webnovel

0013

บทที่ 12 ความคิดเห็นชมเชยจากผู้ฟังที่ท่วมท้น!

------------------------------------------------------------------------------

บทแปลเดิม

CM >> ตรวจ

TurKish_TEA >> เช็ก + เกลา

********************************

วันต่อมา

จางเย่เบียดตัวแน่นอยู่ในรถไฟใต้ดินเพื่อไปทำงาน ได้ยินเสียงชายสองคนที่เพิ่งขึ้นมาบทรถพูดคุยกันอยู่ไม่ไกล หัวข้อสนทนาทำให้จางเย่หูผึ่ง

“เหล่าจ้าว เมื่อคืนได้ฟัง ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ ไหม? ”

“แน่นอน ฉันฟังรายการนี้ทุกคืนไม่เคยพลาดอยู่แล้ว อ้าว.. ฉันคิดว่านายไม่ฟังวิทยุซะอีก?”

“ปกติก็ไม่หรอกแต่เมียฉันน่ะฟัง เมื่อวานเธอบังคับให้ฉันฟังรายการนี้ด้วย พี่ก็รู้จักเมียฉันดีใช่ไหมล่ะ? เธอเป็นพวกกล้าบ้าบิ่นมาก ถ้าเธอเห็นพวกแก๊งนักเลงข้างถนนตอนดึกนะ แค่เธอส่งเสียงก็ทำให้พวกนั้นกลัวจนเผ่นแทบไม่ทันแน่ะ ปกติเมียฉันต้องฟังเรื่องผีทุกคืนไม่งั้นจะนอนไม่หลับ เธอไม่เคยกลัวเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย แต่เรื่อง ‘คนขุดสุสาน’ เมื่อคืนเนี่ยสิ ทำให้เธอกลัวจนต้องปลุกฉันตื่นมาฟังด้วยเลย ฉันก็บอกเมียฉันแล้วนะว่าถ้ากลัวก็ปิดๆ ไปซะ แต่เธอไม่ยอม เป็นตายก็จะฟังต่อให้ได้”

“ฮ่าๆ ‘คนขุดสุสาน’ เมื่อคืนมันเจ๋งมากๆ เลย ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่พวกปอดแหกก็เถอะ แต่พอฟังก็ยังอดรู้สึกขนลุกลึกๆ จนแทบนอนหลับไม่ได้แน่ะ มันเยี่ยมมาก”

“ฉันก็นั่งฟังเป็นเพื่อนเมียจนถึงตีหนึ่งเหมือนกัน มันเยี่ยมจริงๆ นั่นแหละ”

“คืนนี้ฉันจะรอฟังต่อ อยากรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสุสานต่อไป”

“ดีเจคนนั้นเป็นหน้าใหม่ด้วยใช่ไหม? รู้สึกว่าจะชื่อจางเย่ ฉันว่าการเล่าเรื่องของเขาดีมากนะ ความเร็วที่พูดเหมาะสมมาก คนเก่านั่นก็พูดช้าเกินไป”

ทั้งสองคนพูดคุยกันต่อโดยไม่รู้เลยว่า จางเย่ที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่เมตร

จางเย่รู้สึกดีมากที่ได้ยินคำชมเชยพวกนั้น เขาเปิดเกมและดูค่าชื่อเสียงก็พบว่ามันขึ้นไปถึง 10,677 จุดแล้ว

หลังจากซื้อ ‘ลอตเตอรี่’ ครั้งที่สองไป ค่าชื่อเสียงของจางเย่ก็หายหมดจนเหลือศูนย์ ตอนนี้ค่าชื่อเสียงของเขากลับเพิ่มมามากกว่าหมื่นจุดในคืนเดียว ตั้งแต่เกิดมาชายหนุ่มใช้เวลายี่สิบกว่าปีถึงจะได้ค่าชื่อเสียงถึงสองแสนจุด แต่ตอนนี้แค่หนึ่งคืนเขาถึงกับได้มามากกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเสียอีก ความเร็วในการเพิ่มต้องบอกว่าไวมากๆ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกใช้สถานีวิทยุเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเป็นคนดัง

