webnovel

The Last Ogre [ยักษ์]

Fantasía
En Curso · 14.8K Visitas
  • 10 Caps
    Contenido
  • valoraciones
  • NO.200+
    APOYOS
Resumen

เขาคือผู้สาปสรรที่อวตารมาเกิดใหม่ในดงศัตรูจึงจำต้องอยู่ในร่างไอ้กาก แต่ดันจับพลัดจับผลูถูกไอ้บ้านั่นผูกพันธะ บ้าเอ้ย! เอาชีวิตอันสงบสุขของกูคืนมา!!!

Chapter 1บทที่ 1 คำสาป

ท่ามกลางสายฝนหวดกระหน่ำ ณ ผาเดียวดาย ร่างหนึ่งยืนตระหง่านบนชะง่อนผาที่ด้านล่างเป็นหุบเหวลึกเกินหยั่ง

ตรงหน้าร่างนั้นคือกลุ่มอริไพรีที่หมายชีพตน ศัตรูตรงหน้าเหล่านั้นคือเหล่าเทพเทวาผู้เห็นว่าเหล่าตนคือผู้ครอบครองฤทธานุภาพแห่งความดีงาม คือผู้ถูกต้อง คือผู้ปกปักรักษาแห่งผืนนภาแลปฐพี ผู้มีรูปกายงดงาม และผู้เอื้ออารี เป็นเผ่าพันธุ์ที่เอาแต่สรรเสริญยกย่องตัวเองเพื่อหยันเหยียดเบียดเบียนเผ่าพันธุ์ที่ต่ำชั้นกว่า นั่นคือชนชั้นของ 'เหล่ายักษาผู้น่าเวทนา'

ทำเป็นแสร้งว่ามีไมตรีให้ แล้วมุสาลวงล่อให้เหล่าเผ่ายักษ์อสุราผู้ไม่ทันระวังตนร่วมมือในการกวนน้ำอมฤต ลวงว่าจะจ่ายแจกแบ่งสรรตามกำลังที่เข้าร่วม ที่ไหนได้...หลังเสร็จสิ้นทุกสิ่งที่มุ่งหวัง เหล่าทวยเทพอันเรืองฤทธาก็เผยธาตุแท้ที่ต่ำทรามเสียยิ่งกว่าชนชั้นอสูร ยึดทุกสิ่งที่ควรเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมแห่งยักษ์ไป แล้วขับไล่เข่นฆ่าราวกับมิเคยมีไมตรีกัน

แต่ยักษามิยินดีถอยร่นดังเหล่าเทพชั่วปรารถนา เช่นนั้นสงครามเทวาอสูรจึงอุบัติ

เหล่าเทพผู้ได้เสวยอมฤตอุดมไปด้วยอิทธิฤทธิ์เพิ่มพูนไพศาล ต่างกับเหล่ายักษาอสูรมารที่หมดกำลังไปอักโขแล้วกับการร่วมกวนเกษียรสมุทรในครานั้น แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มากด้วยอำนาจแลพลัง ทว่า ณ เพลานี้ก็หาได้เหลือเรี่ยวแรงต่อกรใดๆ กับเหล่าผู้มีฤทธาไม่

ท้ายที่สุดยักษาก็มิอาจต้านทาน ถูกไล่ต้อนหักหาญผลาญชีวินจนแทบสิ้นทั้งเผ่า

ขุนพลยักษ์ตนหนึ่งที่ยังยืนหยัดแม้จะเหลือเพียงแขนข้างเดียวกับร่างที่โชกชโลมไปด้วยโลหิต ร่างนั้นยืนจังก้าอยู่ตรงริมชะง่อนผาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้เหล่าเทพนั้นมุ่งมายังตนเพียงหนึ่ง เปิดทางให้เหล่าลูกหลานในเผ่าที่เหลือได้หลบลี้เอาชีวิตรอด

ท่ามกลางสายฝนสาดกระหน่ำ แสงวาบของสายฟ้าหวดฟาดพาดผ่านทิฆัมพรราวกับแส้ม้า พร้อมกระแสเสียงกัมปนาทคำรามครามครืน

ผู้ใกล้วายชนม์เหยียดยิ้มเยาะหยันในห้วงสุดท้ายแห่งชีวิตตน ก้มร่างลงใช้มือข้างที่เหลืออยู่กอบกำดินเปียกขึ้นมาหยิบมือแล้วป้ายปาดตรงหน้าผากโหนกลากเป็นปื้นตั้งแต่หน้าผากจรดริมฝีปาก พลางเอ่ยคำสาปแช่ง!

