webnovel

ฮีลเลอร์ไร้เทียมทานในต่างโลก ตอนที่ 2

เมื่อมีเงินมากขึ้นเปโดรก็ให้ความสนใจกับสกิลอื่นเพิ่ม ในโลกนี้แม้ว่าสกิลส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่เรียนรู้และฝึกฝนเพิ่มได้ แต่มันก็มีทางลัดบางอย่าง มันถูกเรียกว่าม้วนสกิล

ม้วนสกิลคือกระดาษเวทมนตร์ที่ทำการบรรจุสกิลของมนุษย์ลงไป ผู้ที่ผนึกสกิลจะสูญเสียสกิลนั้น ส่วนผู้ที่เปิดใช้ม้วนสกิลก็จะได้สกิลนั้นไปแทน ด้วยวิธีการแบบนี้มันจึงเกิดธุรกิจขายม้วนสกิลขึ้นมา

น่าเสียดายที่สกิลหายากเป็นสิ่งที่ราคาแพงจนเอื้อมไม่ถึง และถึงมีเงินก็ใช่ว่าจะหาคนขายให้ได้

ในวันที่บิบินามาบอกกับเปโดรว่าเธอสนใจศึกษางานช่างเพื่อที่เธอจะสามารถจัดการกับงานซ่อมได้เองโดยไม่ต้องโยนทุกอย่างไปให้เปโดร เขาก็คิดจะแก้ปัญหานี้ด้วยเงิน

เปโดรซื้อสกิลงานช่างให้กับบิบินา สกิลเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถฝึกฝนได้ แต่ก็เพราะว่ามันใช้เวลาไม่นานนี่แหละ มันจึงเป็นสกิลที่ราคาถูก เปโดรยอมจ่ายเพื่อซื้อเวลาให้กับบิบินา

"ถ้ามีสกิลงานช่างระดับกลางขายเมื่อไหร่ ผมก็จะซื้อให้คุณด้วย แต่สำหรับตอนนี้คุณคงต้องลองฝึกฝนเองไปก่อน"

"ขอบคุณค่ะนายท่าน พวกเราสามแม่ลูกสัญญาว่าจะทำให้คุ้มค่าทุกเหรียญที่ท่านลงทุนไป"

"บอกว่าอย่าเรียกผมว่านายท่านยังไงล่ะ" เปโดรส่ายหน้าอย่างระอา

"เรียกนายท่านว่านายท่านก็ถูกต้องแล้วนี่คะ" แบลร์ฉีกยิ้ม ส่วนแบรมก็พยักหน้าเห็นด้วย

สถานการณ์ของร้านดีขึ้นในทุกวัน บิบินาตั้งใจฝึกฝนงานช่างชนิดหามรุ่งหามค่ำจนได้สกิลช่างโลหะระดับกลางมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ มันแสดงให้เห็นว่าเธอมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

แบรมเองถึงจะยังเด็กแต่ก็ไม่เคยทำตัวเป็นภาระ เขาทำงานทุกอย่างได้ไม่แพ้ผู้ใหญ่หนึ่งคน ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น ถึงมีแค่เขากับบิบินาร้านก็สามารถเปิดกิจการได้อย่างราบรื่น

ด้วยเหตุนั้นแบลร์จึงเริ่มมีเวลาว่างมากขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเปโดรกำลังวางแผนกลับไปทำงานเป็นนักผจญภัย เธอจึงอาสาเป็นอีกหนึ่งกำลังให้กับเขา

เปโดรไม่อยากให้เธอมาเสี่ยง แต่เขาก็ยอมรับว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว อีกอย่างแบลร์เองก็แข็งแรงอย่างกับม้า บางทีถ้าเธอกลายมาเป็นนักผจญภัย เธออาจจะเก่งกว่าเขาด้วยซ้ำ

เปโดรลงทุนครั้งใหญ่กับม้วนสกิลเทเลพอร์ต มันแพงขนาดที่ทำให้ทั้งเขาและร้านสามารถล้มละลายได้เลย แต่หลังจากลองปรึกษาเรื่องนี้กับทุกคน ก็ไม่มีใครขัดข้อง พวกเขาแน่ใจว่ามันคือการลงทุนที่คุ้มค่า ด้วยสกิลนี้ทั้งเปโดรและแบลร์จะสามารถไปและกลับมาที่ร้านได้ในทุกเวลาที่ต้องการ

