webnovel

ดินปืน

บทที่ 33 ดินปืน

“ลุกขึ้นให้หมด เจ้าชายเสด็จ” ยังพักได้ไม่ถึงสิบห้านาที ขวานเหล็กก็ปรบมือตะโกนบอกทุกคน

แวนนากลับไปประจำที่ตัวเองอย่างรวดเร็ว การฝึกพิเศษก่อนหน้านี้ทำให้เขาไวต่อคำสั่งมาก เขายกท่อนไม้ขึ้นมาทำท่าเตรียมแทงเหมือนเมื่อครู่นี้โดยไม่รู้ตัว

ขบวนของเจ้าชายขึ้นมาบนกำแพงเมืองแล้วเดินผ่านหลังทุกคนไป แวนนาสังเกตเห็นว่าเจ้าชายชะลอฝีเท้าลงขณะที่เดินผ่านเขา

โรแลนด์แอบถอนใจ คำพูดที่ว่าตื่นสายเสียช่วงเช้า ตื่นเช้าเสียทั้งวันคือสัจธรรมจริงๆ เขาเพิ่งจะจัดการเรื่องคนบุกรุกปราสาทเมื่อคืนเสร็จ ก็ต้องแจ้นมาดูการฝึกของกองพลเรือนแล้ว สงสารตัวเองที่อดนอนตลอดคืน ตอนนี้ง่วงจนตาแทบปิดอยู่รอมร่อ แต่จะไม่มาก็ไม่ได้ กองกำลังของเขาเข้าสู่ขั้นตอนการฝึกรบแล้ว เขาอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด การหายตัวไปนานๆ จะทำให้ความสำคัญของเขาลดลง ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อกำลังใจของลูกน้องด้วย

อืม...ปกติเวลาตรวจพลเขาพูดอะไรกันนะ โรแลนด์พยายามคิด สวัสดี สหายทั้งหลาย ลำบากหน่อยนะ อย่างนี้หรือ แต่หากผ่านไปครู่ใหญ่แล้วไม่มีเสียงคนตอบรับคงกระอักกระอ่วนน่าดู อย่างนี้สู้ดึงใครสักคนมาถามสารทุกข์สุกดิบ แสดงความติดดินของตัวเองเพื่อสร้างความประทับใจดีกว่า

พอคิดได้อย่างนั้นก็ตบไหล่ชายคนหนึ่งซึ่งดูแข็งแรงกำยำดี

“ฝึกหนักหน่อยนะ เจ้าเหนื่อยหรือไม่ อาหารสามมื้อเป็นอย่างไร”

จากประสบการณ์ที่เคยเห็นในข่าว ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายน่าจะเป็นการตอบเสียงดังอย่างซาบซึ้งว่า ‘ไม่เหนื่อยพ่ะย่ะค่ะ ดีมากพ่ะย่ะค่ะ!’ แต่ผลที่ได้คืออีกฝ่ายซาบซึ้งมากจริงๆ ถึงกับหันหลังกลับมาคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ทำเอาโรแลนด์สะดุ้งโหยง

แวนนารู้สึกว่าตัวเองได้รับสิทธิพิเศษจากสวรรค์ เจ้าชายใช้น้ำเสียงสนิทสนมถามเขาว่าฝึกเหนื่อยหรือไม่! ปกติแล้วอย่าว่าแต่เชื้อพระวงศ์เลย ขนาดชนชั้นสูงทั่วไปยังไม่อยากพูดกับพวกเขาสักคำ เขาเผลอเลียนแบบท่าทำความเคารพของอัศวินโดยไม่รู้ตัว และไม่สนว่าท่าทางนี้จะเหมาะกับตัวเองหรือไม่ ในใจเอาแต่ร้องว่า หลังจากนี้พอกลับไปที่ถนนเก่า เขาก็จะกลายเป็นบุคคลสำคัญอันดับหนึ่งแล้ว

หลังจากได้รับคำสั่งให้ลุกขึ้น สมองแวนนาก็สับสนวุ่นวาย เขาจะตอบเจ้าชายอย่างไรก็จำไม่ได้เสียแล้ว

ในที่สุด ตอนที่เจ้าชายถามว่ามีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอะไรเกี่ยวกับการฝึกหรือไม่ ให้พูดออกมาได้เลย แวนนาก็ได้สติขึ้นมา...โอกาสทองมาถึงแล้ว! หากสามารถทำให้เจ้าชายเห็นว่าลำพังกองพลเรือนไม่มีทางรักษากำแพงเมืองได้แล้ว เขาก็คงไม่ต้องคอยกังวลทั้งวันว่าจะอยู่หรือจะไปจากที่นี่ดี

เขาเรียบเรียงถ้อยคำในใจอย่างระมัดระวัง “ทะ...ทูลฝ่าบาทที่เคารพ ตอนนี้กองพลเรือนมีคนน้อยเกินไปจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หากจัดแถวตามรูปแบบที่ฝึกอยู่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาที่สัตว์อสูรบุกมา อย่างมากก็คงรักษากำแพงไว้ได้แค่หนึ่งในสามของทั้งหมด ทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ...”

