นอกจากชิงหลินแล้ว ผู้ที่ไม่ยินดีซ้ำยังหนักใจกังวลใจกับการแต่งตั้งอวยยศครั้งนี้คือมู่หลิ่งเหวินสามี แม้จะทราบมาก่อนว่าพระองค์ได้จัดเตรียมรางวัลมอบให้นางแต่ไม่คาดคิดว่าจะถึงขั้นมอบยศตำแหน่งองค์หญิงศักดิ์สิทธ์ให้
"ฝ่าบาท"แม่ทัพหนุ่มก้าวออกมาแล้วคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ ที่ประทับเด่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งแท้จริงจัดเตรียมไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งหาใช่พระองค์ไม่
น้ำเสียงหนักแน่นสะกดเหล่าแขกเหรื่อที่กำลังกระซิบกระซาบ วิพากษ์วิจารณ์ถึงราชโองการอย่างเมามันให้สงบปากสงบคำ หันมามองร่างสูงใหญ่ที่นั่งคุกเข่าเป็นตาเดียว ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
"อะไรกันกัน? ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเรา"
"กระหม่อมมิกล้า เพียงแต่เห็นว่าฮูหยินกระหม่อมเป็นเพียงฮูหยินแม่ทัพเล็กๆ ไหนเลยจะคู่ควรกับตำแหน่งสูงศักดิ์เช่นนั้น ขอทรงโปรดถอนรับสั่งเถิดพะย่ะค่ะ!!"แม่ทัพหนุ่มคัดค้านเสียงแข็งหนักแน่นดั่งขุนเขา ดวงตาคมทรงเสน่ห์ฉายแววจริงจังไร้ซึ่งความหวาดเกรง ซึ่งชิงหลินเองเห็นด้วยกับคำกล่าวของสามีแต่ไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้ มือเรียวกำม้วนราชโองการไว้แน่นสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของสามีแน่วนิ่ง
"ฝ่าบาท....กระหม่อมเห็นด้วยกับความคิดของบุตรชาย แม้สะใภ้ของกระหม่อม จะสร้างคุณงามความดีต่อบ้านเมืองไว้หลายประการ แต่กับตำแหน่ง องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ ที่มีสิทธิ์และอำนาจเป็นรองเพียงฝ่าบาทนั้น กระหม่อมไม่เห็นด้วย....
กระหม่อมเห็นสมควรว่า แพรพรรณเครื่องประดับอีกทั้งสิ่งของมีค่าที่ฝ่าบาทประทานให้เพียงพอและเหมาะสมดีอยู่แล้วพะย่ะค่ะ"มู่หลิ่งฟู่ ผู้เป็นทั้งเสนาบดีฝ่ายบู๊และบิดาช่วยทูลสนับสนุนความคิดของบุตรชาย
"ฝ่าบาท..."
"มีอันใดรึ อู่กงกง?"ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ตรัสถามขันทีประจำพระวรกาย
"องค์รัชทายาทขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ"อู่กงกงกราบทูลด้วยท่าทานอบน้อม
"อ้อ ลูกสามเป็นประธานงานเลี้ยงคืนนี้ เราเกือบลืมไปให้เข้ามาได้"ฉีเฉินหลงฮ่องเต้โบกมืออนุญาต
"ถวายพระพรเสด็จพ่อพะย่ะค่ะ"ฉีเฟยหลรัชทายาททำความเคารพด้วยท่วงท่าสง่างาม สมเป็นราชนิกูลผู้สูงศักดิ์ที่เกิดแต่ฮองเฮาและองค์ฮ่องเต้
"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี"ตู้ฮุ่ยเปียวอัครเสนาบดีและตู้เหมยฮวาที่ตามเสด็จมาพร้อมองค์รัชทายาทคุกเข่าถวายพระพรเต็มพิธี
มู่หลิ่งฟู่ มู่หลิ่งเหวิน ถวายความเคารพองค์รัชทายาทและตู้ฮุ่ยเปียวแล้วถอยกลับไปนั่งที่ของตน
