บทที่ 823 อักษรพู่กัน ‘บทกวีชิ่นหยวนชุน ; หิมะ ’ (ต้น)
วันเสาร์
ตอนที่จางเย่ตื่น ข้างนอกก็กองไปด้วยเกล็ดหิมะแล้ว
“โห หิมะตกหนักขนาดนี้เชียว?” จางเย่เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ
แม่เองก็กำลังเปิดหน้าต่างออกไปดู “พื้นหนาเป็นชั้นๆเลย คงตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ”
เฉินเฉินกระตุกชายเสื้อจางเย่ “จางเย่ หนูก็อยากดู”
จางเย่จึงอุ้มเธอขึ้นมาตรงหน้าต่าง อารมณ์ดียิ่งนัก “สองปีมานี้ที่เมืองหลวงไม่เคยหิมะตกขนาดนี้เลยใช่ไหมล่ะ? วันนี้อากาศก็ไม่เลวด้วยนะ เฉินเฉิน ไม่อยากไปเล่นปาบอลหิมะกับอาหน่อยเหรอ?”
เฉินเฉินมองเขา “จางเย่ ทำตัวเป็นเด็กขนาดนั้นไปได้”
จางเย่ : “......”
พ่อหัวเราะ : “ถ้าไม่นับฝนลูกเห็บเมื่อเดือนก่อน นี่น่าจะเป็นหิมะแรกของเมืองหลวงปีนี้ล่ะ อันที่จริง ก็ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ วันนี้แกอย่าขับรถไปทำงานเลย จะเกิดอุบัติเหตุเอาง่ายๆ”
“รู้แล้วครับ” จางเย่ตอบ
กินข้าวเช้าเสร็จ จางเย่ก็เดินทางออกไปยังออฟฟิศ
ที่สนามเล็กๆหน้าตึก CCTV มีหลายครอบครัวพาเด็กมาเที่ยวเล่น บ้างปั้นตุ๊กตาหิมะ บ้างก็ปาบอลหิมะ ด้านข้าง มีเพื่อนร่วมงานบางคนจากแผนกอื่นผ่านมาเจอเข้ากับจางเย่ ท่ามกลางความงุนงงก็หัวเราะพลางร้องทักทาย
“อาจารย์จาง ดีครับ”
“อ๊ะ สวัสดีตอนเช้า”
“ผมดู ‘ปลายลิ้น’ ตอนล่าสุดแล้ว ยอดเยี่ยมเลย”
“ขอบคุณครับ ตอนต่อไปจะยิ่งสนุกนะ หึหึ”
“เรตติ้งออกหรือยังครับ?”
“ผมก็ไม่แน่ใจน่ะ เวลาทางฝ่ายสถิติเอาแน่ไม่ได้ บางทีก็ออกแต่เช้ามืด บางทีต้องรอวันเที่ยงๆวันต่อมาไปเลย ไม่แน่นอน”
สนทนาไปเรื่อย จนพากันมาถึงชั้นบน
ถึงจะรู้ว่าอยู่หน่วยไหน แต่จางเย่ไม่รู้จักคนเหล่านั้นเลย ทว่าก็ไม่ใช่ปัญหา จางเย่มีลักษณะพิเศษของคนเมืองหลวงอยู่เต็มเปี่ยม นั่นคือ ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะที่ไหน ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ ก็คุยได้เรื่อยๆ
……
ทั้งประเทศหลายพื้นที่หิมะตกทั่วแล้ว จิตใจของทุกคนจึงเบิกบานยิ่ง ในอินเทอร์เน็ตก็พูดคุยกันอย่างเริงร่า บางคนก็เริ่มเดาเรตติ้ง
“ ‘เซียนเกะเป๊ะเนื้อ’ สัปดาห์นี้ดีมาก!”
“ใช่ โคตรชอบต่งซานซานเลย เซ็กซี่!”
“รายการ ‘ไขสำนวน’ สัปดาห์นี้ก็เปลี่ยนแขกรับเชิญใหม่เหมือนกัน ไม่เลวเลยล่ะ”
“แต่ยังไงก็ยังต้องดู ‘ออกมาเต้น’ กับ ‘ปลายลิ้น’ นะ ที่น่าจับตาก็พวกเขานี่แหละ!”
