เมื่อถึงวัด ก็พบว่ามีคนมารอฟังเทศน์เต็มไปหมด อาจจะเพราะเป็นวันพระใหญ่ ผู้คนจึงแห่กันมาทำบุญและฟังเทศน์ คุณแม่และคุณน้าชบาก็จูงลูก ๆ ของตนไปนั่งฟังธรรมด้านหลัง เพราะคนไม่เยอะมากนัก
ไพลินที่ไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญฟังธรรม เมื่อได้ฟังการเทศน์ที่เป็นการเทศน์แบบดั้งเดิม เธอก็ง่วง แต่ยังพยายามทำตัวตื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะยังไงเธอก็เป็นถึงบุตรีของพระสุริยศักดิ์ แถมคุณหญิงคุณนายก็มาฟังธรรมกันเต็มไปหมด ถ้าเธอทำตัวไม่เหมาะสมแล้วละก็…คงได้เป็นขี้ปากของคนอื่นเป็นแน่
ครั้นพระเทศน์จบ ไพลินก็แทบจะละลายไปกับพื้นเพราะเธอง่วงเอามาก ๆ แต่มิ่งกลับตรงกันข้าม ตั้งใจฟังธรรมเป็นอย่างดี ไม่หาวไม่ง่วงแต่อย่างใด
"แม่ดวงเดือน แม่ชบา ข้าไหว้" หญิงงามผู้หนึ่งเดินเข้ามาทักทายคุณแม่และคุณน้าชบา
"ข้าไหว้เช่นกัน แม่นวล" ดวงเดือนกล่าวก่อน
"ไหว้เจ้าค่ะ" แม่ชบากล่าวตาม
"ไหว้เจ้าค่ะ/ไหว้ขอรับ" ไพลินและมิ่งกล่าวพร้อมกัน
"ไหว้พระเถิด น่ารักกันเสียจริง ทั้งสองคนเลย" นวลยิ้มให้กับเด็กน้อยทั้งสอง
"แล้วพระสุริยศักดิ์มิได้มาด้วยฤๅ" แม่นวลถามต่อ
"คุณพี่มิได้มาด้วย มีราชการเจ้าค่ะ" คุณแม่ของเธอตอบพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
ในขณะที่ผู้ใหญ่คุยกันไพลินกับมิ่งก็ได้แต่เงียบและเงี่ยหูฟัง
ตอนที่เธอฟังก็ได้ข้อมูลมาว่าผู้หญิงที่ชื่อนวล เป็นภรรยาของพระเดชดำรงที่เป็นหมอยาหลวง เรือนอยู่ใกล้วัดแห่งนี้ วันพระใหญ่เช่นวันนี้จึงมาร่วมฟังธรรมเหมือนกับพวกเธอ
เมื่อพูดคุยกันเสร็จ พวกแม่ ๆ ก็พาลูกของตนไปเปิดหูเปิดตาที่ตลาด
"เจ้าอยากได้กระไรไหม" เธอถามมิ่ง
"กระผมอยากได้ดาบขอรับ" มิ่งตอบ
"เจ้าตัวแค่นี้เองหนา อยากได้ดาบแล้วฤๅ" เธอถามพลางเอ็นดู อะไรกัน อายุเท่านี้อยากได้ดาบแล้ว
"ขอรับ กระผมเห็นบ่าวหลังเรือนฝึกซ้อมกัน" มิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง
"หลังเรือนฤๅ" ไพลินถามแบบเริ่มกระซิบเบาลง
"ขอรับ" มิ่งเลยกระซิบตอบกลับ
"เช่นนั้น คราไหนเจ้าไปดู พาข้าไปด้วยหนา" ไพลินก็ยังกระซิบกลับให้เสียงเบาลงไปอีก
"ได้ขอรับ" มิ่งตอบพลางยิ้มแป้น ดีใจที่พี่สาวของตนสนใจอะไรเหมือนตัวเอง
"คุยกระไรอยู่รึ ทั้งสองคน" คุณน้าชบาเข้ามาถามเมื่อเห็นเด็กทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก
"มิมีกระไรเจ้าค่ะ เราไปซื้อผ้ากันดีไหมเจ้าคะ" ไพลินเปลี่ยนเรื่อง
จากนั้นทั้งสี่คนจึงพากันไปซื้อผ้า ไพลินรู้สึกสนุกมากที่ได้จับน้องชายตัวเองแต่งตัว จับสีนู้นมาเทียบสีนี้ เลือกให้พ่อมิ่งที่ไพลินรู้สึกถูกชะตาด้วย