"ข้าแต่ผืนปฐพีโปรดเป็นพยาน ข้าผู้นี้ขอแลกด้วยลมหายใจแลวิญญาณทั้งหมดแด่ท่าน เพื่อสาปสรรเผ่าพันธุ์แห่งเทวัญชั้นฟ้าผู้เป็นทุรยศแก่เผ่าพันธุ์ข้า ขอให้พวกมันประสบแต่ความบรรลัยฉิบหายให้เท่ากันกับเผ่าพันธุ์ข้า ขอให้พวกมันจมอยู่กับความทุกข์โศกเวทนา เจ็บไข้ล้มตายไม่มีวันขาดสายประดุจห่าฝนนี้!! ทำร้ายพวกข้าไว้เท่าใดก็ขอให้พวกมันฉิบหายเท่ากัน!!! ให้พวกมันที่ถือตัวว่าเป็นเทพผู้สร้างกลายร่างไม่ต่างจากเดรัจฉานอสูร ไม่อาจเสวยสุขในทิพยใด ๆ ให้มันกินได้เพียงเลือดเนื้อจนเป็นที่รังเกียจไปทั่วสารทิศ!! ขอให้คำที่ข้าลั่นออกไปด้วยวิญญาณนี้ถือเป็นคำตาย หาได้มีอำนาจใดลบล้างได้ไม่!! และแม้ถึงวันที่มันเจ็บเท่ากันแล้ว หากมิใช่ลูกหลานแห่งเผ่าพันธุ์ยักษาผู้ต้องตามตำราเป็นผู้ถอนคำสาปสรรนี้แล้วไซร้ ก็ให้พวกมันจมอยู่กับทุกขเวทนาต่อไป อย่าได้ผุดได้เกิด ชั่ว กัป ชั่ว กัลป์!!"

สิ้นคำสุดท้ายสายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาที่ด้านหลังเพื่อตอบรับในคำสาปแช่งนั้น ขุนพลยักษ์เหยียดยิ้มเย็นก่อนที่ร่างนั้นจะหงายหลังทิ้งลงไปยังหุบเหวที่ลึกสุดหยั่ง แหลกเหลวอยู่ ณ ก้นบึ้งนั้นพร้อมคำสาปสรรที่แสดงฤทธานุภาพออกมาในทันที!

*

*

*

*

*

หัวใจยักษาร้าวรวด การถูกเหล่าเทพหักหลังนั้นมันยังไม่หนักเท่าการถูกเพื่อนร่วมตายทรยศ แต่แม้เจ็บแค้นเท่าไหร่ยักษาตนนี้ก็ไม่อาจหักใจต่อสหายเทพเพียงหนึ่ง ในขณะที่บริกรรมคำแช่งชักจึงจงใจยกเว้นเทพตนนั้นไว้ แล้วค่อยจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย

*

*

*

*

*

หลังคำสาปสรรเมืองที่สวยงามราวสรวงสวรรค์ชั้นดุสิตก็พินาศย่อยยับลงไป เหล่าทวยเทพที่แม้ยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งน้ำอมฤตแต่ก็ไม่อาจต้านทานความรุนแรงของคำแช่งนั้น ทำให้ลูกหลานที่เกิดใหม่ล้มตายไปเกือบทั้งเผ่า เหล่าเทพที่เหลือรอดก็แทบจะกลายสภาพเป็นอสูรที่ต้องดำรงชีพด้วยเลือดเนื้อของเหล่ามนุษย์