การปรากฏตัวของตู้เหมยฮวาโฉมสะคราญหนึ่งในสี่บุปผางาม ที่เพียบพร้อมทุกสิ่ง ทำให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยงหญิงชายรวมทั้งบุรุษหนุ่มที่ได้รับเทียบเชิญตะลึงมองตาค้าง บางรายถึงกับลืมหายใจ มือไม้สั่นทำตัวไม่ถูกยามที่โฉมสคราญชายตามองมาทางตน มีเพียงแม่ทัพหนุ่มที่มองผ่านโฉมสะคราญราวกับนางไม่มีตัวตน
"ตามสบายเถิด ท่านอัครเสนาบดี ที่นี่หาใช่ท้องพระโรงไม่..."กล่าวกับต็ฮุ่ยเปียวแล้วหันไปทางกับองค์รัชทายาท "ลูกสามมานั่นตรงนี้กับเราเถิด"
"พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ"ฉีเฟยหลงยกยิ้มประทับเคียงข้างฉีเฉินหลงฮ่องเต้
การปรากฏกายของสองผู้สูงศักดิ์ที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทำบรรยากาศตึงเครียดชวนอึดอัดจะขยับตัวแต่ละทียังต้องลอบมองพระพักตร์ และลำดับที่นั่งในส่วนของเจ้าภาพเปลี่ยน แปลง ดังนี้ คุณชายน้อยมู่หลิ่งเฟิง ชิงหยวนนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวแรก ถัดมาเป็น มู่หลิ่งฟู่ ตู้ฮุ่ยเปียว ฉีเฉินหลง ฉีเฟยหลงประทับนั่งหลังโต๊ะตัวที่สามตำแหน่งประธาน ถัดมาเป็นแม่ทัพหนุ่มมู่หลิ่งเหวินกับชิงหลินและมู่ฮูหยินชิงฮูหยิน นั่งอย่างสง่างามอยู่หลังโต๊ะตัวที่ห้า ขาดเพียงพี่ใหญ่ของเจ้าของงานที่ติดกิจธุระสำคัญมาร่วมงานไม่ได้ ส่วนโฉมสะคราญตู้เหมยฮวา อยู่ด้านหน้าสุดของที่นั่งที่จัดไว้สำหรับแขก
"ลูกได้ยินราชโองการที่อู่กงกงประกาศเมื่อครู่แล้ว ลูกเห็นด้วยกับตำแหน่งที่เสด็จพ่อพระราชทานให้นาง แต่การให้สิทธิ์และอำนาจแก่นางลูกเห็นด้วยกับท่านเสนาบดีมู่ และท่านแม่ทัพพะย่ะค่ะ"ฉีเฟยหลงแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ความหมายคือเห็นด้วยที่มอบตำแหน่งองค์หญิงศักดิ์ให้นางแต่สิทธิ์และอำนาจที่ล้นฟ้าเช่นนั้นควรงดเว้นไว้ เพราะฉีเฟยหลงทราบดีว่า นางและสมาชิกในครอบครัวไม่ปรารถนาหรือหลงใหลในอำนาจเช่นสตรีและขุนนางทั่วไป
"แล้วท่านเล่า? คิดเห็นเช่นไร?"ฉีเฉินหลงถามตู้ฮุ่ยเปียว
"กระหม่อมเห็นด้วยกับองค์รัชทายาท ตำแหน่งองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์นางสมควรได้รับ เพียงแต่กระหม่อมขอบังอาจทูลถาม"ตู้ฮุ่ยเปียวเว้นวรรคขออนุญาต
"เชิญท่านว่ามาได้"
"ภาระหน้าที่ขององค์หญิงศักดิ์สิทธ์พะย่ะค่ะ"
"อ้อ ย่อมมี แต่ไม่ใช่เวลานี้"ฉีเฉินหลงยิ้มตอบเสียงเย็น ยกจอกสุราที่อู่กงกงบรรจงรินให้ขึ้นจิบพอเป็นพิธี
"อา...กระหม่อมเข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ"ตู้ฮุ่ยเปียวยอมถอยออกมาแต่โดยดีไม่เซ้าซี้ให้มากความ
"หลินเอ๋อร์"ฉีเฉินหลงมาทางแม่ทัพหนุ่มและฮูหยินน้อย
"พะเพคะฝ่าบาท"ขานรับอัตโนมัติร่างเล็กกระตุกเฮือกด้วยความตกใจ ที่จู่ๆถูกเรียก
"บอกเรามาตามความสัตย์จริง...เจ้าพึงพอใจกับตำแหน่งและอำนาจที่เรามอบให้รึไม่?"