"พอแล้วขอรับ ผ้าของพี่ไพลินมีน้อยกว่าของกระผมแล้ว" มิ่งตอบพลางมองมารดาของตน
"นั่นสิ ของพ่อมิ่งพอแค่นี้เถิด" คุณน้าชบาพูด
"คุณน้าชบามาช่วยไพลินเลือกได้ไหมเจ้าคะ" ไพลินพูดพร้อมจับมือคุณน้าชบา
"ได้สิเจ้า" คุณน้าชบายิ้มยินดี
ในตอนนี้ไพลิน มิ่ง แม่ชบา และบ่าวอีก 2 คน อยู่ตรงแผงขายผ้า แต่แม่ดวงเดือนอยู่ที่บริเวณขายเครื่องประดับซึ่งอยู่อีกที่
เลือกกันไปได้สักพักก็ได้สำรับผ้าที่ถูกใจไพลิน คุณน้าชบาเป็นคนจ่ายเบี้ยให้ นับว่าคุณน้าชบาเป็นคนสายเปย์และเป็นคนใจดีที่คบได้คนหนึ่งเลย สิ่งนี้มันทำให้ไพลินเห็นว่า เธอจะเอาแนวคิดสมัยใหม่และอคติของเธอมาตัดสินคนสมัยนี้ไม่ได้
เมื่อกลับถึงเรือน ไพลินก็รีบขึ้นเรือนใหญ่เพื่อไปเก็บสำรับผ้าลงหีบ ส่วนมิ่งและแม่ชบาก็แยกไปที่เรือนเล็ก แล้วทุกคนก็มารวมตัวกันอีกครั้งที่หอกลางเพื่อกินข้าวที่พวกบ่าวจัดเตรียมไว้ให้
"แม่นายไพลิน กินเยอะ ๆ หนาเจ้าคะ" พี่นิ่มกล่าวขึ้นเบา ๆ
"อื้ม แล้วพี่นิ่มกินข้าวหรือยังเจ้าคะ" เธอถามขึ้น
"ยังเจ้าค่ะ บ่าวรอแม่นายเจ้าค่ะ"
เมื่อไพลินได้ยินคิ้วของเธอก็ย่นเข้าหากัน นี่มันก็ปาไปตั้งเที่ยงเกือบจะบ่ายแล้ว ถ้ามารอนายกินให้เสร็จ แล้วบ่าวจะได้กินเมื่อไหร่
"เช่นนั้น ไพลินจักรีบกินเจ้าค่ะ พี่นิ่มจักได้ไปกินข้าว" เธอตอบพลางรีบเปิบข้าวเข้าปาก
เมื่อทานข้าวเสร็จมิ่งก็มาแอบชวนเธอไปดูพวกบ่าวชายฝึกซ้อมดาบ
"พี่ไพลินขอรับ พวกบ่าวอยู่ทางนี้ขอรับ" มิ่งพูดกับไพลินตอนที่ทั้งสองหลบอยู่หลังพุ่มไม้เพื่อแอบดูพวกบ่าวซ้อมดาบกัน
"โห คนเยอะมากนะนั่น พี่มิเคยเห็นเลย" ไพลินกล่าวพร้อมชะโงกหน้าและจัดท่าทางให้ดูได้สะดวก
"กระผมก็พึ่งเห็นเมื่อไม่นานมานี้ขอรับ" มิ่งกระซิบบอกไพลิน
"แล้วปกติ ผู้ชายจักเริ่มจับดาบเมื่อไรฤๅ"
"5 ขวบเกือบ 6 ขวบขอรับ" มิ่งตอบกลับแต่ตานั้นจ้องพวกบ่าวที่ฝึกซ้อมอย่างไม่วางตา
ไพลินที่ได้เห็นน้องชายของตนแล้วก็ได้แต่เงียบไป เพราะอีกฝ่ายตั้งใจดูการฝึกซ้อมเหลือเกินจนเธอไม่กล้าขัดจังหวะ
เธอไม่เคยจับดาบ เคยใช้แต่มีดสั้น แต่ถ้าพูดถึงดาบ ใกล้เคียงที่สุดคงจะเป็นกระบี่กระบองที่เธอเคยเรียนตอนอยู่มัธยม ซึ่งไม่ได้เรียนจริงจัง เรียนแบบใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง ได้แค่คะแนนเท่านั้น
เธอตั้งใจดูอยู่ช่วงหนึ่ง การใช้ดาบนั้นซับซ้อนกว่าที่คิดมาก เธอกะว่าจะมาครูพักลักจำ แต่แค่เห็นเธอก็ยอมแพ้แล้ว กระบวนท่าต่าง ๆ ซับซ้อนเกินไปที่จะทำแบบนั้น แถมพวกบ่าวยังเคลื่อนไหวเร็ว จะไปจำได้ยังไงกัน