"ใช้หนีเมื่อเจอสถานการณ์ที่อันตราย" บิบินายกเหตุผลขึ้นมา

"ถ้าเจอของดีที่ขนกลับมาครั้งเดียวไม่ไหวก็ใช้วิธีนี้ช่วยขนได้" แบลร์คิดข้อดีเพิ่ม

"ถ้าเจอคนบาดเจ็บในดันเจียนก็สามารถช่วยเขากลับมาได้" แบรมลองคิดบ้าง

"อะไรของนายกัน ลืมไปแล้วเหรอไงว่านายท่านมีพลังอะไร บาดเจ็บก็ให้นายท่านรักษาสิ จะลำบากพากลับมาทำไม" แบลร์แขวะใส่น้องชาย

เปโดรได้ฟังแล้วก็ยิ้ม "น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ บางทีเราอาจจะเจอสถานการณ์ที่ต้องช่วยคนกลับมาก็ได้ คิด ๆ ดูแล้วสกิลนี้มันก็น่าจะคุ้มค่าจริง ๆ นั่นแหละ"

ด้วยเหตุนั้นเงินทุนเกือบทั้งหมดจึงหายเกลี้ยงในแค่ชั่วข้ามวัน

เปโดรฝากร้านให้บิบินาและแบรมดูแลต่อ ในขณะที่เขาและแบลร์ก็เริ่มออกสำรวจดันเจียนที่อยู่ใกล้ที่สุด

แน่นอนว่าเป้าหมายของทั้งสองนายบ่าวไม่ใช่มอนสเตอร์หรือวัตดุดิบที่ได้จากมัน พวกเขาเน้นดันเจียนที่มีข้าวของโบราณเป็นเป้าหมายหลัก อุปกรณ์ที่นักผจญภัยทำพังและทิ้งเอาไว้ ข้าวของเก่าที่ถูกเมินเพราะคิดว่าไม่คุ้มค่าแก่การเก็บกลับมา เหล่านี้คือสิ่งที่พวกเขามองหา

ปัญหาคือเปโดรและแบลร์ยังไม่แข็งแกร่งพอ ต่อให้มีสกิลเทเลพอร์ตแต่ยังอันตรายเกินไปที่พวกเขาจะลงไปในดันเจียนที่มีมอนสเตอร์ระดับสูง เมื่อโดนจำกัดว่าต้องอยู่ในดันเจียนระดับต่ำของที่พวกเขาพบก็เป็นแค่ของระดับต่ำด้วย

แต่แล้วก็เหมือนกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ในดันเจียนระดับต่ำที่ไม่มีใครสนใจ แบลร์ได้เสนอให้เปโดรค้นหาในจุดที่อาจจะไม่เคยมีใครไปถึง เธอคิดว่าบริเวณก้นเหวที่อยู่ในดันเจียนอาจจะเป็นสถานที่ที่เปโดรสามารถไปถึงได้ด้วยสกิลเทเลพอร์ต

เปโดรทำตามคำแนะนำของเธอแบบไม่ได้คาดหวัง เขาโยนคบไฟลงไปในก้นเหว และในระยะที่สายตามองเห็นได้ เขาก็สามารถเทเลพอร์ตไปถึงได้เช่นกัน เปโดรพาตัวเองและแบลร์มาข้างล่างได้สำเร็จจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มค้นหา

ที่ซอกหินก้อนหนึ่ง แบลร์เห็นบางอย่างสะท้อนกับแสงไฟของคบเพลิง เมื่อเธอสำรวจดูก็พบว่ามันคือด้ามดาบเก่า ๆ ที่ทนอยู่ผ่านกาลเวลามานานนับร้อยปี

ถึงจะเก่าแต่ทั้งคู่ก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่ด้ามดาบทั่วไป เปโดรใช้เพอร์เฟคฮีลซ่อมมัน ทั้งสองแทบหัวใจวายเมื่อเห็นรูปร่างดั้งเดิมของมัน มันไม่ใช่แค่ดาบระดับสูงอย่างที่เข้าใจในตอนแรก เปโดรเคยเห็นดาบนี้มาก่อนในตำรา เขาเชื่อว่ามันเคยเป็นดาบของผู้กล้า