จากเผ่าพันธุ์แห่งเทพเทวัญที่สูงศักดิ์ต้องตกต่ำเข้าขั้นเดรัจฉาน นั่นจึงทำให้เหล่าเทพที่ยังเหลือรอดพยายามอย่างหนักเพื่อหาวิธีแก้ไข ทางเดียวที่จะสามารถแก้ได้คือต้องให้ลูกหลานยักษ์สายเลือดเดียวกับผู้สาปเป็นคนแก้ ทว่าหลังพวกตนเทพไท้ทำการอันเป็นทุรยศโดยการยึดน้ำอมฤตเป็นของตนทั้งหมดแล้วนั้นก็ได้ไล่ล่าพร่าผลาญเหล่ายักษ์จนสิ้นทั้งเผ่า มันจึงไร้ซึ่งผู้แก้ไข

แต่กาลนั้นก็ไม่ได้ทำให้เหล่าผู้ที่ถือตนว่าเป็นคนวิเศษเลิศล้ำถอดใจ เทพไท้ผู้มีฤทธิ์จึงสร้างยักษ์ขึ้นใหม่ด้วยเลือดเนื้อจากซากศพของยักษ์ที่ตนเข่นฆ่า เพื่อให้กำเนิดยักษ์ในยักษ์ตนใหม่ที่สามารถแก้ไขคำสาปสรรได้

ทว่าเรื่องนั้นก็หาได้ง่ายดาย ยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นไม่อาจทดแทนวงศ์วานแห่งสายเลือดแท้ อีกทั้งการทดลองสร้างยักษ์มิใช่เรื่องง่าย ตัวอ่อนบ้างตายบ้างพิการไม่สามารถเติบใหญ่สมบูรณ์ เพียงครึ่งหนึ่งที่สามารถรอดพ้นจนเติบใหญ่กระนั้นก็มิได้หมายความว่าจะรอดขึ้นมาเป็นยักษ์แต่กลับกลายเป็นอสูรที่ไร้จิตสำนึกใดที่ต่ำช้ายิ่งกว่าภพแห่งเดรัจฉาน แม้เทพเหล่านั้นจะรู้ตัวว่ากำลังจะสร้างหายนะ แต่ก็ไม่ยอมล้มเลิกในการเพาะยักษ์ขึ้นมาล้างคำสาป เพราะแม้จะมีโอกาสแค่ 1 ในล้านพวกเขาก็ยังมีความหวัง

แต่ยิ่งนานวัน นอกจากการทดลองจะไม่สำเร็จผลดังใจแล้ว ความเสื่อมสลายก็คืบคลานเข้ามาทุกขณะ เหล่าเทพไม่อาจอยู่รอความตายที่ดินแดนของตน ท้ายสุดจึงคิดอพยพโยกย้ายทิ้งหลอดทดลองที่มีมากมายหลายล้านไว้ ทั้งที่ถูกทำลายและยังมีตัวอ่อน โดยมิสนใจอีกว่ามันจะกลายเป็นตัวอะไร อสูร หรือ ยักษ์

ในช่วงกลียุคที่สุดพรแห่งอมฤตก็ไม่อาจส่งทอดได้ทั้งหมด เหล่าเทพไท้กลายกลับเป็นสิ้นฤทธา เผ่าพันธุ์ล่มสลายเมื่อปลายสมัยที่แดนดุสิตกับแดนมนุษย์ยังเชื่อมโยง เมืองดุสิตแห่งทวยเทพล่มสลายมีเพียงส่วนหนึ่งที่หนีรอดลงมาพักพิงยังแดนมนุษย์ จบสิ้นตำนานแห่งเผ่าพันธุ์ที่เคยยิ่งใหญ่