ตอนนี้ค่าชื่อเสียงของเขายังคงเพิ่มอย่างประปรายทีละหนึ่งทีละสอง เพราะเป็นธรรมเนียมปกติที่เจ้าหน้าที่สถานีจะตัดต่อเทปรายการ ‘เรื่องเล่าสยองขวัญยามค่ำคืน’ ก่อนจะอัพโหลดขึ้นไปไว้บนเว็บไซต์ของสถานี เห็นได้ชัดว่าค่าชื่อเสียงที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ นี้มาจากผู้ฟังที่พลาดการออกอากาศสดเมื่อคืนนี้ได้เข้าไปฟังย้อนหลังทางเว็บไซต์ เมื่อชอบใจว่าผลงานนั้นดีจึงได้เพิ่มค่าชื่อเสียงให้กัับจางเย่

ลงรถ เดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน

จางเย่เดินไปร้านข้างถนนเพื่อซื้อบุหรี่ เขาไม่ติดบุหรี่มากเท่าไร เพราะจะสูบแค่มวนสองมวนยามอารมณ์ดีเท่านั้น

“จะเอาบุหรี่อะไรล่ะ?” พนักงานขายถาม

หรือหงเหอดี? นี่เป็นยี่ห้อบุหรี่ที่จางเย่สูบประจำ แต่เมื่อคิดตัวว่าตัวเองกำลังจะเป็นคนดังแล้ว สูบบุหรี่ราคา 6 หยวนดูจะไม่สมฐานะของดีเจผู้ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ขายหน้าแย่เลย คนดังต้องรักษาภาพลักษณ์คนดัง ต้องแสดงฐานะและภาพลักษณ์ทางสังคมไว้ตลอดเวลาสิ จะไปทำให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินได้อย่างไรกัน

ดังนั้นจางเย่จึงชี้ไปที่ “เอาหงซวงสี่มาซองหนึ่ง!”

อืม ซองนี้ราคา 6.50 หยวน

……

เมื่อมาถึงสำนักงาน

เพื่อนพนักงานหลายคนขอบตาดำคล้ำ พวกเขาต่างทำงานล่วงเวลากันจนดึกดื่นเมื่อคืนนี้

จางเย่ที่ปกติเวลาเข้ามาจะถูกเพิกเฉยเดินไปยังที่ของเขาเพื่อเตรียมตัวทำงาน ตอนนี้ชายหนุ่มมีรายการเป็นของตนเองแล้ว จะถือว่าได้เลื่อนตำแหน่งก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีงานต่างๆ ให้ทำมากขึ้นไปอีก

“จางน้อย มาแล้วเหรอ?”

“อรุณสวัสดิ์อาจารย์จาง”

“ฉันฟังรายการแล้วนะ สุดยอดมากเลย”

“ใช่แล้ว เมื่อวานฉันกลับก่อนเพราะมีธุระ ก็เลยได้ฟังที่บ้าน ได้ยินว่านี่เป็นเรื่องที่นายแต่งเองเลยงั้นเหรอ? ไม่ใช้สคริปต์ด้วย? คิดไปพูดไปแบบสดๆ? น่าทึ่งมาก!”

“มีแต่คนพิเศษเท่านั้นแหละที่สามารถจัดรายการสดได้โดยที่ไม่มีสคริปต์น่ะ”

“อาจารย์จางเขาจบตรงมาจากด้านนี้นะ เพราะงั้นนี่ไม่ถือว่าลำบากสำหรับเขาหรอก”

