webnovel

ภพที่ 4

กานต์ตาตื่น มองหน้าภพที่ขมวดคิ้ว มือจับหัวใจตัวเอง หัวใจของภพมันกำลังเต้นระรัวโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจถึงสาเหตุและไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

"คุณภพ คุณโอเคไหม ใจคุณเต้นแรงมาก มันดังจนผมได้ยิน"

"ผมไม่เป็นไร คุณจะไปนอนผ่อนไหม ที่นี้มีบ้านพักอยู่ข้างๆชายหาด คุณน่าจะชอบ"

"ครับๆ ไปๆ"

กานต์ยิ้มตอบ เขย่าแขนภพเร่งให้คนตัวสูงเดินพาไปยังสถานที่ที่เอ่ยถึง

'คนที่อยู่ในโลกของความตาย ยิ้มเก่ง มีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ'

ภพคิดในใจ พร้อมเหลือบมองคนตัวเล็กขาวซีดข้างกาย ใบหน้าที่มีความสุขกับโลกของความตายแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งเคยเจอเป็นคนแรก

"โหหห สวยมาก เหมือนกับบ้านของเจ้าหญิงกลางป่าในนิทานเลยคุณ"

"หึ…คุณเป็นเด็กสามขวบเหรอ"

"จิ…คุณภพ"

กานต์ทำปากยู่ แอบเคืองคนที่แกล้งพูดประชดเขา

"แล้วผมนอนไหน คุณอยู่กับผมด้วยไหม"

"ช่วงเวลา 30 วันนี้ ที่นี้เป็นของคุณ และผม…"

ภพพูดพร้อมก้าวขาขยับเข้ามาใกล้กานต์ จนร่างที่เล็กกว่าต้องค่อยๆถอยหดไปชิดผนังกำแพง

"ผมจะอยู่คุณจนถึงวันสุดท้าย ในทุกที่"

กานต์ที่ตอนแรกก้มหน้าอยู่ตรงกึ่งกลางอกของภพ ถึงกับผงะรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนพูดเพื่อหาความหมาย ดวงตาของทั้งคู่จ้องมองเหมือนจะเข้าใจแต่ก็เหมือนจะไม่มีความนัยอะไรในนั้นเลย

"คุณควรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย"

ภพดันตัวเองถอยหลังออกมา แล้วหันหลังเดินออกไปยังหน้าบ้าน ทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งเหมือนถูกสาปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วยมทูตไม่มีความรู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ บางครั้งการกระทำกับคำพูดมันก็ดูสวนทางกันชอบกล

เวลาเลยผ่านไปจนกระทั่งพระอาทิตย์หลบหาย มีพระจันทร์และดาวดวงน้อยใหญ่ส่องแสงระยิบอยู่บนท้องฟ้า ด้วยความเหนื่อยล้า หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กานต์จึงได้เผลอหลับไป มาตื่นอีกทีก็เพราะท้องเริ่มร้องหิวข้าวเนื่องจากไม่ได้กินอะไรเลยมาเกือบทั้งวัน

"คุณภพ…คุณภพ…คุณ…"

กานต์เดินเรียกหาภพ ตั้งแต่ห้องนั่งเล่น มาจนถึงห้องครัว แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ พอเดินมาถึงห้องครัวอาหารมากมายก็ได้ตั้งไว้เต็มโต๊ะราวกับเสกมา

"ผู้หยั่งรู้งั้นเหรอ เป็นยมทูตนี้รู้ทุกอย่างเลยหรือไง"

"สงสัยหรือนินทา"

"เฮ้ย! คุณ…"

กานต์รีบเดินผละออกมาเพราะเสียงคนที่เขากำลังบ่นหาดังกระซิบหู ใกล้จนทำให้ตกใจ

"คะ คุณ…มาตอนไหน"

"เมื่อกี้ ทันพอได้ยินเรื่องที่คุณสงสัย"

"จิ…ผมหิวแล้ว จะกินข้าว"

กานต์หน้างอ กระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จัดการกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะ โดยไม่สนใจอีกคนที่ยืนมองอยู่

"แล้วทำไมคุณไมากินล่ะ ยืนมองผมอยู่ได้ หรือต้องจุดธูปก่อน"

ภพยิ้มมุมปากส่ายหน้าให้กับความเดียงสาของคนที่ชอบประชดเขา

"ผมไม่หิว ผมไม่มีความรู้สึกหิวหรอก*

"อ๋ออ ผมลืมไปพวกคุณมันไม่มีความรู้สึก"

"หึ…อีกไม่นานคุณก็ต้องเป็นแบบผม"