"ดาบของผู้กล้า" แบลร์ร้องเสียงหลง "ของจริงเหรอคะ"

"ไม่รู้สิ อาจจะของเลียนแบบก็ได้ แต่มันเหมือนดาบเล่มแรกที่ผู้กล้าเคยใช้ ถ้าจำไม่ผิด มันเป็นดาบที่น่าจะติดอันดับหนึ่งในร้อยสุดยอดดาบของโลก เดี๋ยวนะฉันน่าจะเอาหนังสือเล่มนั้นมาด้วย"

เปโดรแบกเอาตำราเกี่ยวกับโบราณวัตถุมาด้วยหลายเล่ม เขาค้นอยู่ครู่หนึ่งก็เจอหนังสือที่พูดถึงดาบเล่มที่หน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

"อันดับที่ 97 ดาบแห่งแสงลานิกา"

"เชื่อกันว่ามันหายสาบสูญไปแล้วในศึกระหว่างผู้กล้ากับปีศาจแห่งความมืดเจลูโดรา บ้างก็เชื่อว่ามันถูกทำลายไปพร้อมกับเจลูโดรา บ้างก็เชื่อว่าหลังจากผู้กล้าได้ดาบใหม่เขาก็มอบมันให้กับสหาย แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานชี้จัดว่าดาบเล่มนี้ยังอยู่หรือถูกทำลายไปแล้ว"

"เจลูโดรา… ดันเจียนนี้เคยเป็นรังของเจลูโดราไม่ใช่เหรอ" แบลร์ตาโตด้วยความตกใจ

ทันทีที่กลับจากดันเจียน ทั้งสองก็ตรงดิ่งไปที่ทำการของกิลด์เพื่อทำการตรวจสอบดาบที่ได้มาอย่างละเอียดอีกครั้ง ด้วยอุปกรณ์เวทของกิลด์มันทำให้พวกเขาไม่ต้องเสียเวลาในการรอผล มันคือดาบแห่งแสงลานิกาของจริงแท้และหนึ่งเดียว

เปโดรเขาใจดีว่าสินค้าแบบนี้ไม่สามารถประเมินราคาได้ หากเขาต้องการขายให้ได้ราคาสูงที่สุดการประมูลจะเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ แต่เปโดรไม่ต้องการออกหน้าและเขาก็ไม่มีเวลาสำหรับรอการประมูลในรอบของเดือนนี้

"ถ้าต้องการขายทันที ผมสามารถจัดการให้ได้เลยนะครับ" เจ้าหน้าที่ของกิลด์การค้าสาขาโดเชสพูดราวกับอ่านออกว่าเปโดรกำลังร้อนเงิน

"คุณจะให้ได้สักเท่าไหร่ล่ะ"

"40 ล้านดาวอนครับ ถ้าคุณต้องการขายผมสามารถหาให้คุณได้ 30 ล้านดาวอนในตอนนี้เลย และอีก 10 ล้านดาวอนจะจัดหามาให้ได้ไม่เกินสามวันครับ"

เปโดรได้ยินก็หัวเราะลั่น "ดาบในตำนานที่มีคุณค่าระดับสมบัติของประเทศเนี่ยนะ ไม่เอาน่า"

เจ้าหน้าที่นิ่งไปครู่หนึ่ง "45 ล้าน..."

"ถ้าไม่ได้ถึง 100 ล้านก็เลิกคุยเถอะ ผมรอประมูลเอาก็ได้"

"มันเป็นอาวุธในตำนานก็จริงครับ แต่ก็อยู่อันดับท้ายเกือบที่สุดจากหนึ่งร้อยชิ้น ผมไม่คิดว่า..."