เพื่อนร่วมงานหลายคนยิ้มและทักทายจางเย่ แสดงท่าทีเป็นมิตรด้วย

จางเย่ถึงกับตั้งตัวไม่ทัน อาจารย์จาง? อาจารย์จางอะไร? นี่…เรียกฉันงั้นหรือ? เมื่อรู้สึกตัวจางเย่รีบบอกอย่างถ่อมตัว “อาจารย์เฉียน อาจารย์อู่ พี่อู๋ อย่าเรียกผมว่าอาจารย์เลย ผมยังเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามายังต้องศึกษาจากรุ่นพี่อีกมาก เรียกผมว่าจางน้อยก็พอครับ” ในวงการสื่อมวลชนแบบนี้เมื่อใช้คำว่า ‘อาจารย์’ ถือว่าเป็นการ ‘ยกย่อง’ รูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่คำที่มากเกินไป เพียงแต่จางเย่รู้ดีว่าควรจะต้องวางตัวอย่างไร ด้วยคุณสมบัติของเขา คนอื่นๆ อาจจะเรียกเพื่อให้เกียรติจางเย่ว่าอาจารย์ แต่เขายังไม่สามารถรับมันได้

พูดจาเกรงใจกันไปมาคนละสองสามประโยค นี่เป็นครั้งแรกที่จางเย่ได้มีบทสนทนาจริงจังร่วมกับเพื่อนร่วมงาน

เหตุผลมันชัดเจนมาก ก่อนหน้านี้ทุกคนเมินเฉยจางเย่เพราะเขาเป็นแค่ดีเจสำรอง รูปลักษณ์ก็ไม่เข้าเกณฑ์ ไม่มีใครคิดว่าเขาจะสามารถแจ้งเกิดได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครสนใจจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เถียนปินทำพลาดและจางเย่ได้ช่วยกู้สถานการณ์เอาไว้ในนาทีวิกฤต ระงับเหตุขัดข้องในการออกอากาศ อีกทั้งนิยายของชายหนุ่มยังยอดเยี่ยมมากจนทำให้เขาได้เป็นดีเจหลักชั่วคราว เลื่อนจากตัวสำรองมาเป็นตัวจริง ดังนั้นท่าทีของเพื่อนร่วมงานต่อจางเย่ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงเป็นเรื่องธรรมดา

วิถีโลกสินะ?

ความสัมพันธ์ของคนมีเย็นมีร้อน ดังนั้นจางเย่จึงไม่คิดจะใส่ใจจริงจัง

แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังทำเหมือนจางเย่ไม่มีตัวตนอยู่ สำหรับบางคนเป็นเพราะลักษณะนิสัยส่วนตัวของพวกเขา บางส่วนเป็นเพราะไม่มีงานที่เกี่ยวข้องกับจางเย่ ถึงแม้ว่าทุกคนจะทำงานในแผนกเดียวกัน ทว่าแต่ละคนก็มีตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป บางส่วนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเถียนปินอีกด้วย

ด้านหลัง เสมียนสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องกระดาษในมือ ข้างในบรรจุกองจดหมายที่มัดรวมกันหลายกอง หลังจากส่งจดหมายบางส่วนให้กับดีเจคนอื่นๆ แล้ว เธอก็เดินมายังมุมห้องเตรียมวางจดหมายไว้บนโต๊ะเถียนปินตามความเคยชิน แต่เมื่อนึกขึ้นได้และไม่เห็นเถียนปินอยู่ในบริเวณนี้ เธอจึงหันมามองจางเย่และยื่นจดหมายให้แก่เขา “อาจารย์จาง นี่เป็นจดหมายจากผู้ฟังรายการ ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ บางฉบับเป็นของอาจารย์เถียน บริการไปรษณีย์บางทีก็ล่าช้าน่ะทำให้จดหมายเพิ่งจะมา ส่วนบางฉบับก็เป็นของคุณนะ เพิ่งถูกส่งมาจากผู้ฟังเมื่อเช้านี่เอง”

จางเย่ตอบกลับ “ขอบคุณนะ”

“ด้วยความยินดี” เสมียนสาวเดินจากไป

จางเย่สูดหายใจขณะเปิดจดหมายออกอ่าน รู้สึกราวกับเป็นเจ้าสาวแรกขึ้นเกี้ยว

จดหมายฉบับแรกถูกส่งมาจากเด็กน้อย ลายมือของเขาค่อนข้างคดโย้ไปมาและดูใสซื่อ “สวัสดีครับอาจารย์จาง เรื่องที่คุณเล่ามันยอดมากเลย แม่ของผมสั่งให้ผมเข้านอนเร็ว ถึงกับจะตีด้วย แต่ผมก็อดใจไม่ไหวจนต้องแอบเปิดวิทยุฟังใต้ผ้าห่ม จากนี้ไปผมจะฟัง ‘คนขุดสุสาน’ ทุกคืนเลยครับ!”