"เอ่อ...หม่อมฉัน...."ไม่ต้องการเว้ย! ตะโกนตอบในใจ
"พูดมาเถิด เราอนุญาต"
"หม่อมฉันซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท แต่หม่อมฉันชื่นชอบชีวิตสามัญเช่นนี้มากกว่าเพคะ"ทูลตอบอย่างระมัดระวัง
"ฮ่าๆๆ เรานึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องตอบเราเช่นนี้ เอาเถิด แม้ราชโองการที่ประกาศไปแล้ว ไม่อาจยกเลิกได้ แต่สามารถออกใหม่ได้ เราจะใคร่ครวญดูอีกที"ฉีเฉินหลงสรวลเสียงดัง ความจริงพระองค์เดิมพันกับราชโองการนี้ทดสอบใจนางและแม่ทัพหนุ่มเท่านั้นเพื่อความมั่นใจและทั้งสองก็ไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง เพราะนอกจากนางไม่มีจิตใจละโมบแล้วยังไม่สนใจในลาภยศสรรเสริญอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ฉีเฉินหลงลอบถอนใจโล่งอก
จากนั้นงานเลี้ยงก็ได้ฤกษ์แบบจริงจัง เริ่มต้นด้วยการร่ายรำอวยพรและยังมีดนตรีเฉกเช่นงานเลี้ยงทั่วไป
ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ อยู่ต่ออีกราวสองเค่อแล้วเสด็จกลับวังหลวง ตามด้วยฉีเฟยหลง หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม แล้วงานเลี้ยงจึงสิ้นสุดลงหลังจากฉีเฟยหลงจากไปครึ่งชั่วยาม
-----------------
เช้าวันต่อมา ข่าวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงจวนเสนาบดีมู่แพร่กระจายไปดุจไฟลามทุ่ง สร้างความปั่นป่วนไปทั่วแคว้นโดยเฉพาะกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ ไทเฮา ฮองเฮา พวกเขาไม่ได้คัดค้านตำแหน่งที่นางได้รับ แต่คัดค้านเรื่องสิทธิ์และอำนาจที่เป็นรองเพียงฮ่องเต้ต่างหาก
มีอย่างที่ไหนให้สามัญชนไร้ยศศักดิ์ มีอำนาจเหนือราชนิกูล!!!
ด้านนอกวังหลวงชาวบ้านชนชั้นแรงงานกลับเห็นต่าง สนับสนุนส่งเสริมให้ฮูหยินน้อยแห่งจวนแม่ทัพรับตำแหน่งองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ ส่วนสิทธิ์และอำนาจหาได้สนใจไม่
ขณะที่ด้านในและด้านนอกกำแพงเมืองกำลังปั่นป่วนเพราะข่าวลือแต่จวนแม่ทัพไร้พ่าย กลับเงียบสงบเฉกเช่นทุกวัน ของขวัญที่ได้รับจากแขกเหรื่อชิงหลินยังไม่ได้แกะดู เพราะมันเยอะมาก เพียงแค่ได้เห็นบ่าวไพร่ทยอยขนเข้ามาในจวนตามคำสั่งของมารดาสามีก็รู้สึกเหนื่อยเสียแล้ว
ฝ่าบาท องค์รัชทายาท พวกท่านกลั่นแกล้งข้า!!! สบถในใจเพราะของขวัญที่ได้รับทั้งหมดรวมกันแล้วน่าจะมากกว่าร้อยชิ้นไม่สามารถนำไปขายหรือขึ้นเงินได้ แม้แต่เอาไปจำนำยังต้องคิดหนักจะมอบให้เป็นของขวัญของรางวัลก็ดูจะไม่เหมาะไม่ควรได้เก็บเอาไว้ใช้เองเท่านั้น "หมายเลขหนึ่ง"เรียกหัวหน้ากองกำลังหลิ่งหลินผู้คุ้มกันหน้าตาย หลังจากจัดการเก็บของขวัญวันเกิดเรียบร้อยแล้ว
"ขอรับฮูหยินน้อย"หมายเลขหนึ่งก้าวเข้ามาในศาลาริมสระบัวที่มีร่างเล็กสวมใส่อาภรณ์สีท้องฟ้าปักดอกโม่ลี่ฮวาสีขาวเล็กๆรอบชายกระโปรงยืนให้อาหารปลาอยู่
"ขอทานน้อยกลุ่มนั้นอยู่ที่ใด?"ผละจากการให้อาหารปลาหันกลับมาถามบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำ
"เรียนฮูหยินน้อยอยู่ที่เรือนหลินหลินขอรับ"
"เรือนหลินหลิน?"คิ้วเรียวเลิกขึ้นสงสัย เรือนหลินหลินหรือ?ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน แถมยังเอาชื่อเราไปตั้งอีก?