“ใช่ๆ คาดหวังกับเรตติ้งสองรายการนี้จริงๆ!”
“ใครจะชนะกันแน่?”
“ก่อนเที่ยงก็น่าจะรู้ผลแล้ว!”
“เมื่อวาน ‘ปลายลิ้น’ ฉายไปแค่ตอนเดียว ไม่สะใจเลย!”
“ ‘ปลายลิ้น’ ตอนหนึ่งแค่สี่สิบห้านาที ‘ออกมาเต้น’ หนึ่งตอนตั้งเกือบสองชั่วโมงล่ะ แค่นี้ ‘ปลายลิ้น’ ก็แพ้ไปครึ่งตัวแล้ว”
“ใช่ ‘ออกมาเต้น’ น่าจะทิ้งห่างแหละ ทุ่มสุดตัวไปแล้ว เรตติ้งสัปดาห์นี้อาจจะพุ่งขึ้นก็ได้!”
“แต่พวกนายอย่าลืมสิ ‘ปลายลิ้น’ในสัปดาห์ก่อนไม่มีเงินโฆษณาเลยนะ โดนCCTV1 ‘หยิบยืม’ไปหมดเลย แต่ขนาดไม่มีโฆษณายังได้เรตติ้งตั้งเท่านั้น สัปดาห์นี้ ‘ปลายลิ้น’ โฆษณาเป็นว่าเล่น โฆษณาจนมืดฟ้ามัวดิน จะได้เรตติ้งเพิ่มเท่าไหร่ก็น่าลุ้นล่ะ!”
เวลานี้ หน้าสื่อทั้งวงการบันเทิงต่างจับจ้องอยู่ที่ทั้งสองรายการ เพียงแต่ว่าข้อแตกต่างจากสัปดาห์ที่แล้วคือ ไม่มีสื่อไหนกล้ามองข้ามสารคดีของจางเย่อีกต่อไปแล้ว หลายสื่อหารือกันเรียบร้อย ความคิดเห็นในข่าวต่างค่อนข้างเป็นกลาง แม้แต่หลายสื่อที่เห็นว่าเรตติ้งของ ‘ออกมาเต้น’ น่าจะชนะก็ไม่กล้าฟันธงแล้วเช่นกัน ไม่ใช่เพราะรอบคอบ ที่จริงเพราะเรตติ้งอันดับหนึ่งร่วมในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้หลายสื่อถูกตบจนหน้าชา จึงเจ็บแล้วจำ!
……
คนทำงานล่วงเวลาช่วงเช้ามากันแล้ว
จางจั่วกับเสี่ยวหวังมาถึงออฟฟิศเป็นคนแรกๆ เมื่อมองเข้ามาในออฟฟิศเห็นจางเย่มาถึงแต่เช้า ทั้งสองคนนี้จึงแปลกใจไม่หาย
“ผู้กำกับจาง ทำไมมาเช้าจังครับ?” จางจั่วไม่คุ้นชินจริงๆ เมื่อคิดว่าในสัปดาห์หนึ่งมานี้ไม่มีวันไหนที่จางเย่ไม่สาย แถมยังไม่มีใบลา กลับมาเสียเช้าอย่างนี้
จางเย่หัวเราะ “ผมก็เพิ่งมาถึงไม่นาน”
คนในทีมรายการต่างทยอยมาทำงานกันแล้ว ทุกคนมีท่าทีเคร่งเครียดเล็กน้อย และไม่รู้ว่ากังวลอะไรอยู่ หรือเพราะกำลังคาดหวัง แต่ละคนดูเหมือนพยายามเลี่ยงไม่คุยเรื่องเรตติ้ง บางทียิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องเรตติ้งสินะ
ไม่นานนักเหยียนเทียนเฟยก็มาถึงเช่นกัน “จางน้อย”
“ผอ.เหยียน” จางเย่หันมามอง
ดูเหมือนว่าเหยียนเทียนเฟยจะไม่ได้มาเพราะเรื่องของเรตติ้ง และพูดขึ้นว่า : “จริงด้วย เมื่อวานนี้ตามหาเธอไม่เจอ รู้เรื่องแข่งคัดอักษรพู่กันของสถานีเราหรือเปล่า? เริ่มเช้านี้แล้วนะ”
“แข่งคัดอักษรพู่กันอะไรหรือครับ?” จางเย่ไม่เข้าใจ
