บนศาลาเรือนน้ำ
ด้านเหล่าสตรีสูงศักดิ์ เมื่อถูกอีกฝ่ายหยามเกียรติอย่างไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของพวกตน พวกนางก็ร่วมใจประสานพลังวิ่งกรูพุ่งตรงเข้าไปหา สาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มอีกรอบอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดแนะล่วงหน้า เพื่อหวังพิชิตชัยในคราวเดียวเช่นกัน
และในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตบตีตอบโต้สวนกลับกันไปมาอย่างงชุลมุนอยู่นั้นเอง
ฟ่งหลันหลั่นก็ถูกมือของใครบางคนผลักทางด้านหลังอย่างแรงจนนางเสียหลักล้มลง ทำให้บั้นท้ายแสนงามกระแทกลงบนแผ่นพื้นที่ปูด้วยหินอ่อนของศาลาเรือนน้ำอย่างแรง
นางจึงวางฝ่ามือค้ำยันไปทางด้านหลังตามสัญชาตญาณ เพื่อไม่ให้ตนเองนอนหงายราบไปกับพื้น จังหวะนั้นสายตาก็ได้เหลือบมองไปเห็น หลงอี้หลิงเดินตรงเข้ามาด้วยใบหน้านิ่ง ท่าทางสุขุมจนดูน่ากลัว
รวมทั้งเยี่ยอ๋องและคนอื่น ๆ ก็กำลังเดินตามหลังเขามาติด ๆ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
สตรีน้อยเริ่มหวั่นวิตกขึ้นมาในใจอย่างฉับพลัน เพราะนางคาดเดาได้ ไม่ยากเลยว่าหากแม่ทัพหนุ่มผู้นี้เดินมาถึง นางคงมิวายจะถูกเขาโกรธที่ขัดคำสั่งอย่างแน่นอน
'ซวยแล้ว เขาสั่งห้ามเราก่อเรื่องซะด้วยสิ!'
ฟ่งหลันหลั่นคิดวิตกกังวลในใจ พลางหันซ้ายแลขวามองไปรอบตัวอย่างกระวนกระวาย จังหวะนั้นสายตาพลันเหลือบมองไปเห็นเศษกระเบื้องของเครื่องลายครามที่ตกแตกอยู่ข้างกายเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พอดีอย่างจับวาง
สตรีน้อยจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาในหัวทันที มีทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ให้ตนเอง จากฝ่ายผู้กระทำให้เปลี่ยนเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำแทนนั้นเอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงตัดสินใจวางฝ่ามือน้อยของตัวเองทาบลงไปบนเศษกระเบื้องลายครามแตกชิ้นนั้น และกดน้ำหนักมือลงไปอย่างตั้งใจ ทันใดนั้น เลือดสีแดงเข้มก็พุ่งกระฉูดออกมาตามร่องนิ้วมือเรียวงามของ เจ้าตัว
โอ๊ย!