"ขอรับ อยู่ตรงข้ามจวนเสนาบดีมู่"
"เดี๋ยวนะ ตรงนั้นเดิมทีเป็นพื้นที่ว่างเปล่าของสกุลชิงไม่ใช่หรือ?"ยกมือแย้งเสียงใส
"ใช่ขอรับ คุณชายใหญ่สั่งให้สร้างขึ้นเป็นของขวัญวันเกิดของฮูหยินน้อยขอรับ"
"พี่ใหญ่น่ะหรือ?"ทำสีหน้าประหลาดใจก่อนจะยิ้มบางๆ นี่ท่านจำได้หรือนี่สมเป็นพี่ใหญ่
"ข้าอยากไปดูเสียหน่อย รบกวนเจ้านำทางที"
"เชิญฮูหยินน้อย"หมายเลขหนึ่งไม่ได้ห้ามปรามเพราะท่านแม่ทัพกำชับว่า หากนางอยากไปก็ให้ไปแต่จงคุ้มกันนางให้ดีอย่าให้มีแม้แต่รอยขีดข่วนเด็ดขาด ซึ่งเรื่องนั้นไม่ต้องให้ท่านแม่ทัพสั่ง ตนและกองกำลังหลิ่งหลินทั้งหมดก็พร้อมปกป้องฮูหยินน้อยด้วยชีวิตอยู่แล้ว
"เสี่ยวอี้....สี่สหายน้อยของข้าอยู่ที่ไหน?"หันไปถามสาวใช้ประจำกายยังไม่ทันที่เสี่ยวอี้จะได้ตอบคำถาม
"หลินหลิน.....พวกเรากลับมาแล้ว"เสียงของเจ้าตัวดีดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างสีขาวของพยัคฆ์น้อยสองตัวและสองจิ้งจอกน้อยวิ่งตรงขึ้นมาบนศาลา
"ไปเที่ยวที่ไหนมา? ทำไมถึงเปื้อนอย่างนี้เล่า?"ชิงหลินส่งเสียงถามทางจิต คุกเข่าลงตรงหน้าจอมซนทั้งสี่ปัดฝุ่นตามใบหน้าตามตัวให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มระคนขบขัน
"พวกเราไปเที่ยวนอกจวนมาขอรับ"ฟงฟงน้อยตอบหลินหลินหลังจากมืออบอุ่นปัดฝุ่นให้มันเรียบร้อยแล้ว
"ตลาดหรือ?"ถามต่อมือยังสาละวนปัดฝุ่นให้หมั่นโถวน้อย
"ไม่ใช่ตลาด แต่เป็นเรือนอะไรไม่รู้อยู่ใกล้ๆนี้เอง"ฟานฟานน้อยหัวหน้าแก๊งฟานฟงเป่าโถว ส่ายหัวแรงๆตอบ ท่าทางของมันช่างน่ารักน่าเอ็นดูจนช่อลดาอดใจไม่ไหวขยี้หัวกลมๆเล็กๆอย่างมันเขี้ยว
"อา...ข้าพอจะเดาออกแล้วว่ามันคือที่ใด? ข้าจะออกไปดูหน่อย พวกเจ้าอยากไปกับข้าอีกรอบหรือไม่?"