แต่เรื่องเลวร้ายที่พวกเขาได้ทำไว้มันยังไม่จบ การเริ่มต้นแห่งกลียุคจึงได้ลุกลามลงสู่โลกมนุษย์ด้วย เพราะเหล่าอสูรที่ถูกทิ้งไว้ในดินแดนดุสิตไม่ได้ล้มตาย กลับเพิ่มพูนกำลังพลเหลือคณานับ ขยายเผ่าพงศ์ครอบครองแดนดุสิตที่เสื่อมถอย แม้อสูรทดลองที่สร้างขึ้นนั้นส่วนใหญ่จะล้มเหลวกลายเป็นเพียงอสูรที่มีเพียงสัญชาตญาณไม่มีหัวคิดจิตใจ แต่เหล่าเทพไม่รู้ว่ามันยังมีตัวอ่อนส่วนหนึ่งที่สามารถพัฒนาจนเกือบกลับมาใกล้เคียงกับเผ่ายักษ์ ที่มีมันสมองและมีรูปโฉมที่ไม่ต่างเทพ

เหล่าอสูรผู้มีสมองนั้นสถาปนาตัวขึ้นเป็นเผ่าอสูร เผ่าพันธุ์อสูรนี้ขยายกำลังพลจากหลอดทดลองพราดพรวดรวดเร็วจนวันหนึ่งแดนดุสิตที่ล่มสลายก็ไม่อาจรองรับความหิวกระหายของพวกมัน ทรัพยากรถูกล่าล้างจนแทบไม่เหลือเพราะพวกอสูรระดับล่างมันกินไม่เลือก สุดท้ายพวกมันก็เริ่มรุกรานไปยังพื้นที่อื่น และเพราะแดนดุสิตกับแดนมนุษย์ยังยึดโยงกันผ่านประตูมิติที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ทำให้ต่อมาอสูรส่วนหนึ่งก็ผ่านประตูมิติเข้ามารุกรานในแดนดินนี้

เหล่ามนุษย์ผู้อยู่อย่างสุขสงบมาตลอดตกอยู่ในความหวาดหวั่น แต่เหล่าเทพที่แฝงตัวอยู่นั้นรู้ดีว่ามันคือความรับผิดชอบของพวกตน สุดท้ายจึงออกหน้าปกป้องมนุษย์โดยการกำจัดอสูร ทว่าเหล่าเทพที่เหลือเพียงหยิบมือไม่อาจต้านทานเหล่าอสูรที่โผล่มาทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่หยุดหย่อนได้ไหว แต่ด้วยพรแห่งอมฤต ก่อนที่เผ่าพันธุ์เทวัญและมนุษย์จะถูกรุกรานจนถึงกาลสาบสูญ พวกเขาจึงได้ทำพิธีประสาทพรหนึ่งขึ้นเพื่อมอบฤทธานี้ส่งต่อแก่มนุษย์บนโลกที่ตนเข้ามาพักพิงอาศัย

'พรภูมิ' คือชื่อของพรที่พวกตนมอบให้ แบ่งปันจากอมฤตลึกล้ำที่พวกตนได้ถือครอง เด็กมนุษย์ส่วนหนึ่งนับจากนี้ไปจะได้รับพรภูมิกลายเป็นผู้มีพลังทัดเทียมเทพเพื่อปกปักรักษาดินแดนแห่งนี้จากเหล่าอสูร และเพราะมนุษย์ไม่เคยมีพลังทั้งยังไม่รู้ว่าอสูรนั้นเกิดจากฝีมือของเหล่าเทพสร้าง พวกตนจึงมอบศรัทธาให้แก่เทพผู้ประสาทพรและยกให้เป็นผู้ปกครองตนในที่สุด

เวลาผันผ่าน เหล่าเทพผู้มาเยือนแบ่งดินแดนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ออกเป็น 5 ประเทศเพื่อให้ง่ายต่อการปกป้อง อันได้แก่ อินทรา จันทรา สุริยา ดารา อนันตา แต่ละประเทศสร้างกำแพงเมืองมหึมาเพื่อปกป้องพื้นที่ของตนจากพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ที่ถูกอสูรยึดครองไปแล้ว