จางเย่ยิ้มละไมและคิดอยู่ชั่วครู่ หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาเขียนตอบ “ฉันจางเย่นะ ขอบคุณสำหรับจดหมายของหนู หนูควรจะเชื่อฟังแม่แล้วรีบนอนแต่หัวค่ำ อย่านอนดึกเลย ‘เรื่องสยองขวัญยามค่ำคืน’ จะถูกอัพโหลดในเว็บไซต์ของช่องวรรณกรรมอยู่แล้ว ดังนั้นหนูเข้าไปฟังออนไลน์ได้ตลอดเวลา” หลังจากเขียนเสร็จก็เดินหาเสมียนสาวจนพบและฝากให้เธอช่วยส่งจดหมายถึงผู้ฟังเด็กรายนั้นตามชื่อที่อยู่ผู้ส่ง ก่อนกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเพื่ออ่านจดหมายฉบับอื่นๆ ต่อ

ฉบับที่สอง “เรื่องวันนี้มันดีกว่าเรื่องสยองขวัญขยะๆ ก่อนหน้านั้นเป็นหมื่นเท่า นี่สิถึงจะเป็นนิยายสยองขวัญในดวงใจ!”

ฉบับที่สาม “ฉันเป็นคนขับแท๊กซี่กะดึก ‘คนขุดสุสาน’ เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก ฉันจะคอยติดตามต่อไปนะ!”

ฉบับที่สี่ “นี่เป็นนิยายสยองขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยฟังมาเลย! ขอบคุณทีมรายการมาก! ขอบคุณอาจารย์จาง! จากนี้ไปค่ำคืนก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว!”

ทั้งหมดมากกว่าสิบฉบับ จางเย่อ่านจนหมดก่อนจะเลือกออกมาสามฉบับเพื่อเขียนตอบกลับไป

ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์เข้าอินเทอร์เน็ตเพื่ออ่านอีเมล ตั้งแต่เป็นดีเจหลักรายการ ‘เรื่องเล่าสยองขวัญยามค่ำคืน’ ก็มีคนให้รหัสผ่านเขามาเพื่อดูกล่องข้อความของรายการ หลังจากล็อกอินเข้าไป จางเย่ก็พบอีเมลที่ยังไม่ถูกเปิดอ่านมากกว่า 80 ฉบับ จดหมายเหล่านี้ไม่ได้ใช้ภาษาทางการเหมือนจดหมายกระดาษที่ส่งเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นคำแสลงที่ใช้กันบนโลกออนไลน์

Liuliu59: ‘คนขุดสุสาน’ โคตรเจ๋งเลย!

Edhska115: ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก!

Qqqry: อาจารย์จาง กรุณาเล่าให้ยาวกว่านี้หน่อยเถอะ ขอเสนอให้เพิ่มเวลาออกอากาศ นี่ฉันแนะนำเรื่อง ‘คนขุดสุสาน’ ให้เพื่อนนักเรียนแล้วก็เพื่อนคนอื่นฟังตั้งหลายคนแน่ะ ถึงกับโทรศัพท์ปลุกพวกเขาขึ้นมาฟังกลางดึกเลยนะ ฮ่าๆ ฉันกด ‘ไลค์’ ไว้แล้ว ขอเป็นแฟนคลับของอาจารย์ต่อไปในอนาคตนะ!”

คำชมมากมายท่วมท้นขนาดนี้เชียว?

จางเย่รู้สึกว่ามันช่างสวยสดงดงาม!

ดูสิดู ดูสิ นี่แหละคือเสียงร่ำร้องของผู้คน!

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

Chapitre suivant