ฮาฉีฉีอธิบาย “ที่จริงมีติดประกาศเอาไว้ตั้งแต่เดือนก่อนแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นพวกเราไปถ่ายทำนอกสถานที่กัน ดูเหมือนจะเป็นงานประกวดคัดอักษรพู่กันของสตาฟภายในแผนก เพื่อความบันเทิงน่ะค่ะ”
พอพูดอย่างนี้จางเย่จึงเพิ่งเข้าใจ
ใกล้จะสิ้นปีแล้ว ก็เป็นเวลากิจกรรมแผนกต่างๆ การประกวดแข่งขันมากมายขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตอนที่ขึ้นไปข้างบนก็เหมือนจะเห็นประกาศอะไรเกี่ยวกับการแข่งปิงปองและแบดมินตันด้วย กำหนดนักกีฬาเฉพาะพนักงานแผนกต่างๆของCCTV ซึ่งก็คือกิจกรรมภายในกันเอง มีของรางวัล เป็นพวกมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ในทุกปีแต่ละสถานีโทรทัศน์ก็มีการจะจัดกิจกรรมคล้ายๆกันนี้ขึ้นมา เพียงแต่ว่าจางเย่ล่วงเกินคนเอาไว้ จึงไม่เคยได้อยู่ที่สถานีและหน่วยงานไหนนานพอ ดังนั้นจึงไม่เคยได้ร่วมกิจกรรมเช่นนี้มาก่อน
“เธอจะเข้าร่วมหรือเปล่า?” เหยียนเทียนเฟยเอ่ยถาม
หวงตันตันกล่าวพลางหัวเราะสดใส : “ผู้กำกับจาง ไปกันเถอะ ไปเถอะนะคะ”
เหยียนเทียนเฟยพูดอย่างร่าเริง : “ช่องสิบสี่เรา มีแค่ฉันกับเสี่ยวหวงที่สมัครเข้าร่วม ถ้าเธอจะไป ตอนนี้ก็ยังสมัครทัน ฉันจะไปบอกพวกเขา ว่าให้เพิ่มชื่อเธอเข้าไป”
ถงฟู่หันมาทางจางเย่แล้วว่า : “ผู้กำกับจาง ฝีมือการเขียนอักษรพู่กันของคุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
จางเย่หัวเราะแล้วตอบ “ก็พอไหวน่ะ”
หวงตันตันเห็นแฟนตนเองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร จึงกลอกตาใส่ “ยังจะมีหน้ามาถามว่าผู้กำกับจางเขียนอักษรพู่กันเป็นยังไงอีก? ทำไมนายบ้านนอกอย่างนี้เนี่ย?”
“หา?” ถงฟู่ไม่รู้เรื่องจริงๆ “อักษรพู่กันของผู้กำกับจางดีมากเลยเหรอ?”
เหยียนเทียนเฟยหัวเราะร่วน กล่าว : “เสี่ยวหวงพูดไม่ผิด เสี่ยวถงออกจะล้าหลังไปหน่อยแล้ว อักษรพู่กันของผู้กำกับจางพวกเธอน่ะยิ่งกว่ายอดเยี่ยมเสียอีก เธอลองไปฟังข่าวคราวในวงการอักษรพู่กันก็จะเข้าใจเอง ใครบ้างจะไม่รู้จักเขา? อาจไม่กล้าเทียบทั้งประเทศ แต่กับพนักงานทุกช่องทุกแผนกของทั้ง CCTV ในด้านพื้นฐานอักษรพู่กันไม่มีใครเทียบชั้นเขาได้หรอก อักษรพู่กันของจางน้อยน่ะ ฉันเคยพยายามคัดลอกตั้งหลายครั้งแน่ะ แต่อักษรพู่กันของเขาเป็นเอกลักษณ์ยอดเยี่ยมเกินไป โดยเฉพาะบท ‘ลำนำมู่หลัน’ นั่น คัดลอกอย่างไรก็ไม่ได้เลย”
ถงฟู่พูดอย่างรู้สึกทึ่ง : “จริงเหรอครับ? ผู้กำกับจางยังมีทักษะนี้ด้วยเหรอ?”