"พ่อมิ่ง พี่ว่าพี่จักกลับเรือน" ไพลินกล่าวกับน้องของตนพลางลุกขึ้นยืน
"มิสนุกหรือขอรับ" มิ่งละสายตาจากพวกบ่าวมามองพี่สาวตน
"เปล่าดอก แต่พี่ออกจากเรือนมานานแล้ว เดี๋ยวพี่นิ่มตามหา"
เมื่อพูดเสร็จเธอก็ยิ้มให้มิ่ง แต่แล้วก็ฉุกคิดอะไรได้
"พ่อมิ่ง วันพรุ่งเจ้าเอาชุดของเจ้ามาให้พี่ใส่สักชุดที" ไพลินรีบพูด
"พี่ไพลินจักเอาไปทำกระไรฤๅขอรับ" มิ่งถามอย่างงุนงง จะเอาชุดของเขาไปทำอะไรกัน
"เถอะหน่า เดี๋ยววันพรุ่งเจ้าก็จักรู้ ข้าไปละ" ไพลินรีบเดินหนีไปเพื่อไม่ให้มิ่งพูดสิ่งใดอีก
หึ ได้แต่ดูอยู่ไกล ๆ แล้วจะทำอะไรได้ ก็ต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในนั้นสิถึงจะถูก
วันรุ่งขึ้น เมื่ออาบน้ำผลัดผ้ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว เธอก็บอกพี่นิ่มว่าจะไปคุยเล่นกับมิ่งเสียหน่อยเพราะถูกชะตา แต่แท้ที่จริงพวกเธอนัดกันไปดูบ่าวซ้อมดาบ
"ได้เอาชุดมาหรือไม่" เมื่อถึงที่นัดหมายไพลินก็รีบถาม
"เอามาขอรับ พี่ไพลินจะเอาไปทำกระไรขอรับ" มิ่งยื่นเสื้อผ้าตัวเองให้แต่ยังไม่วายจะถาม
"ข้าจักแต่งเป็นชาย" ไพลินรีบเอาชุดมา และเดินไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่เพื่อผลัดผ้า
เมื่อมิ่งได้ยินก็ได้แต่ยืนอึ้ง จะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะพี่สาวตัวดีเดินไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่แถมผลัดผ้าทันที มิ่งจึงได้แต่คอยดูต้นทางคอยดูว่ามีใครมาเห็นหรือไม่
ผ่านไปได้ไม่นาน ไพลินก็เดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เธอแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย แต่เพราะใบหน้าโค้งมนนั้นทำให้เหมือนเด็กชายหน้าหวาน
"เจ้ามิอยากเข้าไปฝึกดาบจริง ๆ ฤๅ พ่อมิ่ง" ไพลินเริ่มชวนน้องชายของตนให้เข้าร่วมสิ่งที่ตนจะเริ่มทำ
"อยากฝึกขอรับ แต่กระผมยังเด็กเกินไป" มิ่งพูดด้วยหน้าตาใสซื่อ
อืม ช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ ไม่เหมือนเธอที่คิดเล่นซนแล้ว
"แล้ว...เจ้าไม่อยากฝึกก่อนฤๅ" ไพลินพูดแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นเดินตรงไปที่บ่าวไพร่ฝึกซ้อม
แน่นอนว่ามิ่งก็ยิ่งคงยืนนิ่งกับที่ คงจะกำลังคิดอยู่มั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานมิ่งก็ก้าวเดินตามเธอ
"เห้ย เอ็งเป็นใครวะ แล้วเข้ามาในนี้ทำไม" เสียงเอ็ดตะโรดังขึ้น
"กระผมขอดูพวกน้า ๆ ฝึกดาบได้หรือไม่ขอรับ" ไพลินที่ตอนนี้ปลอมเป็นชายโผล่หน้าจากพุ่มไม้ตอบ เธอกล้าหาญชาญชัยผิดกับร่างกายที่เป็นเด็ก และนั่นทำให้หัวหน้าบ่าวที่ดูแลการฝึกซ้อมรู้สึกถูกใจ
