนั้น ตอนกินข้าวด้วยกันครั้งก่อนไม่ใช่พูดกันหรอกหรือ? คนอื่นเขาขอบคุณจางเย่กันทั้งนั้น พูดแต่ว่าถ้าไม่มีเขา บริษัทคงเจ๊งไปเจ็ดแปดรอบแล้ว! จางน้อยน่ะทุ่มแรงกายแรงใจให้ครอบครัวเรานะ"

จางเย่ประทับใจ!

ไม่คิดว่าแม่ของอู๋เจ๋อชิงกลับออกปากพูดแทนเขา!

อู๋ฉางเหอเดือด "ฉันบอกเธอไว้ก่อนนะ ฉันประกาศไว้ตรงนี้เลย เรื่องนี้ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ ประสบความสำเร็จแล้วยังไง? ประสบความสำเร็จยังไงก็เป็นคนในวงการบันเทิง! คนในวงการนี้เป็นยังไงเธอไม่รู้หรือ? มีคนดีกี่คนกัน! วุ่นวายทั้งวงการ! อายุไม่ใช่ประเด็น หาเงินได้มากน้อยก็ไม่ใช่ประเด็น แต่ว่ายังไงก็แต่งให้คนในวงการบันเทิงไม่ได้! เธอจะผลักลูกเราเข้ากองไฟรึยังไง?"

อู๋เจ๋อชิงยิ้มน้อยๆ "อย่างนั้นพ่อคิดว่าเขาเป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยก็ได้นี่คะ"

"ไม่ได้" อู๋ฉางเหอกล่าว "นั่นไม่ใช่งานหลักเขาสักหน่อย!"

อู๋เจ๋อชิงกล่าว "แบบนี้พ่อทำหนูขายหน้านะ? หนูหามาคนหนึ่ง พ่อว่าไม่ได้ เอาล่ะหนูยอม ตอนนี้พ่อพาคนมาให้หนูดูตัว หนูว่าได้ พ่อบอกไม่ได้อีก พ่อ เรื่องของหนูหนูจัดการเองได้ หนูก็มีความคิดของหนูเหมือนกัน คนที่หนูเลือกแล้ว ใครจะขัดก็เปล่าประโยชน์"

อู๋ฉางเหอเดือด "ทำไมหนูถึงได้โง่ขนาดนี้ ไอ้จางเย่นี่มีชื่อฉาวโฉ่แค่ไหนหนูไม่รู้? นิสัยเขาเองก็มีปัญหา จะให้แต่งให้คนแบบนี้ได้ยังไง?"

พูดมาถึงตรงนี้ จางเย่ก็ทนฟังต่อไม่ได้

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว พูดขัดขึ้น "คุณอา คุณอาว่าผมอย่างอื่น ผมไม่ขัดอะไร แต่บอกว่านิสัยผมมีปัญหา เรื่องนี้ผมทนฟังไม่ได้"

หลี่ฉินฉินมองจางเย่ด้วยความตื่นตระหนก

อู๋ฉางเหอเจ้าอารมณ์ จางเย่เองก็เจ้าอารมณ์ไม่ต่างกัน

เรื่องบางอย่างยอมถอยได้

เรื่องบางเรื่องปล่อยผ่านได้

แต่มีเรื่องราวบางประการ จำเป็นต้องพูดก็ต้องพูด!

อู๋ฉางเหอถลึงตาใส่ "แกทนฟังไม่ได้?"

จางเย่พูดช้าๆ "ไม่ใช่ว่าผมไม่เคารพผู้อาวุโส แต่คุณบอกว่านิสัยผมมีปัญหา ผมก็ต้องถกกับคุณด้วยเหตุผล ผมจะทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้"

ทั้งสองโต้เถียงกันแล้ว!

ฉันคำหนึ่งคุณคำหนึ่ง ไม่มีใครยอมใคร!