"ถ้าคุณจะซื้ออะไรสักอย่างเพื่อไปขายต่อ คุณไม่ซื้อ 45 ล้านเพื่อไปขายแค่ 50 ถึง 60 ล้านหรอกใช่ไหม อย่างน้อยราคาที่คุณคิดว่าจะขายได้ก็ต้องสองถึงสามเท่าตัวนู่น บางทีถ้าผมขายเองมันอาจจะได้ถึง 150 ล้านเลยก็ได้ แต่ผมไม่อยากออกหน้าดังนั้น ผมถึงยอมขาดทุนอยู่ที่ 100 ล้านยังไงล่ะ"

เจ้าหน้าที่ตีหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง "เงินขนาดนั้นผมคงอนุมัติเองไม่ได้หรอกครับ"

"คุยกับคนที่อนุมัติให้ได้สิ พวกคุณกำลังจะทำกำไรได้หลายสิบล้านนะ เขาอาจจะสละเวลามาคุยด้วยก็ได้"

เจ้าหน้าที่โค้งให้จากนั้นเขาก็เดินจากไป เปโดรและแบลร์ตัดสินใจรอคำตอบอยู่ที่ห้องรับรอง แบลร์รู้สึกคันปากจนเกือบอดใจไว้ไม่อยู่ เธออยากถามหลาย ๆ เรื่องกับเปโดร แต่ถูกกำชับไว้ก่อนหน้านั้นว่าห้ามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่มาเจรจาขณะที่ยังอยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่าย

เงื่อนไขที่เสนอได้รับการอนุมัติ เจ้าหน้าที่มาพร้อมกับเงินครึ่งหนึ่งและหนังสือสัญญาในเงินก้อนที่เหลือ สร้างความสับสนให้แบลร์ยิ่งขึ้นไปอีกเพราะว่าพวกเขามีเงินสดเกิน 30 ล้านดาวอน

ทันทีที่เปโดรใช้เวทมนตร์พาเธอกลับถึงบ้าน แบลร์ก็ยิงคำถามใส่ทันทีโดยไม่รอให้แม่กับน้องชายเข้ามาร่วมรับรู้บทสนทนาของพวกเธอ

"นายท่านรู้ได้ยังไงคะว่าดาบราคาจริงเท่าไหร่"

"ฉันไม่ใช่นักประเมินราคานะ จะไปรู้ได้ยังไง"

"อ้าว… งั้น"

"ก็แค่ลองเดาน่ะ แต่เป็นเรื่องจริงนะที่เวลาขายของมันควรจะทำกำไรให้ได้อย่างน้อยเท่าตัว ดูจากผลลัพธ์ก็แสดงว่าเดาถูก"

"แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ราคาจริงมันอาจจะสูงกว่า 150 ล้านก็ได้นี่คะ"

"เป็นไปได้ แต่พวกเราเป็นหน้าใหม่ ไม่รู้ได้เลยว่าถ้าเอาของไปลงประมูลจะเจอกับอะไรบ้าง พวกนั้นอาจจะควบคุมผลของการประมูลได้ ถ้าเราเอาไปลงก็ไม่แน่ว่าอาจจะโดนรวมหัวกันกดราคา แต่ถ้าขายไปแบบนี้ก็ถือว่ากำไรกันทั้งสองฝ่าย พวกนั้นก็จะไม่มายุ่งกับเรา และเราก็ได้เงินเร็วอย่างที่หวังเอาไว้"

"แต่นั่นมันกังวลเกินกว่าเหตุหรือเปล่าคะ เรายังไม่รู้สักนิดว่าพวกเขาจะโกง"

"โกงแน่นอน ถ้ามีโอกาสใครก็โกงได้ทั้งนั้นแหละ เป็นฉันก็ยังอาจจะทำเลย"

แบลร์ขมวดคิ้ว เธอพูดต่อไม่ออก บางทีเธอก็สงสัยว่านายท่านของเธอเป็นคนเช่นไรกันแน่ เขาช่วยเหลือทั้งครอบครัวเธอเอาไว้ รักษาใบหน้าของเธอจนหายดี และแม้ว่าเธอจะยอมให้กับทำอะไรกับเธอก็ได้แต่เขาก็ไม่เคยล่วงเกินอะไรแม้สักนิด ในด้านหนึ่งเขาราวกับเทพบุตร แต่ในอีกด้านหนึ่งเธอก็รู้สึกว่าเขามีส่วนที่น่ากลัว

เปโดรมักจะพูดอยู่เสมอว่าคนทุกคนสามารถกลายเป็นคนร้ายได้หากสบโอกาส แม้แต่คนที่ซื่อสัตย์ที่สุด หากสถานการณ์บีบคั้นให้เขาต้องทำผิดเพื่อช่วยใครสักคนเขาก็อาจจะทำมันได้

เปโดรคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุดสำหรับมนุษย์ "นอกจากจะหลีกเลี่ยงคนเลวโดยสันดานแล้ว ต้องอย่าปล่อยให้คนดีมีโอกาสทำชั่วด้วยเช่นกัน"

แบลร์อยากรู้เรื่องในอดีตของเขามากขึ้น เธอเชื่อว่าเขาอาจจะเคยโดนทรยศหักหลังจากคนที่ไว้ใจมาก่อนจึงได้ติดนิสัยไม่วางใจใครง่าย ๆ

แต่เธอเข้าใจผิด เปโดรไม่ได้เคยพบกับจุดเปลี่ยนร้ายแรงในชีวิตอย่างที่แบลร์เดา เขาแค่เข้าใจโลกนี้และเข้าใจมนุษย์เป็นอย่างดี และเขาเลือกที่จะมองในแง่ร้ายไว้ก่อนเพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าไว้ใจคนอื่นมากจนเกินไป

เงินหนึ่งร้อยล้านดาวอนเป็นตัวเลขที่มหาศาลจนแบลร์จินตนาการไม่ออก ไม่เพียงแค่ขยับขยายร้านให้ใหญ่โตขึ้น เปโดรยังกว้านซื้อพื้นที่รอบ ๆ และกิจการต่าง ๆ มากมาย

หมู่บ้านที่เปโดรปักหลักอยู่ในตอนนี้ แม้จะอยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงของอาณาจักโดเชส แต่ก็เป็นหมู่บ้านที่เกือบจะเป็นหมู่บ้านร้าง เหตุก็เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับดันเจียนอันตรายซึ่งบางครั้งก็จะมีมอนสเตอร์ที่หลุดออกมาบ้าง เขาเลือกที่นี่เป็นทำเลหลักเพราะว่ามันราคาถูก

เปโดรดูราวกับมีแผนเปลี่ยนทั้งหมู่บ้านให้เป็นหมู่บ้านของนักผจญภัย เมื่อมีนักผจญภัยพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน มันก็หมายถึงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นของคนในพื้นที่และเมืองหลวงที่อยู่ถัดไปแค่เอื้อม

ไม่หรอก เขาไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น แผนของเปโดรก็แค่สร้างหมู่บ้านที่เขาสามารถใช้เป็นแหล่งผลิตเงินทุนได้อย่างต่อเนื่อง มันก็เท่านั้นเอง

เรื่องกำลังคนก็ไม่มีปัญหา เปโดรใช้วิธีการเดิมที่ทำให้เขาได้บิบินา แบลร์และแบรมมาช่วย เขาแวะไปที่ร้านขายทาส พูดคุยเพื่อหาคนที่มีแววจากในนั้นและกว้านซื้อทาสไปเป็นจำนวนมาก

ร้านบิบินาอุปกรณ์สำหรับนักผจญภัยถูกขยายขนาด ปรับปรุงให้สวยงามขึ้นและถูกเปลี่ยนชื่อเป็นร้านบิบินาอาวุธและชุดเกราะ จากชื่อแน่นอนว่าบิบินายังเป็นผู้ดูแลร้านนี้อยู่ แต่นอกจากแบรมแล้ว เปโดรยังได้ทาสที่มีทักษะด้านงานโลหะมาเพิ่มอีกสองคน

บิบินา แบรมและผู้ช่วยอีกสอง สมาชิกรวมในร้านนี้คือ 4 คน

ติดกันกับร้านของบิบินาทางด้านซ้ายคือร้านเชียนา ร้านเสื้อผ้าที่ได้ทาสคนใหม่เชียนามาเป็นผู้ดูแล เชียนามีทักษะด้านตัดเย็บและมีความเข้าใจเรื่องแฟชันเป็นอย่างดี เปโดรลงทุนซื้อม้วนสกิลมาให้เธอเพิ่มเพื่อให้เชียนาสามารถตัดเย็บชุดเวทมนตร์ได้ด้วย เช่นเดียวกับร้านของบิบินา ร้านนี้รับซ่อมเสื้อผ้า ชุดหนัง และชุดที่มีเวทมนตร์ด้วย

เชียนาและบีนทาสผู้เชี่ยวชาญงานเครื่องหนังและผู้ช่วยงานขายอีก 1 สมาชิกรวมในร้านนี้คือ 3 คน