กว่าหลายพันปีล่วงมาถึงปัจจุบันที่โลกก้าวหน้าไปมาก ด้วยวิทยาการที่เลิศล้ำทำให้พวกมนุษย์สามารถต่อกรกับอสูรได้มากขึ้น พวกเขาจัดตั้งโรงเรียนของเหล่าผู้ได้รับพรภูมิเพื่อจะได้ฝึกทักษะในการล่าอสูรตั้งแต่เยาว์วัย มีการวางกำลังเพื่อป้องกันกำแพงเมืองอย่างแน่นหนา

แม้เหล่ามนุษย์ผู้ได้รับพรภูมิจะมีพลังและความสามารถอันน่าอัศจรรย์ แต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าเหล่าชนชั้นปกครองเพียงหยิบมือของอาณาจักรอินทราที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์แห่งเทวัญผู้ประสาทพรได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีพร้อมทั้งพละกำลังที่เหนือกว่าคนทั่วไป ทักษะการรบ พลังเวทย์ อายุขัยที่ยืนนานและที่สำคัญคือรูปโฉมที่งามล้ำสมชาติพันธุ์ที่สืบสายมา

น่าเสียดายที่ความเลิศล้ำสัพพัญญูเพียงนั้นกลับไม่อาจดำรงเกรียงไกร ชนชั้นปกครองผู้สืบเชื้อสายที่เหลือรอดจากการสูญสลายของชั้นดุสิตจึงเหลืออยู่เพียง 5 ตระกูลเท่านั้น ซึ่งก็กลายเป็นราชาประจำ 5 ประเทศไป

แต่แม้ทุกสิ่งได้สรรค์สร้างให้คนเหล่านี้มีความพิเศษเหนือผู้ใดจนเป็นที่ริษยา ทว่าคำสาปสรรแห่งเผ่าพันธุ์ที่ติดตัวมาย่อมยังส่งผลกระทบ นั่นคือพวกเขานั้นจำเป็นจะต้องดื่มโลหิตเพื่อยังชีพให้อยู่รอด และไม่ใช่เพียงโลหิตของมนุษย์สามัญธรรมดา แต่ต้องเป็นโลหิตของผู้มีอำนาจแห่งพรภูมิในด้านของเวทมนตร์อาคมสูงส่งเพียงพอเท่านั้น นั่นจึงทำให้ผู้สืบสายพงศ์เผ่าแห่งเทวัญนั้นล้วนต้องมีนักเวทย์ข้างกาย เพื่อที่จะใช้วิชาอาคมที่ตนมียับยั้งและรักษาอาถรรพ์ของคำแช่ง และอีกอย่างคือเป็นคลังโลหิตที่จะขาดไม่ได้เป็นอันขาด

มีอีกอย่างที่เป็นความคับแค้นในอกของเหล่าเทพ นั่นคือคือพวกตนไม่อาจให้กำเนิดเทพเลือดบริสุทธิ์ได้ พวกเขาไม่อาจให้กำเนิดบุตรที่เป็นสายเลือดแท้นอกดินแดนดุสิต ดังนั้นเด็กส่วนใหญ่ที่ถือกำเนิดมาก็จะมีสายเลือดเพียงครึ่งเดียว อีกทั้งยังยากมากที่จะเกิดมาด้วย ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มียุวเทพถือกำเนิดออกมาเพียง 13 คนเท่านั้น ทั้งหมดเป็นเลือดผสม โดย 3 คนล่าสุดเพิ่งถือกำเนิดเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นรัชทายาทที่กำเนิดจากราชาที่เป็นเทพและมารดาที่เป็นคนจากเผ่านาค ซึ่งเผ่านาคก็ถือว่าเกือบเทียบเคียงเทวา ส่วนยุวเทพอีก 2 คนในรุ่นเดียวกับรัชทายาทนั้นเป็นบุตรของแม่ทัพคู่พระทัย และอีกคนเป็นบุตรของราชครู