ต่อให้เจ้าชายรับคนเข้ามาอีกก็ไม่น่าจะฝึกทันอยู่ดี แวนนาคิด อีกอย่าง อาวุธที่คนพวกนี้ต้องใช้ก็มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย เมืองชายแดนไม่น่าจะหาทวนสำหรับคนสามร้อยคนได้ภายในเวลาเพียงสองเดือน เพราะขนาดทวนแค่ร้อยเล่มยังแทบหืดขึ้นคอ...เพราะเหตุนี้ พวกเขาในเวลานี้ถึงได้ยังใช้ท่อนไม้ฝึกอยู่

หากเจ้าชายตระหนักถึงข้อนี้ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะรับสมัครทหารจากเมืองอื่นมาเป็นกำลังหลักในการรักษากำแพงเมืองก็ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็พร้อมลงสนามรบได้โดยไม่ต้องฝึก แล้วก็มีอาวุธอุปกรณ์ป้องกันตัวครบ เพียงแต่ค่าจ้างอาจจะสูงหน่อยเท่านั้น

โรแลนด์คิดอยู่สักครู่จึงพยักหน้าว่า “พูดได้ไม่เลว ลำพังแค่กองพลเรือนคงรักษากำแพงเมืองทั้งแนวไม่ได้”

แวนนาดีใจ ความหมายของเจ้าชายคือ...เห็นด้วยกับความคิดของเขาสินะ

ทว่าเจ้าชายไม่ได้พูดสิ่งที่เขารอฟังหลังจากนั้น แต่กลับเรียกขวานเหล็กมาถามแทน “จะว่าไปแล้วสัตว์อสูรก็แค่สัตว์ป่าที่กลายพันธุ์เท่านั้น พวกมันคิดไม่เป็นใช่หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท สัตว์อสูรพันธุ์ปกติยังคงไม่ต่างจากสัตว์ป่าธรรมดา แม้แต่อุปนิสัยพื้นฐานก็เหมือนกัน..แต่สำหรับพันธุ์ผสมนั้น กระหม่อมเคยพบมาไม่มากจึงไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่นั้นก็ใช้ได้แล้ว ถึงแม่น้ำแดงกับเชิงเขาทิศเหนือจะอยู่ห่างกันเกือบหนึ่งพันแปดร้อยฟุต(หกร้อยเมตร) แต่พวกเราคงล่อให้พวกมันบุกมาโจมตีเฉพาะบางพื้นที่ได้กระมัง”

“ทรงหมายถึงการวางกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ” ขวานเหล็กถาม

“ถูกต้อง แต่ไม่เหมือนกับดักที่นายพรานชอบใช้ กับดักปกติจะถูกพรางไว้เพื่อล่อเหยื่อ แต่ข้าอยากทำตรงกันข้าม บริเวณที่ไกลจากกำแพงเมืองออกไปนั้น ข้าอยากจะทำสิ่งกีดขวางอย่างเช่นรั้ว เนินดิน หรือร่องน้ำ เพื่อบังคับให้สัตว์อสูรไร้สมองพวกนี้เดินไปตามทางที่บังคับ สิ่งกีดขวางที่เชื่อมต่อกันจะพาเหยื่อมายังจุดที่กำหนด และรวมตัวกันในเขตป้องกันที่พวกเราเตรียมไว้แล้ว” โรแลนด์พูดถึงตรงนี้ก็มองขวานเหล็ก “ส่วนเรื่องที่ว่าจะล่อสัตว์ประหลาดพวกนี้อย่างไร ข้าคิดว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้า”

ขวานเหล็กคิดอยู่สักครู่ “เรื่องล่อพวกมันคงไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ พันธุ์หมาป่าไม่ชอบน้ำ พันธุ์หมูป่ากลัวแสง ส่วนพันธุ์อื่นๆ ก็มีนิสัยแตกต่างกันไป แต่ว่าฝ่าบาท หากทำเช่นนี้จะเป็นการนำสัตว์อสูรทั้งหมดมารวมตัวกันในเขตหกร้อยฟุต เช่นนี้จะอันตรายเกินไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“หากใช้แค่ทวนกับธนูก็ย่อมอันตรายแน่นอน” โรแลนด์พูดอย่างมีแผนในใจ “แต่ว่าตอนนี้พวกเรามีอาวุธชิ้นใหม่”

