webnovel

อนาตาเซีย ตอนสุสานคนตาย

Auteur: Aurora_Novel
Fantaisie
Actuel · 1.7K Affichage
  • 1 Shc
    Contenu
  • audimat
  • N/A
    SOUTIEN
Synopsis

อนาตาเซียแม่มดน้อยที่ถูกรับมอบหมายหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่จากราชินีหิมะให้เป็นผู้รวบรวมของวิเศษทั้ง 5 เพื่อกำจัดลูซิเฟอร์ราชาปีศาจ ดังนั้นเธอจึงต้องเดินทางไปยังโลกของคนตายเพื่อตามหาคทาเหนือพิภพที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้

Chapter 1บทที่ 1 ชายแปลกหน้า

2 ปีผ่านไป เช้าวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนสตาเดเฟีย เนื่องด้วยตอนนี้มีเด็กเข้ามาใหม่มากมายหลายคนจึงทำให้วันนี้เด็กๆแต่ละคนดูครึกครื้นเป็นพิเศษรวมถึงมีเด็กหลายคนที่ยังไม่คุยชินกับการเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนตร์ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่หลายอย่าง

เด็กเหล่านั้นต้องหาเพื่อนใหม่ในโรงเรียนซึ่งมันทำให้เด็กใหม่ที่มาเรียนวันนี้ทุกคนต่างเริ่มต้นทักทายกันอย่างคึกคักและสนุกสนานเป็นอย่างมาก

อนาตาเซียเองที่กำลังเดินไปยังชั้นเรียนก็รู้สึกนึกถึงตัวเองตอนที่มาเรียนที่นี่ใหม่ๆเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากเด็กๆพวกนี้เลยและในตอนนั้นเธอเองก็ยังต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นหลายอย่างเลยทีเดียว

"ไม่คิดว่าถ้าหากเราไม่ได้มาเจอที่นี่อนาคตของเราในตอนนี้จะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยเราก็โชคดีที่ได้มาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้" อนาตาเซียคิดในใจและเดินไปห้องเรียนด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน วันนี้นอกจากอนาตาเซียต้องมาเรียนตามตารางแล้วเธอก็ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำซึ่งนั่นก็คือเธอต้องไปทัศนศึกษาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตามที่โรงเรียนสตาเดเฟียได้แจ้งกับนักเรียนในชั้นปีของเธอ

บ้านพักเอเดิลพัฟฟี่

"อนาตาเซีย เธอเตรียมของไปทัศนศึกษาที่หมู่บ้านเสร็จรึยัง" ลูเซียที่กำลังจัดกระเป๋าอยู่อย่างขมักเขม้นถามขึ้น

"ใกล้เสร็จแล้วล่ะ" อนาตาเซียตอบ

"เธอว่าที่หมู่บ้านมีอะไรน่าไปศึกษากัน ฉันไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าไปตรงไหน"

"มันก็อาจจะเป็นบรรยากาศที่มีธรรมชาติไง"

"ที่สตาเดเฟียก็มีธรรมชาติเยอะแยะจะตายยังต้องไปดูที่อื่นทำไม"

"มันก็อาจจะแตกต่างกันไง อีกอย่างฉันก็คิดว่ามันดูน่าสนุกออก ที่นั่นอาจจะมีอะไรใหม่ๆให้เราได้เรียนรู้ก็ได้"

"นี่เธอยังไม่เบื่อธรรมชาติอีกหรอ" ลูเซียพูดแกมหัวเราะ

"มันก็แค่ทัศนศึกษานอกสถานที่อีกอย่างหลายคนบอกว่าหมู่บ้านฟาเรนเดียมีสถาปัตยกรรมที่สวยมากไม่เหมือนกับหมู่บ้านทั่วไปบางทีเราอาจจะได้เจออะไรที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นก็ได้"

"ฉันว่าคงจะสำหรับคนที่ชอบอะไรแบบนั้นมากกว่าเพราะฉันไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนคนอื่นๆเลยสักนิด"

"ก็คงงั้น"

ก๊อกๆๆ เสียงประตูดังขึ้นและหลังจากนั้นหญิงสาวที่เคาะประตูก็เดินเข้ามาด้านในตามปกติเหมือนกับทุกครั้งพร้อมกับทักทายลูเซียและ อนาตาเซีย

"ลูเซีย อนาตาเซีย พวกเธอทำอะไรอยู่" มาเดลินที่เคาะประตูเสร็จแล้วเปิดเข้ามาด้านในห้องและถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

