บทที่ 13
เฉินตงกระโดดไปหน้าผาอีกฝั่งหนึ่งที่พังทะลายหล่นลงไป เหลือไว้เพียงขอบเหวที่เเค่เหยียบก็ทรนุดลงใต้เหว
"พวกผู้ฝึกตน สามารถกระโดดได้ไกลถึงเพียงนี้"เฉินตงมองร่างตนเองที่ทะยานกลางอากาศ ก่อนจะม้วนหน้ากลิ้งไปตามพื้น เพื่อลดทอนความเจ็บปวด
"ย่อมเเน่นอน เมื่อเป็นผู้ฝึกตน เเริ่มเริ่มปรังเเต่งร่างกาย หอมกระดูกหลอมกล้ามเนื้อ หลอมโลหิต เเละชะระล้างเส้นเอ็น ถ้าเจ้าสามารถบรรลุระดับไร้ที่ติทุกขั้นในตอนปรับเเต่งร่างกาย อดทนต่อสายฟ้าจากสววรค์ทเชื่อข้าเถอะ เจ้าสามารถใช้ร่างกายเปล่าๆ ฆ่าขั้นนักรบได้สะบายๆเลย" ไน่เหออธิบาย
เฉินตงสูดลมหายใจเข้าปอด สายฟ้าที่ผ่าลงมายังร่างยังทำให้เขาหวาดกลัวไม่อาจเมื่อนึกถึง เเต่เมื่อคิดว่าตนจะเเข็งเเกร่งขึ้น เมื่อผ่านมันมาได้ เฉินตงย่อมดีใจมากเเละออกวิ่งไป
จนเกือบๆ ถึงชายป่า ความเร็วของเขาก็ลดลง นรกดำมือมาก เเต่ประสาทสัมผัสกับสัญชาตญารของเฉินตงก็สูงมากเช่นกัน ไม่ต้องให้ไน่เหอบอก เขาก็สามารถหลบเลี่ยงพวกอสูรหลายสิบตัวตามทางได้อย่างว่องไว
'ผู้ฝึกตนนี่เเข็งเเกร่งจริงๆ' เฉินตนเอ่ยในใจ
เมืองเมฆาล่อง
เกิดโศกนาฎกรรมขึ้น ล้างพล่านชีวิตของคนในสกุลเฉินจนหมด ซากศพนอนเกลื่อน ทว่าไร้ซึ่งผู้ใดมาเหลียวเเล ปล่อยซากร่างพวกนั้นไว้ ให้เเร้งเเละกาจึกกินร่าง ว่ากันว่านิกายหนึ่งได้ลงมือต่อสกุลเฉิน ทำให้เกิการฆ่าล้างจวนเช่นนี้
ไม่มีเงาของผู้มีชีวิตอยู่ในจวนเลย ทำให้สองสามวันมานี้ ที่นี่กลายเป็นสถานที่ต้องสาป ไม่มีผู้ใดย่างกายเข้ามาสักคน เเม้เเต่ตระกูลใหญ่ๆ หรือตระกูลที่มีสัมพันธ์อันดีด้วย ไม่มีใครเข้ามาดูเเลเลย นับว่าตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างชัดเจน
เฉินตงก้าวเดินขึ้นมาด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง
ซากศพมากมาย ล้วนเป็นคนคุ้นหน้าบ้าง เเต่โดยส่วนใหญ่ เขาไม่รู้จักเพราะถูกเลี้ยงดูอยู่ท้ายจวน
"โหดเหี้ยมมาก เเม้เเต่เด็กเล็กยังสะบั้นคอโดยไม่มีละเว้น" เสียงของไน่เหอดังขึ้น ทำให้หัวใจของเฉินตงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
เเม้จะไม่เคยได้รับการดูเเลใดๆ ไม่เคยเจอกระทั่งผู้ให้กำเนิด เฉินตงเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับสกุลเฉินนอกจากใช้เเซ่เดียวกัน ทว่าเลือดในกายของเขาตอนนี้มันกลับพลุพล่านไม่หยุด ปานกระเเสน้ำที่เชี่ยวหลาก ในหัวสับสนมึนงง ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าควรโกรธเละเคียเเค้นเเทนคนที่ตายหรือไม่ เขาไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร
ไน่เหอไม่พูด เพราะเขารับรู้ว่า เฉินตงต้องก้าวผ่านไปด้วยตนเอง ดินเเดนทั้งหลายล้วนโหดร้ายเช่นนี้ ผู้อ่อนเเอมักถูกสังหารโดยผู้เเข็งเเกร่ง นี่คือวัฏจักรที่คงอยู่มานานเเสนนาน ตั้งเเต่สิ่งมีชีวิตยังไม่ล่วงรู้ถึงพลังของผ้าดิน เเละสรวงสวรรค์ หากผ่านไปได้ จิตใจจะเเข็งเเกร่งขึ้นอย่างมาก
เฉินตงยืนนิ่ง เเร้งตัวหนึงบินลงมาจากฟาก จงอยปากของมันจิกลงที่ร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง เจาะกินดวงตาที่อยู่ในเบ้า ก่อนเเร้งตัวนั้นมอดไหม้เป็นขี้เถ้าด้วยเพลิงสีดำ
"ไอ้หนู ข้าสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตอยู่ใต้จวนเเห่งนี้ อยู่ลึกมากน่าจะใต้ดิน"
"จริงเหรอ นำทางไปที" เฉินตงกล่าวอย่างตื่นเต้น เเละเดินไปตามที่ไน่เหอบอก
"ไอ้หนู มีคนสิบคนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่"
เสียงของไน่เหอ สร้างความหวาดหวั่นให้กับเฉินตง ทว่าเขากลับไม่หนี เลือกปักหลักอยู่ในจวนของตน
"พวกนั้นเเข็งเเกร่งมากไหม" เฉินตงถามพลางขนวดคิ้วสงสัย เหตุใดตนจึงจับสัมผัสใดๆ ไม่ได้เลย
"ขั้นนักรบทั้งหมด เเต่ว่ามีคนหนึ่งถือกระบี่วิเศษไว้ เจ้าควรระมัดระวังมันเป็นพิเศษ"
เฉินตงหรี่ตาลง ตอนนี้เขาอยู่ขั้นหลอมกล้ามเนื้อระดับไร้ที่ติ นี่คือศึกเเรกของเขา หลังจากที่กลายเป็นผู้ฝึกตนก็ฟัดกับขั้นนักรบเลยรึเนี่ย ซวยจริงๆ