หลี่ฉินฉินรีบขวาง "จางน้อยนิสัยไม่ได้มีปัญหาหรอก ตอนที่เครื่องบินเกือบจะตก จางน้อยช่วยคนไว้ได้ตั้งเท่าไหร่ ไม่ใช่เมื่อครู่คุณบอกหรือยังไงว่าเขาเล่นหมากล้อมได้ดี คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าคนเล่นหมากล้อมได้ดีนิสัยย่อมต้องไม่มีปัญหาน่ะ"

อู๋ฉางเหอแค่นหัวเราะ "เขาเล่นดี? ฉันพูดจามั่วซั่วไปเธอกลับเชื่อจริงๆ เรอะ? ฝีมืออย่างฉันต่อให้วางหมากต่อให้เขาสองหมาก ไม่ต้องใช้สมองคิดฉันก็ชนะเขาได้เกินหกแต้ม ทักษะหมากล้อมห่วยแตกแบบเขา ยังจะเล่นได้ดีแค่ไหนกัน! ดูจากแนวทางการวางหมากของเขาก็เห็นแล้วว่ามุทะลุไม่มั่นคง ถ้านิสัยเขาดีก็แปลกไปแล้ว!"

อู๋เจ๋อชิงวางตะเกียบลง เช็ดปากด้วยผ้าช้าๆ "เอาล่ะ เย่น้อย ไปกันเถอะ"

หลี่ฉินฉิน "กินอีกนิดเถอะน่า"

อู๋เจ๋อชิงยิ้ม "กินต่อก็ต้องทะเลาะกันอีก หนูกลับกับเย่น้อยดีกว่าค่ะ"

จางเย่กลับไม่ยินยอมกลับ "แบบนี้ไม่ได้ เรื่องของนิสัยต้องว่ากันให้กระจ่าง คุณอา ผมรู้ว่าคุณจงใจโจมตีผม"

อู๋ฉางเหอแค่นหัวเราะ "ฝีมือหมากมีแค่นี้ แกยังไม่ยอมรับอีก?"

จางเย่โพล่ง "เล่นหมากได้ดี นิสัยก็ดีใช่ไหม?"

"แน่นอน หมากล้อมคือการบำเพ็ญตนรูปแบบหนึ่ง คนกะล่อนฉวยโอกาสนิสัยใช้ไม่ได้ ยังไงก็ไม่มีทางเล่นหมากได้ดี" อู๋ฉางเหอร้อง

จางเย่พยักหน้า "ได้ งั้นพวกเราถกหมากล้อมกัน ผมจะเล่นกับคุณอีกกระดาน โอเคไหม?"

อู๋ฉางเหอพอฟังก็ยินดี "ยังจะกล้าเล่นกับฉัน? ฝีมือแกห่วยแตกเกินไป! ต่อให้ฝึกมาอีกห้าสิบปีก็ยังไม่ใช่คู่มือของฉัน! ต่อให้แกสองหมากแกก็ยังแพ้!"

แต่ทว่าจางเย่กลับโพล่งประโยคที่ทำให้ทุกคนในห้องต้องตะลึง!

จางเย่ "คราวนี้ผมจะต่อให้คุณสองหมาก!"

ในห้องมีกระดานหมากและที่นั่งประจำ จางเย่พูดจบ เขาก็เดินไปนั่งตรงข้าง ยึดหมากเม็ดขาวไว้ฝั่งตัว แล้วหันมองอู๋ฉางเหอ "เชิญ"

แกต่อให้ฉัน?

สองหมากอีก?

อู๋ฉางเหอแทบหัวเราะฟันร่วง!

หลี่ฉินฉินยิ้มฝืน "จางน้อย ปีนั้นน่ะคุณอาของเธออยู่ในระดับเก้าดั้งเลยนะ

จางเย่ยิ้ม "คุณน้า ผมทราบครับ"

อู๋ฉางเหอทั้งขำทั้งโมโห นั่งลงฝั่งหมากดำ "โอเค ก่อนนี้ฉันไม่ได้เอาจริงหรอกนะ แกคิดจริงเรอะว่าจะเอาชนะฉันได้เรอะ? หึๆ!"

จางเย่ยิ้ม "บังเอิญจัง เมื่อครู่ผมก็ไม่ได้เอาจริงเหมือนกัน"

บรรยากาศคุกรุ่น

ทั้งสองคนยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ!