รัชทายาทเป็นลูกครึ่งเทพ-นาคา บุตรชายของแม่ทัพก็เป็นลูกครึ่งเทพ-นาคา เป็นที่น่าแปลกใจนักเพราะบุตรชายของราชครูนั้นถือกำเนิดจากมารดาที่เป็นลูกครึ่งเทพกับราชครูผู้เป็นมนุษย์ที่ได้รับพรภูมิเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเด็กที่กำเนิดออกมาก็มีสัญลักษณ์แห่งเทวา

เมื่อยังเยาว์ ยุวเทพเหล่านี้จะยังไม่ต้องรับเลือดเพราะถือว่ายังบริสุทธิ์ จะเริ่มรับเลือดครั้งแรกก็ต่อเมื่อเจริญวัยถึงอายุ 13 ปี โดยจะสามารถรับเลือดจากนักเวทย์ของชนชั้นปกครองได้ แต่เมื่อใดที่อายุผ่านพ้นจนถึง 18 ปีแล้วก็จะไม่สามารถรับเลือดจากบุคคลใดนอกเหนือจากนักเวทย์ที่ถูกผูกพันธะของตนได้อีก

และเมื่อกล่าวถึงนักเวทย์ แม้ผู้ที่ได้รับพรภูมิจะมีมากมาย แต่ก็ได้ทักษะแตกต่างกันออกไปเป็น 5 สายหลักๆ ด้วยกัน คือ นักรบ นักฆ่า นักธนู นักบวช และ นักเวทย์ จริงอยู่ที่มีนักเวทย์อยู่มากมาย แต่นักเวทย์ที่ประสบความสำเร็จจนได้ยืนเคียงข้างชนชั้นปกครองนั้นถือว่าหายากเสียจนเลือดตาแทบกระเด็น บางครั้งแม้เก่งกล้าแต่หากไร้วาสนาก็ไม่อาจไขว่คว้าถึง

เพราะเหตุนี้เทวาที่ตอนนี้เหลือเพียงหยิบมือในชั้นปกครองก็ได้เฟ้นหาเหล่าคนที่มีพรภูมิแล้วเอาเข้าเรียนในโรงเรียนที่เรียกว่าอะคาเดมี่ที่ปกครองโดยพวกตน เพื่อให้เด็กเหล่านั้นเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้วออกมาต่อสู้กับอสูรได้อย่างเข้มแข็ง และเพื่อตามหานักเวทย์ที่เหมาะสมต่อทายาทที่กำลังเติบใหญ่หรือที่อาจถือกำเนิดออกมาในอนาคต ดังนั้นจึงไม่มีใครเลยที่มีพรภูมิแล้วจะไม่ถูกค้นพบ ส่วนใหญ่จะเจอตั้งแต่แรกเกิดเพราะมีสัญลักษณ์แห่งผู้ได้รับพรติดตัวอยู่

ว่ากันว่าใครหรือครอบครัวใดก็ตามที่มีบุตรในบ้านเกิดมาพร้อมสัญลักษณ์แห่งพรภูมิ ก็จะได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐทันทีเพราะถือว่าเป็นครอบครัวของผู้ปกป้องประเทศ และที่สุดในนั้นคือใครที่ได้รับพรภูมิในสายเวทย์แล้วได้รับเลือกให้เป็นคู่กับเทวาแล้วล่ะก็ครอบครัวก็จะเรียกได้ว่ายิ่งกว่าถูกรางวัลใหญ่ เพราะไม่มีสิทธิประโยชน์ใดมีค่ามากไปกว่าการได้ใกล้ชิดชนชั้นปกครอง อย่างในยุคนี้ที่มียุวเทพถือกำเนิดออกมา 3 คน นั่นย่อมหมายความว่าจะมีนักเวทย์จาก 3 ครอบครัวได้รับสิทธิพิเศษนั้น

อีกไม่นานทั้ง 3 ก็จะอายุครบ 18 ปีแล้ว แต่ก็นั่นแหละส่วนใหญ่แล้วพวกที่ได้รับเลือกก็จะมาจากตระกูลใหญ่ๆ เท่านั้น โดยเฉพาะในยุคสมัยแห่งทุนนิยมนี้

คนธรรมดาย่อมไม่มีสิทธิ์ใฝ่ฝันถึง

ประเทศที่ปกครองด้วยระบบชนชั้นมันก็เป็นแบบนี้

ไม่ว่าที่ใดก็ตาม...