ฟ่งหลันหลั่นตั้งใจร้องโอดครวญเสียงดังขึ้น พร้อมกับยกฝ่ามือของตนขึ้นมาดู และแสร้งเผยสีหน้าเจ็บปวดอย่างแสนที่สุดออกมาบนดวงหน้างามนั้น
เหล่าสตรีสูงศักดิ์บนศาลาเรือนนั้น รวมทั้งสาวใช้ของจวนอ๋องต่างพากันตกใจจนสีหน้าซีดเผือดกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะหลงเชื่อใน กลอุบายนั้นของฝ่ายตรงข้าม
มีเพียงเยี่ยชิงเซียวที่มองออกว่าสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ตั้งใจทำให้ตัวเองบาดเจ็บ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงทำเยี่ยงนี้
"เจ้าเป็นบ้าไปแล้ว อยู่ดี ๆ ก็หาเรื่องทำให้ตัวเองบาดเจ็บ อย่าคิดนะว่าข้าจะมองไม่ออก ว่าเจ้าตั้งใจวางฝ่ามือกดลงบนเศษกระเบื้องลายครามนั้น เจ้ากลัวพวกข้าจนถึงต้องทำอะไรสิ้นคิดเชียวรึ"
ธิดาอ๋องถามด้วยน้ำเสียงถากถางและยิ้มเยาะหยันให้อีกฝ่ายอย่างสมเพชเวทนา
ฟ่งหลันหลั่นเริ่มเปิดการแสดงละครฉากใหญ่ นางแสร้งตีหน้าเศร้าและกล่าวถ้อยคำแผ่วเบาออกมาด้วยท่าทางน่าสงสาร แต่แววตากลับซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้อยู่ในที
"พวกท่านทุกคนเป็นฝ่ายรุมรังแกข้าเห็น ๆ อยู่ แต่เหตุใดธิดาอ๋อง สตรีสูงศักดิ์แห่งแคว้นนี้เยี่ยงท่าน ถึงได้กล่าวคำร้ายกาจใส่ความสาวใช้เช่นข้า ได้มากมายเพียงนี้กัน"
ธิดาอ๋องรู้สึกเหมือนโดนฟ่งหลันหลั่นตบหน้าฉาดใหญ่อีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีเสแสร้งออกมา ซึ่งมันช่างตรงกันข้ามกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ทำให้นางโกรธจนเลือดแดงฝาดขึ้นบนดวงหน้างามที่หยิ่งยโสเอา แต่ใจ
"เลิกทำตัวเสแสร้งต่อหน้าผู้อื่นเสียที เจ้าอย่าเสียเวลาทำเรื่องโง่ ๆ โดยเปล่าประโยชน์เลย เพราะคำพูดของนางทาสชั้นต่ำ ไม่มีผู้ใดเขาเชื่อกันหรอก"
เยี่ยชิงเซียวแผดเสียงตะคอกตอกใส่หน้าฟ่งหลันหลั่นกลับไปอย่างเกรี้ยวกราด ถ้อยคำนั้นเต็มไปด้วยคำหยาบและคำดูถูกดูแคลนเหยียบย่ำกดขี่ผู้อื่นให้จมอยู่ใต้ฝ่าเท้า
โดยนางหารู้ไม่ว่าทางด้านหลังของตนนั้น เต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง แขกเหรื่อมากมาย รวมไปถึงผู้เป็นบิดาและหลงอี้หลิง เพราะตอนนี้ทุกคนเดินมาหยุดยืนหน้าศาลาและได้ยินประโยคนั้นของธิดาอ๋องเข้าพอดี
ถงเสี่ยวเถาซึ่งกำลังยืนหันหน้าเข้าหานายสาว ได้มองเห็นสีหน้าผิดหวังและท่าทีซุบซิบนินทาของพวกเขาอย่างชัดเจน
นางตกใจจนหน้าเสีย จึงรีบเดินเข้าไปจับตรงต้นแขนของนายสาวและเขย่ามือเล็กน้อย เพื่อเรียกสติธิดาอ๋อง พร้อมกับยื่นหน้าเข้าประชิดตัว เพื่อหวังกระซิบบอกให้เยี่ยชิงเซียวหยุดการกระทำทุกอย่างนี้
แต่ยังไม่ทันที่ถงเสี่ยวเถาจะได้มีโอกาสกล่าวคำใดกับนายสาวของตน มันก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
หลงอี้หลิงเดินย่างเท้าเดินเข้ามาในศาลาเรือนน้ำด้วยสีหน้าราบเรียบ นิ่งสุขุม แต่พอมองเข้าไปตรงกลางโถง เขาเห็นสาวใช้ของตน กำลังนั่งฟุบอยู่กับพื้นและอุ้งมือน้อยข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานซึ่งเล็ดลอดออกมาตามง่ามนิ้วมือเรียวยาว
ใบหน้าอันหล่อคมของเขาพลันเปลี่ยนสี โดยเผยความตึงเครียดขมึงถึงออกมาแทนอย่างชัดเจน
แม้กระทั่งจางเก่อและเข่อลั่ว ซึ่งเดินตามหลังนายน้อยของตนมาติด ๆ พอได้เห็นภาพนั้นของสตรีน้อย พวกเขาก็ตกใจมิใช่น้อย
ทว่าการกระทำของฟ่งหลันหลั่นก่อนหน้านี้ มีหรือจะหลุดรอดพ้นจากสายตาอันคมกริบของแม่ทัพหนุ่มไปได้ เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปนั่งลงตรงหน้าสาวใช้และจ้องหน้ามองดวงหน้างามที่กำลังพยายามหลบซ่อนสายตาจากเขาอย่างประหม่า
หลงอี้หลิงฉีกชายเสื้อของอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ขาดวิ่นออกอย่างรวดเร็ว
แคว็ก!