ตอนที่กำลังจะกลับนั้น เจ้าชายเดินมาด้านหลังแวนนาแล้วตบไหล่เขาอีกครั้ง “รู้จักสังเกตดีนี่ เจ้าชื่ออะไร”

“วะ...แวนนาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“ข้าจะบอกหัวหน้าอัศวินว่าจะให้เจ้าเป็นรองหัวหน้ากองทวน แวนนา ตั้งใจทำงานล่ะ”

********************

โรแลนด์สร้างกระท่อมชั้นเดียวอีกแห่งขึ้นมาหลังห้องเผา เพื่อใช้สำหรับทำผงหิมะ...หรือก็คือดินปืนโดยเฉพาะ

กระท่อมขนาดประมาณสามร้อยตารางเมตรมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว และมีการจัดระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดที่สุด ด้านหน้าประตูมีอัศวินเฝ้าอยู่สองคน ทุกคนที่เข้าออกจะต้องลงบันทึกและถูกค้นตัวเพื่อป้องกันการนำวัตถุไวไฟเข้ามาข้างใน เนื่องจากภายในกระท่อมต้องไม่มีเชื้อเพลิงใดๆ ดังนั้นที่นี่จึงเปิดทำงานได้เฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น นอกจากนี้ โรแลนด์ยังแขวนม่านโปร่งไว้ที่ประตูเพื่อป้องกันไนติงเกลแอบเข้ามาด้วย

“สิ่งนี้คืออาวุธชิ้นใหม่ที่ฝ่าบาทตรัสถึงหรือพ่ะย่ะค่ะ” คาร์เตอร์ซึ่งถูกเรียกตัวมาใช้นิ้วหยิบผงสีดำมาดมหน้าจมูก “นี่มันผงหิมะมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ขวานเหล็กอาจจะไม่รู้ แต่คาร์เตอร์เข้าร่วมพิธีในวังบ่อย ย่อมรู้ว่าสิ่งที่ใช้ในพิธีก็คือของชนิดนี้ ผลงานสุดภาคภูมิใจจากสำนักเล่นแร่แปรธาตุ สูตรปรุงอาจจะเป็นความลับสำหรับคนนอก แต่หากเจ้าชายต้องการ ก็ย่อมได้มาอย่างง่ายดาย

“ก็ผงหิมะนั่นล่ะ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว” โรแลนด์พูด “มันคือผลงานชิ้นล่าสุดจากสำนักเล่นแร่แปรธาตุ ข้าเรียกมันว่าดินปืน”

ดินปืนนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นอาวุธมหัศจรรย์ในการสร้างอาณาจักรสำหรับคนที่ย้อนเวลามาเลยก็ว่าได้ วัตถุดิบก็หาได้โดยทั่วไป แค่ผสมกำมะถัน ถ่าน และดินประสิวในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งจุดห้าต่อเจ็ดจุดห้าก็ผลิตออกมาได้แล้ว ไม่มีข้อจำกัดทางเทคนิคใดๆ

ผงหิมะในยุคนี้ยังเป็นของคุณภาพต่ำอันประกอบไปด้วยถ่านหกส่วน กำมะถันกับดินประสิวสองส่วน และวัตถุดิบประหลาดๆ ( เช่นปรอท เนย น้ำผึ้ง ) อีกสองส่วน ดังนั้นจึงลุกไหม้ช้า ปล่อยก๊าซน้อย ไม่สามารถแสดงบทบาทได้อย่างดินปืน แต่โรแลนด์รู้ว่าพวกนักเล่นแร่แปรธาตุกำลังทดลองอัตราส่วนอื่นๆ อย่างไม่หยุดยั้ง อย่างมากอีกสามสิบปี ผงหิมะที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับดินปืนมาตรฐานก็จะปรากฏตัวขึ้น

ตามประวัติศาสตร์แล้ว กว่าการใช้อาวุธเย็นจะหมดสิ้นไปก็หลังจากที่ดินปืนถูกคิดค้นขึ้นมาแล้วระยะใหญ่ นั่นมีสาเหตุมาจากส่วนประกอบทางเคมี ตลอดจนการขาดแคลนเทคโนโลยีการผลิตอาวุธสำหรับใช้งานร่วมกัน

แต่หลายๆ คนกลับมองข้ามไปว่า ต่อให้ไม่มีปืน ดินปืนก็เป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

........................................

Chapitre suivant