También te puede interesar

ธิดาคนโตผู้เป็นที่รักของทุกคน โชคชะตาของนางเปี่ยมล้นด้วยความสุข

1V1, นางเอกเก่งกล้า, เป็นที่รักของทุกคน, นิยายสบายใจ, การทำไร่ทำนา, การทำธุรกิจ, สัตว์เลี้ยงน่ารัก, ลูกน้อยน่ารัก, จักรพรรดินี, การฝึกตบะ, เทพเจ้าแห่งสงคราม, แฟนตาซีโรแมนติก จวนเจิ้นกั๋วกงไม่มีทายาทหญิงมาร้อยปี ในที่สุดก็ได้หลานสาวที่รอคอยมานาน ควรจะได้รับการทะนุถนอมและมีชีวิตที่เพียบพร้อม แต่น่าเสียดายที่เพิ่งเกิดก็ถูกคนชั่วสลับตัว ต้องระเหเร่ร่อนในหมู่ชาวบ้าน และได้รับการเลี้ยงดูโดยครอบครัวพรานใจดี นับตั้งแต่รับเด็กหญิงมาเลี้ยง ครอบครัวพรานก็เริ่มโชคดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ สัตว์ป่านานาชนิดเดินเข้ามาติดกับดักเอง โสมและหลิงจือหาได้ทั่วไป สิบปีต่อมา จวนเจิ้นกั๋วกงก็ค้นพบความจริงว่าหลานสาวแท้ๆถูกสลับตัว จึงเดินทางไกลเพื่อรับเด็กหญิงกลับจวน เมื่อกลับมาอยู่กับพ่อแม่แท้ๆ เด็กหญิงก็กลายเป็นที่รักของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่คุณปู่ไปจนถึงพี่น้องในตระกูล ต่างก็ทะนุถนอมเธอไว้ในอุ้งมือ....... เมื่อโตขึ้น หลินชิงลั่วมีความสามารถในการต่อสู้เป็นเลิศ งดงามไร้เทียมทาน ได้รับการจัดอันดับหนึ่งในตารางทรงลมจันทร์ เธอออกรบพร้อมกับพ่อและพี่ชาย ราวกับได้รับความช่วยเหลือจากเทพเจ้า กวาดล้างกองทัพศัตรู สร้างชื่อเสียงในฐานะเทพเจ้าแห่งสงคราม มีผู้ชื่นชมนับไม่ถ้วน ***************** หัวหน้าเทียนจี: "คุณหนูงดงามไร้เทียมทาน ไม่มีใครในใต้หล้าจะเทียบได้ รู่เฟิงชื่นชมคุณหนูมานานแล้ว" เส่ากู่จู่แห่งหุบเขายา: "คุณหนูหลินมีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม ชางหลานยอมรับว่าสู้ไม่ได้ ขอติดตามตลอดชีวิต เพื่อศึกษาวิชาแพทย์ รักษาผู้คน" องค์ชายองค์แรกแห่งแคว้นฉี: "ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิต หลิวอวิ๋นขอมอบกายถวายชีวิต" หลินชิงลั่ว: หัวใจของนางถูกองค์ชายเล็กผู้ชอบเกาะติดครอบครองไปนานแล้ว ในสมองคิดถึง ในใจห่วงใย ล้วนเป็นเขาทั้งสิ้น ไม่มีที่ว่างให้คนอื่นอีกแล้ว ###### ธิดาคนโตผู้เป็นที่รักของทุกคน โชคชะตาของนางเปี่ยมล้นด้วยความสุข