เสี่ยวหวังหัวเราะคิก “ความสามารถของผู้กำกับจางมากล้น นายเพิ่งจะรู้เหรอ?”
เทียบกับการเป็นพิธีกรชื่อดัง ผู้กำกับรายการโทรทัศน์ชื่อก้อง นักกวี นักคณิตศาสตร์และอื่นๆอันเลื่องชื่อของจางเย่แล้ว ความจริงชื่อเสียงด้านการเป็นนักลิปิกรของจางเย่นั้นไม่ค่อยดึงดูดเท่าใด แม้คนที่รู้จะไม่นับว่าน้อย แต่ก็กลับไม่ถือว่ามากและไม่แปลกที่บรรดาพนักงานในช่องสิบสี่จะไม่เคยได้ยินมาก่อน
เหยียนเทียนเฟยกล่าว : “งั้นฉันให้เลขาลงทะเบียนให้นะ?”
จางเย่ไม่ปฏิเสธ : “ได้เลยครับ ถ้างั้นผมขอร่วมสนุกกับคุณหน่อยก็แล้วกันนะครับ”
“ฉันน่ะไปสนุก ส่วนเธอน่ะไปกวาดของรางวัล” เหยียนเทียนเฟยยิ้มน้อยๆ : “ช่องสิบสี่เราคนน้อย กิจกรรมปีก่อนๆแบบนี้น่ะ ปกติได้แค่เข้าร่วมไปอย่างนั้น ไม่เคยฝากชื่ออะไรได้ แต่คราวนี้มีเธอมาอยู่ด้วยแล้ว พวกปิงปองแบดมินตันอะไรนั่นพวกเราไม่แข่งหรอก ขอแค่การแข่งอักษรพู่กันรายการเดียว หนีไม่พ้นพวกเราแน่!”
ช่วงสาย
ไม่ถึงสิบโมง
ห้องจัดกิจกรรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของ CCTV การแข่งขันอักษรพู่กันส่งท้ายปีของพนักงานเริ่มแล้ว เพราะเหยียนเทียนเฟยเป็นผู้อำนวยการของช่องสิบสี่ เมื่อเขาเข้าร่วม คนของช่องสิบสี่ก็ย่อมมาร่วมกันมากมายเป็นธรรมดา นอกจางเย่ เหยียนเทียนเฟย หวงตันตัน ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันทั้งสามแล้ว คนอื่นในช่องสิบสี่ก็มากันเกินครึ่ง
เมื่อพวกเขามาถึง ก็พบว่าในห้องกิจกรรมแสนจะอึกทึก
เจียงหยวนอยู่
สวีอี้เผิง เฉินเหยี่ย ก็อยู่
แม้กระทั่ง หัวหน้าสถานีแห่ง CCTV ก็อยู่ด้วย!
——คิ้วหนา ตาโต ในชุดสูทจีน
หลายคนที่มาต่างกริ่งเกรง ระแวดระวังขึ้นมาไม่หยุด นี่ไม่ใช่แค่รองหัวหน้าสถานีธรรมดา ชายวัยกลางคนที่กำยังยืนยิ้มและน่าเกรงขามอยู่ตรงนั้น ก็คือหัวหน้าสถานีแห่ง CCTV ผู้มีอำนาจอย่างเป็นทางการ แม้แต่จางเย่ก็เพิ่งเคยพบหน้าเขาเป็นครั้งแรก ก็ไม่จำเป็นต้องพิเคราะห์ให้มากเลย
ไม่มีใครอาจหาญเข้าไปสนทนา แต่เหยียนเทียนเฟยเป็นข้อยกเว้นในจำนวนน้อย ที่อยู่ในระดับนั้น
“หัวหน้าสถานี” เหยียนเทียนเฟยส่งเสียงร้องทัก
หัวหน้าสถานีจึงหันมามองทางเขา แล้วก็หัวเราะ : “เหล่าเหยียน นายก็มาแข่งเหรอ?”