"หลินหลินไปไหน หมั่นโถวไปด้วยเจ้าค่ะ"เจ้าจิ้งจอกน้อยฉวยโอกาสร้องประจบเอาใจ ร่างเล็กสีขาวขนฟูนุ่มนิ่มเดินเข้ามาคลอเคลียเลียมืออบอุ่น
"ฟานฟานไปด้วย"
"ฟงฟงขอไปด้วยขอรับ"
"เป่าเปาก็ขอไปด้วย"
"งั้นก็ไปกันเลย นี่ก็เข้ายามซื่อแล้วเดี๋ยวแดดจะแรง"กล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมก้าวเท้าออกไป
"ฮูหยินน้อย วันนี้อากาศเย็น สวมเสื้อคลุมเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ"เสี่ยวสุ่ยหยิบเสื้อคลุมสีขาวตัวหนาคลุมให้นายสาวจัดการผูกปมผ้าให้อย่างชำนาญ
"ขอบใจเสี่ยวสุ่ย"ยิ้มหวานขอบคุณ เท้าน้อยก้าวตามหมายเลขหนึ่งไม่ช้าไม่เร็วและเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
สี่สหายน้อยอยู่หน้าสุด เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวเดิน เดี๋ยวหยุดหันมามองนางเป็นระยะๆดูแล้วน่ารักดี ถัดมาเป็นหมายเลขหนึ่งชิงหลินเดินตามหลังเขา มีสองสาวใช้คอยประคองมือ ด้านหลังเป็นผู้คุ้มกันหมายเลขสอง สาม สี่และห้า ปิดท้ายด้วยพลทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับคำสั่งจากสามีให้มาคุ้มกันนาง
"เอ่อ...ฮูหยินน้อย"เดินไปยังไม่ถึงร้อยก้าวหมายเลขหนึ่งก็หันมาเรียกนาง
"มีอะไรหรือ?"หยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยถาม
"ข้าเตรียมเกี้ยวให้ท่านแล้ว เชิญขึ้นเกี้ยวเถิดขอรับ"
ไม่ทันที่ชิงหลินจะตอบรับหรือปฏิเสธเกี้ยวสี่คนหามก็มาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว "ได้"ดีเหมือนกันจะได้ไม่เสียเวลา อีกอย่างจากตรงนี้ไปถึงเรือนหลินหลิน หากเดินไปช้าอย่างนี้คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นแน่
เพียงหนึ่งเค่อชงิหลินและเหล่าผู้ติดตามก็มาถึงเรือนหลินหลิน ทันทีที่ก้าวออกมา ภาพตรงหน้าทำนางชะงักค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะกระพริบถี่ยิบเพื่อตั้งสติ
"น้องเล็ก?น้องเล็ก?"เฟิ่งอิงเรียกร่างเล็กเบื้องหน้าตน ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มุมปากหนายกขึ้นเล็กน้อยขบขันกับท่าทีตื่นตะลึงของนาง
"หะหา?...พี่ใหญ่? เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่?"ดึงสติกลับมาได้จึงเอ่ยถาม
"หึๆ นี่เป็นของขวัญให้เจ้า ชอบหรือไม่?"เฟิ่งอิงเอ่ยถามอีกอย่าง ดวงตาคมเรียวดุที่มักจะมองทุกอย่างอย่างเย็นชายามนี้กลับอ่อนโยนยิ่งนัก จนสองผู้ติดตามลอบยิ้มมุมปาก ด้วยรู้ดีว่าคุณชายรักและทะนุถนอมน้องสาวยิ่งกว่าชีวิตตนเองเสียอีก
หากเป็นเรื่องของฮูหยินน้อย คุณชายก็มักจะสูญเสียความสุขุมเยือกเย็นกลายเป็นบุรุษเลือดร้อนวู่วามไปเสียทุกครั้ง ฮูหยินน้อยท่านรู้ความจริงข้อนี้รึไม่?