หลี่ฉินฉินรู้ว่าเธอขัดไม่ได้ จึงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นั่งดูด้านข้าง สำหรับหมากล้อม เธอไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า แม้ว่าจะเล่นได้ไม่ดี แต่ก็ยังดูหมากรู้เรื่อง

อู๋เจ๋อชิงก็เช่นกัน เธอเดินไปด้านหลังจางเย่เงียบๆ เธอเองก็รู้วิชาหมากล้อม

อู๋ฉางเหอไม่เกรงใจ ไม่มีมาดของอดีตมือหมากล้อมระดับเก้าดั้งแม้แต่น้อย แค่นหัวเราะหยิบหมากดำต่อให้ตัวเองสองหมาก "ต่อให้ฉันสองหมากเรอะ? ได้! ขอดูหน่อยว่าแกจะเล่นยังไง!"

หลี่ฉินฉินขมวดคิ้ว "ฉางเหอ คุณทำอะไรน่ะ?"

อู๋ฉางเหอ "เขาออกปากเองนะว่าจะต่อให้ฉันสองหมาก ฉันก็แค่ทำตามที่เขาต้องการเท่านั้นเอง" ก่อนหันไปบอกกับจางเย่ "มา ฉันจะดูซิว่าแกเอาจริงแล้วจะเป็นยังไง!"

เมื่อจับหมากขาว จางเย่ก็เปลี่ยนสีหน้า เปรียบกับตอนบ่ายที่สมาคมหมากล้อมแล้วนับว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิง คล้ายเป็นคนละคน

แกร๊ก!

จางเย่วางหมากแล้ว!

อู๋ฉางเหอมองแวบหนึ่งก็หัวเราะหึๆ เดินหมากตาม

ตาม้า

ตาม

เรียง [1]

สะกัด

ตาม้าอีกครั้ง

ขยาย[2]

ระหว่างเล่น อู๋ฉางเหอก็หัวเราะ "เดินหมากอะไรแบบนี้ เล่นเป็นหรือเปล่าน่ะ? ยังจะเล่นหมากทแยงตรงนี้ เล่นตรงนี้มีประโยชน์อะไร มีมืออาชีพที่ไหนเขาเล่นกัน? คนนอกชัดๆ!"

แต่ทว่าไม่นานอู๋ฉางเหอก็ไม่พูดอะไรแล้ว

หลี่ฉินฉินตะลึง!

อู๋เจ๋อชิงกลับยิ้มออก!

หมากทแยงที่จางเย่เล่นเมื่อครู่ บีบให้อู๋ฉางเหอต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ!

บัดซบ!

นี่มันแนวทางการเล่นแบบไหนกัน?

วิธีการนี้ ก่อนนี้มีคนใช้น้อยมาก!

อู๋ฉางเหอหน้าถอดสี

……

สองชั่วโมงผ่านไป

หมากกระดานนี้ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว

จางเย่เดินหมากตาสุดท้าย

อู๋ฉางเหอหน้าเขียวไปหมดแล้ว!

เป็นไปได้ยังไง!

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!

หลี่ฉินฉินก็มองหน้าจางเย่ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ!

แพ้!

อู๋ฉางเหอกลับแพ้แล้ว!

แถมยังแพ้ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายต่อให้สองหมาก!

จางเย่ "คุณบอกว่า คนที่เล่นหมากล้อมได้ดี นิสัยต้องไม่เลว งั้นดูแล้วตอนนี้ นิสัยผมควรจะใช้ได้สินะครับ"

=============

[1] ナラビ (narabi) เรียง คำศัพท์หมากล้อม หมายถึง การต่อหมากเรียงออกไปทางใดทางหนึ่ง

[2] ヒラキ (hiraki) ขยาย(ตัว) คำศัพท์หมากล้อม หมายถึง การเล่นหมากที่ขยายออกจากหมากสีเดียวกัน ไปตามข้างกระดาน (ปกติมักเล่นบนเส้นที่ 3 , 4 )

Chapitre suivant