webnovel

เกียรติประวัติวงศ์ตระกูล

บทที่ 37 เกียรติประวัติวงศ์ตระกูล

“อันตรายยังมีอีกด้าน ไพน์ อันตรายหมายถึงโอกาสด้วยเช่นกัน” เจ้าชายกำลังนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายที่ผู้ช่วยเจ้ากรมรวบรวมมาให้ “ได้ยินว่าเจ้าสืบทอดตำแหน่งมาจากบิดานี่ เขาเคยเป็นอัศวินมาก่อน ต่อมาจึงได้รับตำแหน่งบารอนและที่ดินเพราะทำความดีความชอบในสงคราม”

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ทีกพยักหน้า

“การต่อสู้ครั้งนั้นเป็นสงครามแห่งเกียรติยศเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ ขณะนั้นก็อยู่ในเดือนแห่งปีศาจเช่นกัน สัตว์อสูรจำนวนหนึ่งบังเอิญข้ามแม่น้ำแดงเข้ามาในแนวป้องกันของป้อม และรุกล้ำเข้าไปถึงใจกลางดินแดนตะวันตก บิดาเจ้าซึ่งกำลังลาดตระเวนอยู่พบสัตว์อสูรเข้าก็ไม่ได้หลบหนีเหมือนคนส่วนใหญ่ เขาแจ้งกองหนุนแล้วจึงเข้าปราบปรามมันอย่างกล้าหาญ เพราะด้านหลังของเขาคือเมืองที่ไม่มีการป้องกัน...เมืองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเขาเลยด้วยซ้ำ” โรแลนด์บรรยายไปพลางสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย “เรื่องราวหลังจากนั้นเจ้าคงรู้ดีกว่าข้า บิดาเจ้ารวบรวมกำลังคนในเมือง แล้วนำคนเข้าต่อสู้กับสัตว์อสูรจนได้รับชัยชนะ”

“พ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของเขาฟังดูสะเทือนใจ เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความผูกพันต่อเกียรติประวัติแห่งวงศ์ตระกูล “ในพวกมันมีตัวหนึ่งรูปร่างใหญ่โตมาก ลักษณะคล้ายกวางผสมวัว หรือถ้าจะบอกว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสมสัตว์สองชนิดเข้าด้วยกันก็ไม่ผิดนัก ขาของมันใหญ่กว่าลำตัวบิดากระหม่อม ยามมันวิ่งแผ่นดินยังสะเทือน หากเป็นกระหม่อม กระหม่อมคงไม่รู้ว่าจะจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอย่างไร”

“แต่ว่าบิดากระหม่อมทำได้ เขายืนอยู่ใกล้คูตื้นๆ แห่งหนึ่ง แล้วล่อสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งมาที่นี่ จากนั้นอาศัยจังหวะที่มันกระโจนเข้ามาทิ้งตัวนอนแนบคู แล้วตั้งดาบขึ้นโดยยันด้ามดาบไว้กับหินที่ก้นคู สัตว์ไร้สมองตัวนั้นก็พุ่งเข้าหาคมดาบดื้อๆ ท้องของมันถูกกรีดออกเป็นช่อง ไส้และเลือดสีดำที่ไหลออกมาแทบจะกลบร่างบิดากระหม่อมมิด ทุกวันนี้ที่บ้านกระหม่อมยังแขวนอนุสรณ์แห่งการต่อสู้ครั้งนั้นไว้เหนือเตาผิง มันเป็นเขาขนาดยักษ์ของสัตว์อสูรพ่ะย่ะค่ะ”

โรแลนด์จิบชา พูดอย่างไม่รีบร้อน “เป็นการต่อสู้ที่น่านับถือยิ่ง เขาปฏิบัติตามหลักของอัศวิน ทั้งเมตตาและกล้าหาญ ต่อมา คนที่มอบบรรดาศักดิ์และที่ดินให้เขาก็คือโจอี้ โคห์ล ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเอิร์ลอยู่ที่ป้อมปราการลองซอง เมื่อยี่สิบห้าปีก่อน เสด็จพ่อของข้า ราชาวิมเบิลดันที่สามทรงเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เขาเป็นดยุคดูแลดินแดนใต้ อำนาจของเขาแผ่ขยายไปทั่วอาณาเขต จะเสียดายก็แต่เมื่อผู้เป็นที่พึ่งจากไปแล้ว บิดาของเจ้าซึ่งยังอยู่ทางตะวันออกของป้อมก็กลายเป็นเสี้ยนหนามในสายตาดยุคของป้อมไป”