จากนั้นเขาก็ฉีกเศษผ้าในมือออกเป็นริ้ว ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปดึงข้อมือน้อยมาวางลงบนหน้าตักของของเขาอย่างระมัดระวัง
เขาใช้เศษผ้านั้นพันฝ่ามือข้างที่กำลังบาดเจ็บของสาวใช้เพื่อห้ามเลือดเอาไว้อย่างเบามือด้วยท่าทีอ่อนโยน
ในขณะที่แม่ทัพหนุ่มกำลังพันฝ่ามือเพื่อห้ามเลือดให้สตรีน้อยอยู่นั้น นางก็เผลอหลุดปากร้องเสียงดังขึ้น
โอ๊ย!
คราวนี้นางรู้สึกเจ็บจริง ๆ และรู้ว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ตั้งใจออกแรงลงน้ำหนักตอนที่ผูกปมของผ้าพันแผล
หลงอี้หลิงเงยหน้าสบตากับสตรีน้อย และเผยยิ้มอ่อนตรงมุมปากอย่างพอใจ พลางเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงห่วงใยโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง
"เจ็บมากใช่ไหม"
ฟ่งหลันหลั่นแอบรู้สึกหวั่นใจในท่าทีที่กำลังแสดงออกมาของหลงอี้หลิงและกลัวว่าจะถูกเขาจับทางได้ นางจึงแกล้งทำอ่อนแอต่อหน้าอีกฝ่ายทันที เพื่อหวังจะเรียกคะแนนความเห็นใจให้มากที่สุด ด้วยการพยักหน้าตอบเบา ๆ และเผยแววตาเจ็บปวดออดอ้อนอีกฝ่าย
อื้ม...
แต่หลงอี้หลิงมิใช่คนไร้ฝีมือที่จะตกหลุมพรางหรือมาตายน้ำตื้นต่อมารยาของอิสตรีง่าย ๆ มารยาหญิงหลายร้อยเล่มเกวียนเขาก็เจอมานักต่อนักแล้ว
เมื่อเห็นฟ่งหลันหลั่นเสแสร้งแสดงออกมาเยี่ยงนั้น เขาจึงคิดแกล้งอีกฝ่ายกลับไป เพื่อหวังจะสั่งสอนนางให้รู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำของตน
จู่ ๆ แม่ทัพหนุ่มก็โถมตัวเข้าประชิดอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหูของดวงหน้างาม
"เจ้าคิดว่าลูกไม้ตื้น ๆ พรรค์นี้จะตบตาข้าได้กระนั้นหรือ กลับไปถึงเรือนเมื่อไร เจ้าจะได้รู้ซึ้งถึงการขัดคำสั่งในครั้งนี้"
คำขู่นั้นของแม่ทัพหนุ่มทำให้สาวใช้รู้สึกหนาวสั่นสะท้านเข้าไปถึง เส้นเอ็นกระดูกในบัดดล แต่นางก็ยังทำใจดีสู้เสือ แสร้งยิ้มตอบและตีหน้ามึนทำเป็นไม่เข้าใจในความหมายของคำกล่าวนั้น
ซึ่งทุกคน ณ ตรงนั้น ต่างพากันตะลึงและประหลาดใจในท่าทีที่ผิดแปลกไปของหลงอี้หลิง ผู้ใคร ๆ ก็ล้วนพากันยำเกรง และหวาดกลัวในความดุดันร้ายกาจ ซึ่งเขาไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ผู้ใดเลยสักคน
แต่วันนี้แม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกร กลับนั่งคุกเข่าต่อหน้าสาวใช้และมีมุมอ่อนโยนแบบนี้
....
เซียงไค 盛開