"กำลังเก็บกระเป๋า เธอล่ะไม่เก็บหรอ" ลูเซียถามกลับ

"ฉันเก็บเสร็จแล้วว่าจะมาชวนเธอทั้งสองไปห้องโถง"

"ตอนนี้เที่ยงแล้วหรอ" อนาตาเซียถาม

"ใช่ จะไปกันเลยไหมตอนนี้โซอี้กับเทียน่าไปรออยู่ที่ห้องโถงแล้ว"

"ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ" อนาตาเซียตอบแล้วทั้งสามคนก็ไปทานอาหารที่ห้องโถงใหญ่ทันที

ห้องโถงสตาเดเฟีย

"ว้าว...อาหารที่นี่อร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลย" อนาตาเซียกล่าวขึ้นขณะที่กำลังกินน่องไก่อย่างเอร็ดอร่อย

"ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน" ลูเซียที่กำลังทานอาหารอยู่เต็มปากพูดขึ้นพร้อมกับตักอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว

"เธอสองคนทำอย่างกับไม่ได้กินอะไรมาอย่างนั้นแหละ" โซอี้พูดขึ้น

"ใช่ พวกเราอยู่ที่นี่มา 3 ปีแล้วนะทำอย่างกับไม่เคยกินอาหารที่นี่มาก่อน" เทียน่าพูดแกมหัวเราะขณะมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

"แหม่อาหารที่นี่มีตั้งเยอะวันๆหนึ่งแทบจะเลือกไม่ได้เลยด้วยว่าจะกินอะไรดีเยอะแยะลายตาไปหมด" ลูเซียตอบ

"ไม่มีใครสบายเท่าโซอี้หรอก" มาเดลินกล่าว

"ทำไมหรอ" อนาตาเซียถามด้วยความสงสัย

"เพราะโซอี้กินได้แค่อย่างเดียว ฮ่าๆๆ" มาเดลินตอบและหัวเราะออกมา

"ใช่ ฉันไม่เคยมีปัญหากับการเลือกอาหารแบบพวกเธอหรอก" โซอี้ตอบ ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอนาตาเซียก็ลุกขึ้นและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

"ทุกคนฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวกลับมา" อนาตาเซียกล่าวและลุกเดินไปยังห้องน้ำทันที

ห้องน้ำโรงเรียนสตาเดเฟีย

หลังจากทำธุระเสร็จแล้วขณะที่อนาตาเซียกำลังยืนล้างมืออยู่นั้นเธอก็พบกับพวกของโอลิเวียด้วยความบังเอิญ

"อ่าว อนาตาเซียเธอเองหรอ" เสียงโอลิเวียพูดทักทายขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำและเห็นอนาตาเซียที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ อนาตาเซียทำเพียงแค่หันไปมองแต่ก็ไม่พูดอะไร

"จะว่าไปแล้วช่วงนี้ไม่ได้เจอเธอเลยนะ เป็นไงจ๊ะช่วงนี้ไปยุ่งเรื่องของใครบ้างล่ะ" ไครีย์ที่เดินมายืนอยู่ข้างโอลิเวียพูดเสริม อนาตาเซียยังไม่สนใจและเตรียมตัวเดินออกไปจากห้องน้ำทันที

"จะรีบไปไหนล่ะ ไม่อยู่คุยกับพวกเราก่อนหรอ" วิกตอเรียกล่าวแล้วเดินมาขวางอนาตาเซียเอาไว้

"ไม่ล่ะฉันไม่มีรสนิยมชอบคุยกับใครในห้องน้ำ" อนาตาเซียตอบ

"นี่" ยังไม่ทันที่โอลิเวียจะได้หาเรื่องต่ออนาตาเซียก็รีบเดินออกไปทันที "ฝากไว้ก่อนเถอะครั้งต่อไปแกเจอดีแน่" โอลิเวียพูดขึ้นด้วยความโมโห

"โอลิเวียเธอว่าพวกเราลองใช้วิธีนี้ดีไหม" ไครีย์เอ่ยขึ้น

"วิธีอะไร" โอลิเวียตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่

"ก็วางแผนแกล้งมันยังไงล่ะ" ไครีย์พูดต่อ

"แล้วเธอมีแผนอะไร" โอลิเวียถามกลับไปอีกครั้ง

"พรุ่งนี้พวกเราจะต้องเดินทางไปทัศนศึกษา ที่นั่นน่ะมีสุสานอยู่ที่หนึ่งซึ่งมันเป็นสุสานเก่าแก่และมีทางที่ลึกลับซับซ้อนมากพวกเราก็แกล้งส่งจดหมายบอกว่าที่นั่นน่ะเป็นที่อยู่ของลูซิเฟอร์เพื่อหลอกให้อนาตาเซียไปที่นั่นแล้วก็หลงอยู่ในนั้นดูสิว่าคราวนี้มันจะออกมายังไง"