“ฝ่าบาททรงรู้เรื่องละเอียดจริงๆ” ทีกถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ท่านดยุคกับโจอี้ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร โจอี้เองก็ไม่ใช่เอิร์ลที่ท่านดยุคแต่งตั้งให้ เชื้อสายของเขาแตกมาจากสาขาหนึ่งของราชวงศ์ เขาไม่มีอะไรด้อยไปกว่าดยุคไรอันเลยไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือวงศ์ตระกูล”

นี่คือเกมการเมือง โรแลนด์คิด เป็นเกมถ่วงดุลอำนาจของวิมเบิลดันที่สาม

เพื่อจะทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้ เขาถึงกับเรียกผู้ช่วยเจ้ากรมมาอธิบายให้ฟังถึงหนึ่งวันเต็มๆ

การแต่งตั้งและการปกครองในหมู่ขุนนางนั้นวุ่นวายมาก ตามทฤษฎีแล้ว ขุนนางชั้นสูงมีอำนาจสั่งการขุนนางชั้นรองลงมาซึ่งอยู่ในความปกครองได้ แต่ในความเป็นจริงกลับยุ่งยากกว่านั้น ตัวอย่างเช่นโจอี้ โคห์ลกับดยุคไรอัน โจอี้เป็นเอิร์ลที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระราชาโดยตรง แม้ที่ดินจะอยู่ในดินแดนตะวันตก แต่กลับมีบารมีและชื่อเสียงที่ไม่น้อยไปกว่าดยุคไรอันเลย

หลังจากที่โจอี้กลายเป็นดยุคที่ดินแดนใต้แล้ว ก็ย่อมมีอุปสรรคตัวใหม่ถูกส่งไปยังดินแดนของเขา นี่คือวิธีที่ราชวงศ์เกรย์คาสเซิลใช้รักษาเสถียรภาพทางการเมืองมาตลอด

“ดังนั้นหลังจากที่เจ้ารับช่วงต่อที่ดินผืนนี้มาแล้ว การค้าและผลผลิตทางการเกษตรจึงเลวร้ายลงทุกวัน ทรัพย์สินของตระกูลก็ร่อยหรอลงทุกวัน” โรแลนด์พูดช้าๆ “เวลานี้ มีโอกาสใหม่มาวางตรงหน้าเจ้าแล้ว”

“โอกาส...ใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าคิดว่าเจ้าคงเคยได้ยินเรื่องราวความอดอยากเมื่อสองปีก่อนมาแล้ว ทางป้อมอ้างเหตุผลว่าแร่ไม่ครบจำนวน จึงหักเสบียงออกไปหนึ่งเดือน และปีนี้ พวกเราก็กำลังจะประสบปัญหาเช่นนั้น เหตุเหมืองถล่มทำให้ชาวเมืองชายแดนตกที่นั่งลำบาก พวกเราจำเป็นต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรหลังกำแพงเมืองแห่งใหม่ การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะไม่ราบรื่น แต่อย่างที่ข้าได้บอกไว้ อันตรายย่อมหมายถึงโอกาสเช่นกัน”

“...” ทีกเข้าใจความหมายของเจ้าชายแล้ว เขาขมวดคิ้ว ไม่ได้ให้คำตอบในทันที

“จะว่าไปแล้ว เจ้าดูไม่เหมือนชนชั้นสูงทั่วไปเลย” โรแลนด์หัวเราะ “ไม่มีชนชั้นสูงที่ไหนสวมชุดเช่นนี้ออกมาข้างนอกแน่ มิหนำซ้ำที่มือเจ้าก็มีรอยด้านเต็มไปหมด ไพน์ เจ้าไม่เคยละทิ้งทักษะการต่อสู้อย่างอัศวินที่รับถ่ายทอดมาจากบิดาเลยกระมัง” ”

เขาย่อมไม่ละทิ้งแน่นอน โรแลนด์คิด มิฉะนั้นคงไม่เอาแต่วิ่งเข้าป่าเร้นลับทั้งวันหรอก จากข้อมูลที่ได้จากบารอฟ ตลอดเวลาที่อยู่เมืองชายแดน เขาจะใช้เวลาไปกับป่าเร้นลับถึงสามวันต่อสัปดาห์ และทุกครั้งที่เข้าป่าก็จะเตรียมตัวอย่างดี เนื่องจากเขาเลี้ยงบริวารไม่ไหว จึงใช้วิธีจ้างนายพรานจากในเมืองมาเป็นผู้ช่วยแทน คนบางคนก็ชอบการต่อสู้โดยกำเนิดแท้ๆ ทีกเองก็เป็นคนประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