ฟังเสียงฝนริมน้ำ · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
366 Chs

รักว้าวุ่น กับ เรื่องราวแสนประหลาด

ณ โรงเรียนมัธยมปลาย ห้อง 2-A ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นห้องของเหล่าหัวกะทิ "ลีโอ สึกิโนะ" เด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมและช่างสังเกต ได้จับคู่ทำโปรเจกต์วิทยาศาสตร์ในหัวข้อ "ทฤษฎีควอนตัมและโลกคู่ขนาน" กับ "ลูมีน โคโมริ" เด็กสาวผู้ชาญฉลาดและดูลึกลับ การทำงานร่วมกันทำให้ทั้งสองค่อยๆ เปิดใจและใกล้ชิดกันมากขึ้น ลีโอได้ค้นพบด้านที่เปราะบางของลูมีนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเข้มแข็ง ขณะที่ลูมีนก็เริ่มเห็นความใส่ใจและความสามารถที่ซ่อนเร้นของลีโอ ระหว่างการทำโปรเจกต์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็พัฒนาไปพร้อมๆ กับความรู้สึกดีๆ ที่ก่อตัวขึ้น ท่ามกลางเรื่องราววุ่นๆ ของเพื่อนร่วมชั้นอย่างเซโน่ นักประดิษฐ์สุดเพี้ยน, เคน นักบาสจอมซุ่มซ่าม, ทาคุมิ หนุ่มศิลปินสุดติสต์, ไอริส ว่าที่ประธานนักเรียนผู้เย็นชา และฮิมาริ สาวน้อยร่าเริง ลีโอและลูมีนต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งเรื่องโปรเจกต์และเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะลูมีนที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากครอบครัว จนกระทั่งวันนำเสนอโปรเจกต์มาถึง ลีโอก็พบกับความจริงที่น่าตกตะลึง เมื่อลูมีน โคโมริ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครในห้องจำเธอได้ แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างไอริสและฮิมาริ หลักฐานทุกอย่างที่เคยมีเกี่ยวกับตัวเธอก็อันตรธานหายไปราวกับเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง โปรเจกต์ที่เขาเคยทำร่วมกับลูมีนกลับกลายเป็นโปรเจกต์ที่ทำกับ "ริคุ แลงคาสเตอร์" หนุ่มรุ่นพี่จอมขี้เกียจ ลีโอต้องเผชิญกับความสับสนและความจริงที่ว่าความทรงจำทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับลูมีน อาจเป็นเพียงสิ่งที่เขาจินตนาการขึ้น หรือมีบางอย่างที่เหนือธรรมชาติกำลังเกิดขึ้นกับเขากันแน่?

NAMBIE_VINZEN · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
32 Chs

ตื่นขึ้นในร่างท่านหญิงตัวร้าย

อลิซ โปรแกรมเมอร์สาวจากโลกปัจจุบัน พลันเสียชีวิตและตื่นขึ้นมาในร่าง เลดี้เซเรน่า ฟอน วาลดีส ตัวร้ายผู้มีชะตากรรมสุดเศร้าในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบ! เมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนถูกปรักปรำและเนรเทศ เธอต้องพลิกชะตาตัวเอง และร่วมมือกับ คล้าว พ่อค้าหนุ่มผู้ลึกลับ เพื่อเปิดโปงแผนร้ายของ มหาเสนาบดีซิลเวสเตอร์ ผู้ที่กำลังจะทำลายทั้งอาณาจักร เธอจะใช้ความรู้จากอีกโลก เปลี่ยนจากตัวร้ายที่ถูกลืม ให้กลายเป็นผู้กอบกู้ในตำนานได้หรือไม่? เรื่องราวของชีวิตใหม่ที่เธอเลือกเองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!

Run_Kantheephop · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
13 Chs

valoraciones

  • Calificación Total
  • Calidad de escritura
  • Estabilidad de Actualización
  • Desarrollo de la Historia
  • Diseño de Personajes
  • Contexto General
Reseñas
¡Guau! ¡Si dejas tu reseña ahora mismo, sería la primera!

APOYOS