"ของขวัญให้ข้าหรือ?ชอบสิเจ้าคะนี่เป็นสิ่งแรก ที่ข้าคิดอยากจะทำเมื่อฟื้นขึ้นมา ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าชอบมาก"ตอบเสียงตื่นเต้น คว้ามือหนาหยาบกระด้างขึ้นมากอบกุมไว้ด้วยมือเล็กของตน พร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้ด้วยความดีใจ
"ดีแล้ว ที่เจ้าชอบ"เฟิ่งอิงกล่าวมือข้างที่ว่างลูบศีรษะนางเบาๆ สัมผัสจากมือเล็ก ทำให้ใจที่เย็นชารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขจนตัวเองยังประหลาดใจ
ชิงหลินละมือเดินผ่านร่างสูงใหญ่ สายตาเหม่อมองสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นกลุ่มขอทานน้อยที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีหน้าตาสะอาดสะอ้านจึงหยุดทักทายอย่างเป็นกันเองอยู่ครู่ใหญ่ แล้วหันมาให้ความสนใจกับสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าอีกครั้ง
เรือนชั้นเดียวหลังคามุงกระเบื้องอย่างดีมีห้องหับหลายสิบห้อง แต่ละห้องมีโต๊ะเตี้ยวางเรียงเป็นแถว คล้ายห้องเรียน เมื่อเดินลึกผ่านเรือนนั้นมา ก็พบลานกว้างขนาดกะด้วยสายตาประมาณสองสามไร่เห็นจะได้ หลังลานกว้างสองฝั่งที่คิดว่ามีไว้เพื่อทำกิจกรรม เป็นเรือนนอนยาวเหยียดคล้ายห้องแถวในภพที่เธอจากมา รวมกันแล้วน่าจะมากกว่าร้อยห้อง
"พี่ใหญ่ทราบดีว่าเจ้าอยากช่วยเหลือผู้คนให้มีอาชีพ พี่ใหญ่จึงขอคำปรึกษาจากท่านพ่อ ท่านแม่บุญธรรม เพื่อสร้างเรือนแห่งนี้ให้เจ้า"เฟิ่งอิงกล่าว
"ขอบคุณพี่ใหญ่อีกครั้ง ข้าจะให้ที่นี่เป็นสถานศึกษา จ้างอาจารย์ และผู้มีความรู้ มาสอนเด็กๆที่ไร้โอกาส เพื่อที่ในวันข้างหน้าจะได้มีวิชาความรู้ติดตัวไม่ต้องมาเป็นขอทานเช่นนี้ ทั้งยังช่วยลดปัญหาคนว่างงาน เมื่อทุกคนมีงานทำ ปัญหาอาชญากรรม ฉกชิงวิ่งราว ลักเล็กขโมยน้อย การถูกเอารัดเอาเปรียบ และขอทานก็จะลดลงตามไปด้วย"ชิงหลินพร่ำเสียยืดยาว จนกลัวว่าคนฟังจะรำคาญ แต่ที่ไหนได้ ชิงเฟิ่ง สองสาวใช้ และกองกำลังหลิ่งหลินต่างตะลึงวูบ และแปรเปลี่ยนเป็นชื่นชมนับถือกับความคิดอันลึกซึ้งของฮูหยินน้อย
"เอาเถิด เรื่องนี้พักไว้ก่อนสายมากแล้ว พี่ใหญ่จะพาเจ้ากลับจวน"
"ก็ดีเจ้าค่ะ ข้าเองก็รู้สึกล้าแล้ว"ชิงหลินกลับจวนด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
ยามอิ่วจวนแม่ทัพไร้พ่าย
"ดูเจ้าจะชอบของขวัญนั่นมากเลยนะ"ร่างสูงกล่าวเสียงขุ่นมัว เมื่อกลับมาจากเข้าเฝ้า เห็นภรรยาดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงอดสงสัยไม่ได้ พอได้ฟังรายงานจากหมายเลขหนึ่งก็ทำให้รู้สึกขัดใจไม่น้อย
"เจ้าค่ะ ข้าชอบมากจริงๆ"ตอบกลับใสซื่อไม่รู้เลยว่าสามีพูดประชดใส่
"อ้อ...เช่นนั้นของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า เจ้าก็คงไม่ต้องการแล้วกระมัง"กล่าวจบก็เดินไปนั่งที่ขอบเตียงสองแขนยกขึ้นกอดอก ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้นจนเห็นได้อย่างชัดเจน นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว แต่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็ยังคงเบิกบาน สำราญใจ!!! มันน่าโมโหนัก!!
"โธ่...จะเป็นไปได้อย่างไร..ข้ารอของขวัญจากท่านมากกว่าจากผู้ใดท่านไม่รู้หรือ?"ร่างเล็กเดินมานั่งข้างเอนตัวมาข้างหน้าเพื่อดูใบหน้าหล่อเหลาของสามี
"ฮึ!..."แม่ทัพหนุ่มแค่นเสียงออกมาคำหนึ่งสะบัดหน้าหันข้างให้นางไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ
ทำเอาคนถูกงอนลอบยิ้มขบขันกับคนตัวใหญ่ที่ทำปั้นปึ่งแง่งอนใส่ราวกับเด็กน้อย สองมือเรียวขาวโอบกอดเอวสอบประสานกันไว้ข้างหน้า แนบใบหน้าข้างหนึ่งกับแผ่นหลังกว้างอย่างออดอ้อนแทนคำพูด
พลันมุมปากแม่ทัพหนุ่มยกขึ้นพอใจ แต่แสร้งถอนหายใจเสียงดังให้ร่างเล็กนุ่มนิ่มที่สวมกอดตนอยู่รับรู้
"เอาอย่างนี้ ข้าจะนวดให้ท่านคลายเมื่อย ดีหรือไม่?"ชิงหลินพูดพร้อมกับผละออกมา คุกเข่าอยู่ด้านหลังกว้างแล้ววางมือบนไหล่หนาบีบนวดให้อย่างเอาใจ
"....อืม..ลงน้ำหนักมืออีกหน่อย....ตรงนี้...ขยับมาทางขวาอีกหน่อย...ตรงนี้ด้วย..."