“หากเจ้ายอมอยู่ที่เมืองชายแดน ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า ให้เจ้าได้ย้อนรอยความรุ่งโรจน์ของบิดาเจ้าอีกครั้ง จงใช้ดาบและความกล้าหาญไขว่คว้าเกียรติยศให้ได้เหมือนเขา หากผลงานเจ้าโดดเด่น ข้าจะแบ่งที่ดินทางทิศตะวันออกของเมืองชายแดนให้เจ้า ที่ดินที่สมศักดิ์ศรีกับบรรดาศักดิ์ไวเคานท์ต์”

สถานการณ์แบบนี้แม้มีให้เห็นไม่มาก แต่สัญญานี้มีผลแน่นอน ในฐานะที่เป็นเจ้าชายที่บรรลุนิติภาวะแล้ว เขามีสิทธิ์แต่งตั้งไวเคานท์ บารอน และอัศวินได้โดยชอบธรรม เพียงแต่น้อยครั้งนักที่จะแต่งตั้งให้กับบริวารของคนอื่น เหตุผลแรกคือการแย่งคนของคนอื่นมาดูจะเสียมาดผู้ดีอยู่บ้าง สองคือหากอีกฝ่ายปฏิเสธจะน่าอับอายมาก แต่โรแลนด์ไม่คิดจะรักษามาดอะไรอยู่แล้ว เขาต้องการแค่หน่วยพยาบาลเคลื่อนที่อย่างนาน่าเท่านั้น ส่วนเรื่องอีกฝ่ายจะปฏิเสธนั้นเขาไม่หนักใจมาก โจอี้ได้เป็นผู้ปกครองดินแดนใต้แล้วไม่พาบิดาของทีกไปด้วย นั่นก็หมายความว่าฝ่ายแรกทอดทิ้งตระกูลไพน์แล้ว

ในที่สุดทีกจึงยอมอ่อนลงมา “เช่นนั้น...ฝ่าบาท กระหม่อมขอส่งนาน่ากลับไปที่ป้อมปราการลองซองได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ยังไม่เคยมีใครอยู่สู้กับสัตว์อสูรที่นี่มาก่อน หากพวกเราพ่ายแพ้ขึ้นมาจริงๆ กระหม่อมก็ไม่ต้องการให้บุตรสาวของกระหม่อมเสียชีวิตที่นี่”

“ข้าบอกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้ว ไพน์ อันตรายยังมีอีกด้าน เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากคนที่ป้อมปราการลองซองจับได้ว่านาน่าเป็นแม่มด นางจะมีจุดจบอย่างไร ที่นั่นไม่เหมือนเมืองชายแดน ศาสนจักรได้หยั่งรากลึกลงในเมืองมานานแล้ว ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยสาวกและหูตาของพวกเขา หากนางถูกจับได้เมื่อไร แม้แต่ข้าก็ช่วยนางไม่ได้”

โรแลนด์หยุดสักครู่ก่อนจะพูดต่อ “เมืองชายแดนจะไม่มีวันถูกตีแตก เมื่อเดือนแห่งปีศาจมาถึง ข้าจะร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนของข้าบนกำแพงเมือง ศัตรูของพวกเราก็แค่สัตว์ป่าที่กลายพันธุ์ ไม่ใช่ปีศาจที่ฟันแทงไม่เข้าเสียหน่อย บิดาเจ้าเคยเอาชนะพวกมันในที่โล่งกว้างไร้สิ่งกำบังมาแล้ว แล้วจะห่วงอะไรกับพวกเราที่มีกำแพงเมืองอันแน่นหนาเล่า หากว่า...ข้าหมายถึงหากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ ข้าจะรีบส่งนาน่าออกไปจากเมืองนี้ทันที” เขาหยุด “รวมทั้งอันนาด้วย ข้าจะเตรียมเรือหนึ่งลำไว้ที่ท่า ข้าสัญญาว่าพวกนางจะปลอดภัย”

“ถ้าเช่นนั้น...กระหม่อมก็จะเชื่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ทีกลุกขึ้น คุกเข่าลงหนึ่งข้าง ยืดอกเก็บหน้าท้อง แสดงความเคารพที่ถูกต้องตามแบบอัศวิน “กระหม่อมยินดีสู้เพื่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

...

หลังจากทีกและนาน่าจากไปแล้ว อันนาค้อนโรแลนด์ไปหนึ่งที

“ทรงละเมอหรือเพคะ” เธอพูด “หม่อมฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”

........................................

Chapitre suivant