"ความคิดของเธอไม่เลวเลยทีเดียว แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องของลูซิเฟอร์ด้วยล่ะ" โอลิเวียถามขึ้นด้วยความสงสัย

"เธอก็รู้ว่าอนาตาเซียสนใจเรื่องนี้แน่นอนว่าถ้าเขียนจดหมายไปแบบนั้นอนาตาเซียต้องรีบออกไปที่สุสานแน่" ไครีย์ตอบ

"ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้น" วิกตอเรียพูดเสริม "ดูท่ามันคงจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของโลกเวทมนตร์ทำเป็นช่วยคนอื่นไปทั่ว ก็แค่อยากมีชื่อเสียงอยากเรียกร้องความสนใจก็เท่านั้นทำเป็นหัวหมอกุเรื่องลูซิเฟอร์กำลังจะฟื้นคืนชีพไปบอกคนอื่น ใครกันที่โง่เชื่อคนแบบนี้"

"ใช่ ฮึ ดูท่าครั้งนี้พวกเราสนุกแน่ แต่เธอแน่ใจนะว่ามันจะหลงอยู่ในสุสานนั่นจริงๆ" โอลิเวียถามขึ้นเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

"สุสานนั่นมีแต่คนที่เป็นผู้ดูแลเท่านั้นที่รู้ทางเพราะมันเป็นสุสานเก่าแก่มีคนเคยเข้าไปหลงทางอยู่ในนั้นอยู่หลายคนว่ากันว่าผู้ที่หลงทางหายตัวไปจนต้องมีผู้คนใช้เวลา 3 วันตามหากว่าจะเจอ"

"มันน่ากลัวแค่ไหน" โอลิเวียถามต่อ

"ก็ถ้าสำหรับคนอายุเท่าเราก็อาจทำให้ไม่กล้าออกไปไหนคนเดียวอีกเลยหรือไม่ก็กลัวความมืดไปตลอดชีวิต"

"กลัวความมืดหรอ"

"ใช่ ในนั้นจะมีบรรยากาศที่เย็นยะเยือกและน่ากลัวบางคนบอกว่ามันมีภายลวงตา และความน่ากลัวก็มากกว่าที่สุสานธรรมดาหลายเท่า" ไครีย์ตอบ

"ถ้าอย่างนั้นก็ดีมันจะได้ไม่กล้าออกมาอวดเก่งอีก" โอลิเวียพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างซ่ะใจ

หมู่บ้านฟาเรนเดีย

"เอาล่ะเด็กๆทุกคนตอนนี้พวกเรามาถึงหมู่บ้านเรียบร้อยแล้วทางด้านซ้ายเป็นที่พักของพวกเธอจำได้ใช่ไหมว่าเราจะมาทัศนศึกษาที่นี่ 7 วัน เอาล่ะตอนนี้เอาของไปเก็บให้เรียบร้อยแล้วออกมารวมกลุ่มที่ตรงนี้ได้" หนึ่งในอาจารย์ที่เป็นผู้ดูแลการออกมาทัศนศึกษาครั้งนี้เอ่ยขึ้นหลังจากนั้นเด็กทุกคนก็นำสัมภาระของตนไปเก็บทันที

เมื่อทุกคนนำสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยแล้วทุกคนก็มารวมกลุ่มกันตามที่อาจารย์ได้บอกเอาไว้ ขณะนั้นเองไครีย์ก็อาศัยจังหวะที่อนาตาเซียเผลอแอบนำซองจดหมายไปใส่เอาไว้ในกระเป๋าสะพายของอนาตาเซียโดยที่อนาตาเซียเองก็ไม่รู้ตัวเพราะตอนนี้เธอสนใจในการมาทัศนศึกษามากกว่าสิ่งรอบข้าง

การมาทัศนศึกษาครั้งนี้ทำให้ทุกคนต่างสนุกสนานกับที่นี่มากเพราะนอกจากจะมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เด็กๆหลายคนได้เรียนรู้แล้วการสร้างหมู่บ้านของที่นี่ก็แตกต่างไม่เหมือนใครโดยหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนหนึ่งของเมืองสตาทิสเมื่อมาที่นี่จะรู้สึกเหมือนต้องสมต์สะกด