“ก็แค่คันไม้คันมือน่ะ ไม่หวังเข้ารอบอะไรหรอก” เหยียนเทียนเฟยพูดพลางส่ายหน้า
หัวหน้าสถานี : “อักษรพู่กันนายก็ไม่เลวน่า เราพอกัน”
เหยียนเทียนเฟย : “น่าจะบอกว่าอย่างกับพี่น้องฝาแฝด”
จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะลั่น
ทันใดนั้น สายตาของหัวหน้าสถานีก็พลันกระทบเข้ากับใบหน้าของจางเย่ช่วงเวลาหนึ่ง ดูคล้ายจะชะงักไปครู่ แล้วก็เหมือนไม่ได้ชะงักใดๆ แล้วเฉมองไปทางอื่น เจียงหยวนเดินเข้ามาจากอีกด้าน พูดคุยกับเขา ถัดจากนั้น ผู้อำนวยการช่องCCTV1เจียงหน่ายสยงก็เข้ามา ถัดต่อมาอีก ก็เป็น ผู้อำนวยการCCTV2 ผู้อำนวยการCCTV7 รองผู้อำนวยการ และคนอื่นๆที่มาถึง การประกวดของหัวหน้าสถานี ย่อมเป็นงานใหญ่แน่นอน
คนของช่องสิบสี่และCCTV1 ก็เผชิญหน้ากัน ทว่าต่างฝ่ายต่างแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย ยืนห่างไกล แยกฝั่งชัดเจนราวน้ำกับน้ำมัน
เฉินเหยี่ยเหลือบมองพวกจางเย่ แล้วถามสตาฟข้างๆ “เรตติ้งออกหรือยัง?”
“ยังครับ” คนผู้นั้นกล่าวตอบ : “น่าจะใกล้แล้ว”
อีกคนกล่าวกลั้วหัวเราะ : “สารคดีของช่องสิบสี่สร้างประวัติศาสตร์ไปแล้ว ก็คงได้แค่นั้น ไม่อาจไปสูงกว่านี้ได้อีก หรือพวกนั้นยังจะหวังเอาสารคดีมากวาดรายการวาไรตี้ทั้งหมดจริงๆ? พวกตัวประกอบยังไงก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ ปาฏิหาริย์มันเกิดได้แค่หนเดียวหรอก”
มีคนคว้าไมโครโฟน ประกาศเปิดการแข่งขัน
สวีอี้เผิงยิ้มกริ่ม : “แข่งก่อนเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้เขียนอักษรนานมากแล้ว ไม่รู้พื้นฐานจะยังอยู่ไหมนะ”
เฉินเหยี่ยหัวเราะ : “คุณใช้พื้นฐานครึ่งเดียว ก็คว้าที่หนึ่งมาได้แล้ว”
สวีอี้เผิงเขียนอักษรได้ยอดเยี่ยม ปีก่อนหน้านั้นเพราะได้เป็นรองผู้กำกับงานคืนส่งปีโดยตรง จึงยุ่งจนไม่ได้เข้าร่วม แต่งานแข่งอักษรพู่กันปีที่แล้ว สวีอี้เผิงก็คว้าที่สามมาได้ ผลลัพธ์ไม่เลวเลย
ทว่า เมื่อสวีอี้เผิงเหลือบมองจางเย่แวบหนึ่ง ก็กลับส่ายหน้าไม่พูดจา
เมื่อพนักงานคนอื่นหลายคนที่มาร่วมงานแข่งขันCCTVเห็นว่าจางเย่ก็มา และยังมีคนช่วยติดหมายเลขร่วมแข่งให้เขาอีก ทุกคนต่างนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น และก่อนหน้านี้ยังมีบางคนที่รักการเขียนอักษรพู่กันเป็นชีวิตจิตใจที่เตรียมตัวเข้าร่วมด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เหลือเพียงรอยยิ้มขมขื่น
ยังจะมาแข่งอะไรอีกเล่า?
พวกเราเป็นแค่มือสมัครเล่นนะ!
กับนายที่เป็นนักลิปิกรมือฉมังที่รู้กันวงใน จะแข่งด้วยยังไงไหวเล่า??
****************************************************************************************************
ชิ่นหยวนชุน เป็นชื่อของบทกวีประเภทฉือชนิดหนึ่ง อาศัยต้นฉบับของซูตงปอ ; ชิ่นหยวนชุน จุดโคมเดียวดายในห้องหนังสือ (沁园春·孤馆灯青) เป็นต้นฉบับในการบังคับฉันทลักษณ์