"ตัวแค่นี้ สนใจแล้วรึ" เสียงนั้นดูอ่อนโยนขึ้น ไม่แข็งกร้าวเหมือนคราแรก
"ขอรับ กระผมดูได้ไหมขอรับ" ไพลินถามซ้ำอีกรอบ
"ได้สิ แล้วเอ็งเป็นลูกผู้ใด ถึงได้มาเดินอยู่แถวนี้" ชายคนนั้นถามขึ้นอีก
"กระผมเป็นบุตรของพระสุริยศักดิ์แลแม่ชบา ชื่อเพลิงขอรับ" เธอโกหกหน้าตายด้วยเสียงหนักแน่น
ทางด้านมิ่งเมื่อได้ฟังแบบนั้นถึงกับตกใจและหน้าถอดสี ทำไมพี่ของเธอถึงได้โกหกหน้าตาเฉยว่าเป็นลูกของแม่ชบาอีกคน
"ลูกของแม่ชบามีแค่พ่อมิ่งไม่ใช่รึ แล้วเจ้าจักเป็นลูกอีกคนได้เยี่ยงไร" ชายคนนั้นค้าน
"เช่นนั้น คุณน้าลองถามพ่อมิ่งดูเถิด" ไพลินโยนของร้อนไปให้มิ่งแทน
มิ่งได้ยินก็ถึงกับตกใจแล้วถลึงตาใส่ไพลิน ส่วนไพลินก็แอบขยิบตา ประมาณว่า ช่วยหน่อยเถอะ แต่มิ่งจะรู้ถึงความช่วยเหลือที่ไพลินขอไหม อันนั้นอีกเรื่อง
"พ่อเพลิงเป็นเด็กที่คุณพ่อกระผมเก็บมาเลี้ยงขอรับ แลให้เป็นลูกคุณแม่ชบาขอรับ" มิ่งจำต้องคิดวิธีแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยการให้พี่ไพลินในคราบเพลิงเป็นลูกที่โดนเก็บมาเลี้ยง
เดจาวูไหมล่ะนั่น กลายเป็นเด็กโดนเก็บมาเลี้ยงอีกแล้ว
"ออ เช่นนั้นรึ งั้นมา ๆ พวกเจ้าอยากดูมิใช่ฤๅ" ชายร่างแกร่งพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงนั้นดูสนิทสนมกับพวกตนมากขึ้นพ่อรู้ว่าเป็นลูกของนายตน มีการเปลี่ยนสรรพนามว่า 'เอ็ง' เป็น 'เจ้า' ในทันที
"กระผมควรเรียกคุณน้าว่าอะไรหรือขอรับ" ในขณะที่เดินตามชายร่างแกร่งและพี่สาวของตน มิ่งก็ถามชื่อของชายคนนั้น
"ข้าชื่อดำ เป็นคนคุมพวกบ่าวฝึกดาบ เป็นสหายสนิทของพ่อพวกเจ้า แลพวกเจ้าอย่าหวังให้ข้าพูดจาเหมือนพวกบ่าวในเรือนเชียวหนา ข้าพูดไม่เป็น"
ชายร่างแกร่งหนาพูดขึ้น เขามีผิวแทนเข้มเพราะตากแดดเป็นเวลานาน หน้าตาของเขาคมเข้ม รูปงาม อายุก็จะประมาณ 20 ปลาย ๆ เกือบ 30 บอกกล่าวกับเด็กชายทั้งสอง
"ขอรับ คุณน้าดำ" ไพลินตอบกลับ
"เอ่อ แล้วเจ้าอยู่ที่นี่มานานรึยัง" เขาไถ่ถาม
"พึ่งมาอยู่เมื่ออาทิตย์ก่อนขอรับ พระสุริยศักดิ์พบกระผมที่ตลาดแถวคุ้งน้ำขอรับ" ไพลินสร้างเรื่องขึ้นเป็นตุเป็นตะ
มิ่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้แต่แอบฟังแล้วลอบถอนใจในใจ เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าเรื่องนี้จะไปถึงคุณพ่อ คุณแม่ แลแม่นายดวงเดือน ว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ปกติเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ จักมีแนวคิดที่ผิดแผกแปลกพิกลเยี่ยงนี้
ถ้าได้รู้พวกท่านจักรับไหวฤๅไม่