ที่นี่มีบ้านหลังเก่าๆสไตล์โบราณที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมีรั่วบ้านตั้งเรียงแถวยาวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากที่นี่จะรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว

บรรยากาศก็ยังร่มรื่นและเงียบสงบ ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเมืองได้อย่างเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งยังมีฝูงสัตว์ป่ามากมาย

ที่ยังมีปลาในลำธารที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำที่ไหลเย็น การมาที่นี่ทำให้เหมือนกับได้ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายโดยไม่ที่ต้องรีบร้อนหรือแข่งขันกับใคร หลังจากที่ทุกคนจัดแจงทำทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคนก็เข้านอนเพื่อพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน

กลางดึกคืนนั้นขณะที่เพื่อนๆของอนาตาเซียกำลังพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้าเธอก็ได้นั่งอยู่บนเตียงนอนพร้อมกับเตรียมหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าเธอเตรียมตัวที่จะจดสิ่งที่เจอมาวันนี้ลงไปในสมุดตามปกติแต่แล้วในขณะที่เธอกำลังหาสมุดอยู่นั้นเธอก็ได้พบกับจดหมายฉบับหนึ่งในกระเป๋าของเธอ

"นี่จดหมายอะไรเนี่ย" อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัยเธอหยิบจดหมายฉบับนั้นออกมาและเปิดดูทันทีหลังจากอ่านข้อความด้านในเรียบร้อยแล้วเธอก็ลุกออกมาจากเตียงนอนและเตรียมตัวออกไปด้านนอกทันที

ตอนแรกเธอว่าจะชวนเพื่อนของเธอไปด้วยเพราะเธอเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่ แต่เมื่อเธอมองไปที่เตียงก็พบว่าเพื่อนของเธอได้นอนหลับไปหมดแล้วเธอไม่อยากรบกวนใครและการไปครั้งนี้มันก็ค่อนข้างอันตรายเธอจึงตัดสินใจออกไปคนเดียว อนาตาเซียเดินทางมาจนถึงสุสานที่ห่างไกลจากผู้คนแล้วเธอก็เดินเข้าไปด้านในนั้นทันที

"โอลิเวียมันเข้าไปในสุสานแล้ว" ไครีย์ที่ยืนข้างๆเพื่อนๆของเธอเอ่ยขึ้นตอนนี้ทั้งสามกำลังยืนดูอนาตาเซียที่เดินเข้าไปในสุสานด้วยความสะใจ

"ฮึ ดูท่าครั้งนี้แกจะเสร็จฉันแล้ว" โอลิเวียกล่าว

"แล้วเราจะทำยังไงต่อ" วิกตอเรียถามขึ้น

"เราก็ปล่อยให้มันหลงอยู่ในนี้รอให้ทุกคนรู้ว่ามันหายตัวไปเดี๋ยวก็ออกมาตามหากันเองแต่ว่ากว่าจะออกมาได้มันคงจะกลัวผีจนเป็นบ้าไปแล้วก็ได้" ไครียกล่าว

"เอาล่ะสาวๆพวกเราไปกันเถอะ" โอลิเวียกล่าวและเดินนำทุกคนไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนทางด้านอนาตาเซียก็เดินหลงอยู่ในสุสานจนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหนแล้ว

"ทำไมยิ่งเดินยิ่งหาจุดสิ้นสุดไม่ได้นะ แล้วถ้าที่นี่มีลูซิเฟอร์อยู่พวกนั้นก็น่าจะรู้ตัวแล้วว่ามีผู้บุกรุกทำไมตอนนี้ยังไม่โผล่ออกมาอีก" อนาตาเซียคิดในใจขณะที่เดินอยู่ในสุสานแต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งสงสัย

อนาตาเซียเดินมาเรื่อยๆและพบกับก้อนหินรูปร่างประหลาดรูปหนึ่งเธอก้มลงไปหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัยพร้อมกับพูดว่า "ทำไมหินก้อนก้อนนี้ถึงได้มีรูปร่างแปลกๆแบบนี้นะ" แต่มันก็ดูแปลกดี

ขณะนั้นเองอนาตาเซียก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังของเธอแต่แล้วเมื่อเธอหันกลับไปเธอก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากลมและหลุมฝังศพ "ดูท่าที่นี่คงจะน่ากลัวกว่าที่เราคิด" อนาตาเซียกล่าว

ตลอดทางเดินอนาตาเซียมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าที่นี่มีอะไรแปลกๆเธอรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองและตามเธออยู่ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกกลัวมากกว่าเดิมและเริ่มคิดที่จะหาทางออกจากที่นี่

"พวกนั้นต้องไม่ได้อยู่ที่นี่แน่สงสัยการมาครั้งนี้คงจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า" พูดจบอนาตาเซียก็เริ่มเดินหาทางออกทันทีแต่ไม่ว่าเธอจะเดินไปหางไหนเธอก็ไม่สามารถหาทางออกได้เลยมิหนำซ้ำหมอกควันที่นี่ก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆรวมถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือกก็สงผลให้อนาตาเซียรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที

อนาตาเซียเดินอยู่ในสุสานหลายชั่วโมงแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้เธอจึงนั่งลงที่โขดหินด้วยความเหนื่อยล้าจนเวลาก็ผ่านไปจนถึงตอนเที่ยงคืนอยู่ๆอนาตาเซียก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน

"เอ๊ะ ! เสียงใครเดินอยู่ใกล้ๆแถวนี้กันเวลานี้ยังจะมีคนเดินอยู่แถวนี้ด้วยหรอ" อนาตาเซียพูดขึ้นด้วยความสงสัย และลุกขึ้นยืนทันทีเธอพยายามฟังอย่างตั้งใจว่าเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินอยู่ตรงไปที่ไหนเธอเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยจนพบกับชายคนหนึ่ง ทันทีที่เขาพบกับอนาตาเซียเขาก็พูดขึ้นว่า

"เธอมาทำอะไรที่นี่"

อนาตาเซียค่อยๆเงยหน้ามองขึ้นไปอย่างช้าๆและทันทีที่เธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอก็รู้สึกทั้งโลงใจและแปลกใจที่เห็นเขา

"นายเองหรอ" อนาตาเซียกล่าวพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาทันทีเธอพบว่าเสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินคือเสียงฝีเท้าของคาเลียตชายหนุ่มแวมไพร์ที่เธอเคยพบที่ห้องสมุดเล็กนั่นเอง "นายมาทำอะไรที่นี่"

"ฉันมากกว่าที่ต้องเป็นคนถามคำถามนี้" คาเลียตตอบ "เอาล่ะรีบออกไปจากที่นี่เถอะ" คาเลียตพูดขึ้นและเดินนำหน้าอนาตาเซียไปทันที

"ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากออกไปนะแต่ฉันเดินมาจนค่อนคืนแล้วยังหาทางออกไม่ได้เลย" อนาตาเซียตอบ

"ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่เอง" คาเลียตตอบแล้วเดินนำเธอไปด้วยความรวดเร็ว

"นายรู้ทางหรอ" อนาตาเซียที่เดินตามหลังคาเลียตมาถามขึ้นด้วยความสงสัย

"เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง" คาเลียตไม่ตอบคำถามของเธอแต่กลับถามเธอกลับมาอย่างไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่เธอถามแม้แต่น้อย

"ก็...บังเอิญเดินหลงทางเข้ามาน่ะ ว่าแต่นายเถอะมาได้ยังไงนายยังไม่ตอบฉันเลย"

"ครอบครัวของฉันเป็นคนดูแลสุสานนี่"

"จริงหรอ ถ้าอย่างนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายก็จะรู้อย่างนั้นหรอ"

"ใช่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหรือมีผู้บุกรุกนกฮูกที่คอยเฝ้าสุสานจะมาส่งข่าว"

"แล้วนายเจออะไรที่ไม่ปกติรึเปล่า"

"อะไรที่ไม่ปกติน่ะหรอ ตอนนี้ก็ไม่มีนะนอกจากเธอนี่แหละ"

"ฉันหรอ ฉันทำไม"

"ก็คนปกติที่ไหนจะเข้ามาในสุสานนี่กัน"

"ก็ฉันหลงทาง"

"เธอเดินหลงทางตั้งแต่ที่พักมาจนถึงสุสานเลยหรอ ไกลขนาดนี้เนี่ยนะ"

"นายรู้ได้ยังไงว่าฉันพักของฉันไกลจากที่นี่"

"ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอนะฉันเองก็เคยมาทัศนศึกษาที่นี่เมื่อปีที่แล้วเหมือนกันฉันจะไม่รู้ได้ยังไง"