เสียงสั่งให้นวดตรงโน้นตรงนี้ไม่หยุด ทำชิงหลินชักจะหงุดหงิดและเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา หนอย....ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ!!..หมั่นไส้ชะมัด!!!
"หือ?..."แม่ทัพหนุ่มหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับร่างเล็กรวบตัวนางวางบนตักในลักษณะนั่งหันข้าง เชยคางมนขึ้นแล้วจุมพิตเร็วๆสองครั้งแล้วผละออก มองดูใบหน้าจิ้มลิ้มที่แดงเรื่อแวบหนึ่งแล้วจุมพิตนางอย่างดูดดื่ม เบนความสนใจของนางให้สนใจแต่จุมพิตที่ตนบรรจงมอบให้จากนั้นถือโอกาสสวมกำไลหยกสีท้องฟ้าด้านในสลักชื่อ เหวินหลิน ที่ข้อมือขวา
"ว้าว...กำไลหยกสีท้องฟ้า"ชิงหลินกล่าวด้วยเสียงค่อนข้างดัง เมื่อสัมผัสอะไรเย็นๆที่ข้อมือจึงยกขึ้นดู ครั้นพอเห็นว่าเป็นอะไรก็ตาโตลูบไล้อย่างเผลอไผล ความเย็นของมันทำให้รู้สึกดีไม่น้อย
"เจ้าชอบหรือไม่?"
"ชอบมากเจ้าค่ะ ท่านให้อะไรมาหลินเอ๋อร์ก็ชอบทั้งนั้น"
"ปากหวานจริงนะเจ้า เพราะอย่างนี้ พี่ถึงได้หลงใหลเจ้านัก"แม่ทัพหนุ่มเขี่ยปลายจมูกนางเล่นอย่างมันเขี้ยว
"หลงใหลอย่างเดียว? ไม่ได้รักข้าด้วยหรอกหรือ?"
"อา...อย่าละโมบให้มากนัก"แม่ทัพหนุ่มดีดหน้าผากนางเบาๆ
"ชิ!...ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องดีดหน้าผากกันเลย"ลูบหน้าผากป้อยๆทำปากจู๋บ่นอุบแม่ทัพหนุ่มเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้าขบขัน
"อาการเจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามมือหนาลูบหน้าท้องที่ยังดูปกติเบาๆ
"ข้าสบายดี เพียงแต่รู้สึกจะง่วงนอนแทบจะตลอดเวลาเท่านั้นเจ้าค่ะ"ตอบเขาตามจริง
"เช่นนั้นก็พักผ่อนให้เร็วขึ้นหน่อย ส่วนเรื่องราชโองการพี่จะจัดการเองเจ้าไม่ต้องกังวลคิดให้วุ่นวายใจ เข้าใจรึไม่?"
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ...สามีรัก"
"หือ?...เมื่อครู่เจ้าเรียกพี่ว่าอะไรนะ?"
"สามีรัก ท่านไม่ชอบหรือ?"
"หึๆ..เช่นนั้นพี่ก็จะเรียกเจ้าว่า...ภรรยารัก...ดีรึไม่?"
"...ใครลืมหรือเรียกอย่างอื่นต้องโดนปรับ ตกลงไหมเจ้าคะ?"
"ได้!...ปรับหนึ่งจุมพิตต่อความผิดหนึ่งครั้ง"
"หะหา...."
"ตกลงตามนี้...เจ้าพักผ่อนเสีย พี่มีงานต้องสะสางเล็กน้อย เดี๋ยวกลับมา"
"ดะเดี๋ยวสิเจ้าคะ....โธ่...ไปซะแล้ว"
แม่ทัพหนุ่มเดินยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงคำสนทนาเมื่อครู่ สามีรัก? ช่างเป็นคำที่น่าฟังยิ่ง!!!