ร้านอาหารอยู่ทางขวาของร้านบิบินา เปโดรได้มือดีมาช่วยเธอคืออดีตเชฟมือหนึ่งของภัตตาคารชื่อดัง โมซาเคยมีชื่อเสียงโด่งดังก่อนที่เธอจะมีเรื่องกับผู้มีอิทธิพล เธอถูกกลั่นแกล้งจนตกต่ำลง นอกจากไม่มีใครกล้าจ้างแล้วเธอยังถูกหลอกจนกลายเป็นหนี้ก้อนโต โมซาคือทาสราคาสูงที่สุดที่เปโดรตัดสินใจซื้อตัวมาและเขาแน่ใจว่ามันจะต้องคุ้มค่า

ไม่ว่าอาหารจานไหน หากได้ผ่านฝีมือของโมซามันก็ไม่มีทางเป็นอาหารธรรมดาสามัญ เธอคืออัจฉริยะทางด้านนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ร้านที่เปโดรสร้างก็ไม่ใช่ภัตตาคารที่ขายอาหารราคาแพงระยับ เปโดรเข้าใจดีว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาคือนักผจญภัยซึ่งมีทั้งคนที่กระเป๋าหนักและพวกที่จนกรอบ เขาตัดสินใจทำมันเป็นร้านอาหารชุดและร้านเหล้าที่ทุกคนสามารถจับต้องได้

ด้วยทักษะของโมซาเธอคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ที่ทั้งอร่อยและราคาย่อมเยา เปโดรสามารถการันตีเรื่องคุณภาพได้เพราะเขาเคยชิมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจานไหนก็คือมื้อที่วิเศษที่สุดตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้

"บอกแล้วว่าเชื่อรสมือข้าได้เลยนายท่าน" โมซาทำท่าเบ่งกล้าม ผลของการสะบัดกะทะมานับสิบปีแม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กแบบเธอก็ยังมีมัดกล้ามให้เห็น

"เลิกทำท่านั้นสักทีเถอะ เสียดายหน้าตาก็ออกจะน่ารัก"

"เอ๋ ทำไมล่ะ เบ่งกล้ามแล้วไม่น่ารักเหรอ" โมซาชี้ไปที่กล้ามของเธอ "นี่มันผลผลิตจากความเหนื่อยยากของข้าเลยน้า"

เปโดรถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาจะได้มาแต่ทาสที่เพี้ยน ๆ

โมซา ผู้ช่วย 1 คน สาวเสิร์ฟ 2 คน สมาชิกรวมในร้านนี้คือ 4 คนไม่รวมพนักงานทำความสะอาดและเด็กล้างจานที่จ้างแบบไม่ประจำ

สุดท้ายคือแอดเวนเจอเรอร์อินน์โรงแรมขนาดเล็กที่อยู่ตรงกันข้ามกับร้านทั้งสาม แม้ขนาดจะไม่ใหญ่โตนักแต่ที่นี่คือสถานที่ที่เงินของเปโดรไปลงอยู่กับมันมากที่สุด เหตุที่เขาซื้อที่ดินจำนวนมากแต่ยังไม่สร้างอะไรเพิ่มมากไปกว่านี้ก็เพราะว่าเขาต้องเผื่อเงินไว้สำหรับบริหารและการปรับปรุงที่นี่

ทาสที่เหลืออีกยี่สิบสี่คน เปโดรเห็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านต่อสู้จากในนั้นเพียงสี่คน เขาแยกพวกนั้นออกมาและให้คนที่เหลือทำงานในโรงแรมแห่งนี้ โดยผู้ที่เปโดรเลือกให้มาบริหารโรงแรมคือฟิลเลย์

ฟิลเลย์คือชายวัยดึก เขาเป็นทาสที่มีความรู้หลายด้าน เขาเคยมีประสบการณ์ในการช่วยบริหารโรงแรมมาก่อนด้วย ฟิลเลย์และเจ้านายเก่ามีความสัมพันธ์อันดีถึงขนาดที่นายเก่าสัญญาเอาไว้ว่าไม่เพียงจะมอบอิสระให้แต่ยังจะยกกิจการส่วนหนึ่งให้กับเขาด้วย

Chapitre suivant