"แล้วตอนนี้นายมาทำอะไรที่นี่ทำไมไม่อยู่ที่โรงเรียนสตาเดเฟีย"

"ฉันมาทำธุระที่บ้าน"

"บ้าน"

"ใช่ บ้านฉันอยู่ริมผาตรงนั้นน่ะ" คาเลียตตอบแล้วชี้ไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่ริมหน้าผาสูงบนหน้าผาที่กว้างใหญ่ คฤหาสน์แห่งนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ตั้งอยู่ริมหน้าผาที่ติดกับทะเลสาบมีวิวและทิวทัศน์มากมายรอบๆหน้าผาแห่งนั้น

"ไม่ยักรู้ว่านายอยู่ที่หมู่บ้านนี้"

ทั้งสองเดินออกมาจากสุสานได้อย่างปลอดภัยและคาเลียตก็ตั้งใจว่าจะเดินไปส่งเธอยังสถานที่พักเอง

"เธอว่าที่นี่เป็นยังไง"

"ก็สวยดีไม่เหมือนใครแล้วก็ดูลึกลับนิดหน่อย"

"หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่และเป็นบ้านเกิดของฉันถ้าเธออยากรู้อะไรก็มาถามฉันได้ฉันอยู่ที่นี่อีกหลายวัน"

"จริงหรอ แล้วนอกจากสถานที่ที่อาจารย์พาไปแล้วมีที่ไหนอีกไหมที่น่าไป"

"มีสิ"

"แล้วถ้าฉันอยากไปฉันจะไปได้ยังไง"

"เดี๋ยวฉันจะเป็นคนอาสาพาเธอไปเองยังไงวันหนึ่งอาจารย์ก็พาไปได้ไม่กี่ที่หรอกเพราะคนมันเยอะ วุ่นวาย เอาเป็นว่าถ้าเธอว่างและอยากออกไปเที่ยวเมื่อไหร่เป่านกหวีดนี่ก็แล้วกัน แล้วฉันจะรีบมาหาเธอทันที" คาเลียตตอบและยื่นนกหวีดให้กับอนาตาเซียทันที

"ตกลง"

"เอาล่ะตอนนี้ใกล้ถึงที่พักของเธอแล้วต่อไปอย่าหลงเข้าไปในสุสานอีกล่ะ"

"รู้แล้วน่า" อนาตาเซียตอบและเดินเข้าไปยังที่พักของตนทันที

Vous aimerez aussi

ท่วงทำนองในสายฝน (Melody in the rain)

สำหรับ “ท้องฟ้า” สายฝนคืออ้อมกอดอันอบอุ่น ตั้งแต่เล็กจนโตเธอมักหนีออกไปเล่นน้ำฝนอยู่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่ฝนตก ท้องฟ้าจะรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย ราวกับว่า “ใครบางคน” กำลังโอบกอด ปลอบประโลม และช่วยชะล้างความไม่สบายใจทั้งมวลให้หมดสิ้นไป โดยเฉพาะความเศร้าจากฝันร้ายที่หลอกหลอนเธอมาตั้งแต่เด็ก ภาพหญิงสาวในชุดสีแดงสดเปื้อนเลือดยังติดตาเธออยู่เสมอ ท่ามกลางสายฝนในคืนพระจันทร์เต็มดวง เลือดสาดกระจายไปทุกทิศ แต่หญิงสาวในชุดสีแดงก็ยังคงร่ายรำอยู่ท่ามกลางหยาดเลือดอย่างไม่รู้จักจบสิ้น “ระบำสีเลือด” คือคำที่เธอใช้เรียกความฝันนั้น ความรักที่มีให้ต่อสายฝนและความหวั่นกลัวจากฝันร้ายนี้ผูกพันกับเธอมาตลอดตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเติบใหญ่ เป็นความผูกพันที่เธอเองก็ไม่อาจหาคำอธิบายได้ กระทั่งวันหนึ่งสายฝนที่เธอรักก็ไม่ได้มาพร้อมกับเสียงสายฟ้าที่คุ้นชิน แต่กลับมีเสียงบรรเลงลอยคลอมาด้วย ท่วงทำนองประหลาดหากแต่ให้ความรู้สึกแสนคุ้นเคย ท้องฟ้าไม่รู้เลยว่านับตั้งแต่วินาทีนั้นชีวิตของเธอจะไม่อาจเหมือนเดิมได้อีก

Aksorn · Fantaisie
Pas assez d’évaluations
8 Chs