"จิ…รู้แล้วน่า…แล้วคุณอยู่ได้ยังไง คือแบบ…ไม่ต้องกิน ไม่ความรู้สึก อยู่ไปวันๆแบบนี้เหรอ"

"ยมทูตอย่างพวกเรา อยู่ด้วยบุญบาปของมนุษย์ หน้าที่ของพวกเราสำเร็จสิ่งนั้นคือสิ่งที่ทำให้ยมทูตอย่างพวกผมอยู่ได้"

กานต์พยักหน้ารับรู้สิ่งที่ภพบอก แล้วนั่งกินข้าวต่อไปจนข้าวหมดจาน

"เดี๋ยว…คุณจะทำอะไร"

กานต์ที่กำลังจะยกจานข้าวไปล้าง จึงกับต้องชะงักมือเพราะภพพูดห้ามไว้

"เอาจานไปล้างไง กินเสร็จก็ต้องล้าง"

"ไม่ต้อง วางไงที่เดิม"

กานต์ทำหน้าสงสัย ได้แต่ยอมวางจานข้าวลงที่เดิม และเพียงแค่กระพริบตา จามชามรวมถึงอาหารที่อยู่บนโต๊ะก็หายวับไปทันที

"เฮ้ย! อะ อะไรเนี่ย คุณเป็นยมทูตหรือพ่อมดกันแน่"

"เฮ้ออ…คุณอยากทำอะไรอีกไหม หรือจะขึ้นนอน"

"เหอะ…ไม่นอนอะ ผมนอนจนอิ่มแล้ว ผม…อืมมม…"

กานต์ทำหน้าครุ่นคิด แล้วเดินไปใกล้ภพ

"ผมอยากไปที่ทำงานคุณ ผมอยากรู้ว่านรกเป็นยังไง"

"ตามคำบัญชาครับ เจ้านาย"

ไม่นานทั้งภพและกานต์ก็มายืนอยู่ในนรก ตามคำขอที่กานต์ต้องการ เสียงกรีดร้องเอะอะโวยวายของเหล่าดวงวิญญาณที่กำลังถูกลงทัน ส่งเสียงดังลั่นจนกานต์ถึงกับหน้านิ่ว ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหน ทุกทีก็จะแดงฉานไปด้วยเพลิงไฟ แต่กานต์กลับไม่ได้รู้สึกร้อนหรือเป็นอันตรายใดๆ จากสะเก็ดไฟที่ตกลงมา

"คุณจะไม่เป็นอะไร เพราะยังไม่ใช่ที่ของคุณ ไม่ต้องกังวล"

"ที่นี้ลงโทษคนยังไงเหรอครับ มีต้นงิ้ว กระทะทองแดงตามที่ผมได้ยินมาหรือเปล่า"

"มี บางอย่างก็เหมือนกับสิ่งที่คุณได้ยินมา บางอย่างก็ไม่ใช่"

ภพเดินพากานต์เดินไปดูจุดลงโทษดวงวิญญาณที่ต้องรับผิดจากกรรมของตนหนักเบาต่างกันไป ขุมนรกไม่ได้มีแค่ชั้นเดียว ที่นี้มีหลายชั้นตามกรรมที่ทำมา ซึ่งชั้นล่างสุดเป็นที่ที่ไม่มีใครอยากลงไป และเป็นที่อันตรายสูงสุด ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้บัญชาสูงสุดเท่านั้นถึงลงไปได้

"นรกขุมสุดท้ายคุณเคยลงไปไหม"

"ขุมนั้นผมยังไม่เคยได้รับคำสั่งให้สามารถลงไปได้ และนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องลงไป"

"ขุมนั้นมีเอาไว้ลงโทษคนที่ทำกรรมอะไรเหรอครับ"

"กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด มี 5 อย่าง คือ 1. ฆ่าบิดา 2. ฆ่ามารดา 3. ฆ่าพระอรหันต์ 4. ทําให้พระกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด 5. ทําให้สงฆ์แตกแยกกัน"

"อ๋ออ แล้วผมละครับ ต้องไปอยู่ขุมไหน"

กานต์พูดพร้อมกับมองลงไปยังขุมนรกล่างสุดที่ไกลลิบจนไม่สามารถมองเห็นได้

"บาปกรรมของคุณผมยังตอบไม่ได้ ต้องให้ผู้มีอำนาจเป็นผู้ตัดสิน เพราะคนเรามีบุญกรรมที่ติดตัวมาไม่เหมือนกัน อย่างที่คุณรู้มีกรรมก็ตกนรก มีบุญก็ขึ้นสวรรค์หรือได้ไปเกิดใหม่"

"ครับ…ผม…" ตุบ!

"กานต์! คุณเป็นอะไร"

Chapitre suivant